ระยะเวลาเกือบ 50 ปีแล้ว ที่ยนตกรรมเยอรมันอย่าง BMW ผลิตสุดยอดรถสปอร์ตคูเป้ออกมาวางขายในปี 1971 ด้วยการเปิดตัวรถยนต์นั่ง 2 ประตูทรงปราดเปรียวรุ่น 2.8 CS และตามด้วยรุ่น 3.0 CSL โมเดล 2 ประตูที่ถ่ายพันธุ์กรรมมาจาก 2000 CS เพื่อพัฒนาให้ออกมาใช้งานทั้งในสนามแข่งขันและบนถนนทั่วไป นี่คือหนึ่งในยานยนต์ที่ทรงพลังที่สุดในยุคสมัยของมัน ด้วยเครื่องยนต์ 6 กระบอกสูบ วางตามยาวด้านหน้าขับเคลื่อนด้วยล้อคู่หลัง บนโครงสร้างแบบสองประตูที่ดัดแปลงมาจากโมเดล CS โดยเปลี่ยนชื่อต่อท้ายมาเป็น CSL ปรับเปลี่ยนอุปกรณ์นานาชนิดให้มีความแรงเพิ่มขึ้น หลังจากกาลเวลาได้เดินทางผ่านไปถึง 40 กว่าปีแล้ว ความงดงามคลาสสิกของตัวรถรุ่นนี้กลับยิ่งเพิ่มสูงขึ้น และสื่อให้เห็นถึงความเป็นไปของบรรพบุรุษยยานยนต์ในตระกูล M Model ที่พัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งจวบจนปัจจุบัน

BMW 3.0 CSL

มาตรฐานใหม่ในยุค 1970 ของการผลิตรถสปอร์ตคือการลดทอนน้ำหนักที่ค่ายรถยนต์ส่วนมากที่ถูกสร้างขึ้น ในช่วงปี 1965-1975 มักจะลงมือกระทำ (ยกเว้นรถยนต์จากอเมริกา) ซึ่งก็ไม่เว้นแม้แต่บริษัทเยอรมันอย่าง BMW ในยุคนั้น การลดน้ำหนักด้วยการใช้โครงสร้างของตัวรถให้เล็กลง ยังคงเป็นเรื่องที่ยากเอาการอยู่ แต่วิศวกรของ BMW ใช้ความรู้ความเข้าใจในโลหะวิทยา รวมถึงการปรับปรุงพัฒนาส่วนประกอบต่างๆของรถยนต์ มาช่วยทำให้การออกแบบและเลือกใช้ชิ้นส่วนบางชิ้นของรถ BMW 3.0 CSL มีความลงตัวเหมาะสมกับภาพลักษณ์แบบสปอร์ตจีทีมากที่สุด ตัวกันชนด้านหน้าขนาดใหญ่ในรถสปอร์ตรุ่นแรกๆ ถูกยกออกไปทั้งยวง แล้วแทนที่ด้วยกันชนสแตนเลสหุ้มยางกันกระแทกขนาดกำลังพอเหมาะ ระบบไฟฟ้าที่รกรุงรังและเพิ่มน้ำหนักตัวโดยไม่จำเป็นถูกยกออกไปแทบทั้งหมด เช่น กระจกไฟฟ้าพร้อมชุดมอเตอร์ มือจับประตูเปลี่ยนมาเป็นวัสดุจำพวกอัลลอย เสา A และเสา B โดนรีดขนาดให้เล็กลงแต่ไม่ส่งผลกระทบไปยังโครงสร้างแต่อย่างใด จากรูปแบบอันทันสมัยของแชสซีส์ วิศวกรของ BMW สามารถหั่นน้ำหนักส่วนเกินออกไปได้ถึง 250 กิโลกรัม ส่งผลให้สมรรถนะในด้านอัตราเร่งดีขึ้นจนผิดหูผิดตา

