ตะกร้า ทันทีที่ฉันออนไลน์... กล่องข้อความของใครคนหนึ่งก็เด้งขึ้นมาทัก เพื่อนสาวของฉันนั่นเอง... "แก...มีเรื่องจะเล่าให้ฟัง..." "อ่ะ...ว่าไป...ท่าทางจะเก็บกดนะเนี๊ยะ" "เอ่อ...มีเรื่องน่าตกใจสุด ๆ" "เรื่องของใคร?" "เกี่ยวกับแกแหละ" "อ่ะว่ามา...เรื่องไร" "แก...รู้เปล่าว่า เมื่อก่อนอ่ะ...บราๆๆๆ" "อื่ม...เหรอ?" ... ... ปลายทางอึ้งไปเล็กน้อย พร้อมส่งกลับข้อความมาถามเพื่อความแน่ใจ "แก...รู้เรื่องนี้มาก่อนหรือเปล่า?" "เปล่า...ก็เพิ่งรู้จากแกแหละ" ... ... "แล้วแกไม่ตกใจเหรอ?...ไม่แปลกใจเหรอ?...เราเพิ่งรู้เรายังอึ้งเลย" "อื่ม...ไม่หว่ะ เฉยๆ เป็นเรื่องที่ไม่เหนือการคาดเดา" "เหรอ!!?!?!...ผิดความคาดหมายหว่ะ...เรายังอึ้งเลย ขนาดเราเป็นคนนอกสำหรับเรื่องนี้" "ไม่หว่ะ...เฉยๆ มันมีเหตุและผลในตัวเองทั้งหมด และคาดเดาได้ไม่ยาก" -------------------------------- บางครั้ง...ฉันกับเพื่อนอาจมีจุด focus ที่แตกต่างกัน เพื่อนฉันอาจจะมองว่า มัน...คือความจริงที่ยังไม่มีใครรู้ มัน...คือความจริงที่แม้แต่ฉันยังไม่รู้ และ เมื่อมันโดนตีแผ่ออกมาโดยกาลเวลาและสถานการณ์ เลยเป็นสิ่งที่น่าแปลกใจ น่าตกใจ และไม่น่าเชื่อ ติดตามมาด้วยความรู้สึกผิดหวัง เจ็บแค้นแทน และสารพันความรู้สึก ตามประสาคนรักเพื่อน แต่สำหรับฉัน...จุด focus มันอยู่ที่ มัน...คืออดีต อดีต...คือสิ่งที่ผ่านไปแล้ว รู้แล้วยังไง?...ไม่รู้แล้วยังไง? ต่อให้ฉันรู้ความจริงในช่วงเวลาที่เป็นปัจจุบันสำหรับเรื่องนั้นแล้วยังไง? เพราะยังไงทุกอย่างมันก็มีระยะเวลาและเหตุผลในสิ่งที่มันเป็นอยู่อย่างนั้น รู้มากก็ทุกข์มาก รู้น้อยก็ทุกข์น้อย ไม่รู้ก็ไม่ทุกข์ จะช้าหรือเร็ว ความเป็นเหตุและผลในเรื่องนั้นๆ จะปรากฎแจ่มชัดในวันหนึ่ง ที่ใดที่หนึ่ง กับอะไรสักอย่างหนึ่ง ----------------------------------------- ฉันแอบอดแซวกลับเพื่อนไปไม่ได้ว่า "เล่าให้ฟังซะเสีย self เลย" ... ... เพื่อนสาวอึ้งไปสักพัก ก่อนจะร่ายคำขอโทษขอโพยมาสุดฤทธิ์ หลังจากระบายความตกใจจนหมดแม็กซ์ เหมือนเพิ่งรู้ตัวว่าเรื่องที่เล่า เป็นการกวนตะกอนให้ขุ่นสำหรับฉัน แต่...เปล่าเลย ฉันแค่ล้อเล่น แหย่คนเล่าให้รู้สึกผิดไปอย่างนั้น ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้คิดอะไรเลย แค่...รับรู้อย่างสงบตั้งแต่ต้น "ล้อเล่นหน่า...คิดมากแก...