Love is All Around.
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2554
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
21 กรกฏาคม 2554
 
All Blogs
 
ทดลองขับ CHEVROLET NEW CAPTIVA (ตอนที่ 2)

Pic_187835


ทดสอบสมรรถนะการขับขี่เต็มรูปแบบทั้งทางเรียบและออฟโรด บนระยะทางกว่า 700 กิโลเมตรกับ New Captiva 2.4 AT-LTZ...

วัน พฤหัสที่ 7 ถึงวันศุกร์ที่ 8 กรกฏาคม 2554 บริษัท Chevrolet Sales Thailand co. ltd โดยการนำของคุณศศินันท์ ออลแมนด์ ผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์องค์กร ประจำภูมิภาคอาเซียนและประเทศไทย พร้อมด้วยทีม PR ของ Chevrolet เชิญสื่อมวลชนสายยานยนต์ ร่วมลงทำการทดสอบการขับขี่รถยนต์ขับเคลื่อน 4 ล้อรุ่นล่าสุด Chevrolet New Captiva Minor Change 2012 โดยใช้เส้นทาง กรุงเทพฯ มอเตอร์เวย์ ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี กบินทร์บุรี วังน้ำเขียว เขาใหญ่ รวมระยะทางในการทดสอบทั้งไปและกลับยาวกว่า 700 กิโลเมตร เพื่อทดสอบสมรรถนะและประสิทธิภาพของตัวรถ New Captiva ทั้งรุ่นปกติ LT และรุ่นสูงสุด LTZ โดยใช้รถทดสอบ New Captiva ทั้งหมด 8 คัน รถเจ้าหน้าที่ของบริษัท Chevrolet อีก 4 คัน รวมถึงรถของเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวที่ใช้นำขบวนอีก 1 คัน




10.00 น. ของวันที่ 7 กรกฏาคม 2554 บริเวณด้านหน้าของโรงแรม Renaissance Bangkok Ratchaprasong Hotel หลังจากฟังการบรรยายสรุปสภาพเส้นทาง การใช้ความเร็วในแต่ละช่วง รวมถึงจุดแวะพักแล้ว คณะสื่อมวลชนก็แยกย้ายกันขึ้นไปประจำตำแหน่งบนรถทดสอบทั้ง 8 คัน โดยรถ New Captiva หมายเลข 5 สีขาว Alpen White ซึ่งเป็นตัวรถรุ่นท็อปสุด (LTZ) จะกลายเป็นพาหนะตลอด 2 วันในการทดสอบของผมครั้งนี้ ซึ่งจะต้องแจมไปกับนักข่าวจากหนังสือพิมพ์สยามรัฐสัปดาห์วิจารณ์ รายการวิทยุรถวันนี้ทางคลื่น FM 89.5 และหนังสือพิมพ์แนวหน้า ทีม PR ของ Chevrolet ได้ทำการแบ่งนักข่าวออกเป็น 4 คนต่อหนึ่งทีมทดสอบ และเฉลี่ยกันขับตลอดเส้นทางทั้งขาไปและขากลับซึ่งจะใช้ระยะทางในการทดสอบ ครั้งนี้กว่า 700 กิโลเมตรเลยทีเดียว





ไม้แรกสุดเป็นหน้าที่ของคุณอภิชัย นักทดสอบรถยนต์และนักข่าวของสำนักพิมพ์สยามรัฐสัปดาห์วิจารณ์ รับตำแหน่งสารถีตั้งแต่ออกจากโรงแรมชั้นนำย่านสุขุมวิทยาวไปจนถึงปั๊ม ปตท. ทางแยกกบินทร์บุรี หลังจากจ่ายเงินค่าผ่านทางบริเวณทางด่วนแยกบ่อนไก่แล้ว พี่อภิชัยก็เริ่มใช้ความเร็วเพื่อมุ่งหน้าเข้าทางด่วนที่เชื่อมต่อเส้น พระราม 9 - มอเตอร์เวย์ หลังจากนั้นขบวนรถทดสอบ Captiva ทั้งหมดก็โดนตรวจจับความเร็วแบบเหมายกเข่ง จากตำรวจทางหลวงที่มักดักรออยู่ตรงบริเวณด่านเก็บเงินทับช้าง กว่าจะออกเดินทางต่อก็ต้องเสียเวลาไปกว่าครึ่งชั่วโมง เส้นทางช่วงแปดริ้ว-ปราจีนบุรีอุดมไปด้วยรถสิบล้อและรถปิกอัพของเจ้าถิ่น ทำให้การขับขี่แบบเกาะกันไปเป็นขบวนทำได้ยากมาก 11.45 น. รถทดสอบทั้งหมดรวมรถของทีม PR และตากล้องเข้าจอดยังจุดแวะพักบริเวณปั๊ม ปตท. แยกกบินทร์บุรี เพื่อพักทานกาแฟรวมถึงเปลี่ยนคนขับไปในตัว