BMW 3.0 CSL Batmobile 1973-1975

หลังจากผลิตเจ้า 3.0 CSL โมเดลรถบ้านในร่างทรงรถสปอร์ตออกขายได้ไม่นาน ความสำเร็จจากยอดขายทั่วโลกเริ่มส่งผลให้ BMW ต้องลงมือครั้งใหญ่กับตัวรถรุ่นนี้อีกครั้ง ด้วยการดัดแปลงเจ้า 3.0 ให้กลายเป็นรถแข่งชั้นดีที่สามารถลงไปต่อกรกับบรรดาตัวแรงเจ้าสนามอย่าง Alfa Romeo GTV / Ford Capri / Audi Quattro / Porsche 911 RS / Lancia Stratos ซึ่งเป็นรถแข่งที่กำลังคว้าชัยชนะอย่างต่อเนื่องจากการแข่งขันรถยนต์ทาง เรียบของยุโรปหรือ European GT Championship ค่ายใบพัดสีฟ้า-ขาวจึงลงมือดัดแปลงตัวรถด้วยการปรับแต่งเครื่องยนต์ตามกฎของ FIA ติดตั้งครีบรีดอากาศในตำแหน่งที่ต้องรับหน้าที่สร้างแรงกดให้กับตัวถัง ชุดแต่งดังกล่าวของเจ้า 3.0 CSL สามารถสร้างแรงกดได้ถึง 90 กิโลกรัมที่ความเร็ว 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่งผลให้การทรงตัวทั้งบนทางตรงและทางโค้งของการแข่งขันในแต่ละสนามที่เจ้า 3.0 ลงไปประลองความเร็วมีความเป็นกลาง นักขับควบคุมรถได้ดีขึ้น เวลาต่อรอบที่ลดลงทำให้มันคว้าชัยชนะไปได้ในที่สุด (The Winner In 1974 European Touring Car Championship) ผู้คนส่วนใหญ่ในยุคนั้นรู้จักมันในชื่อ "BMW 3.0 CSL Batmobile"

BMW 2800 CS 1968-1971

ปี 1969 BMW เปิดตัวรถรุ่น 2800 CS รหัส e9 ด้วยรูปลักษณ์ที่ปราดเปรียว มีน้ำหนักเบาและกระจายน้ำหนักได้ดีกว่ารถสปอร์ตอเมริกัน ซึ่งทำให้สมรรถนะในการควบคุมหรือการทรงตัวเหนือกว่ามาก แผนกออกแบบของ BMW ในยุคนั้นยังมองการไกลด้วยการใช้อุปกรณ์ภายในเท่าที่จำเป็น แต่วางรูปแบบการใช้งานให้ดีขึ้น ภายนอกใช้คิ้วโครเมี่ยมกับคิ้วอลูมินัมอัลลอยเดินเส้นรอบคัน ชุดกันชนสแตนเลสแบบใหม่ถูกนำมาติดตั้งเพื่อเพิ่มความลงตัวของมุมมองหลังจาก BMW ใช้กันชนขนาดใหญ่กับรถหลายรุ่น กันชนที่เล็กลงช่วยเพิ่มความน่ามองแถมยังลดน้ำหนักลงได้อีกกว่า 10 กิโลกรัม สัญลักษณ์ไตคู่ทรงเรียวผอมบาง กระจกหลังโค้งเข้ารูปกับเสาหลังที่บางเฉียบ ช่องระบายความร้อนข้างบังโคลนหน้านำรูปแบบมาจาก Sport-Roadster รุ่น 507 และเป็นที่มาของคำว่า "เหงือกปลาฉลาม"อันโด่งดัง ภายในของเจ้า 2800 CS ใช้แผงแดชบอรด์กรุด้วยไม้วอลนัท หน้าปัด 3 วงเรียงเป็นแนวเดียวกัน เบาะคู่หน้าที่นั่งสบายและเหมาะสมกับการขับทางไกล วงพวงมาลัยสามก้านผอมเพรียวกับคอนโซลเกียร์ที่เรียบร้อยขึ้น ช่วงล่างหน้า-หลังแบบแมคเฟอร์สันสตรัท สปริง เหล็กกันโคลง โช๊คอัพแก๊สทั้ง 4 ล้อ พร้อมด้วยระบบดิสเบรคกับดุมล้อ 5 รูน็อตยึด เครื่องยนต์ 2.8 ลิตร 2,788 ซีซี 170 แรงม้า จ่ายเชื้อเพลิงด้วยคาร์บูเรเตอร์ 3 ตัว ระบบส่งกำลังมีให้เลือกทั้งแบบเกียร์ธรรมดา 4 จังหวะ หรือเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด เจ้า 2800 CS มีอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรใน 8.9 วินาทีกับความเร็วปลายคันเร่งที่ 198 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำให้มันเป็นรถที่ทรงประสิทธิภาพมากในยุคนั้น

