ทดลองขับ HONDA BRIO (ตอนที่1)
Eco-Car Honda Brio นวัตกรรมยานยนต์ขนาดเล็กที่นำการเคลื่อนที่เดินทางของคนเมืองไปสู่อนาคตจาก การคิดค้นของ Honda กับการทดสอบเต็มรูปแบบที่จังหวัดเชียงราย...
ประวัติ ความเป็นมาของโครงการวิจัยและพัฒนารถ Eco-Car เริ่มต้นขึ้นเมื่อกว่า 15 ปีก่อนด้วยรุ่น City จากการขยายตัวอย่างรวดเร็วของตลาดรถยนต์ในภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ มุมมองและการใช้งานที่แปรเปลี่ยนไปของกลุ่มลูกค้า ที่ต้องการรถยนต์ครอบครัวขนาดเล็กราคาประหยัดไว้ใช้งานในเมือง ทำให้ผู้บริหารของ Honda ตัดสินใจสร้างรถยนต์นั่งขนาดเล็กที่ประหยัดเชื้อเพลิงที่มีราคาไม่สูงนัก ตัวรถเหมาะสมกับการเป็นรถยนต์คันแรกของกลุ่มคนรุ่นใหม่วัยทำงาน บริษัท Honda ทำการวิจัยตลาดมานานแล้ว โดยเริ่มส่งทีมงานออกไปศึกษาความเป็นไปได้ของตลาดและกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย รวมถึงทำการทดสอบเปรียบเทียบกับรถยนต์ขนาดเล็กของหลายบริษัท เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมในการที่จะสร้างยานยนต์ที่ผสมผสานการออกแบบที่ล้ำ สมัย มีสมรรถนะที่ดีเกินราคา ให้พื้นที่ในการใช้สอยเหมาะสมกับรูปแบบของตัวรถและเป็นมิตรต่อสิ่งแวด ล้อมอย่างแท้จริง
แนวคิดในการพัฒนารถ Eco-Car Honda Brio เริ่มจากการประมวลผลการโครงสร้างของรถรุ่น Jazz ซึ่งเป็นรถยนต์นั่งขนาดเล็กที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก ทั้งในด้านความนิยมและสมรรถนะในการใช้งาน รวมถึงตัวเลขของยอดจำหน่ายทั่วโลก วิศวกรของ Honda ทำการลดขนาดของตัวถังรถ Eco-Car คันต้นแบบ เพื่อทำให้มันสั้นลงเล็กน้อย แต่ยังคงพื้นที่ใช้สอยภายในห้องโดยสารไว้เพื่อให้ความรู้สึกโปร่งโล่งสบาย รวมถึงให้มุมมองทัศนวิสัยที่ดียามขับขี่ ทุกมิติของตัวถังถูกออกแบบอย่างละเอียดเพื่อรักษามาตรฐานของแบรนด์ The Power Of Dream ด้วยการผนวกเอาระบบอากาศพลศาสตร์ที่ดีกับรูปแบบที่ทันสมัยของรูปทรง เข้ากับพลังของเครื่องยนต์ขนาดเล็กรุ่นล่าสุดขนาด 1.2 ลิตร i-VTEC ที่มีตัวเลขอัตราการใช้เชื้อเพลิงอยู่ในขั้นดีเยี่ยม ซึ่งเป็นไปตามข้อกำหนดและมาตรฐานของโครงการ Eco-Car ที่ Honda ลงนามในสัญญาไว้กับรัฐบาลไทย