โดย ตั้งแต่เริ่มต้นออกจากกรุงเทพฯมาจนถึงแยกกบินทร์ฯ ผมนั่งอยู่ในตำแหน่งเบาะหน้าคู่กับคนขับเพื่อจับอาการของเจ้า New Captiva LTZ ไปตลอดเส้นทาง ความรู้สึกที่ได้รับเมื่อพี่อภิชัยเริ่มใช้ความเร็วในระดับใกล้กับท็อปสปีด ที่ย่านความเร็วประมาณ 170-185 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ตัวรถ New Captiva ยังคงมีอาการที่มั่นคงจากการวิ่งด้วยความเร็วสูง การเก็บเสียงทำได้ดีมาก มีเพียงเสียงเครื่องยนต์ที่รอบสูงกว่า 5,500-6,500 รอบต่อนาที ที่ดังลอดเข้ามาให้พอได้ยิน ส่วนเสียงของยางไซส์ 235/50/R19 แทบจะไม่ได้ยินเข้ามาในห้องโดยสารแม้แต่น้อย





การโยกพวงมาลัยเพื่อเปลี่ยนช่องทาง ตัวรถไม่มีอาการวูบวาบให้เห็นแม้แต่นิดเดียว การทรงตัวของเจ้า New Captiva อยู่ในระดับใกล้เคียงกับ SUV จากทวีปยุโรปทั่วไป เนื่องจากล้อและยางขนาดยักษ์ รวมถึงการปรับเปลี่ยนค่ายุบตัวของโช๊คอัพและสปริงแบบใหม่หมด สอดรับไปกับน้ำหนักตัวรวมทั้งคันที่เกือบ 2 ตันของมัน ทำให้การวิ่งที่ระดับ 130-150 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเป็นไปด้วยความสบายไม่มีความเครียดจากการควบคุมตัวรถใดๆ ทั้งสิ้นโผล่มาให้เห็น ส่วนชุดส่งกำลังที่ใช้ระบบเฟืองโดยมีการทำงานร่วมกับระบบขับเคลื่อนแบบ AWD สามารถส่งถ่ายแรงบิดไปยังล้อทั้งสี่ได้อย่างหมดจดแม่นยำ รอยต่อของตำแหน่งเกียร์ทำออกมาได้เนียนใช้ได้ ไม่มีอาการกระตุกกระชากให้เห็น ทั้งย่านเกียร์ต่ำและเกียร์สูงที่ออกแนวไหลลื่นต่อเนื่องจนไปคล้ายกับเกียร์ CVT แบบสายพานที่แสนจะน่าเบื่ออยู่บ้าง ระบบปรับอากาศแบบดิจิตอลแยกส่วนของ New Captiva ส่งกระจายความเย็นไปทั่วห้องโดยสาร เสียอย่างเดียวที่ไม่มีช่องแอร์ด้านหลังสำหรับผู้โดยสารที่นั่งด้านหลัง ทำให้การจอดตากแดดแล้วเปิดแอร์ไล่ความร้อนภายในห้องโดยสารคงต้องใช้เวลากัน บ้างเล็กน้อย กว่าที่ความเย็นฉ่ำจะกระจายตัวไปทั่วทั้งคัน

ชุด เครื่องเสียงพร้อมจอแบบสัมผัสใช้งานได้ง่ายให้คุณภาพของเสียงที่คมชัดมี มิติตามที่บอกเอาไว้ หากแผ่น CD ที่เล่นถูกบันทึกมาอย่างดี ลำโพงที่ถูกจัดวางมาเป็นอย่างดีในห้องโดยสารของ New Captiva จะให้เสียงที่สมจริง คมชัดและให้มิติที่ดีใช้ได้เลยทีเดียว ส่วนระบบนำทางด้วยดาวเทียมบนจอมอนิเตอร์ขนาด 7 นิ้ว ใช้งานได้ง่ายเนื่องจากเป็นภาษาไทยแต่สัญลักษณ์และรูปภาพของเส้นทางไม่ค่อย ละเอียดเท่าใดนัก






