Love is All Around.
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2554
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
15 สิงหาคม 2554
 
All Blogs
 
ทดลองขับ TOYOTA NEW HILUX VIGO (ตอนที่2)

Pic_192982


ทดสอบเต็มรูปแบบบนระยะทางกว่า 700 กิโลเมตร กับรถปิกอัพพันธุ์แกร่งยอดนิยม Toyota Hilux New Vigo Champ Double-Cab 3.0 G...

วัน พฤหัสบดีที่ 4 สิงหาคม 2554 บริษัท Toyota Motor Thailand Co,ltd โดยคุณบุญชวน วิภูษณวนิช ผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์และสื่อสารองค์กร บริษัท  Toyota Motor Thailand Co,ltd เชิญสื่อมวลชนสายยานยนต์ร่วมทำการทดสอบการขับขี่รถยนต์ Toyota New Hilux Vigo ซึ่งการทดสอบในครั้งนี้ ทีม PR ของ บริษัท  Toyota ได้กำหนดเส้นทางการวิ่งทดสอบโดยใช้เส้นทางกรุงเทพฯ-อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา - อำเภอนาดี จังหวัดปราจีนบุรี - เขตวนอุทยานแห่งชาติทับลาน - เขาแผงม้า - อ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง เขาใหญ่ รวมระยะทางในการทดสอบรถยนต์ปิกอัพ Toyota New Hilux Vigo ครั้งนี้กว่า 350 กิโลเมตร โดยใช้รถยนต์ Toyota New Hilux Vigo รุ่น Smart Cab 2.5 SE จำนวน 4 คัน รุ่น Double-Cab 3.0 G ขับเคลื่อนล้อหลัง จำนวน 5 คัน รุ่น Double-Cab 3.0 G ขับเคลื่อน 4 ล้อ จำนวน 3 คัน และใช้การสลับผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันขับขี่ไปตลอดเส้นทางจนถึงโรงแรมที่พัก



 


 



 


 



 


หลังจากฟังการบรรยายสรุปสมรรถนะโดยรวม ประสิทธิภาพของการใช้งานในบางระบบที่เพิ่มเข้ามา เทคโนโลยีใหม่ที่วิศวกรของ Toyota บรรจงใส่เข้าไปในตัวรถ Toyota New Hilux Vigo รวมถึงเส้นทางกับจุดแวะพักที่จะใช้ในการขับขี่ทดสอบครั้งนี้แล้ว ผมก็ได้รับมอบกุญแจรถหมายเลข 5 ซึ่งเป็นรถ Toyota New Hilux Vigo Double-Cab 3.0 G ขับเคลื่อนล้อหลัง โดยร่วมทดสอบไปกับผู้สื่อข่าวอาวุโสอีกสองท่าน นั่นก็คือคุณพินิจ ทองสุข จากหนังสือพิมพ์บ้านเมือง และ คุณคิงส์ลี่ วิชญะสิงหะ นักทดสอบรถยนต์และผู้สื่อข่าวจากหนังสือพิมพ์ The Nation เพื่อนเก่าที่คุ้นเคยกันดีตั้งแต่ตอนเป็นเด็กนักเรียน



 


 



 


 



 