ปี ค.ศ. 2011 รถยนต์ Eco-Car รุ่นใหม่ของ Honda ใช้แนวคิด Man Maximum , Machine Minimum เป็นการผสมผสานกันระหว่างการออกแบบโครงสร้างตัวถังที่มีขนาดกะทัดรัด ด้านหน้าของตัวรถถูกออกแบบให้หดสั้นลง มีพื้นที่ภายในห้องโดยสารโปร่งโล่งด้วยการนำเอาพื้นที่ภายในของ Civic และ Jazz มาปรับใช้กับ Brio การจัดวางตำแหน่งอุปกรณ์การใช้งานภายในที่ลงตัว วางตำแหน่งถังเชื้อเพลิงไว้กลางลำตัว โครงสร้างใหม่ของรถไซส์จิ๋วอย่าง Brio ถูกคำนึงถึงประโยชน์ใช้สอยมากกว่าความหรูหรา รวมถึงความแข็งแกร่งของโครงสร้างตัวถังระบบ G-Con อันลือชื่อของค่าย Honda ด้านหน้ากระจังที่มีลักษณะแผ่กว้างและลาดลงต่ำ เส้นทแยงด้านข้างตัวถังทำให้ดูเหมือนกับว่ามันพร้อมที่จะเคลื่อนที่ตลอดเวลา กระจังโครเมี่ยมช่วยเสริมมุมมองให้โดดเด่นขึ้น ส่วนกระจกข้างและกระจกบานหลังถูกออกแบบให้มีขนาดที่ใหญ่กว่าปกติ เพื่อทำหน้าที่เป็นทั้งกระจกบานหลังและฝาท้ายไปในตัว ช่วยเพิ่มเติมมุมมองในการขับขี่ให้กว้างไกลยิ่งขึ้น ชุดไฟท้ายทรงสามเหลี่ยมเข้ากับกระจกบานฝาท้ายที่ทั้งกว้างและลึก การใช้กระจกบานใหญ่ทำเป็นฝาท้ายไปในตัวเกิดจากแนวคิดในการลดน้ำหนักและตัด อุปกรณ์ที่เกินความจำเป็นออกไป วิศวกรโครงสร้างของ Honda ให้ความมั่นใจว่า ฝาท้ายที่เป็นกระจกทั้งบานมีความปลอดภัยสูง ผ่านการทดสอบการชนปะทะบริเวณส่วนท้ายอันเข้มงวดตามมาตรฐาน ECER 32 และ ECER 42
ล้ออัลลอยขนาด 14 นิ้ว ของ Honda Brio ผลิตจากอลูมินัมอัลลอยน้ำหนักเบา ใช้การออกแบบพื้นผิวที่เป็นร่องลึกเพื่อความสวยงาม ผ่านการทดสอบด้านอากาศพลศาสตร์ในทุกย่านความเร็ว รัดหุ้มด้วยยาง Michelin Energy XM2 ขนาด 175/65/r14 เป็นยางที่ออกแบบมาเพื่อลดแรงต้านในขณะที่สัมผัสกับพื้นผิวถนนและผ่านการ ทดสอบอย่างหนักเพื่อให้ Honda Brio มีสมรรถนะที่ดีในการยึดเกาะ แต่ยังคงอัตราการประหยัดเชื้อเพลิงจากการใช้ยางรุ่นนี้อีกด้วย วิศวกรของ Honda ยังแจ้งด้วยว่าหากเจ้าของนำรถ Brio ไปเปลี่ยนล้อที่มีขนาดใหญ่มากขึ้นกว่าล้อเดิมๆ จากโรงงานอาจทำให้ตัวเลขอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงสูงขึ้นได้
ภายในห้องโดยสารของ Honda Brio คือจุดที่วิศวกรผู้ออกแบบคำนึงถึงมากที่สุด ภายในของมันใช้การจัดวางอุปกรณ์ต่างๆที่ให้ความรู้สึกปลอดโปร่ง ด้วยการใช้สีทูโทนในบริเวณคอนโซล แผงข้างประตู เบาะในทุกตำแหน่งและแดชบอร์ด ถึงแม้วัสดุที่ใช้ตกแต่งภายในพวกพลาสติกจะดูธรรมดาไปสักนิด แต่มันก็มีความเหมาะสมกับรูปแบบและราคาค่าตัวมากที่สุด คอนโซลด้านหน้าและเบาะนั่งใช้สีน้ำตาลคาดโทนแก่ตรงกลาง ช่วยเพิ่มความหรูหรา ที่ทำได้ดีคือตำแหน่งของการนั่งขับ ส่วนพื้นที่ของเบาะโดยสารด้านหลังก็มีเพียงพอสำหรับผู้ใหญ่ 2 คนกับเด็กเล็กอีก 1 คนแบบสบายๆ ฝาท้ายมีพื้นที่เก็บสัมภาระพอสมควร เมื่อพับเบาะหลังยังเพิ่มพื้นที่ในการขนของ แม้จะไม่มากเท่า Jazz แต่ก็ไม่เล็กจนดูน่าเกลียดและยังใส่ถุง Golf ได้ถึง 2 ใบ พร้อมกระเป๋าเดินทางหากพับเบาะหลังอีกด้วย