หลังจากพักดื่มกาแฟน้ำปั่นกันกว่าครึ่งชั่วโมง ขบวนรถทดสอบ Chevrolet New Captiva ทั้งหมดก็ออกเดินทางต่อไปยังจุดทดสอบพิเศษซึ่งเป็นทางลูกรังขรุขระ เพื่อทดสอบสมรรถนะบนเส้นทางแบบออฟโรด การขับขี่ช่วงที่สองนี้เป็นหน้าที่ของคุณโจ จากหนังสือพิมพ์แนวหน้าเข้ามารับหน้าที่ควบคุมเจ้า New Captiva AT-LTZ ต่อจากคุณอภิชัย ทางเชื่อมต่อระหว่างอำเภอนาดีไปยังวังน้ำเขียว ทีมทดสอบใช้ทางหลวงหมายเลข 304 ยาวไปจนเกือบถึงทางแยกไปอำเภอปักธงชัย ช่วงทดสอบที่สองมีเส้นทางที่งดงามเนื่องจากเริ่มเข้าเขตวนอุทยานแห่งชาติเขา ใหญ่ ที่ต้องขับขึ้น-ลงเนินเขา สองข้างทางมีวิวทิวทัศน์ที่ตระการตาทั้งเนินเขาป่าไม้สีเขียวทึบกับทุ่งหญ้า ป่าโปร่งสลับกันไป ช่วงทดสอบที่สองนี้เองที่ขบวนรถทั้งหมดขับตามกันมาเป็นแถวเพื่อให้ทีม PR ของ Chevrolet ทำการบันทึกภาพ






14.30 น. หลังจากแวะทานอาหารกลางวันเรียบร้อยแล้ว ก็เริ่มเข้าสู่ช่วงทดสอบพิเศษซึ่งเป็นทางลูกรังบุกตะลุยฝ่าเข้าไปในดงไร่มัน สัมปะหลัง รวมถึงไร่ข้าวโพด มันคือเส้นวังน้ำเขียว-อุดมทรัพย์ ที่วิ่งเข้าไปใกล้กับเขาแผงม้าในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ผิวทางที่เต็มไปด้วยหินกรวดทำให้ต้องคอยระวังเศษหินจากรถคันหน้าและต้องคอย ประคองพวงมาลัยหลบหลุมบ่อขนาดมหึมาอยู่ตลอดเวลา งานวิศวกรรมช่วงล่างและแชสซีส์ของ New Captiva เริ่มส่งประกายออกมาบนเส้นทางในช่วงนี้ น้ำหนักตัวเกือบ 2 ตันบวกกับช่วงล่างหนึบๆ และยางไซส์ยักษ์ขนาด 235/50/R19 ในรุ่น LTZ ช่วยเติมเต็มสมรรถนะในการลุยของมันให้หนึบแน่นและมั่นคงดี อาการโยนตัวจากผิวทางที่ไม่สม่ำเสมอปรากฏขึ้นเพียงเล็กน้อย ซึ่งเป็นปกติสำหรับช่วงล่างแบบ Off-road บนระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD ชุดควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชันหรือ HDC-Hill Descent Control กับการเปลี่ยนอัตราทดเกียร์ด้วยตัวผู้ขับขี่เองถูกคุณโจดึงออกมาใช้เป็น ช่วงๆ เพื่อให้สอดรับกับความเร็วและสภาพเส้นทาง

ระยะทางในช่วงทดสอบ พิเศษนี้ ทีมต้องวิ่งฝ่าดงลูกรังยาว 5 กิโลเมตร กว่าจะออกมาได้หมดทุกคันก็ต้องใช้เวลากันพอสมควร สภาพตัวถังของรถทดสอบเปลี่ยนจากสีเดิมๆ กลายเป็นสีแดงจากฝุ่่นดินลูกรังจนดูเหมือนไปแข่งแรลลี่กันมาทั้งทีม