ไม้แรกผมรับหน้าที่หวดเจ้า  Toyota New Hilux Vigo Champ Double-Cab 3.0 G ขับเคลื่อนล้อหลัง ลากยาวจากศูนย์ Toyota สำโรง ไปจนถึงจุดแวะพักทานกาแฟที่ปั๊ม ปตท. ในอำเภอนาดี จังหวัดปราจีนบุรี เมื่อก้าวขึ้นมายังห้องโดยสารของ New Hilux Vigo Champ Double-Cab 3.0 G ก็จะพบว่ามันแทบไม่แตกต่างไปจากรุ่นที่แล้วมากนัก แต่มีอุปกรณ์เสริมไฮเทคถูกใส่เข้ามาเพื่อยกระดับการขับขี่ให้กับเจ้า Vigo Champ Double-Cab หลายรายการ เช่น จอมัลติแบบ Touchscreen ขนาด 6.1 นิ้ว ที่รวบรวมเอาการใช้งานของชุดควบคุมเครื่องเสียง CD/DVD/MP3 พร้อมกล้องถอยหลังจอภาพสีที่คมชัด ช่วยเพิ่มความปลอดภัยเมื่อต้องถอยในที่คับแคบได้ดี ช่องเชื่อมต่อเครื่องเล่นเพลง USB iPod รวมถึงช่อง AUX สำหรับต่อพ่วงอุปกรณ์ภายนอก คันเกียร์ออโต้ดีไซน์ใหม่ที่ดูแล้วดีขึ้นกว่าเดิม กับหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ MID ซึ่งจะแสดงอุณหภูมิภายนอกรถ อัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ย อัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงในระหว่างการขับขี่ ความเร็วของตัวรถโดยเฉลี่ย ระยะเวลาในการขับ ระยะทางในการขับ เข็มทิศ และเตือนการล็อคของเข็มขัดนิรภัยทั้งผู้ขับและผู้โดยสาร รถ  Toyota รุ่น Vigo Champ Double-Cab 3.0 G ขับเคลื่อนล้อหลัง

คันทดสอบในขาไปยัง คงใช้การปรับตั้งเบาะแบบแมนนวล (ปรับมือ) ส่วนรุ่นที่สู่ขึ้นไปอีกนิด (รุ่น Vigo Champ Double-Cab 3.0 G ขับเคลื่อน 4 ล้อ) จะใช้การปรับเบาะด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ทัศนวิสัยมุมมองสูงโด่งตามสไตล์รถลุย มองเห็นได้กว้างและไกลกว่ารถเก๋งจากความสูงของตัวรถ เบาะคนขับอยู่ในตำแหน่งที่มีท่านั่งที่สบายและผ่อนคลาย เหมาะสมกับการขับขี่ทดสอบทางไกลในครั้งนี้ที่ต้องขับทั้งไปและกลับยาวกว่า 700 กิโลเมตร



 


 



 


 



 


บนถนนมอเตอร์เวย์เชื่อมต่อจังหวัดฉะเชิงเทรา อัตราเร่งและกำลัง 163 แรงม้าของเครื่องยนต์ดีเซลแถวเรียง 4 กระบอกสูบ 3.0 ลิตร DOHC 16 วาล์ว D-4D อัดอากาศด้วยเทอร์โบแปรผันโดยมีชุดอินเตอร์คูลเลอร์คอยช่วยลดอุณหภูมิของ อากาศที่จะอัดเข้าไปยังท่อร่วมไอดี ยังคงมุ่งมั่นในการทำความเร็วทางตรง ความเร็วเดินทางของรถในขบวนทดสอบทุกคันอยู่ในระดับ 140-150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำให้การควบคุมตัวรถที่มีความสูงกว่ารถซีดานทั่วไปต้องใช้ความระมัดระวังมาก ขึ้น ในการเข้าโค้งมุมกว้าง การเปลี่ยนช่องทางรวมถึงการเบรค เจ้า  Vigo Champ Double-Cab 3.0 G ขับเคลื่อนล้อหลังยังคงทำได้ดีโดยเฉพาะอัตราเร่งจากจุดหยุดนิ่ง แทบจะไม่แตกต่างไปจากรถเก๋งเครื่องยนต์ 2,000 ซีซี แม้แต่น้อย ที่ความเร็วเดินทาง 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รอบเครื่องยนต์จะอยู่ที่ 2,700 รอบต่อนาที ถือได้ว่าต่ำกว่ารถยนต์ที่วางเครื่องยนต์เบนซิน และส่งผลไปถึงอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ลดลงอีกด้วย ช่วงล่างด้านหน้าแบบดับเบิ้ลวิชโบนกับด้านหลังที่เป็นแบบแหนบซ้อน ส่งอาการกระเด้งกระดอนเมื่อต้องพบเจอกับผิวถนนที่ไม่เรียบของเมืองไทย เป็นไปตามสไตล์รถปิกอัพยกสูงที่มักจะเน้นการบรรทุกสิ่งของสัมภาระมากกว่าจะ เอามาวิ่งที่ย่านความเร็วสูง แต่โดยภาพรวมแล้ว ช่วงล่างของ  Vigo Champ Double-Cab 3.0 G ขับเคลื่อนล้อหลัง ถูกปรับเซ็ตให้มีความนิ่มนวลเพิ่มขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นที่แล้ว สิ่งที่โดดเด่นคือกำลังของมันที่มีอยู่อย่างล้นเหลือ เนื่องจากไม่ได้บรรทุกของหนักที่กระบะท้ายนั่นเอง