บอกแล้วว่าไม่คิดอะไรแล้ว i'm o.k." "แปลกเน๊อะ...ไม่น่าเชื่อว่าแกจะนิ่งได้ขนาดนี้...ใจเด็ดหว่ะ" หึหึ...ไม่รู้จะอธิบายยังไง ก็แค่...ไม่รู้สึกอะไรแล้วกับเรื่องนี้...ก็เท่านั้น ------------------------------------------- จิตใจคน...คงเปรียบเสมือนกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ ต่อให้ใหญ่ขนาดไหนก็ตาม มันก็ไม่สามารถแบกรับทุกสิ่งอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตเราได้ทั้งหมด หากใครเป็นนักสะสม พบเจอสิ่งใดก็คว้าใส่กระเป๋าเสียหมด สักวันมันก็ต้องเต็ม...สักวันมันก็แบบขึ้นพาดบ่าไม่ไหวอยู่นั่นเอง จำมากก็เหนื่อยมาก ถือมากก็หนักมาก... นิทานเซนเรื่องหนึ่งเล่าถึงศิษย์ที่เข้าพบอาจารย์ หลังจากร่ำเรียนวิชาสำเร็จไปนานแล้ว ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน แต่วันที่เขากลับมาพบอาจารย์ครั้งนี้ เขากลับมาพร้อมความทุกข์ เหนื่อยล้ากับสารพันปัญหาที่พบเจอ อาจารย์ไม่กล่าวอันใด แต่นำทางเขาไปยังริมแม่น้ำ หยิบยื่นตะกร้าพร้อมสายสำหรับสะพายหลังให้ กำหนดเส้นทางในการเดินและเป้าหมาย จากจุดเริ่มต้น จนถึงจุดสิ้นสุดของการเดิน ให้หยิบก้อนหินระหว่างทางใส่ลงตะกร้าไปเรื่อย ๆ แต่ไม่ได้บอกว่าให้หยิบมากน้อยเพียงใด อย่างไร ศิษย์ทำตามอย่างว่าง่าย ในขณะที่อาจารย์เดินไปหยุดรอยังจุดหมายปลายทาง เมื่อศิษย์ไปถึงพร้อมด้วยตะกร้าที่เต็มไปด้วยหิน อาจารย์ถามเขาว่า "เป็นอย่างไรบ้าง...รู้สึกอย่างไร" เหงื่อเม็ดใหญ่ที่ีผุดออกจากใบหน้า กับท่าทางอ่อนล้าบ่งบอกได้ดี แม้ไม่เอื้อนเอ่ย "หนักขอรับอาจารย์" อาจารย์ยิ้มตอบเล็กน้อย พร้อมเดินไปด้านหลังแล้วคว้าก้อนหินที่อยู่ในตะกร้าสะพายหลังออกทีละก้อน "ก้อนที่หนึ่ง...เป็นตัวแทนของเกียรติยศ" แล้วโยนมันทิ้งไป "ก้อนที่สอง...เป็นตัวแทนของชื่อเสียง" แล้วโยนมันทิ้งไป "ก้อนที่สาม...เป็นตัวแทนของหน้าที่การงาน" แล้วโยนมันทิ้งไป "ก้อนที่สี่...เป็นตัวแทนของทรัพย์ศฤงคารที่เจ้าไขว่คว้า" แล้วโยนมันทิ้งไป ทำอย่างนั้นไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งหินในตะกร้าหมด แล้วถามต่อว่า "รู้สึกอย่างไร" "ไม่หนักแล้วขอรับ สบายแล้วขอรับ" รู้สึกไม่เสียหลายที่กลับมาพบอาจารย์ในวันนี้ "สิ่งเหล่านี้ เป็นองค์ประกอบของชีวิต เป็นองค์ประกอบของปุถุชนก็จริงอยู่... อาจารย์ไม่ได้บอกให้เจ้าละทิ้งหรือไม่หยิบมันมาใส่ตะกร้าของเจ้า แต่อาจารย์อยากให้เจ้ารู้จักการละวางลงเสียบ้าง...