หลังจากวิ่งลุยผ่านทางออฟโรดมาได้เล็กน้อย ช่วงต่อไปก็เป็นเส้นทางลำนางแก้ว-ตะขบ ยาวไปจนถึงอ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง ซึ่งเป็นทางลาดยางมะตอย 2 เลนสวน คุณเล็กผู้สื่อข่าวและนักจัดรายการเรื่องรถยนต์ของวิทยุ FM-89.5 ก็เข้ามารับหน้าที่ต่อจากคุณโจ ทางในช่วงนี้เป็นทางขึ้น-ลงเนินเขายาวๆสลับกับโค้งแคบๆ วกไปวนมาบริเวณสันเขา ขบวนรถทดสอบทั้งหมดมาจอดพักบนสันเขื่อนเพื่อเก็บภาพบริเวณเขื่อนลำพระเพลิง กับเจ้า New Captiva ท่ามกลางแสงแดดที่จัดจ้านในช่วงบ่าย

ระบบขับ เคลื่อน 4 ล้อแบบ AWD หรือ Active On Demand 4WD ของ New Captiva ควบคุมและสั่งการด้วยระบบไฟฟ้า ในสภาวะปกติ ระบบส่งกำลังที่ทำงานเชื่อมต่อกับชุดสมองกล Active On Demand 4WD จะถ่ายเทแรงบิดไปยังล้อคู่หน้าเพื่อลดการใช้เชื้อเพลิงโดยไม่จำเป็น ต่อเมื่อสภาพถนนแปรเปลี่ยนไปเช่นอยู่ในเส้นทางที่ขรุขระ ลื่นไถลหรือเป็นหล่มโคลน ตัวจับสัญญาณจะสั่งให้ชุดเฟืองท้ายแบบแม่เหล็กไฟฟ้า Active Coupling ทำการถ่ายเทแรงบิดไปยังล้อคู่หลังแบบอัตโนมัติในอัตราส่วน 50:50-60:70-70:30 ตามความเหมาะสมของสภาพถนนจากการคำนวณของกล่องควบคุม เฟืองท้ายลักษณะดังกล่าว ทำงานร่วมกับชุดเสริมแรงบิด Active Torque On Demand ซึ่งจะเข้ามาช่วยเสริมกำลังให้กับระบบขับเคลื่อนทั้งหมด โดยจะทำการกระจายแรงบิดที่เหมาะสมและสมดุลไปยังล้อทั้ง 4 ผ่านเพลาขับ ช่วยทำให้การควบคุมตัวรถมีการยึดเกาะกับเส้นทางแบบออฟโรดได้ดียิ่งขึ้น






ช่วงทดสอบสุดท้ายของวันแรกจากเขื่อนลำพระเพลิง มุ่งหน้าสู่โรงแรม Muthi Maya ที่พักใช้ถนนคลองม่วง-วังกะทะ เข้าสู่บริเวณโรงแรมที่พัก เส้นทางในช่วงนี้ขบวนรถทดสอบวิ่งเกาะกลุ่มกันไปทั้งหมดจนถึงตัวโรงแรม หลังจากนั้นทีมผู้สื่ิอข่าวสายยานยนต์ทั้งหมดก็ร่วมเข้าฟังการถาม-ตอบราย ละเอียดต่างๆ ตลอดจนข้อข้องใจที่เกิดขึ้นในระหว่างการทดสอบ คำถามเดียวที่ผมสนใจคือ เมื่อไหร่ Chevrolet Sales Thailand จะมี Captiva รุ่นเครื่องยนต์ดีเซลที่มีแรงบิดเยี่ยมๆ กับการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงต่ำออกมาจำหน่าย คำตอบที่ได้รับจากทีม PR ก็คือมันจะออกทำตลาดในช่วงปลายปีนี้อย่างแน่นอน ซึ่งอาจเปิดตัวเร็วกว่าหรือหลังจากงานแสดงรถยนต์ช่วงปลายปีก็อาจเป็นได้