แรงบิด 343 นิวตันเมตร มาในรอบที่ต่ำมากเพียงแค่ 1,400-3,200 รอบต่อนาที ทำให้การออกตัวจากสัญญาณไฟมีความคล่องตัวเนื่องจากย่านกำลังแรงบิดที่มีให้ ใช้แบบล้นๆ เพียงแค่กดคันเร่งลงลึก ระบบส่งกำลังไปยังล้อคู่หลังซึ่ง Toyota เลือกใช้เกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด ส่งถ่ายแรงบิดจากเครื่องยนต์และเกียร์ไปยังเฟืองท้ายผ่านเพลากลางได้ดีโดย แทบไม่มีอาการกระตุกกระชากแต่อย่างใดทั้งสิ้น การเก็บเสียงทำได้ดีขึ้นกว่ารุ่นที่แล้วแบบเห็นๆ จากการลงมือลงแรงของวิศวกร Toyota ด้วยการนำเอาแผ่นบุทับเก็บเสียงใต้ท้องรถ (เฉพาะรุ่น Prerunner ขับเคลื่อน 2-4 ล้อ) แผ่นเก็บเสียงดังกล่าวทำหน้าที่เป็นฉนวนป้องกันอากาศหมุนวนใต้ท้องรถ ซึ่งคอยปิดกั้นไม่ได้อากาศไหลเข้ามากระทบกับชิ้นส่วนของช่วงล่างซึ่งก่อให้ เกิดเสียงลมที่ปะทะกับชิ้นส่วนใต้ท้องรถ มันทำมาจากแผ่นพลาสติกสีดำขนาดใหญ่ ช่วยเพิ่มความเงียบของห้องโดยสารเจ้า Vigo Champ Double-Cab 3.0 G ได้ดีใกล้เคียงกับรถซีดานรุ่นใหม่ๆเลยทีเดียว ความเงียบของห้องโดยสารถึงแม้จะวิ่งที่ย่านความเร็วกว่า 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ยังเกิดจากวัสดุซับเสียงพวกยางขอบประตู ยางขอบกระจกและการหุ้มห้องโดยสารด้วยวัสดุป้องกันเสียงที่ค่าย Toyota ทำออกมาได้ดีมาก



 


 



 


 



 


ระบบช่วงล่างแบบ Top Platform (Toyota Outstanding Performance) ใช้ชุดแหนบเหนือเพลาเพื่อเพิ่มความสูงของตัวถังในรูปแบบ 4x4 เหมาะกับการลุยไปในทางขรุขระทุรกันดาร พร้อมด้วยแผ่นโลหะกันกระแทกใต้ท้องรถอีกสามตำแหน่ง (ใต้แท่นเครื่อง-เกียร์-เฟืองท้าย) ช่วยป้องกันการกระแทกกับหินหรือคันดินยามเอาเข้าไปลุยในทางวิบาก ความรู้สึกของพวงมาลัยพาวเวอร์มีความเบาสบายจากการปรับเซ็ตน้ำหนักให้สามารถ ใช้งานได้อย่างคล่องตัว รัศมีวงเลี้ยวอยู่ที่ตัวเลข 5.9 เมตร ถือว่าไม่มากหรือน้อยเกินไปและเป็นรัศมีวงเลี้ยวปกติของรถปิกอัพทั่วไป

บน เส้นทางจากอำเภอพนมสารคามมุ่งหน้าอำเภอนาดีซึ่งมีความยาวร่วมๆ 83 กิโลเมตรมียวดยานร่วมทางลดน้อยลงไปมาก ผมจึงลองกดคันเร่งแบบลากกันยาวๆเพื่อทดสอบการวิ่งที่ย่านความเร็วสูง แต่ทำได้ไม่นานนักเนื่องจากสภาพพื้นผิวถนนที่อุดมไปด้วยรอยต่อและการซ่อมแซม ไหล่ทางของกรมทางหลวง ที่ระดับ 170 กิโลเมตรต่อชั่วโมงบนทางตรงยาว ยังสามารถควบคุมพวงมาลัยได้อย่างปกติ อาการกระเด้งกระดอนจะเกิดขึ้นบ้างจากผิวยางมะตอยที่ไม่ค่อยจะมีความสม่ำเสมอ ของถนนหนทางในเมืองไทย ซึ่งเป็นปกติสำหรับการขับขี่รถยนต์แบบเดินทางไกลที่มักจะพบเห็นกันในแทบทุก เส้นทางที่มุ่งหน้าออกจากกรุงเทพ



 


 



 


 



 


หลังจากพักทานกาแฟกับน้ำผลไม้ปั่นที่ปั๊ม ปตท แถบอำเภอนาดี จังหวัดปราจีนบุรีเรียบร้อยแล้ว ก็เป็นหน้าที่ของนักข่าวอาวุโสพี่พินิจ ทองสุข จากหนังสือพิมพ์บ้านเมือง เข้ามารับช่วงขับทดสอบเจ้า Hilux Vigo Champ Prerunner Double-Cab 3.0 G ต่อจากผม โดยว่ากันยาวไปจนถึงโรงแรมที่พักโดยจะใช้ระยะทางในการทดสอบช่วงนี้กว่า 85 กิโลเมตร ส่วนห้องโดยสารของเจ้า New Vigo Champ ยังคงมีคุณคิงส์ลี่ วิชญะสิงหะ นักทดสอบรถยนต์และผู้สื่อข่าวจากหนังสือพิมพ์ The Nation นั่งอยู่ในตำแหน่งเบาะหลังเหมือนเดิม ส่วนผมย้ายก้นจากตำแหน่งคนขับไปยังเบาะผู้โดยสารตอนหน้า เพื่อนั่งจับอาการกับถ่ายรูปประกอบการทดสอบในครั้งนี้ เส้นทางหมายเลข 304 จากอำเภอนาดี มุ่งหน้าเขาแผงม้าและอ่างเก็บน้ำลำพระเพลิงในเขตวนอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เป็นเส้นทางขึ้น-ลงภูเขา สลับกับเนินยาวๆที่ทอดตัวไปมาระหว่างสองข้างทาง วิวทิวทัศน์ในช่วงนี้สวยงามมากขึ้นทั้งจากสภาพความเขียวชะอุ่มของผืนป่าเขา ใหญ่-วังน้ำเขียวในช่วงกลางฤดูฝน กับแสงแดดช่วงบ่ายโมงที่จัดจ้านจนต้องเร่งความเย็นของพัดลมแอร์ให้ลมเย็นๆ กระจายไปทั่วห้องโดยสารเพื่อความสบายตัว



 


 



 


เครื่องยนต์ที่เป็นหัวใจในการขับเคลื่อน  Toyota Hilux Vigo Champ มีให้เลือกถึง 5 แบบ ทั้งเครื่องเบนซิน 2.7 ลิตร ระบบวาล์วแปรผัน VVT-i และเครื่องยนต์ดีเซล 2.5-3.0 ลิตร อัดเทอร์โบ D-4D ซึ่งเครื่องยนต์ทุกรุ่นทุกขนาดนั้น วิศวกรของค่าย Toyota เคลมว่ามีความทนทานในการใช้งานสูงและประหยัดน้ำมัน ด้วยการใช้ระบบไดมอนด์เทคในเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอลเรล การทำงานของมันขึ้นตรงกับคอมพิวเตอร์ไมโครโปรเซสเซอร์ 32 บิต ที่มีการเรียนรู้และบันทึกพฤติกรรมการขับ สั่งจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยความแม่นยำจากการปรับจูนกล่อง ECU -Engine Control Unit ที่ผ่านการทดสอบอย่างหนักในศูนย์ทดสอบ วิจัยและพัฒนาเครื่องยนต์ของ Toyota โดยออกแบบให้ตัดการจ่ายเชื้อเพลิงส่วนเกินเพื่อความประหยัด หัวฉีดไดเรคอินเจคชั่นเพิ่มรูฉีดเชื้อเพลิงจาก 8 รูเป็น 12 รู ส่วนเครื่องยนต์เบนซินระบบวาล์วแปรผันถึงแม้จะมีแรงบิดด้อยกว่า แต่มันประกอบไปด้วยเทคโนโลยีกลไกวาล์วอัจฉริยะเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำ งานในทุกๆ ย่านของรอบเคร่ืองยนต์



เครื่องยนต์เบนซิน 2.7 ลิตร VVT-i

แบบแถวเรียง 4 สูบ ใช้รหัสเครื่อง 2TR-FE ปริมาตรความจุ 2,694 ซีซี ดับเบิ้ลโอเวอร์เฮดแคมชาร์ฟ (DOHC) 16 วาล์ว พร้อมระบบวาล์วแปรผัน VVT-i ให้กำลังสูงสุด 160 แรงม้าหรือ 118 กิโลวัตต์ ที่ 5,200 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 241 นิวตันเมตรที่ 3,800 รอบต่อนาที



เครื่องยนต์ดีเซล 2.5 ลิตร VN

รหัส 2KD-FTV เครื่องยนต์ดีเซลเทคโนโลยี D-4D แบบแถวเรียง 4 สูบ ปริมาตรความจุ 2,494 ลิตร คอมมอลเรล ไดเรคอินเจคชั่น ดับเบิ้ลโอเวอร์เฮดแคมชาร์ฟ (DOHC) 16 วาล์ว อัดอากาศด้วยเทอร์โบแปรผัน พร้อมชุดอินเตอร์คูลเลอร์เพื่อลดอุณหภูมิของอากาศก่อนประจุเข้าไปยังท่อร่วม ไอดี ให้กำลังสูงสุด 144 แรงม้า หรือ 106 กิโลวัตต์ ที่ 3,400 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 343 นิวตันเมตร ที่ 1,600-2,800 รอบต่อนาที กระบอกสูบ x ช่วงชัก 92.0 x 93.8 มิลลิเมตรอัตราส่วนกำลังอัด 18.5 : 1 ติดตั้งระบบเทอร์โบแปรผันครีบ (Variable Nozzle TURBO) ครีบปรับองศาของเทอร์โบควบคุมการเปิดปิด ผ่านมอเตอร์ไฟฟ้าที่สั่งงานโดยกล่องอิเล็กทรอนิกส์ ECU 32bit เพื่อให้การทำงานของเทอร์โบสัมพันธ์กับทุกความเร็วรอบของเครื่องยนต์



เครื่องยนต์ดีเซล 2.5 ลิตร

รหัส 2KD-FTV แบบแถวเรียง 4 สูบ ปริมาตรความจุ 2,494 ซีซี เทคโนโลยี D-4D คอมมอลเรล ไดเรคอินเจคชั่น ดับเบิ้ลโอเวอร์เฮดแคมชาร์ฟ (DOHC) 16 วาล์ว อัดอากาศด้วยเทอร์โบพร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ ให้กำลังสูงสุด 120 แรงม้า หรือ 88 กิโลวัตต์ ที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิดสุงสุด 325 นิวตันเมตรที่ 2,000 รอบต่อนาที เทอร์โบแปรผัน VNT (Variable Nozzle Turbo) คือ เทคโนโลยีอัดอากาศ (ไอดี) เข้าห้องเผาไหม้ด้วยแรงขับดันออกของไอเสีย ที่สามารถเพิ่มปริมาตรไอดี ไหลเข้าให้มากกว่าปกติได้แม้ไอเสียมีแรงไหลออกเพียงเล็กน้อยในขณะเครื่อง ยนต์ทำงานที่รอบต่ำ และยังสร้างแรงอัดไอดีได้อย่างต่อเนื่องในรอบปานกลางหรือรอบสูง



เครื่องยนต์ดีเซล 2.5 ลิตร

รหัส 2KD-FTV แบบแถวเรียง 4 สูบ ปริมาตรความจุ 2,494 ซีซี เทคโนโลยี D-4D คอมมอลเรล ไดเรคอินเจคชั่น ดับเบิ้ลโอเวอร์เฮดแคมชาร์ฟ (DOHC) 16 วาล์ว อัดอากาศด้วยเทอร์โบ มีแรงม้าสุงสุด 102 แรงม้าหรือ 75 กิโลัวตต์ที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 200 นิวตันเมตรที่ 1,400-3,400 รอบต่อนาที



เครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตร VN

รหัส 1KD-FTV แบบแถวเรียง 4 สูบ ปริมาตรความจุ 2,982 ซีซี เทคโนโลยี D-4D คอมมอลเรล ไดเรคอินเจคชั่น ดับเบิ้ลโอเวอร์เฮดแคมชาร์ฟ (DOHC) 16 วาล์ว อัดอากาศด้วยเทอร์โปแปรผันพร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ -VNT (Variable Nozzle Turbo) เทคโนโลยีอัดอากาศ (ไอดี ) เข้าห้องเผาไหม้ด้วยแรงขับดันออกของไอเสีย ที่สามารถเพิ่มปริมาตรไอดี ไหลเข้าให้มากกว่าปกติได้แม้ไอเสียมีแรงไหลออกเพียงน้อยในขณะเครื่องยนต์ทำ งานที่รอบต่ำ และยังสร้างแรงอัดไอดีได้อย่างต่อเนื่องในรอบปานกลางหรือรอบสูง ให้กำลังสูงสุด 163 แรงม้า หรือ 120 กิโลวัตต์ แรงบิดสูงสุดที่ 343 นิวตันเมตร ที่ 1,400-3,200 รอบต่อนาที เป็นเครื่องยนต์ของรถ Hilux Vigo Champ Double-Cab 3.0 G คันทดสอบ


 


 



 


 



 


 



 


 



 


 



 


ถนนสองเลนสวนจากเขาแผงม้ามุ่งหน้าอ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง อุดมไปด้วยทางโค้งขึ้น-ลงเนินเขาหลากหลายรูปแบบให้ทดสอบประสิทธิภาพของเจ้า Hilux Vigo Champ Double-Cab 3.0 G ขับเคลื่อน 2 ล้อหลังกันอย่างจุใจ พี่พินิจ ทองสุข มือมอเตอร์สปอร์ตรุ่นแตกลายงาจากหนังสือพิมพ์บ้านเมืองสำแดงการควบคุมรถ กระบะยกสูงคันนี้ด้วยความมาดมั่นและเก๋าเกม พี่พินิจจะใช้ความเร็วทุกโค้งในระดับที่ใกล้เคียงกับการรีดเค้นสมรรถนะสูง สุดของช่วงล่าง ยาง 265/65/R17 ส่งเสียงร้องโหยหวนเมื่อต้องบดตัวเองผ่านโค้งที่เป็นโค้งมุมแคบลงเนินที่บาง โค้งมีกรวดทรายอยู่ข้างไหล่ทาง เล่นเอาผมกับคิงส์ลี่จากหนังสือพิมพ์ The Nation ถึงกับอึ้ง ทางโค้งวกไปวนมาเหมือนงูยักษ์ที่ทอดตัวไปตามสันเขาแถบเขาแผงม้า ดูจะเหมาะกับการทดสอบซีดานสมรรถนะสูงมากกว่าจะเอาเจ้าปิกอัพยกสูงมาวิ่งด้วย ความเร็วที่คาบเกี่ยวระหว่างเส้นแบ่งเขตแดนอันตราย แต่ขบวนทดสอบ Toyota Hilux New Vigo Champ ทุกคันก็สามารถผ่านมันไปได้ด้วยดี

รถทดสอบ ทั้งหมดมาจอดแวะพักถ่ายรูปกันบนสันอ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง ท่ามกลางแสงแดดที่แผ่จ้าในช่วงบ่าย 16.20 น. รถทดสอบ Hilux Vigo Champ ทั้ง 12 คันก็ออกเดินทางต่อไปยังโรงแรมที่พัก Kirimaya โดยใช้เส้นทางหมายเลข 314 ซึ่งยังคงเป็นเส้นทางที่ต้องขับผ่านโค้งและหมู่บ้านของชาวบ้านในแถบนั้นไป ตลอดทางจนถึงตัวโรงแรมเอาเมื่อเวลาประมาณห้าโมงเย็น



 


 



 