BMW 3.0 CSL 1971-1973

หลังจากวางขายได้ไม่นาน ความนิยมที่พุ่งสูงขึ้นมากทำให้แผนงานถูกดำเนินการต่อ ด้วยการส่งตัวรถรุ่นที่มีความจุเครื่องยนต์กับแรงม้าสูงกว่าตามออกมา BMW 3.0 CSL จึงเริ่มต้นเส้นทางบนโลกยนตกรรมเมื่อปี 1971 หลังจากรุ่นพี่ของมันประสบความสำเร็จจากยอดขายถล่มทลายทั่วโลก ความนิยมชมชอบเกิดจากรูปลักษณ์และสมรรถนะ วิศวกรของ BMW ใช้การประกอบขึ้นอย่างปราณีต เจ้า 3.0 CSL คงตัวถังเดิมๆ เอาไว้แทบทุกจุด รวมถึงภายในที่มีความลงตัวอยู่แล้ว แต่ภายใต้ฝากระโปรงของมันมีเครื่องยนต์ที่ใหญ่ขึ้น ความจุถูกขยายไปเป็น 3.0 ลิตรตามรหัสต่อท้าย เครื่องยนต์ตัวนี้มีท่อไอดีคล่อมฝาสูบ ตัวเครื่อง 6 กระบอกสูบ ถูกวางให้ร่นเข้าไปด้านในมากขึ้น ส่งผลให้มันมีอัตราส่วนการกระจายน้ำหนักที่เหนือกว่าสปอร์ตคาร์ในยุคนั้นที่ มีความจุเท่ากัน เครื่องยนต์ขนาด 2,986 ซีซี มีเรี่ยวแรงเพิ่มขึ้นเป็น 183 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรดีขึ้นเล็กน้อยบนตัวเลข 8.0 วินาที แรงม้าต่อน้ำหนักที่ 129.55 แรงม้า/ตัน

BMW 3.0 CSL Batmobile 1973-1975

ในปี 1973-1975 BMW ผลิตเจ้า 3.0 CSL Batmobile ในรูปแบบ Homologation เพื่อส่งให้กับทีมแข่งรถจากบริษัท BMW รวมถึงส่งออกไปทำตลาดทั่วโลกเพียงแค่ 1,039 คันเท่านั้น ทำให้ในปัจจุบันมันจึงกลายเป็นวัตถุโบราณที่หายากและทรงคุณค่าอย่างมากต่อ ประวัติศาสตร์ของค่ายใบพัด แชสซีส์แบบโมโนค็อกของมันถูกขึ้นรูปด้วยกรรมวิธีที่แปลกประหลาด โดยการนำเอาแผ่นเหล็กกล้าที่มีความหนาน้อยกว่าปกติมารีดข้ึนรูป ฝากระโปรงหน้าเปลี่ยนไปใช้อลูมินัมอัลลอย ส่วนฝาท้ายยังคงเป็นเหล็กเหมือนเดิมเนื่องจากต้องยึดติดกับวิงหลังทรงสูงที่ ให้แรงกดถึง 90 กิโลกรัมเมื่อวิ่งด้วยความเร็วเกิน 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง การลดทอนน้ำหนักตัวเริ่มจากการนำเอาอุปกรณ์บางชิ้นที่ไม่มีความจำเป็นออก ทั้งหมด เช่น พวงมาลัยเพาเวอร์ ชุดมอเตอร์ไฟฟ้าและรางของกระจกข้างประตูทั้งสองบาน แผ่นซับเสียงกับกันชนหน้าก็ยังถูกถอดออกไปจนเกลี้ยง ทำให้นำหนักตัวลดลงไปมากจาก 1,374 กิโลกรัมเป็น 1,270 กิโลกรัม