เช้าวันรุ่งขึ้นเป็นการวิ่งทดสอบแบบฟรีรันกลับกรุงเทพฯ ซึ่งผมรับหน้าที่ขับจากตัวโรงแรม Muthi Maya จนไปถึงโรงแรม Renaissance Bangkok Ratchaprasong Hotel แบบม้วนเดียวจบ สรุปภาพรวมสมรรถนะของ Chevrolet Captiva Minor Change Model 2012 รุ่น 2.4 AT-LTZ เป็นรถตรวจการณ์กึ่งลุยที่มีภายในหรูหราใช้ได้ เครื่องยนต์ 2.4 ลิตร สามารถเติมเชื้อเพลิง E85 ได้อย่างสบายๆ จากการออกแบบระบบท่อทางเดินต่างๆ รวมถึงระบบจุดระเบิดให้เข้ากับมาตรฐานน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศไทย การทรงตัวบนทางตรงในเส้นทางไฮเวย์ออกนอกเมืองมีความมั่นคงดีจากการปรับปรุง โช๊คอัพ สปริงรวมถึงจุดยึดต่างๆให้ดีขึ้น ย่านของกำลังอาจเป็นรองรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลที่มีขายในทวีปยุโรปอยู่บ้างจาก ตัวเลขแรงบิด

สำหรับผู้ที่ชื่นชอบเครื่องยนต์ดีเซลของค่ายนี้คง ต้องรอไปถึงช่วงปลายฝนต้นหนาว จึงจะได้สัมผัสกับ Captiva เครื่องยนต์ดีเซลสมรรถนะสูง ส่วนย่านของกำลังแรงบิดในรุ่นเบนซิน 2.4 ลิตร ในช่วงออกตัวรอบต้นอาจดูอืดไปบ้างแต่ไม่มากนักสำหรับท่านที่ใจร้อน และชอบรถที่ออกตัวด้วยความฉับไว เนื่องจากน้ำหนักตัวใกล้ 2 ตันกับสัมภาระที่บรรทุกมาชนิดเต็มพิกัดตอนขับขี่ทดสอบ อาจส่งผลไปถึงอัตราเร่งในรอบต้นๆอยู่บ้าง การทรงตัวที่ระดับความเร็วเดินทางที่ 120-150 กิโลเมตรต่อชั่วโมงมั่นคงดี และแทบไม่แตกต่างจากยนตกรรม SUV - Crossover ระดับพรีเมียมของยุโรปอย่าง BMW X3 หรืิอ Audi Q5 เท่าใดนัก ส่วนการลุยทางออฟโรดโหดๆ ทำได้ดีและเหนือกว่าอย่างชัดเจนถึงแม้ย่านของกำลังแรงบิดจะด้อยกว่าเจ้าตัว ลุยจากเยอรมันทั้งสองยี่ห้อนั้นก็ตาม วัสดุและอุปกรณ์ภายในห้องโดยสารมีงานประกอบที่ดี รูปแบบของการจัดวางและการใช้งานอยู่ในระดับที่ดี ตำแหน่งของการนั่งขับสามารถปรับได้หลากหลายรูปแบบรองรับทุกสรีระของผู้ขับ ขี่






การเก็บเสียงทำออกมาได้ดี ถึงแม้จะใช้ยางที่มีหน้ากว้างถึง 235 แต่ก็ไม่ได้ส่งเสียงดังเข้ามารบกวนถึงภายในของห้องโดยสารแต่อย่างใดทั้งสิ้น อาจเป็นเพราะการใช้วัสดุซับเสียงที่เพิ่มขึ้นมากกว่ารุ่นแรก ทัศนวิสัยในการมองเห็นจากตำแหน่งคนขับโปร่งโล่งรอบคัน ฝาท้ายเปิดออกในมุมที่สูงมากกว่าปกติจากการออกแบบเพื่อความสะดวกในการขนของ เบาะที่นั่งแถวที่สามซึ่งสามารถพับได้ทำให้ช่วยเพิ่มเติมพื้นที่ในการขนแบบ ไม่อั้น และไม่เว้นแม้แต่จักรยานแบบเมาเท่นไบค์ เพียงแค่เอาล้อออกก็สามารถใส่ได้ 2 คันสบายๆพร้อมกระเป๋าเดินทาง พวกบ้าขนของยามพักผ่อนเดินทางไกลจะต้องชอบมันอย่างแน่นอน โดยส่วนตัวแล้วผมเห็นว่ามันเป็นรถอเนกประสงค์แบบครอบครัวกึ่งลุย ที่มีความน่าใช้งานไม่น้อย ช่วงล่างที่พัฒนามาเพื่อรองรับการลุยแบบโหดๆทำให้เจ้า New Captiva ทุกรุ่นตั้งแต่รุ่นต่ำสุดจนถึงสูงสุดอยู่บนเส้นเขตแดนที่แบ่งระหว่างการเป็น รถหรูในเมืองกับการวิ่งตะลุยไปในพื้นที่ทุรกันดารได้อย่างลงตัวและสมบูรณ์ แบบมากที่สุดแล้วในช่วงเวลานี้.