 



 


 



 


เช้าวันรุ่งขึ้นในช่วงทดสอบขากลับ ผมกับคิงส์ลี เปลี่ยนรถทดสอบมาเป็นรุ่น Vigo Champ Double-Cab 3.0 G ขับเคลื่อน 4 ล้อสีขาวสะอาดตา Super White II โดยใช้เส้นทางย้อนกลับไปทางเดิมที่วิ่งทดสอบมาเมื่อวาน หลังจากจอดพักทานข้าวที่อำเภอบางคล้า พลพรรคสื่อมวลชนก็ออกเดินทางต่อเพื่อมุ่งหน้ากลับไปยังศูนย์ Toyota ที่สำโรง-สมุทรปราการ ช่วงขากลับเป็นการขับแบบ Free Run ซึ่งไม่ต้องเกาะกันเป็นขบวนอีกแล้ว 15.10 น. รถทดสอบทุกคันก็มาถึงศูนย์ใหญ่ของ Toyota โดยสวัสดิภาพ

สรุปการ ทดสอบการขับขี่เจ้า  Hilux Vigo Champ Double-Cab 3.0 G ทั้งรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อและ 4 ล้อ เป็นรถปิกอัพที่สามารถใช้งานทั้งขนของหรือสมาชิกในครอบครัวเพื่อการเดินทาง ท่องเที่ยว จากประตูทั้ง 4 บานกับพื้นที่ของห้องโดยสารที่ไม่แตกต่างไปจากรถซีดานมากนัก ช่วงล่างหลังเน้นหนักไปในแนวทางบรรทุกทำให้มันมีความกระด้างอยู่บ้าง แต่เมื่อเทียบกับตัวเก่าเจ้า Vigo  Champ Double-Cab มีความนุ่มนวลเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ประสิทธิภาพของการทรงตัวบนทางตรงอยู่ในระดับปกติทั่วไปของรถปิกอัพยกสูง รูปลักษณ์ที่สดใหม่สวยงามจากการปรับโฉมช่วยทำให้มันดูดีขึ้น ห้องโดยสารในรุ่นนี้ยังมีอุปกรณ์ทุกอย่างเท่าที่รถเก๋งราคาล้านต้นๆ พึงมีและใช้งานได้จริง รูปแบบของการจัดวางอุปกรณ์ภายในห้องโดยสารยังคงคล้ายรุ่นที่แล้ว แต่มีของเล่นเสริมเข้ามาให้ใช้งาน เช่น จอมัลติฟังก์ชั่น สวิตช์มัลติบนพวงมาลัย กล้องถอยหลังจอสี ช่องเชื่อมต่อ USB-AUX กับจอแสดงผล MID ที่เข้ามาช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งาน



 


 



 


 



 


 



 


อัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงอยู่ในระดับเดียวกันกับทางวิศวกร ของ Toyota ได้แจ้งไว้ก่อนการทดสอบ ซึ่งมีความใกล้เคียงกับรุ่นที่แล้ว มาตรฐานการปล่อยไอเสียอยู่ในระดับ EURO-3 การเก็บเสียงทำได้ดีขึ้นผิดหูผิดตาและเงียบจนใกล้เคียงกับรถยนต์ซีดานทั่วไป เกิดจากการใช้วัสดุบุทับกับแผ่นปิดกั้นป้องกันอากาศหมุนวนที่ใต้ท้องรถ เครื่องเสียงพร้อมจอระบบสัมผัสใช้งานได้ง่ายและมีฟังก์ชั่นให้เลือกมากมาย เสียงจากลำโพงทั้ง 6 ตัวให้ความคมชัดและมีมิติที่ดีจนแทบไม่ต้องไปดิ้นรนเปลี่ยนใหม่ ระบบปรับอุณหภูมิคือจุดเด่นของรถยนต์จากค่าย Toyota และไม่เคยทำให้ผิดหวังแม้อุณหภูมิภายนอกจะสูงถึง 37 องศาเซลเซียส พวงมาลัยในรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อจะเบาแรงกว่ารุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อเล็กน้อย ที่ชอบคือทัศนวิสัยมุมมองรอบคัน เนื่องจากเป็นรถปิกอัพแบบ Off-Road ที่มีความสูงของช่วงล่างมากกว่ารุ่นปกติ ทำให้สามารถลุยไปในทางทุรกันดาร ทางลูกรังหรือหลุมบ่อหล่มโคลนได้ดี ลองไปหาขับทดสอบด้วยตัวของท่านเองตามโชว์รูม Toyota ทั่วประเทศ แล้วพิจารณาเปรียบเทียบจากตัวเลือกที่มีขายอยู่ในตลาดรถปิกอัพของเมืองไทยดู ว่ามันเหมาะสมกับการใช้งานของคุณหรือไม่.