BMW 3.0 CSL Batmobile 1973-1975

ชุดแต่งที่แปลกประหลาดของเจ้า BMW 3.0 CSL Batmobile 1973 กลายเป็นของที่หายากมากในปัจจุบัน คิ้วยางรีดอากาศบนขอบทั้งสองข้างของฝากระโปรงหน้า หางหลังที่ดูคล้ายกับครีบปลารวมถึงสติกเกอร์ลวดลาย M-Technic ที่คาดรอบตัวรถกับแนวบนของสปอยเลอร์หน้าโดนใจนักเลง BMW แบบเต็มๆ ส่วนของเครื่องยนต์ถูกเปลี่ยนจากเครื่อง 3.0 ลิตรเป็น 3.2 ลิตร 3,153 ซีซี ได้ม้าเพิ่มอีกเป็น 206 ตัวกับแรงบิดสนุกๆที่ 286 นิวตันเมตร อัดจาก 0-100 กิโลเมตรใน 6.8 วินาทีและมีความเร็วปลายที่ 218 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สมรรถนะที่ดีในการขับขี่ควบคุม รูปแบบที่ทันสมัยมากในยุคเริ่มต้นของสปอร์ตคาร์จาก BMW เหนือกว่ารถ 2ประตูเจ๋งๆ จากอิตาลีบางรุ่นในราคาค่าตัวประมาณ 5.3 แสนบาทของปี 1973 (พ.ศ. 2516) ส่งผลให้มันกลายเป็น Sport-GT ที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุดจวบจนปัจจุบัน.

BMW 3.0 CSL Specifications
แบบ......................................สปอร์ต 2 ประตู 4 ที่นั่ง
ผู้ผลิต....................................BMW เยอรมัน
เครื่องยนต์............................3.0 ลิตร วางตามยาวด้านหน้า ขับเคลื่อนล้อหลัง
ปริมาตรความจุ.....................2,986 ซีซี
กระบอกสูxช่วงชัก.................89.0x80.0 มิลลิเมตร
วาว์ล.....................................2 วาว์ลต่อ 1 กระบอกสูบ=12 วาว์ล
ระบบส่งกำลัง........................เกียร์อัตโนมัติหรือธรรมดา 4 สปีด
อัตราส่วนกำลังอัด................9.00: 1
แรงม้าสูงสุด..........................184.2 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด..........................255 นิวตันเมตรที่ 3,700 รอบต่อนาที
ระบบระบายความร้อน...........น้ำ+พัดลมหน้าเครื่อง
อัตราเร่ง.................................0-100 กิโลเมตรใน 8.0 วินาที
ความเร็วสูงสุด.......................211 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
อัตราส่วนแรงม้าต่อน้ำหนัก...129.55 แรงม้า/ตัน
ระบบกันสะเทือน....................หน้า-หลังแบบแมคเฟอร์สันสตรัท สปริง เหล็กกันโคลง โช๊คอัพแก๊สทั้งสี่ล้อ
ระบบเบรค.............................ดิสเบรคทั้ง 4 ล้อ
มิติตัวถัง
ความกว้าง............................2,667 มิลลิเมตร
ความยาว..............................4,735มิลลิเมตร
ความสูง................................1,361 มิลลิเมตร
น้ำหนัก...................................1,374 กิโลกรัม
ปีที่ผลิต...................................1973-1975
ราคา(พ.ศ. 2516)......................539,000 บาท

Arcom Roumsuwan
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook //www.facebook.com/chang.arcom

Create Date : 21 เมษายน 2554
Last Update : 21 เมษายน 2554 9:01:04 น.		0 comments
Counter : 1610 Pageviews.
Share Tweet