หยุดแบกมันเสียบ้าง...ให้ตัวเจ้าได้พักบ้าง เพื่อเรียกกำลังกายให้พอที่จะมีแรงเดินต่อไปยังจุดหมายที่ต้องการ บางครั้งแม้ตัวเจ้ายังไหว แต่เคยสำรวจหรือไม่ว่าตะกร้าที่เปรียบเสมือนกับจิตใจที่เจ้าใช้มันไหวหรือไม่...มันสะอาดหรือเปล่า ชำรุดตรงไหนไหม...นี่แหละคือสิ่งที่เจ้าต้องทบทวน" ศิษย์รักกลับไปด้วยความปิติกับสิ่งที่อาจารย์สั่งสอน หัวใจเบาสบายกับการรู้จักปล่อยวางให้ตะกร้าได้พักผ่อน ให้ร่างกายคลายความเมื่อยล้าที่เกิดจากการแบกรับสิ่งต่าง ๆ ไว้เสมอ เราเป็นคนกำหนดที่จะใส่หรือไม่ใส่หินก้อนไหนลงไปก็ได้ จะเอาหินก้อนไหนออกจากตะกร้าก็ได้ ------------------------------------- วันนี้...คุณมีหินในตะกร้าด้านหลังกี่ก้อนคะ เอามันออกบ้างดีไหม? หรือจะแบกมันต่อไปพร้อมใส่ก้อนใหม่ลงไปเรื่อยๆ มีครบทุกก้อนเลย
โดย: ผัดไทเส้นหมี่ วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:15:45:50 น.
วันนี้พี่ก๋าพาหมิงหมิงไปว่ายน้ำมาครับ
ชอบนิทานเซนเรื่องนี้นะครับ พี่ก๋ายังไม่เคยอ่านเลย โดย: กะว่าก๋า วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:16:00:14 น.
งั้นพี่ผัดไทฯมีอยู่ห้าทางเลือก..คือ
แบกต่อไป หามาใส่เพิ่ม เอาบางก้อนออกไปมั้ง วางลงเป็นครั้งคราว หรือ...ถูกทุกข้อ หุหุ โดย: คมไผ่ วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:16:01:49 น.
สวัสดียามเย็นค่ะ .....สัญชาตญาณแห่งความตาย อาจพัฒนามาจากความก้าวร้าว และความก้าวร้าวเป็นแรงขับอีกชนิดหนึ่งที่เสมอเท่าแรงขับทางเพศ เป็นเรื่องช่วยไม่ได้ที่มนุษย์จะมีสัญชาตญาณแห่งการทำลายล้าง เพราะมนษย์มีแนวโน้มแห่งการทำลายล้างฝังอยู่ ในองค์ประกอบทางชีวภาพ จึงทำให้มนุษย์ไม่สามารถกำจัดพลังการทำลายล้างออกไปจากตัวได้ เขามีทางเลือกเพียงสองประการคือ หนึ่งทำลายล้างตัวเอง หรือสองทำลายองค์ประกอบแวดล้อมภายนอก ในขณะที่มีชีวิตอยู่ มนุษย์จะพยายามแปลงสัญชาตญาณแห่งความตายให้กลายเป็นแรงขับหลายรูปแบบ โดยมีเป้าประสงค์เพื่อความอยู่รอด แม้กระนั้นในวาระสุดท้ายสัญชาตญาณแห่งความตายก็จะกลับมามีชัย หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ความตาย คือเป้าหมายท้ายสุดของทุกชีวิต ซิกมันด์ ฟรอยด์ โดย: ญามี่ วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:16:25:15 น.