Hilux Vigo Champ Double-Cab 3.0 G Specification
แบบ.....................................รถปิกอัพ 4 ประตู 5 ที่นั่ง
บริษัทผู้ผลิต............................TOYOTA
เครื่องยนต์.............................ดีเซลแถวเรียง 4 กระบอกสูบ DOHC รหัส 1KD-FTV (i/c)
ปริมาตรความจุ.....................2,982 ซีซี
ลักษณะการวางเครื่องยนต์....เครื่องยนต์วางตามยาวด้านหน้า-ขับเคลื่อน 2-4 ล้อ (แล้วแต่รุ่น)
วาล์ว.....................................4 วาล์วต่อสูบ=16 วาล์ว
กระบอกสูบxช่วงชัก...............96.0 มิลลิเมตร x 103.0 มิลลิเมตร
อัตราส่วนกำลังอัด.................17.9:1
แรงม้าสูงสุด...........................163 แรงม้าที่ 3,400 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด..........................343 นิวตันเมตร ที่ 1,400-3,200 รอบต่อนาที
ระบบจ่ายเชื้อเพลิง..................คอมมอลเรล ไดเรคอินเจคชั่น ควบคุมด้วย ECU -Engine Control Unit 32 Bit
ระบบอัดอากาศ......................เทอร์โบแปรผันพร้อมอินเตอร์คูลเลอร์
ระบบระบายความร้อน........... พัดลมเครื่อง+หม้อน้ำ
ระบบส่งกำลัง.........................เกียร์อัตโนมัต 4 สปีด พร้อมชุดเกียร์ขับเคลื่อน 4 ล้อ (Low-Hi) ในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ

ระบบกันสะเทือน
ด้านหน้า.................................อิสระปีกนกคู่ ดับเบิ้ลวิชโบน คอยล์สปริง-เหล็กกันโคลง
ด้านหลัง.................................แหนบซ้อน โช๊คอัพทรงกระบอก ติดตั้งทแยงมุม

ระบบเบรค
ด้านหน้า................................ดิสเบรคพร้อมครีบระบายความร้อน
ด้านหลัง................................ดรัมเบรค พร้อมวาล์วปรับแรงดันน้ำมันเบรคอัตโนมัต Super LSPV-LST
ระบบพวงมาลัย.....................แรคแอนด์พีเนียน
รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด...............5.9 เมตร
ล้อและยาง.............................อัลลอยขนาด 17 นิ้ว ยาง Michelin ไซส์ 265/65/R17 ทั้ง 4 ล้อ พร้อมยางล้ออะไหล่

มิติตัวถัง
ความกว้าง.............................1,760 มิลลิเมตร
ความยาว...............................5,135 มิลลิเมตร
ความสูง..................................1,735 มิลลิเมตร
ถังเชื้อเพลิง.............................76 ลิตร
น้ำหนักตัวรถโดยประมาณ......1,680 กิโลกรัม

ราคา
รุ่น Hilux Vigo Champ Double-Cab 3.0 G ขับเคลื่อน 2 ล้อ A/T......790,000 บาท
รุ่น Hilux Vigo Champ Double-Cab 3.0 G ขับเคลื่อน 4 ล้อ A/T ......988,000 บาท


 



Arcom roumsuwan
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th

Facebook //www.facebook.com/chang.arcom




Create Date : 15 สิงหาคม 2554
Last Update : 15 สิงหาคม 2554 8:48:41 น. 0 comments
Counter : 2042 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

poprockcool
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 15 คน [?]




พื้นที่โฆษณาพิเศษ
Friends' blogs
[Add poprockcool's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.