แผงหน้าปัดแบบเรียบง่าย อ่านค่าหรือตัวเลขต่างๆ ได้สะดวก โดยใข้วงกลมสามวงซ้อนกัน หน้าปัดบอกความเร็วตรงกลางมีขนาดใหญ่ ใช้พื้นสีขาวตัวเลขสีแดง เข็มมาตรวัดทั้งวัดความเร็วและวัดรอบสีแดง ส่วนสัญลักษณ์แจ้งเตือนระบบต่างๆ ของตัวรถอยู่ด้านขวา ใช้รูปแบบครึ่งวงกลมเช่นเดียวกันกับมาตรวัดรอบด้านซ้าย มีสัญลักษณ์ Eco พร้อมสัญญานไฟสีเขียวที่จะติดขึ้นทันทีที่ผู้ขับใช้รอบเครื่องยนต์ไม่เกิน 2,000 รอบต่อนาที วงพวงมาลัยทรงสามก้าน มีกริปที่มุมของตำแหน่ง 9 กับ 3 นาฬิกาให้ยึดจับอย่างมั่นคง คอนโซลกลางแบบเรียบๆ มีระบบเครื่องเสียงแบบดิจิตอล (สำหรับบางรุ่น) พร้อมช่องต่อ AUX-USB สำหรับการนำอุปกรณ์เล่นเพลง iPod MP3 มาเชื่อมต่อ แต่ไม่มีเครื่องเล่น CD มาให้ สำหรับปุ่มควบคุมการใช้งานบนชุดเครื่องเสียงสามารถควบคุมการทำงานของ iPod ได้อีกด้วย กำลังขับ 45 วัตต์ แบบ 4 ทิศทางพร้อมด้วยลำโพง polypropylene กับแม่เหล็กชนิด neodymium 2 ตัว ให้เสียงชัดเจนจนแทบไม่ต้องดิ้นรนไปเสียเงินติดเพิ่ม
ต่ำลงมาจากชุด เครื่องเสียงเป็นชุดควบคุมอุณหภูมิภายในห้องโดยสารแบบปุ่มหมุน ใช้งานได้ง่ายและให้ความเย็นฉ่ำตามแบบฉบับของรถยนต์จากประเทศญี่ปุ่น แอร์ของ Brio ให้ความเย็นกระจายตัวภายในห้องโดยสารอย่างรวดเร็ว เนื่องจากขนาดที่เล็ก แม้อุณหภูมิภายนอกจะร้อนมากก็ตาม นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของยนตกรรมจากค่าย Honda
Honda Brio ใช้เครื่องยนต์แถวเรียง 4 กระบอกสูบวางตามขวางด้านหน้า ขับเคลื่อนด้วยล้อคู่หน้า ปริมาตรความจุ 1.2 ลิตร 1,198 ซีซี. ซิงเกิ้ลโอเวอร์เฮตแคมชาร์ป 16 วาว์ล i-VTEC จ่ายเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีดแบบมัลติพอย์ท PGM-F1 อัตราส่วนกำลังอัด 10.2:1 ให้กำลังสูงสุด 90 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 110 นิวตันเมตรหรือ 11.2 กิโลกรัมเมตร ที่ 4,800 รอบต่อนาที ส่วนระบบส่งกำลังมีให้เลือกใช้ทั้งเกียร์ธรรมดา 5 สปีดและเกียร์อัตโนมัติ CVT Shift Hold Control ระบบวาว์ลแบบ 2 วาว์ลไอดี 2 วาว์ลไอเสียต่อหนึ่งสูบ ทำให้การเผาไหม้มีความรวดเร็วและสมบูรณ์แบบมากขึ้น ซึ่งส่งผลไปถึงความประหยัดเชื้อเพลิงและให้อัตราเร่ง ที่มีความเหมาะสมกับรูปแบบของการใช้งานภายในเมือง นิสัยของเครื่อง i-VTEC ในรอบปานกลางถึงสูงเครื่องยนต์จะให้การตอบสนองได้ดี เหนือกว่าเครื่องยนต์ทั่วไปที่มีปริมาตรความจุเท่ากันอยู่เล็กน้อย ระบบหมุนเวียนไอเสียแบบ EGR หรือ Exhaust Gas Recirculation ช่วยควบคุมการเผาไหม้ให้เหมาะสมกับทุกย่านของรอบเครื่อง ระบบ i-VTEC ยังเข้าไปควบคุมการทำงานของวาว์ลไอดี โดยใช้การหยุดทำงานของวาว์ลไอดี 1 ตัวต่อหนึ่งกระบอกสูบ และเพิ่มการหมุนเข้าของไอดี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผสมผสานกันระหว่างอากาศกับเชื้อเพลิงในกระบอกสูบ ส่งผลให้ระบบหมุนเวียนไอเสียและการเผาไหม้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ถึงแม้จะมีการหมุนวนของไอเสียในปริมาณที่สูงก็ตาม
วิศวกรของ Honda ใช้ลูกสูบที่มีการเคลือบสาร MoS2 โดยทำการเคลือบไปที่พื้นผิวของลูกสูบ โดยเฉพาะบริเวณที่ต้องเสียดสีในระหว่างการทำงาน สาร MoS2 ภายในลูกสูบมีลักษณะเป็นจุดแบบวางเรียงทแยงมุม ซึ่งจุดต่างๆ เหล่านี้มีคุณสมบัติในการดักจับน้ำมันได้เป็นอย่างดี วิศวกรเครื่องยนต์ของค่าย Honda ยังได้แนะนำให้ผู้ใช้รถยนต์ Honda Brio ทุกคันใช้น้ำมันเครื่องของ Honda ที่มีค่าความหนึดต่ำ (0W-20) เพื่อช่วยลดแรงเสียดทานในระหว่างการใช้งานอีกด้วย สายพานราวลิ้นแบบโซ่ ยังช่วยยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานเท่ากับอายุของเครื่องยนต์ โซ่ราวลิ้นมีขนาดเล็กและมีน้ำหนักเบา ส่วนสายพานภายนอก (ไดชาร์จและแอร์) ใช้ระบบปรับตั้งความตึงของสายพานแบบอัตโนมัติ ระบบดังกล่าวจะทำหน้าที่ในการตั้งค่าการตึง-หย่อนของสายพานให้อยู่ในระดับคง ที่ตลอดเวลา
ระบบกันสะเทือนด้านหน้าแบบแม็คเฟอร์สัน สตรัท ใช้สปริง โช๊คอัพแก๊ส เหล็กกันโคลงโดยมีการปรับมุม Kingpin ให้เยื้องไปที่ด้านหลังมากเป็นพิเศษ ขนาดของมุม Caster ที่กว้างขึ้น เพิ่มระยะ Caster Trail และช่วยลดการโคลงตัวในขณะที่เลี้ยว จากการออกแบบในลักษณะดังกล่าวทำให้ Honda Brio มีสมรรถนะของการทรงตัวเหนือชั้นกว่ารถเล็กคู่แข่งอยู่เล็กน้อย ส่วนช่วงล่างด้านหลังเป็นแบบทอร์ชันบีม H-Shape ใช้การปรับอัตราส่วนความยืดหยุ่น ระยะหดและดันของสปริงในบริเวณคาน พัฒนาจุดยึดบริเวณ Trailing Arm ให้มีความเหมาะสมในการถ่ายเทน้ำหนักเมื่อต้องรับแรงดึงและแรงบิด รวมถึงยังลงมือไปที่การตั้งค่าการบิดตัวของเพลาและจุดควบคุมองศาของล้อหลัง เพื่อทำให้มันมีประสิทธิภาพในการขับขี่ควบคุมที่ดี แม้จะเป็นรถยนต์คันเล็กจิ๋วก็ตาม
พวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้า EPS - Electric Power Steering ใน Brio ถูกพัฒนามาจนใกล้เคียงกับคำว่าสมบูรณ์แบบ ให้การบังคับควบคุมที่ดี แปรผันน้ำหนักไปตามความเร็วของตัวรถโดยใช้อุปกรณ์ชิ้นส่วนที่น้อยลงกว่าพวง มาลัยแบบเพาเวอร์สายพาน รวมถึงน้ำหนักของชุดพวงมาลัยที่ลดลง การเชื่อมต่อกับระบบขับเคลื่อนและช่วงล่างทำออกมาได้ดีและมีความเหมาะสมจน แทบไม่น่าเชื่อว่า รถคันเล็กๆ อย่างเจ้า Brio จะมีพวงมาลัยที่ให้รายละเอียดในการขับที่เหนือกว่ารถคู่แข่งอย่างเห็นได้ชัด ให้ความมั่นใจในการควบคุมพวงมาลัยที่มั่นคงในขณะขับขี่ด้วยความเร็วสูง ได้ใกล้เคียงหรือเทียบเท่า Honda Jazz เลยทีเดียว
ระบบความปลอดภัยของ Honda Brio มีโครงสร้างแบบ G-Con ใช้เหล็ก High-Tensile Steel ที่มีน้ำหนักเบาแต่มีความแข็งแกร่งสูงเป็นส่วนประกอบในการทำโครงสร้างของตัว รถ การใช้โลหะที่มีความเหมาะสมในแต่ละรูปแบบของการใช้งานยังช่วยให้ตัวถังมี น้ำหนักเบา แต่ยังสามารถรับแรงต่างๆ ที่เข้ามากระทำในระหว่างการขับขี่ได้ดี ระบบอากาศพลศาสตร์ที่ถูกต้องจากการทดสอบในอุโมงค์ลมของบริษัท Honda จากการออกแบบของคอมพิวเตอร์ ยังถูกวิเคราะห์อย่างละเอียดในระหว่างการทดสอบรถต้นแบบ ส่วนประสิทธิภาพของการเก็บเสียงอยู่ในระดับมาตรฐานทั่วไป มีการใช้วัสดุที่ช่วยในการลดแรงสั่นสะเทือน พร้อมป้องกันและดูดซับเสียงจากภายนอก ระบบเบรคป้องกันล้อล็อก ABS มีชุดกระจายแรงเบรค EBD ติดตั้งมาให้ทำงานควบคู่กันไปในระบบห้ามล้อ ถุงลมนิรภัย SRS สำหรับผู้โดยสารตอนหน้า ผ่านการทดสอบการชนซึ่งใช้รูปแบบการจำลองการเกิดอุบัติเหตุทั้งด้านหน้าที่ ความเร็ว 55 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ด้านหน้าแนวเฉียงที่ 64 กิโลเมตรต่อชั่วโมง การชนปะทะบริเวณด้านข้างที่ความเร็ว 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และที่ด้านหลังในความเร็ว 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ผ่านมาตรฐานค่าการทดสอบการชน ECER32/ECER42
Honda Brio มีสีให้เลือกรวมทั้งสิ้น 5 สี รวมถึงสีเฟรชไลม์เมทัลลิก- Fresh Lime Metallic ที่เพิ่มเติมความสดใสสวยงามบนตัวถังขนาดเล็กของมันด้วยสีเขียวมะนาว ซึ่งเป็นสีล่าสุดที่ Honda นำมาใช้ในรถ Brio ส่วนอีก 4 สีคือ Taffeta White ขาวสว่าง - Alabaster Silver Metallic สีเงินยวง - Clystal Black Metallic สีดำเมทัลลิก - Cerulean Blue Metallic สีฟ้าเมทัลลิก.
ติดตามอ่าน ทดลองขับ Honda Brio ได้ในตอนต่อไปครับ
Arcom roumsuwan E-Mail chang.arcom@thairath.co.th Facebook //www.facebook.com/chang.arcom
Create Date : 10 พฤษภาคม 2554 |
Last Update : 10 พฤษภาคม 2554 8:54:34 น. |
|
6 comments
|
Counter : 1550 Pageviews. |
|
|