กลับมารุกตลาดอีกครั้งสำหรับบริษัท ทีซี ซูบารุ (ประเทศไทย) ผู้จำหน่ายรถยนต์ “ซูบารุ” ที่ตั้งเป้ายอดขายในปี 2556 เติบโตอย่างมหาศาลถึง 3,500

คัน จากปกติที่ผ่านมาขายอยู่ในระดับ 100 คันเท่านั้น ด้วยความมั่นใจพร้อมการปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ของบริษัทครั้งใหญ่ จากเดิมเน้นความเป็นรถสปอร์ตมาเป็นเน้นความเป็นอเนกประสงค์และครอบครัวมาก ยิ่งขึ้น

สาเหตุของการตั้งเป้าเติบโตแบบก้าว กระโดดมาจากการเดินหน้ากดปุ่มเริ่ม เดินสายพานการผลิตรถยนต์ “ซูบารุ” ในประเทศมาเลเซียของบริษัทแม่ประเทศญี่ปุ่น ส่งผลให้ราคาขายของรถยนต์ในประเทศไทยที่จะนำเข้าจากประเทศมาเลเซียได้รับ สิทธิประโยชน์ด้านภาษีภายใต้ข้อตกลงในเขตการค้าเสรีอาเซียน (อาฟตา)

นอกจากนี้ การให้ความสำคัญในการพัฒนารถยนต์อเนกประสงค์ ซึ่งพัฒนามาจากพื้นฐานรถยนต์นั่งของบริษัทแม่ประเทศญี่ปุ่น เพื่อจับกลุ่มเป้าหมายที่เป็นครอบครัวมากยิ่งขึ้น หลังจากการเติบโตของกลุ่มดังกล่าวมีอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในประเทศไทยตลาดรถยนต์อเนกประสงค์ที่ได้รับการพัฒนามาจากพื้นฐานรถ ยนต์นั่ง (เพียว เอสยูวี) มีแนวโน้มการเติบโตอย่างมาก ซึ่งในปีนี้ “ซูบารุ” เองมองว่าภาพรวมตลาดน่าจะอยู่ในระดับ 4 หมื่นคัน จากปีที่ผ่านมาอยู่ในระดับ 2 หมื่นคัน หรือโตอีก 1 เท่าตัว

“ซูบารุ” เสริมทัพรถยนต์อเนกประสงค์ด้วยการส่ง “ออล นิว ฟอเรสเตอร์” เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยอีก 2 รุ่นด้วยกัน คือ “ออล นิว ฟอเรสเตอร์ 2.0 เอ็กซ์ที” และ “ออล นิว ฟอเรสเตอร์ 2.0 ไอแอล” ด้วยราคา 1.89-2.42 ล้านบาท หลังจากที่เปิดตัวไปแล้วในรุ่น “เอ็กซ์วี” ซึ่งการเปิดตัวครั้งนี้เป็นการตอกย้ำแผนการเดินหน้ารุกตลาดในประเทศไทยใน กลุ่มรถยนต์อเนกประสงค์อย่างแท้จริง

“ออล นิว ฟอเรสเตอร์” ได้รับการพัฒนามาจนกระทั่งถึงปัจจุบันเป็นเจเนอเรชันที่ 4 มีการปรับรูปลักษณ์การออกแบบทั้งภายนอกและภายในให้ดูทันสมัยและ “ดูดี” ขึ้น จากที่ผ่านมาเน้นความเป็นสปอร์ต ซึ่งไม่ได้เน้นการออกแบบเท่าไรนัก แต่งานนี้เมื่อได้ลองสัมผัสเจ้า “ออล นิว ฟอเรสเตอร์” คันนี้แล้วเห็นถึงพัฒนาการที่ “ซูบารุ” พยายามตอบโจทย์จับกลุ่มลูกค้าในตลาดที่กว้างขึ้นจริงๆ

ด้วยการผสมผสานจุดเด่นของ “ซูบารุ” ที่มีความสปอร์ตกับการออกแบบดีไซน์ใหม่นี้ ทำให้รู้สึกได้ถึงความหรูหราที่แฝงด้วยความเป็นสปอร์ตอย่างลงตัวกับการให้ สีสันและเส้นสายภายในและภายนอกที่ดูอ่อนไหวแต่ดุดัน

ขณะที่ขุมพลังเครื่องยนต์ภายใต้ฝากระ โปรงของ “ออล นิว ฟอเรสเตอร์” ที่มาพร้อมด้วยเครื่องยนต์ “บ็อกเซอร์” แบบสูบนอนขนาด 2.0 ลิตร พร้อมระบบหัวฉีดตรงและระบบอัดอากาศที่ให้พละกำลังสูงสุดที่ 240 แรงม้า ที่ 5,600 รอบต่อนาที แรงบิด 350 นิวตันเมตร ที่ 2,400-3,600 รอบต่อนาที ทำงานร่วมกับระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบสมมาตร

ส่วนเทคโนโลยีและสิ่งอำนวยความสะดวกก็ จัดเต็มอยู่ด้วย ระบบแสดงข้อมูลแบบ “ไฮเกรด มัลติฟังก์ชัน ดิสเพลย์” ระบบเครื่องเสียง ระบบควบคุมประตูท้ายอัตโนมัติพร้อมระบบความจำ และที่น่าสนใจคือระบบควบคุมการขับเคลื่อนแบบใหม่ X-Mode ที่สามารถควบคุมการทำงานของระบบขับเคลื่อนพร้อมการปรับให้เหมาะกับสภาพถนน ที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นถนนลื่น ถนนขรุขระ หรือทางลาดชัน

ทั้งหมดนี้เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของ กลุ่มลูกค้าชาวไทย พร้อมการไปถึงยังเป้าหมายของบริษัทที่คาดไว้ว่าจะมีส่วนแบ่งในตลาดดังกล่าว เป็นอันดับ 3 ในปีนี้ และยังเตรียมเจรจากับบริษัทแม่ในการเสริมการนำเข้ารถยนต์รุ่นอื่นๆ จากประเทศมาเลเซียมาทำตลาดในประเทศไทย เพื่อไต่อันดับขึ้นสู่อันดับ 2 ของตลาดในอนาคต

รถยนต์อเนกประสงค์ที่ครบเครื่องพร้อมพละกำลัง 240 แรงม้า ขนาดนี้ ... ใครอยากรู้ว่าแรงแค่ไหน ต้องลอง !!!

โดย...พลพัต สาเลยยกานนท์
//www.posttoday.com