ขอบคุณที่แวะทักทายนะคะ
มีความสุขมากๆในวันหยุดนี้ค่ะ โดย: Sweet_pills วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:17:11:29 น.
อ่านแล้วทำให้คิดได้หลายอย่าง ...ต่อให้เรื่องราวมีมามากมายเท่าไร
แต่สุดท้าย ...มันเหล่านั้นก็ต้องผ่านพ้นไปอยู่ดี ...ไม่มีเรื่องอะไรจะทำให้เราทุกข์ใจได้ตลอดกาล .. โดย: Adija วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:19:01:18 น.
แวะมาเยี่ยมยามค่ำ...สวัสดีครับ
วันนี้...เราได้นำก้อนหินในตะกร้าด้านหลังออกไปได้หลายก้อนแล้ว นะครับ วันต่อๆไป เราจะพยายาม นำก้อนหินออกไปอีก...ถ้าไม่จำเป็น เราจะไม่เพิ่มก้อนหินเข้ามาอีก ครับ โดย: **mp5** วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:19:29:41 น.
โดย: pantawan วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:19:35:30 น.
อ่านแล้วมีกำลังใจขึ้นเยอะเลยค่ะ ขอบคุณนะคะ
โดย: ความรักสีจาง วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:19:50:29 น.
หนังสือเล่มนี้เหมือนพี่ก๋าจะมี แต่ยังไม่ไ่ด้อ่านครับ
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:20:10:03 น.
เป็นเรื่องที่น่าคิดจริงๆ เอ ว่าแต่เรามีกี่ก้อนหว่า แบกนานจนชิน
โดย: bee_บี วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:20:25:32 น.
รู้มากไปก็ทุกข์ รู้น้อยไปก็ทุกข์ เราคงต้องหาจุดพอดีเหมือนทางสายกลางนะครับพี่ไผ่
ราตรีสวัสดิ์ครับพี่ เห็นข่าวว่าที่เชียงใหม่มีหมองควันลงจัด ขับรถระวังด้วยครับ โดย: Don't try this at home. วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:21:45:09 น.
สวัสดี จ้า ไผ่
เอาหัวใจมาปะให้คะ ของเค้า..ก้อนหิน ทิ้งบ้าง โยนออกไปบ้าง, เก็บมาใหม่บ้าง บางก้อนก็เก็บน้านนาน จนลืม ว่ามีก้อนนี้อยู่ในตะกร้าด้วยเหรอ? ต้องควานออกมาจากตะกร้าแล้วทิ้ง... มีความสุข วันทำงานคะ ขอให้ จินนี่ จะให้รองเท้าคู่ใหม่ ใส่พอดี กับน้องไผ่นะคะ โดย: NongPenquin วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:9:14:03 น.
เข้มแข็งแล้วตามกาลเวลา
ขอบคุณที่แวะไปทักทายกันคะ โดย: คนใหญ่ในห้องแคบๆ วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:9:59:25 น.
มีความสุขกับการทำงานนะครับน้องไผ่
ปล. ใครพูดอะไร ไม่ค่อยสำคัญกับพี่ก๋าเลยครับ อิอิอิ โดย: กะว่าก๋า วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:10:51:14 น.
พี่ก๋าไม่ได้เก่งขั้นเทพหรอกครับ
แต่ทุกวันนี้ทำแต่งาน เลี้ยงแต่ลูก เลยไม่มีเวลาไปเม้าท์มอยกับใครหรือให้ใครมานั่งเม้าท์มอยด้วยน่ะครับ เอิ๊กๆๆๆ โดย: กะว่าก๋า วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:14:50:42 น.
ชอบเรื่องวันนี้จ้ะไผ่ วันนี้สาระล้วนๆ แต่ไม่เครียดจ้ะ อ่านแล้วรู้สึกสบาย...ชอบ โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:14:58:12 น.