Chevrolet Captiva Minor Change 2.4 AT-LTZ Specifications
แบบ........................................รถอเนกประสงค์ 5 ประตู 5+7 ที่นั่ง
ผู้ผลิต......................................Chevrolet
เครื่องยนต์........................... ...แถวเรียง 4 กระบอกสูบ DOHC CVC
ปริมาตรความจุ........................2,384 c.c.
วาล์ว.........................................4 วาล์วต่อ 1 กระบอกสูบ= 16 วาล์ว
ลักษณะการวางเครื่องยนต์.......เครื่องยนต์วางตามขวางด้านหน้า-ขับเคลื่อน 2-4 ล้อ
กระบอกสูบx ช่วงชัก............. ....88.0 x 98.0 มิลลิเมตร
อัตราส่วนกำลังอัด.....................10.4:1
แรงม้าสูงสุด..............................168 แรงม้าที่ 5,500 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด..............................229 นิวตันเมตรที่ 4,600 รอบต่อนาที
ระบบจ่ายเชื้อเพลิง.....................หัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์มัลติพอยท์
ระบบส่งกำลัง.............................เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด Driver Shift Control
ช่วงล่างด้านหน้า........................แม็คเฟอร์สัน สตรัท โช๊คอัพ สปริง เหล็กกันโคลง
ช่วงล่างด้านหลัง........................อิสระมัลติลิงก์ พร้อมระบบ Self-Levelize
ระบบห้ามล้อ..............................ดิสเบรคทั้ง 4 ล้อพร้อมระบบ ABS-EBD
ล้อและยาง.................................อัลลอยขนาด 19 นิ้ว ยาง Hankook 235/50/R19 ทั้งสี่ล้อ (รุ่น 2.4 AT-LTZ)

มิติตัวถัง
ความกว้าง.................................1,850 มิลลิเมตร
ความยาว...................................4,673 มิลลิเมตร
ความสูง.....................................1,756 มิลลิเมตร
น้ำหนักรถเปล่า..........................1,860 กิโลกรัม
น้ำหนักบรรทุก...........................2,414 กิโลกรัม
ความจุถังเชื้อเพลิง.....................65 ลิตร
ราคา..........................................1,580,000 บาท

Arcom roumsuwan
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook //www.facebook.com/chang.arcom




Create Date : 21 กรกฎาคม 2554
Last Update : 21 กรกฎาคม 2554 8:59:22 น. 4 comments
Counter : 1587 Pageviews.

 
ขอบคุณสำหรับรายละเอียดครับ น่าสนใจ


โดย: หนึ่ง IP: 180.180.209.247 วันที่: 21 กรกฎาคม 2554 เวลา:15:01:58 น.  

 
นั่งได้ 13 คนเลยเหรอครับ เห็นเขียนว่า 5 + 7 ที่นั่ง


โดย: อิอิอิ IP: 110.171.30.66 วันที่: 21 กรกฎาคม 2554 เวลา:17:53:08 น.  

 
กิจกรรมแบบนี้น่าสนุกครับ ข้อมูลแน่นมากครับ ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆครับ สนใจแวะมาทักทายที่เว็บบอร์ด ไทยโกลบอล สมอล ได้นะครับ เป็นรถยนต์ค่าย Mitsubishi จะเปิดตัวปี 2012 ครับ

ขอบคุณครับ


โดย: gfo (smf-fantasy ) วันที่: 13 พฤศจิกายน 2554 เวลา:1:14:20 น.  

 
ยังอยากให้ ลดความกว้างของช่องหน้ารถระหว่างไฟหน้าให้แคบลง และ ใช้โครเมี่ยมรอบกระจกด้านข้างรถ น่าจะสวยกว่ามีเฉพาะด้านล่าง


โดย: Thong IP: 180.183.223.212 วันที่: 26 มกราคม 2556 เวลา:23:58:22 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

poprockcool
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 15 คน [?]




พื้นที่โฆษณาพิเศษ
Friends' blogs
[Add poprockcool's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.