สวัสดีค่ะคุณไผ่
การตัดทิ้งทุกอย่างคงยาก ก้อนนี้เหวี่ยงไปก็มีก้อนใหม่เข้ามา บางครั้งต้องทำใจอยู่กับมันให้ได้เหมือนกัน โดย: pantawan วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:15:28:11 น.
รู้ตัวแล้วค่ะว่า ถึงเวลาที่เราต้องหยุด
แล้วเอาหินออกจากตระกร้าได้แล้ว รู้สึกดีที่ได้อ่านบล๊อกของคุณคมไผ่วันนี้ค่ะ โดย: ภูผา กะ วาริน วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:16:18:26 น.
สวัสดียามเย็นค่ะ
ขอบคุณที่แวะทักทายนะคะ โดย: Sweet_pills วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:18:56:14 น.
ราตรีสวัสดิ์ครับพี่ไผ่ เห็นว่าที่เชียงใหม่อากาสเย็นๆดูแลสุขภาพด้วยครับ
โดย: Don't try this at home. วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:23:35:42 น.
สวัสดีค่ะคุณไผ่
อ่านแล้วโดนใจค่ะ โดยเฉพาะข้อความนี้ วันนี้...คุณมีหินในตะกร้าด้านหลังกี่ก้อนคะ เอามันออกบ้างดีไหม? หรือจะแบกมันต่อไปพร้อมใส่ก้อนใหม่ลงไปเรื่อยๆ ชอบมากๆ ค่ะ ทุกอย่างอยู่ที่ใจ หากเราปล่อยวาง ไม่ต้องถือมันก็ไม่หนักค่ะ แต่ก็อีกแหละ พูดง่ายแต่ทำยาก เอาเป็นว่า พยายามปล่อยวางให้มากที่สุด ก็แล้วกันค่ะ ราตรีสวัสดิ์นะคะ โดย: Close To Heaven วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:2:25:36 น.
พี่ก๋าดีใจมากที่หมิงหมิงได้เรียนที่ ต้นกล้าครับ
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:9:17:36 น.
ยังไม่อยากโยนทิ้ง
ยังชอบเป็นบ้าหอบฟาง มีมากมีเหลือดีกว่าขาดแคลน ตามประสาคนเคยยากไร้มาช่วงวัยเด็ก เลยปล่อย หรือ ละวาง ยังไม่ไ้ด้ รอเวลาไปพบพระผู้เป็นเจ้าก่อนจึงละวางได้ทั้งหมด โดย: ravio วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:10:54:18 น.
สวัสดีค่ะคุณไผ่
มาส่งท้ายเดือนแห่งความรัก วันที่ 4 ปี มี 1ครั้ง มีขนมเบื้องมาฝากค่ะ โดย: pantawan วันที่: 29 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:23:43:46 น.
|
คมไผ่
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?] Q ; เป็นคนแบบไหน A ; เป็นได้ทุกแบบ ขึ้นอยู่ที่ว่า...เป็นกับใคร และเป็นเมื่อไหร่ แล้วแต่สถานการณ์ค่ะ เป็นนางฟ้าก็ได้ นางมารก็ได้ แล้วแต่ว่าใครจะมาด้วยแบบไหน Q ; ให้นิยามกับตัวเองว่าอะไร A ; ทะเล...(มั้ง) ได้บรรยากาศหลากหลายดี นิ่ง ๆ สงบ ๆ ก็ได้ ชิว ๆ ก็ได้ แต่...ถ้ามีองค์ประกอบอื่นก็...ตามนั้น Q ; เหมือนจะน่ากลัวนะเนี๊ยะ A ; อย่ากลัวเล้ย บ้าบอไปงั้นแหละ ฉีดยาเรียบร้อยแล้ว ไม่นิยมกัดใครก่อนอยู่แล้น หุหุ โพสต์ได้ เม้นท์ได้ ด่าได้(แต่อาจมีสวนเล็ก ๆ คริๆ)
Group Blog All Blog
Friends Blog
Link |
|||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |