Smiley.๐Smiley*~๐..ความรัก เป็นเรื่อง สวยงาม..๐Smiley*~๐Smiley.๐Smiley*~๐.
Group Blog
 
 
ตุลาคม 2552
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
19 ตุลาคม 2552
 
All Blogs
 
..Next Story : เรื่องรักของสองเรา ตอนที่15..

คำเตือน
ขอสงวนสิทธิ์ใดๆ ตามกฎหมาย ในการทำคัดลอก เผยแพร่ ดัดแปลง ส่วนหนึ่งส่วนใด หรือทั้งหมดของนิยายเรื่องนี้ โดยไม่ได้รับอนุญาต และ หากผู้ใดกระทำการคัดลอกหรือนำไปโพสในเวปอื่น ๆ หรือบล็อค โดยมิได้รับอนุญาตมีโทษปรับตั้งแต่ 20,000 บาท ถึง 200,000 บาท หรือ หากนำเรื่องไปเสนอต่อสำนักพิมพ์ ถือเป็นการเสนอขาย มีโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือนถึง 4 ปี หรือปรับตั้งแต่ 100,000 บาท ถึง 800,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 69 แห่ง พ.ร.บ.กฏหมายลิขสิทธิ์


***************************
Next Story : เรื่องรักของสองเรา
ตอนที่ 15

***************************











Create Date : 19 ตุลาคม 2552
Last Update : 19 ตุลาคม 2552 19:47:04 น. 9 comments
Counter : 283 Pageviews.

 

พาสนาเดินกลับบ้านพักด้วยอาการซึมๆ เธอรู้สึกเจ็บลึกๆ อยู่ข้างใน แต่ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร


พาสนาก้าวกลับขึ้นมาบนบ้านพัก ก็พบปัญจรีที่วิ่งกลับมาด้วยท่าทางไม่สบายใจ หญิงสาวร่างบางหยุดยืนมองพาสนา ด้วยแววตาบางอย่าง มันดูเศร้า และหดหู่...แล้วเธอก็วิ่งกลับเข้าไปในห้องพักของเธอกับอรินยา


พาสนามองปัญจรีที่วิ่งผ่านไปด้วยความไม่เข้าใจ แต่เพียงไม่นาน ปัฐวีก็เดินกลับมาที่บ้านพักเช่นกัน สภาพชายหนุ่มไม่ต่างอะไรกับอีกฝ่ายมากนัก เพียงแต่เค้าไม่ได้ร้องไห้เหมือนปัญจรี มีแต่รอยหมองเศร้าบนใบหน้า พาสนามองปัฐวีที่เดินกลับมาด้วยความสงสัย เกิดอะไรขึ้นกับคนในบ้านหลังนี้กันนะ


“ตุ้ม หน้าแกไปทำอะไรมา” พาสนากล่าวถามปัฐวีเมื่อเห็นใบหน้าของเค้ามีรอยแดงๆ


“อืมม ไม่มีอะไร” ปัฐวียกมือลูบแก้มของเค้าเบาๆ


“เกิดอะไรขึ้นรึป่าว เมื่อกี้เห็นคุณปุ่นวิ่งร้องไห้กลับมา” พาสนาถามชายหนุ่มด้วยความสงสัย


“ไม่มีนิ....” ปัฐวีตอบปฏิเสธ แต่เค้ากลับไม่กล้าสบตาพาสนาเลยสักนิด


ขณะที่พาสนากำลังพูดคุยกับปัฐวีหน้าบ้านพัก พนักงานของรีสอร์ท ก็เดินเข้ามาหาพวกเค้า


“ขอโทษค่ะคุณ คุณอรินยาฝากจดหมายมาให้ค่ะ” พนักงานรีสอร์ทกล่าวพร้อมกับยื่นแผ่นกระดาษใบหนึ่งให้คนทั้งสอง


ปัฐวีรับกระดาษแผ่นนั้น พร้อมกล่าวขอบคุณ


“ขอบคุณนะครับ” ชายหนุ่มกล่าวน้ำเสียงนิ่ง


“ดิฉันขอตัวนะคะ” เมื่อทำงานตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายมาเสร็จเรียบร้อย พนักงานรีสอร์ทก็ขอตัวกลับออกไป


ปัฐวีมองแผ่นกระดาษในมือ....เค้าเปิดมันออกมาอ่าน เนื้อหาในจดหมายบอกไว้ว่า อรินยาได้เดินทางกลับกรุงเทพฯ ไปพร้อมกับพิษณุแล้ว


“ปลาคุณยาย่า....” ปัฐวีเงยหน้ามองมาทางพาสนา


“ฉันรู้แล้ว...ไปบอกคุณปุ่นเถอะ” พาสนาบอกับชายหนุ่มเหมือนว่าเธอรู้เรื่องดีอยู่แล้ว


“อืมม...” ปัฐวีพยักหน้ารับเบาๆ แล้วชายหนุ่มก็เดินไปทางห้องพักของปัญจรี


พาสนายืนกอดอกมองไปยังชายหาด ดวงตาของเธอมองผืนทะเลกว้างยามเย็น.....มันช่างเศร้า และเหงาเหลือเกิน ซึ่งไม่ต่างอะไรกับหัวใจของเธอในเวลานี้เลยสักนิด


ปัฐวีเดินเข้าไปหาปัญจรีในห้องพัก หญิงสาวกำลังก้มหน้าก้มตาเก็บเสื้อผ้าของเธอใส่กระเป๋า เหมือนว่าจะเดินทางกลับกรุงเทพฯ


“คุณจะทำอะไร” ชายหนุ่มร้องถามอีกฝ่ายด้วยสีหน้าสงสัย


“กลับกรุงเทพฯ ฉันจะกลับ” ปัญจรีตอบเสียงแข็ง โดยไม่ยอมหันมองหน้าอีกฝ่าย


“ก็ดี........เพราะตอนนี้คุณยาย่าก็กลับไปกับคุณพิษณุแล้ว” ปัฐวีพยักหน้าเบาๆ


“หะ ยาย่ากลับไปแล้วเหรอ” ปัญจรีหันมองมาทางปัฐวีด้วยสีหน้าสงสัย


“ใช่ นี่ไง” ปัฐวียื่นจดหมายของอรินยาให้ปัญจรีอ่าน


หญิงสาวรับจดหมายจากชายหนุ่มมาอ่าน เธอนิ่งไปกับจดหมายฉบับนี้


“ผมว่า พวกเราก็ควรกลับได้แล้ว” ปัฐวีกล่าวน้ำเสียงนิ่ง


“คุณรอสักครู่นะ เราจะไปเก็บเสื้อผ้ากันก่อน” ปัฐวีกล่าวกับปัญจรีอีกครั้ง ก่อนจะเดินออกจากห้องของเธอ


หญิงสาวฟังชายหนุ่มพูด เธอก็เอาแต่นิ่งเงียบ จนเค้าเดินออกไปจากห้อง เธอต้องทรุดนั่งลงกับที่นอนนุ่ม


“เราหรอ......เรางั้นหรอ...” เธอพูดออกมาเบา ก่อนจะยกมือขึ้นปิดปากตัวเอง เพื่อไม่ให้น้ำเสียงของเธอเล็ดลอดออกมา มันเป็นเสียงร้องไห้ที่มาจากความรู้สึกเจ็บปวด และทุกข์ใจที่มี
.
.
.
พาสนานั่งนิ่งอยู่ที่หน้าระเบียงบ้านพัก เธอไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี เธอไม่รู้ว่าการมาพักผ่อนครั้งนี้ได้ให้อะไรกับเธอกลับไป แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้เธอรู้สึกอึดอัด และทรมานอย่างบอกไม่ถูก


ปัฐวีออกมาจากห้องพักของพาสนา พร้อมกับกระเป๋าของเธอและเค้า..........พาสนาหันมองมาทางชายหนุ่ม


“เก็บของเรียบร้อยแล้วเหรอ” พาสนาร้องถามน้ำเสียงแผ่วเบา


“อืมม ของแก ฉันก็เก็บให้หมดแล้วนะ” ปัฐวีบอกกับเธอสีหน้าเรียบ


“ขอบใจ” พาสนาพยักหน้ารับเบาๆ


เพียงไม่นาน ปัญจรีก็เดินออกมาจากห้องพักเช่นกัน เธอจัดการเก็บเสื้อผ้าของเธอ และอรินยาใส่กระเป๋าเรียบร้อยแล้ว


ปัฐวีเดินไปหาหญิงสาว เค้าทำท่าจะช่วยเธอถือกระเป๋าใบโต.....แต่ปัญจรีกลับไม่ยอมให้เค้าช่วย เธอดึงกระเป๋าคืน แล้วเดินลงจากบ้านพัก ด้วยท่าทางตึงๆ


“คงจะโกรธฉันละมั้ง เรื่องของยาย่า” พาสนาพูดออกมาเบาๆ เมื่อเห็นท่าทางของปัญจรี


ปัฐวีมองหญิงสาวร่างบางที่ลากกระเป๋าใบใหญ่เดินไปตามทาง เค้ารู้ดีว่าจริงๆ แล้วปัญจรีไม่ได้โกรธอะไรพาสนาเลยแม้แต่น้อย แต่สาเหตุจริงๆ ก็คือเค้าต่างหาก


“ไปกันเถอะ” ปัฐวีหันมาบอกกับพาสนา


“อืมม...” พาสนาพยักหน้ารับ พร้อมกับลุกขึ้น เดินตามชายหนุ่มไปตามทางเดินของรีสอร์ท


พาสนามองไปรอบๆ รีสอร์ทอีกครั้ง......ความรู้สึกบางอย่างทำให้เธอรู้สึกแปลกๆ มันอ้างว้าง มันเดียวดายพิกล


ทั้งสามออกเดินทางกลับกรุงเทพฯ โดยปัฐวีเป็นคนขับรถให้ดังเช่นเคย........ปัญจรีนั่งเงียบมาตลอดทาง พาสนาเองก็ไม่ต่างกัน ทุกคนต่างก็จมตัวเองอยู่กับความคิด ความรู้สึกของตนเอง ตลอดเส้นทางการเดินทาง
.
.
.
อรินยานั่งเงียบอยู่ในรถ หลายครั้งที่เธอต้องน้ำตาซึม เมื่อคิดถึงคนที่ทำให้เธอเสียใจ พิษณุที่ขับรถอยู่ หันมองหญิงสาวข้างๆ เค้าเองก็ไม่รู้จะปลอบใจเธออย่างไรดี ในเมื่อตอนนี้เค้าเองก็เจ็บไม่ต่างกัน....รถยนต์คันโก้ ขับผ่านความมืดของเส้นทางประจวบฯ - กรุงเทพฯ


เพียงเวลาไม่ถึง 3 ชั่วโมง รถยนต์คันสวยก็จอดสนิทที่หน้าคอนโดหรู


“ถึงแล้วครับ...” พิษณุบอกกับหญิงสาวข้างๆ น้ำเสียงเรียบ


“ขอบคุณมากนะคะณุ.......” อรินยาหันมากล่าวกับชายหนุ่มน้ำเสียงของเธอดูไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่


“อย่าคิดมานะยาย่า ทุกอย่างจะต้องดีขึ้น” ชายหนุ่มกล่าวน้ำเสียงนุ่ม เค้ายิ้มให้เธอบางๆ


“ค่ะ ยาย่าจะต้องเข้มแข็ง อะไรหลายอย่างสอนยาย่าค่ะ” อรินยาฝืนยิ้มให้ชายหนุ่ม เธอก้าวลงจากรถ ด้วยท่าทางเนือยๆ แต่เธอก็ยังหันมาส่งยิ้มให้เค้า ก่อนจะเดินกลับขึ้นคอนโดไป


พิษณุมองอรินยาเดินกลับขึ้นคอนโดหรู จนเธอหายลับตาไป ชายหนุ่มพิงกายกับเบาะที่นั่ง.........เค้าหลับตาลงอย่างอ่อนล้า ไม่ใช่อ่อนล้าที่ร่างกาย แต่มันเป็นความรู้สึกอ่อนล้าที่หัวใจ


ภาพหญิงสาวหน้าใส ยิ้มหวานละไมผุดขึ้น ในห่วงความคิดของเค้า รอยยิ้มหวานนั้นทำให้เค้าเผลอยิ้มตาม แต่แล้วเมื่อเค้าลืมตาขึ้น ภาพนั้นก็เลือนหายไป คงทิ้งไว้แต่ความเจ็บปวดที่ฝั่งอยู่ลึกๆ ในใจเท่านั้น


“ปลา...” ชายหนุ่มเรียกชื่อของเธอออกมาเบาๆ พร้อมกับความรู้สึกที่เจ็บลึก




โดย: kokoo_129 วันที่: 19 ตุลาคม 2552 เวลา:19:47:55 น.  

 




รถยนต์คันหรู วิ่งมาตามเส้นทางหลวง กรุงเทพฯ - ประจวบฯ จนมาจอดที่หน้าโรงพยาบาลหรูแห่งหนึ่ง


“ตุ้มเดี๋ยวขับรถไปส่งคุณปุ่นนะ แล้วฉันจะขับรถตามไปเอง” พาสนาหันไปบอกกับปัฐวี


“ได้ไง ขาแกยังเจ็บอยู่นะปลา” ปัฐวีมองสภาพของพาสนาด้วยความรู้สึกเป็นห่วง


“แล้วจะปล่อยคุณปุ่นขับกลับยังไง นี่ก็ดึกแล้ว และคุณปุ่นก็ดูเหนื่อยๆ” พาสนาหันมองไปทางปัญจรีที่นั่งอยู่ด้านหลัง ซึ่งมีท่าทางเพลียๆ


“รอฉันอยู่ที่นี่ละปลา เดี๋ยวฉันขับไปส่งคุณปุ่นแล้ว จะรีบมารับ” ปัฐวีบอกกับพาสนา


“ยุ่งยากน่า” พาสนาขมวดคิ้วมองอีกฝ่าย


“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ปุ่นขับกลับเองได้” ปัญจรีกล่าวน้ำเสียงนิ่งๆ เมื่อเห็นคนทั้งสองพูดคุยถกเถียงกัน


“ไม่เป็นไรฮะคุณปุ่น ปลาว่าให้ตุ้มขับไปส่งดีกว่า” พาสนายังคงยืนยันให้ปัฐวีไปส่งปัญจรีอยู่ดี


“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ปุ่นไม่รบกวนดีกว่า” ปัญจรียังคงยืนยันความต้องการของเธอ


“เฮ้อออ เรื่องมากจริงๆ” ปัฐวีทำท่าหงุดหงิดออกมา เค้าขับรถออกจากหน้าโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว


“เฮ้ยยย ทำอะไรอ่ะตุ้ม” พาสนาร้องโวยออกมาอย่างไม่เข้าใจ


“ไปส่งเจ้าหญิงก่อน เดี๋ยวเราสองคนค่อยนั่งแท็กซี่กลับมาเอารถ” ปัฐวีตอบน้ำเสียงขุ่น ปัญจรีฟังชายหนุ่มพูดด้วยสีหน้าไม่พอใจ


พาสนานั่งมองหน้าคนข้างๆ ด้วยความงุนงง แต่ดูท่าทางของเค้าจะหงุดหงิดเอาเรื่องเธอจึงได้แต่นั่งเงียบๆ


ปัฐวีมองผ่านทางกระจกส่องหลัง เค้าจ้องมองหญิงสาวที่นั่งอยู่เบาะหลังด้วยแววตาขุ่นเคือง แต่หญิงสาวเองก็ไม่ต่างจากเค้าสักเท่าไหร่ เธอมีท่าทางไม่พอใจอยู่ไม่น้อย


เมื่อขับรถมาส่งปัญจรีถึงบ้านของเธอ ปัฐวี และพาสนาก็ลงจากรถเพื่อเดินทางกลับไปเอารถของพาสนาที่โรงพยาบาลเพื่อจะกลับบ้านของเธอ


“ขอบคุณมากนะคะปลา” ปัญจรีกล่าวกับพาสนาก่อนจะเข้าบ้านของเธอ หญิงสาวชำเลืองมองปัฐวีเล็กน้อย ด้วยความไม่พอใจ


“ไม่เป็นไรฮะ” พาสนากล่าวยิ้มๆ


“ไปกันเถอะ ดึกแล้ว” ปัฐวีคว้ามือพาสนา แล้วพาเธอเดินจากออกมาโดยไม่สนใจปัญจรีแม้แต่น้อย


หญิงสาวมองอาการของชายหนุ่มด้วยแววตาขุ่นเคือง เธอกลับเข้าไปในรถของเธอ แล้วขับมันเข้าไปในรั้วบ้าน โดยท่าทีโกรธๆ


“อะไรของแกวะตุ้ม ฉันยังคุยไม่เสร็จเลย..” พาสนาโวยออกมาเมื่อปัฐวีลากให้เธอเดินออกมาแบบนี้


“จะคุยอะไรกันนักกันหนา.......เค้าไม่ได้มาสนใจอะไรคนอย่างพวกเรานักหรอกน่า” ปัฐวีตอบกลับน้ำเสียงเครียดๆ


“.........” พาสนาฟังคำของปัฐวีก็ต้องสะอึกไปเหมือนกัน ใช่ซินะ.........โลกของปัญจรี อรินยา และพิษณุมันช่างแตกต่างกับโลกของเธอ และปัฐวีโดยชิ้นเชิง หญิงสาวขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยความรู้สึกบางอย่างในใจ


ปัฐวีและพาสนากลับมาที่โรงพยาบาลอีกครั้ง เพื่อมาเอารถของพาสนาที่จอดทิ้งไว้เมื่อหลายวันก่อน........ทั้งคู่ขับรถกลับบ้านด้วยความเงียบ........ทุกอย่างดูเงียบจนผิดปรกติจากเดิมไป
.
.
.
พิษณุขับรถกลับสู่บ้านไตรศร


ชายหนุ่มนั่งนิ่งอยู่ในรถอย่างเหนื่อยๆ เค้าเอนตัวพิงกับเบาะอย่างล้าๆ และมองเข้าไปในบ้าน ซึ่งเค้าเองก็ไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรรออยู่ แต่คงเป็นเรื่องสำคัญมากๆ ไม่งั้นคุณกรุงคงไม่สั่งให้คุณต่ายโทรตามเค้ากลับมาอย่างนี้แน่ๆ


ชายหนุ่มเปิดประตูรถ และเดินเข้าไปยังตัวบ้าน


“คุณณุกลับมาแล้วหรือคะ” คุณต่ายที่วิ่งออกมาต้อนรับชายหนุ่มกล่าวถามอย่างห่วงใย


“อืมม คุณพ่อล่ะ” พิษณุพยักหน้ารับเบาๆ แล้วถามหาคุณกรุง


“ท่านอยู่ในห้องนั่งเล่นค่ะ” คุณต่ายตอบสีหน้าเจือนๆ ลงทันที


“ขอบคุณนะครับ” พิษณุกล่าวจบก็เดินตรงไปทางห้องนั่งเล่นตามที่คุณต่ายบอก


“ป้าๆ.......คุณณุกลับมาแล้วหรอ” ป๊อกแป๊กที่รู้ว่าพิษณุกลับมาแล้วจากตาซุ่ม ก็รีบวิ่งเข้ามาหาคุณต่ายทันที


“อืมม...” คุณต่ายตอบด้วยสีหน้าไม่สบายใจเท่าไหร่นัก


“โหยยย.......ไม่รู้คุณท่านจะว่ายังไงเนอะ” ป๊อกแป๊กรู้สึกสงสัยว่า คุณกรุงจะว่าอะไรพิษณุบ้าง


“ยุ่งไม่เข้าเรื่อง เรื่องของคุณๆ ยุ่งอะไรนักหะเราหน่ะ” คุณต่ายหันมาทำตาดุใส่ป๊อกแป๊ก


“โธ่ ป้า.........ถ้าไม่รักกันจริง ไม่สนหรอกนะ” ป๊อกแป๊กตอบสีหน้ายิ้มๆ


“ลามใหญ่แล้วเจ้าป๊อก มีอะไรไปทำก็ไปทำไป๊” คุณต่ายทำเสียงดุป๊อกแป๊ก ที่ยุ่งเรื่องของเจ้านายจนออกนอกหน้า


“โอ้ยๆๆ ไปก็ได้ ดุจริงป้านี่” ป๊อกแป๊ก ขมวดคิ้วยุ่งบ่นอุบ ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในครัว


คุณต่ายยืนมองเด็กป๊อกเดินกลับเข้าไปในครัว แล้วก็หันมองไปทางห้องนั่งเล่นอีกครั้ง ด้วยสีหน้าเป็นกังวล
.
.
.
พิษณุเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่น ก็พบกับคุณกรุง และคุณจินตนาที่กำลังรอคอยเค้าอยู่ คุณจินตนาหันมองมาที่บุตรชาย แล้วต้องรีบลุกขึ้นเดินมาหา


“ณุ....ณุลูก กลับมาแล้วหรือ” คุณจินตนาร้องถามบุตรชายอย่างห่วงใยตามประสาคนเป็นแม่


“สวัสดีครับ คุณพ่อ คุณแม่” พิษณุยกมือทำความเคารพบิดามารดา


“เป็นไงบ้างลูก เหนื่อยมั้ย ขับรถมาตั้งไกล” คุณจินตนากล่าวถามบุตรชายพร้อมยิ้มให้เค้า ท่านพาพิษณุมานั่งที่เก้าอี้โซฟาตัวสวย กลางห้อง


“คุณพ่อเรียกผมกลับมาด่วน มีอะไรหรือครับ” พิษณุหันไปถามบิดาเพราะความอยากรู้ว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกันแน่


“กลับมาก็ดีแล้ว.......พ่อมีเรื่องจะคุยกับแกหน่อย” คุณกรุงกล่าวน้ำเสียงเข้ม


“มีอะไรหรือครับ” พิษณุมองไปทางบิดา และมองกลับมาทางมารดา


“คุณคะ ลูกกลับมาเหนื่อยๆ ให้เค้าพักสักหน่อยก่อนไม่ดีหรือคะ” คุณจินตนาบอกกับสามีด้วยความเป็นห่วงบุตรชาย


“คุณจิน คุณเองก็อยากรู้ไม่ใช่หรือเรื่องนี้หน่ะ คุยมันซะให้รู้ๆ กันไป จะได้จบๆ” คุณกรุงกล่าวน้ำเสียงเข้ม ทำเอาคุณจินตนาสะอึก และนั่งนิ่งเงียบทันที


“มีอะไรกันหรือครับ ดูเครียดกันหมดเลย” พิษณุกล่าวถามอีกครั้ง ชายหนุ่มเห็นท่าทางของบิดา และมารดา ที่แปลกๆ ไป


“ก็เรื่องของแกนั่นล่ะ” คุณกรุงกล่าวจบก็วางหนังสือสองเล่มลงกับโต๊ะ เพื่อให้พิษณุหยิบขึ้นมาอ่าน


ชายหนุ่มมองหนังสือซุบซิบที่วางอยู่ตรงหน้าสองเล่ม เค้าเงยหน้ามองบิดา และมารดาอีกครั้ง ก่อนจะหยิบมันขึ้นมาอ่านตามที่คุณกรุงบอก และทันทีที่พิษณุหยิบหนังสือขึ้นมาเปิดอ่าน ชายหนุ่มต้องมีสีหน้าเครียดทันที


ภาพและเนื้อหาในหนังสือ ทำเอาเค้าแทบไม่เชื่อสายตา มันสร้างแรงโกรธขึ้นมาทันที


“อะไรกัน......” ชายหนุ่มร้องออกมาด้วยน้ำเสียงขุ่นเขียว เค้าวางหนังสือลงกับโต๊ะอย่างแรง ด้วยท่าทางโกรธๆ


“นั่นซิ มันอะไรกัน แกพอจะอธิบายให้ฉัน และแม่แกฟังได้มั้ย” คุณกรุงถามกลับลูกชายของท่าน


“.......” พิษณุขมวดคิ้วแน่น เค้ามองกลับไปยังคุณกรุง และคุณจินตนา




โดย: kokoo_129 วันที่: 19 ตุลาคม 2552 เวลา:19:48:11 น.  

 



“ว่าไง ไหนลองอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นให้พ่อฟังซิ” คุณกรุงถามลูกชายด้วยน้ำเสียงเข้ม


พิษณุจ้องมองรูปในหนังสืออีกครั้ง เค้าแทบไม่เชื่อว่าภาพพวกนี้จะหลุดออกมาแบบนี้ได้ ชายหนุ่มรู้สึกทั้งโกรธ และเจ็บใจอย่างที่สุด ที่มีนักข่าว ช่างภาพตามไปเก็บรูปของเค้ากับพาสนาได้


และชายหนุ่มต้องตกใจมากขึ้น โกรธหนักขึ้น กับภาพในหนังสืออีกเล่ม ภาพเค้าและพาสนา ที่นอนกอดกันตอนติดอยู่ที่เกาะ.......ชายหนุ่มขมวดคิ้วแน่น สีหน้าเครียด เนื้อหาในหนังสือก็ทำเอาเค้าแทบกระอัก เพราะมันเป็นบทความที่ทำให้ฝ่ายหญิงเสียหายอย่างมาก


“ไม่จริง....ที่เค้าเขียนไม่จริงสักอย่าง” พิษณุขมวดคิ้วแน่น กล่าวน้ำเสียงเครียด


“แล้วมันยังไงกันละลูก บอกแม่กับพ่อมาซิ” คุณจินตนาร้องถามบุตรชายสีหน้าเครียดไม่ต่างกัน


“แล้วเค้ามีรูปแบบนี้ออกมาได้ยังไง” คุณกรุงถามกลับเสียงเข้ม


“คือ....” พิษณุมองหน้าบิดา ด้วยแววตาเครียดๆ เค้าก้มหน้ามองไปที่หนังสืออีกครั้ง


“แกจะคบใคร จะไปไหนมาไหน ฉันไม่เคยยุ่ง...” คุณกรุงกล่าวน้ำเสียงจริงจัง


“เพราะฉันถือคติ ปลูกเรือนตามใจผู้อยู่ ปลูกอู่ตามใจผู้นอน.......เรื่องของแก ฉันไม่เคยก้าวก่าย เพราะเห็นว่าแกโตพอแล้ว มีความรับผิดชอบพอแล้ว” คุณกรุงกล่าวสีหน้าจริงจัง น้ำเสียงนิ่ง แต่ดูน่าเกรงขาม


“แม่แก อยากให้แกแต่งงานกับหนูยาย่าจะตาย แต่ฉันก็ไม่เคยบังคับ เพราะถือว่า มันเป็นสิทธิ์ของแก เพราะแกต้องใช้ชีวิตไปกับผู้หญิงที่จะมาเป็นสะใภ้ฉันไปตลอดชีวิต ฉันถึงไม่บังคับอะไร ....” คุณกรุงนั่งลงกับเก้าอี้ ท่านจ้องมองพิษณุดวงตาเขม็ง


“แต่นี่..........เรื่องนี้มันใหญ่เกินกว่าที่ฉัน และแก จะควบคุมได้แล้ว” คุณกรุงกล่าวสีหน้าเครียด


พิษณุเงยหน้ามองบิดา เค้ารู้ดีว่าบิดากำลังจะพูดอะไรต่อไป


“หุ้นส่วนของบริษัท โทรมาถามฉันว่า มันเกิดอะไรขึ้น ถ้าแกเป็นแค่ลูกตาสี ตาสา มันก็คงไม่เป็นไร แต่นี่แกเป็นผู้บริหารระดับสูงของบริษัทไตรศร เป็นลูกของประธานใหญ่ของบริษัทฯ แกจะให้ฉันตอบพวกเค้าว่ายังไง แกรู้มั้ยสองวันมานี่หุ้นของบริษัทฯ เราตกแค่ไหน เพราะลูกค้า ไม่แน่ใจกับการเชื่อมั่นผลงานบริษัทฯ เรา” คุณกรุงกล่าวกับลูกชายของท่าน


“ฉันขอสั่งแกนะณุ.......ไม่ว่าแกจะรักใคร ให้จัดการเคลียร์ทุกอย่างให้เร็วที่สุด ถ้าไม่ได้ ฉันจะตามใจแม่แก” คุณกรุงกล่าวจบก็ลุกขึ้น แล้วเดินออกจากห้องไปด้วยท่าทางเครียดๆ


พิษณุขมวดคิ้วมองตามหลังบิดาที่เดินออกไปด้วยความรู้สึกจุกแน่นเต็มทน


“ณุ........ไหนบอกแม่ได้มั้ยว่า เด็กในรูปเป็นใคร แล้ว...........ทำไม........” คุณจินตนาค่อยๆ กล่าวซักถามลูกชายของท่าน


“คุณแม่ครับ ผมขอโทษนะครับ ผมรู้สึกเหนื่อย...” พิษณุกล่าวกับมารดา แล้วลุกขึ้นเดินออกไปนอกห้องนั่งเล่น พร้อมกับหนังสือสองเล่มในมือ


“เฮ้ออออออ...........” คุณจินตนาถอนหายใจออกมาอย่างอ่อนใจ ท่านยกมือกุมขมับแน่น เมื่อนึกถึงเรื่องของบุตรชาย


พิษณุเดินกลับขึ้นห้องของเค้า .....ชายหนุ่มมองหนังสือในมือ แล้วก็ปามันลงกับพื้นอย่างเคืองๆ


“ไอ้บ้าเอ้ย....” พิษณุสบถออกมาด้วยอารมณ์โกรธ เค้าอยากจะระเบิดอารมณ์ออกมา ทำไมนักข่าวถึงได้ลงเนื้อหาของภาพได้น่าเกลียดอย่างนี้ แล้วชายหนุ่มก็ต้องหยุดนิ่งอึ้งไป เมื่อคิดถึงอีกคนที่อยู่ในรูป


“ปลา....” เค้านึกขึ้นได้ว่า หากพาสนาเห็นข่าวนี้เข้า เธอจะรู้สึกอย่างไร.......เธอคงโกรธมาก และอาจจะพาลเกลียดเค้าไปด้วยก็ได้ ชายหนุ่มรีบหยิบมือถือขึ้นมา แล้วกดโทรออกทันที


“สวัสดีค่ะ ไตรศร หัวหิน รีสอร์ทค่ะ” เสียงจากปลายสายรับโทรศัพท์กล่าวทักทายเสียงอ่อนหวาน


“ฮัลโหล ขอสายคุณภูเบศหน่อย” พิษณุกล่าวน้ำเสียงเครียด


“ไม่ทราบใครจะเรียนสายด้วยคะ” เสียงสาวสวยจากปลายสายซักถามเพิ่ม


“ผมพิษณุ” พิษณุตอบน้ำเสียงเข้ม


“เออ รอสักครู่นะคะคุณณุ” เสียงจากปลายสายดูมีอาการร้อนรนนิดๆ แล้วรีบกดพักสายเพื่อโอนสายไปยังห้องทำงานของคุณภูเบศ ผู้จัดการรีสอร์ท


“ฮัลโหลครับ ภูเบศพูดครับ” ผู้จัดการรีสอร์ทกล่าวทักทายเมื่อรับโทรศัพท์


“คุณภูเบศหรือ นี่ผมพิษณุนะ” ชายหนุ่มกรอกเสียงไปตามสาย


“สวัสดีครับคุณณุ ไม่ทราบกลับถึงกรุงเทพฯ แล้วหรือครับ” ผู้จัดการรีสอร์ท กล่าวถามด้วยความเป็นห่วง


“ขอบใจ ถึงแล้ว.......” พิษณุตอบกลับน้ำเสียงเรียบ


“คุณณุโทรมามีอะไรจะสั่งผมรึป่าวครับ” ผู้จัดการรีสอร์ทกล่าวถามด้วยความสงสัย


“คุณภูเบศ ผมรบกวนหน่อยซิ ช่วยไปที่บ้านพักด้านขวาริมให้หน่อย ไปดูว่าคุณพาสนา เป็นยังไงบ้าง” พิษณุกล่าวน้ำเสียงเบาลง


“เออออ......” คุณภูเบศ ฟังคำสั่งของเจ้านายด้วยอาการนิ่งๆ


“คือผมคงทำไม่ได้แล้วครับ” ผู้จัดการรีสอร์ทกล่าวโต้กลับน้ำเสียงเบาๆ


“ทำไม...” พิษณุตะวาดเสียงดังอย่างลืมตัว


“เออ คือ.......คุณพาสนากลับกรุงเทพฯ ไปพร้อมๆ กับเพื่อนๆ แล้วครับ” คุณภูเบศตอบกลับน้ำเสียงอ่อยๆ


“หะ กลับกรุงเทพฯ แล้ว ตั้งแต่เมื่อไหร่” พิษณุกล่าวถามด้วยท่าทางร้อนใจ


“กลับไปเมื่อตอนเย็นนี้เองครับ หลังจากที่คุณณุกลับไปได้ไม่ถึงชั่วโมง”


พิษณุฟังคำตอบจากผู้จัดการรีสอร์ท ก็ถึงกับขมวดคิ้วแน่น


“บ้าจริง” ชายหนุ่มสบถออกมา พร้อมกับกดวางสายมือถือ ด้วยท่าทางไม่พอใจ


“โอ้ยยยย...” พิษณุรู้สึกโมโหกับเรื่องที่เกิดขึ้น เค้าปามือถือของเค้าลงกับที่นอน แล้วยกมือขึ้นขยี้ผมตัวเอง ด้วยท่าทางหงุดหงิด
.
.
.
ปัฐวีขับรถยนต์คันน้อย มาจอดที่หน้าบ้านของพาสนา เค้าค่อยๆ พาเธอลงมาจากรถ เพราะกลัวอาการเจ็บที่ขาจะสะเทือน


“เฮ้ยยย อะไรวะ ฉันเดินเองได้น่า” พาสนาบอกกับปัฐวีที่ทำราวกับว่าเธอเป็นคุณหนูที่ต้องคอยดูแลอย่างมาก


“แกยังเจ็บอยู่นี่หว่า” ปัฐวีตอบพร้อมกับยิ้มให้เธอ


“ไม่ต้องๆ“ พาสนาโบกมือให้ปัฐวีไปมา แล้วเดินเข้าไปในบ้าน ปัฐวีเดินถือกระเป๋าของเธอตามเข้าไป


ในบ้านดูเงียบผิดปรกติ พาสนามองเข้าไปในบ้าน ก็เห็นว่าทุกอย่างเงียบอย่างมาก.....เมื่อประตูบ้านเปิดออก พาสนาก็มองไม่เห็นใครเลย ในบ้านดูเงียบจนผิดสังเกต เธอมองไปรอบๆ ก็ไม่พบใครสักคน


“แม่........แมงปอ........” พาสนาส่งเสียงเรียกคนที่เธอคิดว่าน่าจะอยู่ในบ้าน แต่ทุกอย่างก็เงียบ


“เอ หรือว่าหลับหมดแล้ว” ปัฐวีพูดขึ้น


“ไม่นะ แม่ไม่นอนไวขนาดนี้หรอก อีกอย่าง เจ้าแมงปอ ก็ต้องออกมาซิ” พาสนาขมวดคิ้ว แล้วมองไปรอบๆ บ้านอีกครั้ง


“แม่ปลากลับมาแล้ว” พาสนาเปิดประตูห้องคุณสุเข้าไป เธอคิดว่าน่าจะเจอท่านในห้อง แต่ก็ผิดถนัด ในห้องว่างเปล่า ไม่มีใครอยู่เลย


“แม่ไปไหนอ่ะ...” พาสนารู้สึกงุนงง เมื่อไม่เจอมารดา


“แมงปอ...” ปัฐวีช่วยพาสนาส่งเสียงเรียกสาวน้อยอีกคน แต่ก็ไร้ซึ่งเสียงตอบรับ


“เค้าไปไหนกันนะ” พาสนายกมือเกาศีรษะเบาๆ เธอไม่เข้าใจว่า ทุกคนหายไปไหนกันหมด





โดย: kokoo_129 วันที่: 19 ตุลาคม 2552 เวลา:19:48:26 น.  

 


“แม่น่าจะรู้นะ” ปัฐวีพูดขึ้น แล้วหันไปทางโทรศัพท์ เค้าหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเบอร์บ้านของเค้าอย่างรวดเร็ว


พาสนามองไปรอบๆ บ้านอีกครั้ง แล้วหยุดมองไปทางปัฐวีเพื่อรอฟังข่าวจากชายหนุ่ม


“ฮัลโหลแม่หรอ....นี่ฉันตุ้มเองนะแม่” ปัฐวีกล่าวขึ้นเมื่อปลายสายรับโทรศัพท์


“ว่าไงเจ้าตุ้ม แกหายหัวไปไหนมา แล้วหนูปลาอยู่กับแกรึป่าว” ป้าหมูเล็กแผดเสียงดังมาตามสาย เล่นเอาปัฐวีต้องยกหูโทรศัพท์ออกห่างหูของเค้าทันที


“แม่เบาๆ หน่อย หูจะแตกแล้ว” ปัฐวีกรอกเสียงไปตามสาย เพื่อบอกให้มารดาของเค้าลดเสียงลง


“ว่าไง ปลาอยู่กับแกรึป่าวเจ้าตุ้ม” ป้าหมูเล็กยังคงไม่ลดเสียงของท่าน


“อยู่ซิแม่...” ปัฐวีขมวดคิ้วตอบ เค้าต้องเอาหูโทรศัพท์ยื่นออกห่างจากหูของเค้า เพราะพลังเสียงที่ดังกลับมานั้น ทำให้ขี้หูแทบจะออกมาเต้นระบำ


“เออ ดีแล้ว และนี่อยู่ไหนกัน” ป้าหมูเล็กถามกลับน้ำเสียงเครียด


“อยู่บ้านปลามัน ว่าแต่แม่รู้มั้ย บ้านนี้เค้าไปไหนกันหมด........เนี่ยะมาถึงไม่มีใครอยู่เลย” ปัฐวีถามกลับสีหน้าสงสัย


“เค้าอยู่โรงพยาบาล” ป้าหมูเล็กตอบน้ำเสียงเบาลง


“หะว่าไงนะแม่.......ไปทำอะไรที่โรงพยาบาล” ปัฐวีมีอาการตกใจ ถามกลับเสียงหลง


“เฮ้ยยย ไอ้ตุ้ม เบาๆ ซิ แม่หูแทบแตก” ป้าหมูเล็กทำเสียงดุกลับมาเมื่อปัฐวีทำเสียงดังใส่


“โรงพยาบาล ใครเป็นอะไรตุ้ม” พาสนาขมวดคิ้วร้องถามปัฐวีเมื่อได้ยินเค้าพูดถึงโรงพยาบาล


“ว่าไงแม่ เค้าไปทำอะไรกัน” ปัฐวีรีบถามป้าหมูเล็กทันที


“เค้าไปโรงพยาบาลไปร้องเพลงกันมั้ง.......เค้าก็ไปหาหมอซิวะ ถามแปลกจริง” ป้าหมูเล็กตอบยกย้อนลูกชาย


“เวลาแบบนี้ยังมีอารมณ์ตลกอีกนะแม่ฉัน” ปัฐวีกล่าวน้ำเสียงเนือยๆ เมื่อได้ยินมารดาของเค้าตอบกลับมา


“บอกปลามันด้วยนะว่า ตอนนี้น้าสุเค้าไปนอนโรงพยาบาล” ป้าหมูเล็กกล่าวน้ำเสียงจริงจัง


แต่คำตอบของป้าหมูเล็กนั้น ทำเอาปัฐวีนิ่งเงียบ...........ชายหนุ่มหันมองกลับไปทางพาสนา สีหน้าของเธอแสดงอาการวิตกกังวลโดยที่เค้ายังไม่ทันได้บอกอะไรกับเธอ


“ว่าไงตุ้ม ใครเป็นอะไร” พาสนาขมวดคิ้วถามปัฐวี


“น้าสุเค้าเห็นข่าวเจ้าปลาในหนังสือ เค้าเสียใจมาก จนล้มป่วย ยังไงแกดูแลเจ้าปลาดีๆ ด้วย พรุ่งนี้ค่อยพาไปโรงพยาบาล ขืนพาไปตอนนี้ น้าสุแกได้ ช๊อคอีกรอบ เพราะท่าทางจะโกรธเจ้าปลาเอามากๆ” ป้าหมูเล็กกล่าวน้ำเสียงเครียดๆ


“จ๊ะแม่...” ปัฐวีรับคำมารดา สีหน้านิ่ง


“เอออ แล้วยังไงพรุ่งนี้เช้าฉันจะรีบไปที่บ้านโน้น” ป้าหมูเล็กกล่าวน้ำเสียงจริงจัง


“จ๊ะแม่” ปัฐวีรับคำอีกครั้ง ก่อนจะวางหูโทรศัพท์ลง


“ว่าไงตุ้ม ใครเป็นอะไร” พาสนาร้องถามปัฐวีอีกครั้ง เธอจ้องมองเค้าด้วยสีหน้าเป็นกังวล


“เอออคือ........” ปัฐวีเองก็ไม่รู้จะตอบพาสนาอย่างไรดี แต่หากบอกว่าคุณสุเข้าโรงพยาบาล พาสนาก็ต้องตามไปแน่ๆ ชายหนุ่มพยายามหาคำตอบที่ดีที่สุดให้กับพาสนา


“ว่าไงตุ้ม” พาสนาขมวดคิ้วถามปัฐวีสีหน้าเครียด


“คือ....คือ.....อ้อ น้องแมงปอไม่สบาย” ปัฐวีจำใจต้องพูดโกหกออกไป


“น้องแมงปอ ไม่สบาย เลยไปนอนโรงพยาบาล น้าสุก็เลยตามไปอยู่เป็นเพื่อน” ปัฐวีตอบพร้อมกับยิ้มให้พาสนา รอยยิ้มของเค้าดูฝืดเต็มทน


“เหรอ โรงพยาบาลอะไรล่ะ เราไปเยี่ยมกัน” พาสนาทำท่าจะออกไปโรงพยาบาลอีกครั้ง แต่ปัฐวีก็จับมือของเธอเอาไว้


“อย่าไปเลยปลา ฉันว่าแกนอนพักซะก่อนดีกว่า พรุ่งค่อยไปก็ได้ น้องแมงปอไม่เป็นอะไรมากหรอก” ปัฐวีกล่าวกับพาสนา


“แต่...” พาสนายังคงอยากจะไปอยู่ดี


“เชื่อฉันเถอะ แกนอนพักสักหน่อยนะ ขาแกก็เจ็บอยู่ด้วย” ปัฐวีก้มมองที่เท้าของพาสนา


“.........” พาสนายืนนิ่ง เธอเองก็รู้สึกอ่อนเพลียอยู่เหมือนกัน


“นะ แล้วพรุ่งนี้เราค่อยไปกันก็ไม่สายนิ” ปัฐวีบอกกับพาสนาน้ำเสียงนุ่ม


“อืมม ก็ได้” พาสนายอมฟังชายหนุ่ม เธอยอมเชื่อเค้า


“งั้นก็ไปอาบน้ำนอนเถอะ........แล้วฉันจะนอนอยู่ข้างนอกเนี่ยะเป็นเพื่อน” ปัฐวีกล่าวจบก็นั่งลงกับเก้าอี้ไม้ตัวยาว ที่ตั้งอยู่กลางบ้าน


“อืมมม แกจะอาบน้ำมั้ย ไปอาบก่อนได้นะ” พาสนาบอกกับปัฐวี


“โอ้ยย ไม่ต้องห่วงหรอก บ้านนี้ก็เหมือนเป็นบ้านฉันหน่ะล่ะ แกไปพักผ่อนเถอะ” ปัฐวียิ้มให้พาสนา


“อืมม...” พาสนาพยักหน้ารับเบาๆ ก่อนจะเดินเข้าห้องของเธอ


ปัฐวีนั่งพิงกับพนักเก้าอี้ตัวยาว เค้ารู้สึกหนักใจอย่างมากกับเรื่องที่ได้ฟังจากแม่ของเค้า.........ข่าวของพาสนาในหนังสือ มันข่าวอะไรกัน ทำไมถึงทำให้คุณสุต้องเข้าโรงพยาบาล ชายหนุ่มรู้สึกเครียดขึ้นมาทันที


ปัฐวีล้มตัวลงนอนเหยียดยาวกับเก้าอี้ไม้ตัวยาวอย่างเหนื่อยๆ...........แล้วสายตาเค้าก็ไปหยุดกับหนังสือเล่มหนึ่ง ที่วางกองอยู่ใต้โต๊ะตัวเล็กข้างเก้าอี้ที่เค้านอนอยู่ ชายหนุ่มลุกขึ้นนั่ง แล้วก้มหยิบหนังสือเล่มนั้นขึ้นมา.........ตัวหนังสือมีรอยยับ และมีร่องรอยฉีกขาดเล็กน้อย


“หนังสืออะไรวะ” ปัฐวีบ่นออกมาเบาๆ เค้าค่อยๆ เปิดหนังสือออกมาดู แล้วชายหนุ่มก็ต้องตกตะลึงกับภาพที่เห็นในหนังสือ


“เวรแล้วมั้ยล่ะ” ชายหนุ่มสบถออกมาเบาๆ เมื่อเห็นรูป และเนื้อหาในหนังสือ


“ตุ้ม ฉันเอาผ้าห่มกับหมอนมาให้” พาสนาเดินตรงมาทางปัฐวี เธอถือผ้าห่ม และหมอนมาให้เค้าเพื่อใช้นอนในคืนนี้ แต่สายตาของเธอกลับมองไปทางหนังสือที่ปัฐวีกำลังนั่งอ่านอยู่


“อ่านอะไรอ่ะ” พาสนาร้องถามชายหนุ่มอย่างสงสัย


ปัฐวีสะดุ้งทันที เค้ารีบเอาหนังสือในมือแอบไว้ด้านหลัง แล้วหันมายิ้มให้พาสนา


“มะ....ไม่มี ไม่มีอะไร” ปัฐวีกล่าวน้ำเสียงตะกุกตะกัก


“..........” พาสนาขมวดคิ้วมองอีกฝ่าย เธอรู้จักเค้าดี ดีจนรู้ว่าชายหนุ่มต้องมีอะไรบางอย่างปิดบังเธอเอาไว้แน่ๆ


“มีอะไรอยู่ข้างหลัง ไหนเอามาดูหน่อยซิ” พาสนาแบมือให้ชายหนุ่มเพื่อของสิ่งที่เค้ากำลังแอบซ่อนเธออยู่


“ไม่มี้....ไม่มีอะไรจริงๆ” ปัฐวีรีบตอบปฏิเสธ แต่สีหน้าของเค้ามันกลับแสดงให้รู้ว่ามีอะไรจริงๆ


“ตุ้ม...เอามา” พาสนาขมวดคิ้วทำตาดุใส่อีกฝ่าย


“แกอย่าอ่านเลยปลา ฉันว่าแกไปนอนเหอะนะ เชื่อฉัน” ปัฐวียังคงไม่ยอมให้พาสนาอ่านหนังสือในมือของเค้าอยู่ดี


“เอามาตุ้ม” พาสนาทำเสียงดุขึ้น เธอจ้องมองเค้าด้วยแววตาเอาจริง


“ฉัน....ฉัน....” ปัฐวีรู้ดีว่าไม่ควรทำให้พาสนาโกรธ ชายหนุ่มไม่อยากจะให้เธออ่านสักเท่าไหร่ แต่ก็จนใจที่จะขัดใจเธอ


“เอามา...” พาสนาเอื้อมมือไปหยิบหนังสือจากมือชายหนุ่มที่ซ่อนไว้ด้านหลังของเค้ามาถือไว้


“ปลา...ฉันไม่อยากให้แกอ่านนะ” ปัฐวียังคงร้องบอกกับพาสนา


“มีอะไร ไหน...” พาสนาขมวดคิ้วยุ่ง แล้วเปิดหนังสือดู แต่แล้วเมื่อเธอเห็นรูปในหนังสือ ก็ทำเอาเธอแทบช๊อค......หญิงสาวมีสีหน้าเครียด นิ่ง


“ปลา....” ปัฐวีเรียกชื่อหญิงสาวเมื่อเห็นสีหน้าของเธอ


พาสนามองดูรูปในหนังสือ แววตาของเธอมันกำลังเปลี่ยนไป





โดย: kokoo_129 วันที่: 19 ตุลาคม 2552 เวลา:19:48:44 น.  

 

พาสนายืนมองรูป และข่าวในหนังสือ มือของเธอเริ่มสั่น.....ดวงตาของเธอกำลังเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวขึ้น


“ปลา...” ปัฐวีเรียกชื่อหญิงสาว เมื่อเห็นเธอกำลังมีอาการโกรธมากขึ้นเรื่อยๆ


“ฉัน....ฉันขอตัวนะตุ้ม” พาสนาพยายามสงบอารมณ์ แล้วเดินเข้าห้องของเธออย่างรวดเร็ว


“เฮ้ยย ปลา...” ปัฐวีร้องเรียกพาสนา แต่เธอก็ปิดประตูห้องสนิทไปแล้ว


“เฮ้อออออออออ มันอะไรกันนักวะ” ปัฐวียกมือกุมขมับอย่างเหนื่อยใจ เค้ามองไปทางประตูห้องของพาสนาอีกครั้ง ด้วยความรู้สึกห่วงใยเธออย่างมาก


พาสนายืนนิ่งหลังประตูห้องของเธอ........เธอก้มหน้าอ่านหนังสือในมืออีกครั้ง รายละเอียดของเนื้อหามันกำลังบอกว่า........เธอเป็นผู้หญิงที่หวังจะรวยทางลัด จ้องจับพิษณุ โดยเอาตัวเข้าแลก และภาพที่ตีพิมพ์อยู่เป็นภาพเธอกับพิษณุที่เกาะนั่น


หญิงสาวจ้องมองรูปนั้นด้วยความรู้สึกเจ็บแปลบเข้าไปถึงข้างใน เธอไม่รู้ว่ารูปนี้เกิดขึ้นมาได้อย่างไร ในเมื่อในเวลานั้น ที่เกาะนั่นมีเพียงเธอ และเค้าเท่านั้น นักข่าว ตากล้องตามไปถ่ายรูปได้อย่างไร หรือว่า มีใครวางแผนเอาไว้


คิดได้แค่นี้ พาสนาก็รู้สึกเจ็บที่หน้าอกข้างซ้าย มันเจ็บจี๊ดเหมือนมีเข็มแหลมๆ พุ่งเข้ามาแทงกลางหัวใจของเธอ หญิงสาวเม้มริมฝีปากของเธอแน่น ดวงตาที่แสดงถึงความโกรธกำลังเปลี่ยนเป็นความเศร้าอย่างที่สุด


“แพ้แล้ว ฉันแพ้คุณราบคาบจริงๆ” พาสนาพูดออกมาน้ำเสียงสั่น


ร่างของเธอทรุดลงกับพื้นห้อง


“ฉันแพ้แล้ว.......แพ้แล้ว....” พาสนาพูดออกมาน้ำเสียงสะอื้น น้ำตาหยดใส กำลังจะไหลออกมา


เธอก้มหน้ามองรูปในหนังสืออีกครั้ง ความเจ็บปวดที่มีกำลังพรั่งพรูออกมาไม่จบสิ้น.........ภาพวันคืนดีๆ ที่เธอมีกับเค้า มันคืออะไร มันเป็นเรื่องหลอกลวงใช่มั้ย เค้ายอมทำทุกอย่างเพื่อให้เธอตกหลุมพร่างใช่มั้ย


“...............ผู้ชายใจร้าย.......คนใจร้าย” พาสนาปาหนังสือในมือไปอีกมุมห้อง เธอพร่ำพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสะอื้น เธอไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงได้รู้สึกเจ็บขนาดนี้ ความไว้ใจ เชื่อใจที่มีมันกำลังทำร้ายเธอ


หญิงสาวยกมือขึ้นปิดหน้าของเธอ เธอไม่อยากให้ใครเห็นน้ำตาของความอ่อนแอของเธอ ไม่อยากให้ใครรู้ว่าตอนนี้เธอกำลังเสียใจมากแค่ไหน ทรมานใจมากแค่ไหน
.
.
.
พิษณุออกมายืนตรงระเบียงห้อง ชายหนุ่มมองไปบนท้องฟ้าที่มืดมิด.........เค้ากำลังครุ่นคิดถึงเรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้น และผู้หญิงคนหนึ่งที่เค้ากำลังห่วงความรู้สึกของเธออย่างมากมาย


“ปลา.....ตอนนี้จะเป็นยังไงบ้างนะ” ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาเบาๆ หลายต่อหลายครั้ง


เค้าอยากจะไปหาเธอ แต่เค้าก็ไม่รู้จักบ้านของเธอ จะโทรไปคุย ก็ไม่มีเบอร์ เค้าคงทำได้เพียงแต่รอ รอว่าพรุ่งนี้เค้าจะไปหาเธอที่ผับ บางทีเค้าอาจได้เจอเธอที่นั่น
.
.
.
อรินยา นั่งเหม่ออยู่ในห้องของเธอ หญิงสาวได้แต่ถอนหายใจออกมา........ข้างกายมีขวดเหล้าตั้งอยู่ เธอมองไปที่น้ำใสๆ ในขวดนั้น


“ปลา.....ปลาคะ....” อรินยาเอ่ยชื่อพาสนาออกมาเบาๆ เธอไม่รู้ว่าทำไม จนป่านนี้เธอยังคงตัดใจจากพาสนาไม่ได้สักที เธอรู้แต่ว่าทุกครั้งที่คิดถึง มันเจ็บเหลือเกิน


หญิงสาวมองน้ำสีเหลืองใสในขวดเหล้า......เธอไม่ได้หยิบมันขึ้นมาดื่มแม้สักหยดเดียว เธอเอาแต่นั่งมองมันเฉยๆ เพราะเธอกลัวว่าถ้าเธอดื่มมันเข้าไป เธออาจจะทำอะไรบ้าๆ ลงไปอีก หญิงสาวไม่ได้กลัวว่าตัวเองจะเป็นอะไรไป แต่คนที่รอเธออยู่ต่างหากที่จะเสียใจ นั่นคือท่านฑูต และคุณเพ็ญศรี มารดาของเธอที่จะเสียใจ


อรินยานั่งมองน้ำสีเหลืองใสในขวด แล้วน้ำตาของเธอก็ไหลร่วงลงมาอีก


เมื่อรู้สึกรักใครสักคน หวังว่าจะได้อยู่เคียงข้างกัน แต่สุดท้าย......สิ่งที่หวัง สิ่งที่คิดก็ผิดพลาดไป ยังไงผู้หญิงก็ต้องคู่กับผู้ชาย ไม่ว่ายุคไหน สมัยไหน ไม่มีอะไรมาเปลี่ยนแปลงมันได้เลย เพราะโลกนี้สร้างสองสิ่งนี้มาคู่กัน


อรินยา นั่งทำใจยอมรับมัน เธอกำลังพยายามยอมรับความจริงข้อนี้
.
.
.
ปัญจรี นั่งนิ่งอยู่บนเตียงนอนของเธอ ........หญิงสาวพยายามไม่คิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น แต่มันก็อดไม่ได้ เธอยกมือขึ้นแล้วลูบริมฝีปากของเธอเบาๆ ภาพในวันแรกที่เจอกับเค้า มันทำให้เธอรู้สึกหนาวสะท้านถึงข้างใน


ทุกสัมผัสที่มีต่อกัน มันทำให้เธอไม่อาจลืมเลือนได้เลย แต่ยิ่งคิด เธอก็ยิ่งเจ็บ ยิ่งรู้สึก ก็ยิ่งทรมาน สองมือของเธอยกขึ้นกอดกันไว้......ร่างบางรู้สึกเหน็บหนาว และทรมานอย่างที่สุด


สองขาของเธอถูกยกขึ้นชันเอาไว้ แล้วหญิงสาวก็นั่งกอดเข่า ซบหน้าลงกับขาของเธอเอง.....เสียงสะอื้นดังออกมาเบาๆ
.
.
.
ปัฐวีที่นอนอยู่ตรงเก้าอี้ตัวยาวด้านนอก.........เค้ารู้สึกห่วงใยคนที่อยู่ภายในห้องนั้น


ชายหนุ่มรู้แล้วว่า ทำไมคุณสุ ต้องเสียใจถึงขนาดนอนโรงพยาบาล ก็ข่าว และภาพที่ลงตีพิมพ์ในหนังสือ มันช่างเลวร้ายอย่างที่สุด วันนั้นเค้าเองก็ไปด้วย แต่ทำไมเค้าถึงไม่เห็นช่างภาพเลยสักคน ช่างภาพคนนี้ไปได้รูปมาจากไหนกัน ยิ่งคิด ปัฐวีก็ยิ่งสับสน ไม่เข้าใจ


“เฮ้อออออ..........” ชายหนุ่มถอนหายใจออกมา อย่างกลุ้มๆ เค้ามองไปทางห้องของพาสนาอีกครั้ง แสงไฟในห้องยังคงสว่างอยู่ นั่นก็เท่ากับว่าเธอยังไม่หลับ


“จะไปหลับลงได้ยังไง เจอข่าวแบบนั้นเข้าไป เฮ้ออออออ ปลาเอ้ย” ปัฐวีพูดออกมาเบาๆ อย่างเห็นใจพาสนาเป็นที่สุด


แล้วชายหนุ่มก็ต้องถอนหายใจออกมาอีกเฮือกใหญ่ เมื่อกลับมาคิดถึงเรื่องของตัวเอง


“คิดอะไรวะ.........ให้มันเป็นแบบนี้ล่ะดีแล้ว เค้ารึจะมาสนคนอย่างแกไอ้ตุ้ม ไม่เห็นมีอะไรเลย จนก็จน สาวที่ไหนจะมาชอบวะ” ปัฐวีบ่นกับตัวเอง ด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดเล็กน้อย ก่อนจะพยายามหลับตาลง
.
.
.
ร่างเล็ก นั่งพิงกับผนังห้องด้วยท่าทางเหนื่อยอ่อน....รอยน้ำตาที่เปื้อนแก้มบอกให้รู้ว่าเธอเพิ่งผ่านการร้องไห้มาหมาดๆ ดวงตาแดงกร่ำ มองออกไปนอกหน้าต่างห้อง......ลมเย็นพัดโชยเข้ามา ทำเอาผ้าม่านปลิวตามแรงลม


หัวใจของหญิงสาวกำลังกลับเข้าสู่สภาพปรกติ........มันกำลังถูกปิดตายอีกครั้ง เจ้าของมันกำลังสร้างกำแพงหนาๆ ครอบคลุมมันเอาไว้


“ต่อไป ฉันจะไม่โง่อีก......จะไม่โง่ให้ใครอีกแล้ว” พาสนาบอกกับตัวเองเบาๆ เธอมองกลับไปยังหนังสือซึ่งกองอยู่ตรงมุมห้องของเธอ


“หึ....” เสียงหัวเราะเบาๆ ในลำคอทำให้รู้ว่าเธอกำลังรู้สึกขำตัวเอง ที่ปล่อยให้เวลาเพียงไม่กี่วัน ทำให้เธอมองชายที่ร้ายกาจเป็นคนดี เธอไม่น่าลืมเลยว่า เค้าร้ายกาจมากแค่ไหน
.
.
.
ยามเช้าเข้าใกล้มาทุกที


พาสนายังคงนั่งนิ่งอยู่หน้าประตูห้องของเธอ...เธอมองไปที่หนังสือที่กองอยู่มุมห้อง แล้วความคิดบางอย่างก็ผุดขึ้นมา


“แม่...” พาสนานึกถึงคุณสุ เธอไม่รู้ว่าตอนนี้คุณสุจะเป็นอย่างไรบ้าง แล้วเมื่อมาเห็นรูป และข่าวแบบนี้ ท่านจะโกรธมากแค่ไหนกัน พาสนารู้สึกกลุ้มใจหนักขึ้นมาอีกครั้ง


“หนูปลา.....หนูปลา...” เสียงป้าหมูเล็กดังขึ้นจากหน้าห้องของพาสนา


หญิงสาวลุกขึ้นจากพื้น เธอรีบเปิดประตูให้หญิงวัยกลางคน ซึ่งยืนเรียกเธออยู่หน้าห้อง


“ป้าหมูเล็ก” พาสนาทักทายคนที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องนอนของเธอ


“หนูปลา เป็นไงบ้าง” ป้าหมูเล็กเดินเข้าห้อง พร้อมร้องถามพาสนา


“ปลา.......ป้าหมูเล็ก แม่เป็นยังไงบ้าง” พาสนาไม่อยากจะพูดถึงตัวเองในเวลานี้ เธออยากรู้เรื่องแม่ของเธอมากกว่า


“เอออ....” ป้าหมูเล็ก มีท่าทางอ้ำอึ้ง


“แม่เห็นข่าวแล้ว ว่ายังไงบ้างป้า แม่โกรธมากใช่มั้ย” พาสนากล่าวถามป้าหมูเล็กด้วยความร้อนใจ


“ป้าว่า....ปลาไปอาบน้ำแต่งตัวดีกว่านะ เดี๋ยวเราจะไปโรงพยาบาลกัน” ป้าหมูเล็กยังไม่อยากจะบอกอะไรพาสนาในตอนนี้ ท่านจึงบอกให้พาสนาไปอาบน้ำ ล้างหน้าล้างตาให้เรียบร้อยก่อน


“จ๊ะ...” พาสนารับคำป้าหมูเล็ก แต่เธอก็อดสงสัยในท่าทีของป้าหมูเล็กไม่ได้





โดย: kokoo_129 วันที่: 19 ตุลาคม 2552 เวลา:19:49:22 น.  

 


รถยนต์คันน้อย มาจอดอยู่หน้าโรงพยาบาล ป้าหมูเล็ก มองหน้าพาสนาด้วยแววตาเป็นกังวล.....ปัฐวีเองก็มีสีหน้าหมองๆ


“ป้าหมูเล็กเป็นอะไรไป ปลาเห็นเงียบตลอดทาง” พาสนาซักถามป้าหมูเล็ก เมื่อเห็นคนช่างพูดอย่างท่านนิ่งเงียบจนผิดสังเกต


“ปลา เอออออ......” ป้าหมูเล็กมองหน้าพาสนา


“จริงๆ ป้าก็ไม่อยากจะปิดนะ แต่ป้าเห็นว่าปลาเพิ่งกลับมาจากหัวหิน และก็เห็นว่า............แม่สุของปลา กำลังอารมณ์ไม่ดี” ป้าหมูเล็กพยายามค่อยๆ พูดกับพาสนา


“เรื่องนั้นปลารู้ดีว่าแม่ต้องโกรธปลามากๆ แต่ มีอะไรเหรอป้า” พาสนายังคงสงสัยกับเรื่องที่ป้าหมูเล็กกำลังจะบอกกับเธอ


“แม่เราเค้ารักเรามากนะปลา..........เค้ารักมาก ก็เลยหวังมากเป็นเรื่องธรรมดา ปลาก็รู้นิว่าแม่สุเค้าเป็นคนยังไง” ป้าหมูเล็กค่อยๆ ตะล่อมๆ พูดเข้าเรื่องของคุณสุ


“แม่เป็นอะไรหรือป้า...” พาสนาเริ่มรู้สึกถึงเรื่องไม่ดี เธอหันมองไปทางปัฐวีที่ดูจะมีสีหน้าสลดลงเรื่อยๆ


“แม่เราเค้าเสียใจมากกับข่าวที่เกิดขึ้น ตอนนี้จริงๆ แล้วคนที่มานอนโรงพยาบาลไม่ใช่เจ้าแมงปออย่างที่ตุ้มมันบอกหรอกนะ แต่เป็น...” ป้าหมูเล็กรู้สึกถึงความหนักใจที่ต้องบอกเรื่องนี้ให้พาสนารับรู้


“แม่....แม่....” พาสนารู้สึกจุกข้างใน เธอมองเข้าไปในโรงพยาบาลด้วยดวงตานิ่ง น้ำใสเออออกมาคลอเบ้าตาของเธอ


“ปลาจะไปหาแม่..” พาสนารีบลงจากรถ เธอพยายามวิ่งเข้าไปในโรงพยาบาล ทั้งๆ ที่ขาของเธอยังเจ็บอยู่


“เฮ้ยยย ไอ้ปลา” ปัฐวีรีบลงจากรถตามพาสนาไปติดๆ


“เฮ้ออออออ....”ป้าหมูเล็กมองพาสนาที่วิ่งเข้าไปในโรงพยาบาล ท่านรู้สึกหนักใจกับเรื่องวุ่นๆ นี้


“แม่....” พาสนาวิ่งเข้ามาในโรงพยาบาล เธอมองไปรอบๆ หญิงสาวรู้สึกสับสน เธอรู้แต่ว่าต้องเจอแม่ของเธอให้ได้


“พยาบาลคะ แม่ฉันอยู่ห้องไหน....เออ คุณสุอยู่ห้องไหนคะ” พาสนารีบวิ่งเข้าไปถามนางพยาบาลที่เคาน์เตอร์เพื่อถามหามารดาของเธอ


“คุณสุหรือคะ รอสักครู่นะคะ” นางพยาบาลหันไปกดคอมพิวเตอร์เพื่อหาข้อมูลของคนไข้


“คุณสุกานดา วงษ์พิพัฒษ์ ใช่มั้ยค่ะ” นางพยาบาลหันมาถามพาสนาอีกครั้ง


“ฮะ....ใช่ๆๆ” พาสนาพยักหน้ารับ


“อยู่ห้อง 098 ค่ะ” นางพยาบาลเงยหน้ามาตอบพาสนาพร้อมรอยยิ้ม


“098.....” พาสนาทบทวนเบอร์ห้อง แล้วรีบวิ่งไปที่ลิฟธ์ทันที


ปัฐวีที่วิ่งตามมาติดๆ เค้าตรงไปหาพาสนาที่หน้าลิฟธ์


“ปลา....” ปัฐวีเรียกพาสนาเมื่อเห็นท่าทางของเธอดูร้อนใจ


“ตุ้ม ทำไมแกไม่บอกฉันตั้งแต่เมื่อวาน” พาสนาหันมาพูดตวาดปัฐวี


“ปลาแกฟังก่อนซิ” ปัฐวีอยากจะอธิบายให้พาสนาฟัง


“ถ้าแม่ฉันเป็นอะไรไป ฉันจะไม่ยกโทษให้แกเลยตุ้ม” พาสนาขมวดคิ้วมองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเคืองๆ


“ปลา.......แกรู้มั้ยว่าน้าสุ เค้ากำลังโกรธมากอยู่ แม่กับฉันเลยคิดว่า ให้แกมาเจอน้าสุวันนี้ดีกว่า อย่างน้อยจะได้ใจเย็นๆ กันทั้งคู่” ปัฐวีกล่าวอธิบายให้พาสนาฟัง


“แต่แกก็ไม่น่าปิดฉัน” พาสนายังคงเถียงกลับน้ำเสียงขุ่น


“บอกแล้วไง ถ้าฉันบอกแกจะทนอยู่เฉยๆ ได้หรอปลา” ปัฐวีกล่าวสีหน้าเรียบ


“แต่แก......” พาสนายังคงอยากต่อว่าปัฐวีต่อ แต่ลิฟธ์ได้เปิดออกมาซะก่อน


หญิงสาวมองหน้าอีกฝ่ายอย่างหงุดหงิด ก่อนจะเดินเข้าลิฟธ์ ปัฐวีก้มหน้าเดินตามเธอเข้าไปในลิฟธ์อย่างเงียบๆ


เมื่อลิฟธ์ขึ้นไปยังชั้น 9 พาสนาและปัฐวีออกมาจากลิฟธ์ เพื่อตรงไปยังห้องพักของคุณสุ แต่เมื่อเดินมาถึงหน้าห้อง 098 พาสนากลับไม่กล้าเปิดประตูเข้าไป เธอรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง ความรู้สึกที่คุณสุกานดากำลังเป็นอยู่......หากมารดาของเธอดุด่าว่ากล่าว ตบตี แล้วทำให้ท่านสบายใจขึ้น พาสนาก็พร้อมจะให้ท่านทำ แต่หากว่าไม่ล่ะ


พาสนาลังเลอยู่หน้าประตูนั้นอยู่นาน จนในที่สุด มือของเธอค่อยๆ ผลักประตูห้องเข้าไป


“อ้าว พี่ปลากลับมาแล้ว” แมงปอหันมองมายังคนที่เปิดประตูเข้ามา เด็กสาวยิ้มให้พาสนา


“อืมม...” พาสนาพยักหน้าให้แมงปอ แล้วมองไปยังเตียงคนป่วย


คุณสุกานดายังคงนอนหลับอยู่บนเตียง พาสนามองไปยังร่างของมารดาที่นอนป่วยอยู่ ด้วยความรู้สึกจุก และเจ็บ เธอรู้สึกว่าตัวเองเป็นลูกที่ไม่ดีเอาซะเลย การที่แม่ต้องมานอนป่วยอยู่แบบนี้เพราะเธอ มันทำให้เธอรู้สึกสะเทือนใจอย่างที่สุด


น้ำตาหยดใสไหลลงมาอย่างไม่รู้ตัว


“แม่.....” พาสนาเดินเข้าไปหาคุณสุกานดา เธอมองมารดาด้วยความรู้สึกเสียใจ


“แม่จ๋า ปลาขอโทษ.......ปลาขอโทษ.......” พาสนาจับมือมารดาขึ้นมากุมไว้ น้ำตามากมายไหลออกมา


“พี่ปลา.....” แมงปอมองพาสนาด้วยความรู้สึกสะเทือนใจ เด็กสาวรู้ดีว่าพาสนารักคุณสุมากแค่ไหน การที่คุณสุต้องมานอนโรงพยาบาลแบบนี้ พาสนาต้องรู้สึกเสียใจมากแน่ๆ


“.....ปลา” เสียงของคนที่หลับอยู่ดังออกมาเบาๆ


“แม่...ปลาอยู่นี่แล้วแม่...” พาสนายิ้มบางๆ ออกมา เมื่อได้ยินเสียงของมารดา


คุณสุกานดา ค่อยๆ ลืมตาขึ้น แล้วเมื่อท่านเห็นว่าใครกำลังมายืนอยู่ข้างๆ หญิงวัยกลางคนจ้องมองใบหน้าลูกสาวคนเดียวด้วยแววตาผิดหวัง ดวงตาของท่านเริ่มสั่น มื่อที่พาสนากุมไว้ โดนดึงกลับ


“แกมาทำไม.......ฉันไม่มีลูกอย่างแก” คุณสุกานดาพูดออกมาด้วยความโกรธ


“แม่......ทำไมแม่พูดแบบนี้ล่ะ” พาสนาจ้องมองมารดา ความรู้สึกเจ็บ และจุก มันแน่นอยู่ในอกของเธอ


“แกไปทำอะไรไว้ แกจะให้ฉันอกแตกตายใช่มั้ย” คุณสุพูดเสียงเขียวใส่พาสนา


“แม่ปลาขอโทษ ปลาไม่ได้ตั้งใจ” พาสนาน้ำตาไหลออกมา


“ขอโทษแล้วให้ได้อะไร ฉันไม่เคยสอนให้ลูกสาวฉันทำตัวแบบนี้ ไม่เคยสอนให้ไปวิ่งไล่จับใคร” คุณสุกานดาพูดออกมาพร้อมกับน้ำตาซึม


“แม่ ไม่ใช่นะ ปลาไม่ได้...” พาสนาอยากตอบปฏิเสธมารดา แต่เธอก็ทำอะไรไม่ได้ เมื่ออาการของมารดาดูจะไม่รับฟังอะไรเธอเลย


“ออกไป ฉันไม่อยากเห็นหน้าแก ออกไป.......” คุณสุตวาดเสียงดังไล่พาสนาให้ออกจากห้อง


“แม่....” พาสนายืนมองมารดา ด้วยความรู้สึกเสียใจอย่างมาก


“ฉันบอกให้ออกไปไง”


“แม่ อย่าโกรธปลาเลยนะ “ พาสนาร้องบอกกับมารดา


“เอามันออกไป แมงปอ เอามันออกไป” คุณสุพูดออกมาด้วยความโกรธ


พาสนายืนมองมารดา ด้วยความรู้สึกปวดร้าวในใจ เธอรู้สึกผิดที่ทำให้มารดาโกรธถึงขนาดนี้ คุณสุมองหน้าลูกสาวด้วยความโกรธ แล้วท่านก็เกิดอาการเหมือนหน้ามืดขึ้นมาจนแมงปอต้องวิ่งมาดู


“แม่...” พาสนาทำท่าจะเข้าไปประคองมารดา แต่คุณสุมองกลับมาด้วยแววตาขุ่น


“อย่ามาแตะต้องตัวฉัน” คุณสุยังคงพูดด้วยน้ำเสียงขุ่น


พาสนายื่นอึ้งกับน้ำเสียงและแววตาของมารดา


“ป้าสุคะ ป้าสุ” แมงปอเข้าประคองหญิงวัยกลางคนเอาไว้


“ปลา....หนูออกไปก่อนเถอะนะ เดี๋ยวป้าจะคุยกับแม่ให้เอง” ป้าหมูเล็ก เดินเข้ามาบอกกับพาสนา เมื่อเห็นอาการของคุณสุ


“ป้า...” พาสนาหันมองป้าหมูเล็ก ด้วยแววตาเศร้า


“นะ เชื่อป้า” ป้าหมูเล็กบอกกับหญิงสาวน้ำเสียงอ่อนโยน


“ตุ้ม มาพาปลาออกไปข้างนอกก่อน” ป้าหมูเล็กหันไปบอกกับปัฐวี เพื่อให้เค้าพาพาสนาออกจากห้องนี้ไปก่อน


“ปะ...” ชายหนุ่มเดินมาจับแขนพาสนา แล้วพาเธอออกจากห้อง


พาสนามองไปทางคุณสุ น้ำตาของเธอยังคงไหลออกมา


คุณสุกานดา นั่งดมยาดมที่แมงปอกำลังยกให้ท่านสูดดม ดวงตาของท่านมองไปทางลูกสาวคนเดียว ด้วยความรู้สึกผิดหวัง และเสียใจ




โดย: kokoo_129 วันที่: 19 ตุลาคม 2552 เวลา:19:49:36 น.  

 


พาสนาเดินออกมายืนนอกห้อง...เธอมองกลับไปยังในห้องทางช่องเล็กๆ หน้าประตู ด้วยความรู้สึกเสียใจอย่างที่สุด


ตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอเฝ้าพยายามทำทุกอย่างให้คุณสุ มารดาของเธอมีความสุข และทำตัวอยู่ในโอวาสของมารดาโดยตลอด ไม่คิดที่จะทำให้ท่านเสียใจแม้แต่น้อย แต่มาในวันนี้ เธอกลับทำให้ท่านเสียใจ จนถึงขนาดเข้าโรงพยาบาล หญิงสาวก้มหน้าสลด น้ำตาของเธอหยดลงสู่พื้นหน้าห้องนั้น


ปัฐวีมองพาสนาด้วยความรู้สึกเห็นใจ ชายหนุ่มไม่อาจพูดอะไรได้ดีไปกว่า ดึงเธอมากอดเอาไว้ และใช้มือตบบ่าเธอเบาๆ เพื่อเป็นการปลอบใจเธอ


“ตุ้ม....ฉันเป็นลูกที่ใช่ไม่ได้เลยใช่มั้ย” พาสนาพูดออกมาน้ำเสียงสั่น


“อย่าคิดมากเลย รอสักพัก น้าสุก็หายโกรธไปเอง” ปัฐวีกล่าวปลอบใจ


“ฉันมันไม่ดี ทำแม่เสียใจ ทำแม่ต้องมานอนโรงพยาบาลแบบนี้” พาสนากล่าวโทษตัวเองด้วยความเสียใจ


“ไม่เอาน่า เรื่องมันไม่ได้เป็นแบบที่หนังสือบ้านั่นลงไว้สักหน่อย รอให้น้าสุอารมณ์ดีกว่านี้ แล้วค่อยไปอธิบายก็ไม่สายนิ” ปัฐวีบอกกับพาสนา เพื่อให้เธอคลายกังวลใจ


“ฉันผิดเอง ฉันไม่น่าไปหลงเชื่อผู้ชายคนนั้นเลย ฉันไม่น่า.......” พาสนากล่าวน้ำเสียงสั่น เธอรู้สึกเจ็บแค้นใจที่ไปหลงไว้ใจพิษณุ เพียงแค่เค้าทำดีกับเธอไม่เท่าไหร่ เธอก็ยอมหลงเชื่อ จนเค้าสามารถถ่ายรูปเธอแล้วเอามาทำเรื่องแบบนี้


“เฮ้ยย ปลา คิดมากไปรึป่าว” ปัฐวีฟังพาสนาพูดก็ให้รู้สึกตกใจ เพราะเค้ารู้ว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพิษณุเลยสักนิด


“ไม่......เค้าจ้องทำลายฉันตั้งแต่แรกแล้ว ทั้งหมดนี่ต้องเป็นแผนของเค้าแน่ๆ” พาสนาพูดอย่างปักใจเชื่อว่า เรื่องนี้ต้องเป็นฝีมือของพิษณุแน่นอน


“ปลา....” ปัฐวีขมวดคิ้วมองพาสนา เค้าไม่อยากให้เธอเข้าใจอะไรผิดๆ


“ตุ้ม ฉันฝากดูแลแม่ให้ด้วยนะ” พาสนากล่าวจบก็เดินออกมาจากตรงนั้น


“ปลาเดี๋ยว......” ปัฐวีตามพาสนามาด้วย เค้าร้องเรียกเธอเอาไว้


“จะไปไหน...” ปัฐวีจับมือเธอเอาไว้ แล้วซักถาม


“.........” พาสนาไม่ตอบอะไร สีหน้าเธอนิ่งเรียบ


“ถ้าคิดจะไปหาเรื่องเค้า ฉันว่าอย่าไปเลย เรื่องนี้คุณณุเค้าไม่รู้เรื่องหรอก” ปัฐวีบอกกับพาสนาให้เธอเข้าใจ


“ตุ้ม แกบอกฉันเองไม่ใช่เหรอว่า เค้าแค่นึกสนุกกับการได้แกล้งฉัน แล้วนี่จะไม่เรียกว่าเป็นฝีมือเค้า แล้วจะเป็นฝีมือใคร ในเมื่อ.........ในเมื่อ.......” พาสนาขมวดคิ้วแน่น เธอรู้สึกจุกแน่นที่หน้าอก


“....” ปัฐวีฟังหญิงสาวพูดด้วยความรู้สึกไม่สบายใจ


“ที่เกาะนั่น มีเพียงฉันกับเค้าสองคน แล้วภาพนั้นออกมาได้ยังไง....” พาสนาพูดออกมาด้วยความรู้สึกเจ็บลึกๆ ภายในใจ เธอจ้องมองปัฐวี


ชายหนุ่มเองก็นิ่งไปเช่นกัน เค้าก็ไม่รู้ว่า ช่างภาพนั่นอยู่ที่ไหน แล้วไปได้รูปมาได้ยังไงกัน แต่ก็ไม่น่าใช่ฝีมือของพิษณุ เพราะเค้าเองก็ไม่รู้ว่าพาสนาจะตกน้ำ และไม่รู้ว่าจะต้องไปติดเกาะกัน ยิ่งคิด ปัฐวีก็ไม่ได้คำตอบสักที


“ฝากดูแม่ให้ด้วยนะ....” พาสนาบอกกับชายหนุ่มน้ำเสียงนิ่ง เธอเดินเข้าลิฟธ์เพื่อลงไปชั้นล่าง


“แล้วแกจะไปไหนปลา” ปัฐวีร้องถามพาสนาอีกครั้ง


“ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันไม่ไปหาเค้าหรอก.......ฉันจะไม่มีทางไปพบเค้าอีก” พาสนาตอบปัฐวี ก่อนจะกดประตูลิฟธ์ให้มันปิด


ปัฐวียืนถอนหายใจยาวอยู่หน้าลิฟธ์นั้น ชายหนุ่มรู้สึกหนักใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นเหลือเกิน แต่เค้าก็ไม่รู้จะช่วยพาสนาได้ยังไง
.
.
.
“ปุ่น....ปุ่นอยู่ไหน” เสียงแหลมสูงร้องดังขึ้น พร้อมร่างบางที่ขึ้นมายังห้องนอนของปัญจรี


หญิงสาวที่เอาแต่ซุกตัวอยู่บนที่นอนหันมองเจ้าของเสียงที่กำลังเดินตรงมาหาเธอ


“มีอะไร ไอวี่” ปัญจรีมองเพื่อนรักที่เดินตรงมาหาเธอด้วยท่าทางร้อนใจ


“อะไรกัน ยังไม่ลุกจากที่นอนอีกหรอ ตอนแรกเด็กในบ้านเธอบอกว่าเธอยังไม่ตื่น ฉันก็ไม่อยากจะเชื่อนะ” อรวีบ่นอุบ ขณะที่เดินมานั่งข้างๆ ปัญจรีบนเตียงสวย


“ฉันปวดหัวหน่ะ” ปัญจรีตอบสีหน้าไม่สบอารมณ์สักเท่าไหร่


“ลุกๆๆๆ นี่เธอดูนี่ซิ” อรวีบอกกับปัญจรีพร้อมกับส่งหนังสือในมือให้เพื่อนรักดู


“อะไร ข่าวซุบซิบใครอีก ไม่เอาอ่ะ ไม่อ่าน” ปัญจรีโบกมือให้เพื่อนรัก พร้อมกับซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มหนาอีกครั้ง


“ไม่อ่านไม่ได้ ลุกเลย ดูซิ ข่าวคุณณุ กับนักร้องแสนเท่ห์ไง” อรวีบอกกับปัญจรี พร้อมกับดึงเพื่อนรักให้ลุกขึ้น


“หะ...” ปัญจรีหันมองกลับไปทางอรวีอีกครั้งด้วยสีหน้าประหลาดใจ


“ดูซิ” อรวีกางหนังสือให้เพื่อนรักได้ดู


ปัญจรีมองรูปในหนังสือ พร้อมกับอ่านข้อความที่อยู่ในนั้น หญิงสาวต้องทำตาโตขึ้นทันที เธออ้าปากค้าง กับรูปและข่าวที่ตีพิมพ์


“เป็นไง หายง่วง หายป่วยเลยซิ” อรวีถามเพื่อนรัก


“รอแปบนะ ขอเวลา 10 นาที” ปัญจรีรีบลุกจากที่นอน แล้ววิ่งเข้าห้องน้ำทันที


อรวีนั่งมองเพื่อนรักที่รีบลุกจากที่นอน แล้วหันมองไปที่ภาพในหนังสืออีกครั้ง
.
.
.
พาสนาเดินออกมาจากลิฟธ์ แล้วเข้าไปหาพยาบาลที่เคาน์เตอร์ เพื่อสอบถามอาการของคุณสุกานดา.........นางพยาบาลแนะนำให้เธอไปคุยกับคุณหมอที่ดูแลอยู่


พาสนาไปพบคุณหมอ ที่ดูแลอาการของคุณสุ เพื่อถามอาการของมารดาของเธอ


“คนไข้ไม่เป็นอะไรมากหรอกครับ แค่อ่อนเพลีย และโกรธจัด จึงเกิดอาการความดัน...” คุณหมอกล่าวกับพาสนายิ้มๆ


“แล้วแม่จะเป็นอะไรมากมั้ยฮะ” พาสนาถามด้วยความเป็นห่วง


“ไม่หรอกครับ พักอีกสักวัน ก็กลับได้แล้ว”


“เฮ้อออ ดีจัง” พาสนามีท่าทางสบายใจขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินคุณหมอตอบ


“แต่....ทางที่ดี หมอว่า อย่าให้คนไข้เกิดความรู้สึกเครียด หรือว่าโกรธจัดแบบนี้อีกนะครับ เพราะท่านก็สูงอายุแล้ว ขืนให้โกรธจัดบ่อยๆ ก็น่าเป็นห่วง” คุณหมอกล่าวเตือนพาสนา


“.......” พาสนาฟังคำของคุณหมอ ก็ทำให้เธอนิ่งเงียบไปเช่นกัน


“โดยรวมก็ไม่มีอะไรน่ากังวลแล้วนะครับ” คุณหมอกล่าวยิ้มๆ เพื่อให้พาสนาสบายใจมากขึ้น


“ขอบคุณคุณหมอมากฮะ” พาสนากล่าวลาคุณหมอ แล้วเดินออกมาข้างนอก


เธอรู้สึกเป็นกังวลอยู่ไม่น้อย กับเรื่องที่เกิดขึ้น เธอไม่ได้อยากให้คุณสุไม่สบายใจเลยสักนิด แต่ทุกอย่างมันวิ่งเข้ามาหาเธอเองทั้งนั้น........หรือนี่เธอต้องออกจากงานจริงๆ เพื่อหนีให้พ้นกับเรื่องต่างๆ ที่ตามมา


พาสนาเดินกลับขึ้นไปชั้น 9 อีกครั้ง เธอมีอาการเหมือนซึมๆ อย่างมาก หญิงสาวยืนหยุดหน้าห้องพักคนไข้ ด้วยแววตาเศร้า...


“น้าสุครับ ฟังก่อนซิครับ” เสียงปัฐวีดังออกมาจากในห้อง ทำให้พาสนาต้องแอบมองทางช่องกระจกเล็กๆ หน้าห้อง


“จะให้น้าฟังอะไรตุ้ม ดูมันทำซิ” เสียงคุณสุดังเล็ดลอดออกมา น้ำเสียงของท่านบ่งบอกว่ายังมีอารมณ์โกรธอยู่


“นี่แม่สุ ฟังตุ้มมันเล่าก่อนเถอะ” เสียงป้าหมูเล็กดังตามออกมา


“ไหน ว่ามาซิมีอะไร” น้ำเสียงคุณสุดูเย็นลง


“คืองี้ครับ ไอ้เรื่องข่าวในหนังสือเนี่ยะ มันไม่จริงเลย ปลามันไม่ใช่คนแบบนั้น น้าสุก็น่าจะรู้จักมันดี” ปัฐวีกล่าวขึ้น


“ก็เพราะฉันคิดไงว่ามันไม่ใช่คนแบบนั้น แต่ดูมันทำซิ ดูมัน” คุณสุยังคงแผดเสียงกลับมา


“น้าสุครับ.......เรื่องในหนังสือนี่ มันไม่ใช่เรื่องจริงเลย ผมก็อยู่ด้วย ผม.........ผมเป็นพยานให้ได้ครับ” ปัฐวีกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น


“ไม่ว่าจะจริงหรือไม่จริง แต่รูปมันก็ฟ้อง แกไม่เห็นหรอแต่ละรูปดีๆ ทั้งนั้น” คุณสุพูดน้ำเสียงประชดประชัน


เมื่อฟังคำจากคุณสุกานดา ปัฐวีเองก็ถึงกับอึ้งไป เค้าเองก็เถียงอะไรไม่ออก เพราะรูปทั้งสองรูปมันบ่งชัดถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ชายหนุ่มจนหนทางจะแก้ตัวให้พาสนา


พาสนาที่ยืนอยู่หน้าห้องได้แต่ยืนนิ่ง เธอรู้สึกจุกแน่นไปหมด ทุกอย่างมันค้ำคอเธอเอาไว้ ทำให้เธอเองก็แก้ตัวอะไรไม่ขึ้น หญิงสาวก้มหน้าเดินออกมาจากหน้าห้องนั้น ด้วยความรู้สึกเสียใจ เศร้าใจอย่างมาก




โดย: kokoo_129 วันที่: 19 ตุลาคม 2552 เวลา:19:49:54 น.  

 


รถยนต์คันเล็กจอดสนิทหน้าผับ Ninety Eight .....พาสนานั่งมองผับตรงหน้าด้วยอาการเศร้าๆ เธอถอนหายใจออกมายาว


“ใกล้ถึงเวลาแล้วซินะ......” พาสนาพูดออกมาเบาๆ เธอรู้สึกเศร้าลงทุกที ศีรษะของเธอก้มลงแนบกับพวงมาลัยรถ ทุกอย่างกำลังจะต้องจบลง เพื่อความสบายใจของคุณสุกานดา
.
.
.
“โอ้ยยย เห็นเงียบๆ แมนๆ อย่างนั้นร้ายใช่เล่นเลยนะเธอ” เสียงเด็กในร้านซุบซิบกัน พร้อมกับดูหนังสือในมือไปด้วย


“นั่นซิ ไอ้เราก็เห็นแมนๆ ที่ไหนได้” เด็กเสริฟอีกคนพูดขึ้น


“นี่คุยอะไรกัน” เป้ที่กำลังเดินเข้ามาในร้าน ร้องถามกลุ่มเด็กเสริฟที่จับกลุ่มพูดคุยด้วยท่าทางไม่ชอบใจ


“โธ่ พี่เป้.........” กลุ่มเด็กเสริฟ มีอาการตกใจ แต่เมื่อหันมองกลับไปเห็นเป็นเป้ จึงทำท่าโล่งใจออกมา


“พี่เป้เห็นรึยัง ข่าวพี่ปลาหน่ะ” เด็กสาวหน้าตาจิ้มลิ้ม เดินถือหนังสือเอามาให้เป้ดู


ชายหนุ่มมองหนังสือในมือของเหล่าเด็กเสริฟ เค้าขมวดคิ้วยุ่ง ด้วยท่าทางไม่ชอบใจ


“ไม่น่าเชื่อเลยนะพี่ ดูออกจะแมนๆ ไม่น่าจะ...” เด็กเสริฟคนเดิมพูดด้วยสีหน้าเหยียดๆ


“ไม่มีอะไรทำกันแล้วหรือไง ถึงมีเวลามาจับกลุ่มนินทาคนอื่นหน่ะหะ..........ไปทำงานไป ขืนได้ยินพวกเธอมานั่งนินทาคนอื่นแบบนี้อีก พี่จะฟ้องให้พี่กานดาหักเงินให้หมดเลย” เป้แผดเสียงออกมาอย่างไม่พอใจ ชายหนุ่มกล่าวด้วยสีหน้าดุๆ จนพนักงานเสริฟทั้งกลุ่มมีอาการตกใจกลัว


“มองหน้าทำไมอีก ไปซิ” เป้ตวาดเสียงดังอีกครั้ง จนเด็กสาวในกลุ่มต่างก็รีบวิ่งกระเจิงออกไปทันที


ชายหนุ่มจ้องมองกลุ่มเด็กเสริฟด้วยสีหน้าขุ่น แล้วเค้าก็มองหนังสือในมืออีกครั้ง
.
.
.
พาสนาเดินเข้ามาในผับ ด้วยอาการเนือยๆ.........แล้วเธอก็เจอกับเป้ ที่นั่งสีหน้าเครียดอยู่ในห้องซ้อม


“เป้...” พาสนากล่าวทักทายชายหนุ่มก่อน


เป้หันมองตามเสียง แล้วเค้าก็ต้องมองเธอนิ่ง แววตาของเค้ามันเต็มไปด้วยคำถามมากมาย


“พี่เจอยู่มั้ย” พาสนากล่าวถามน้ำเสียงเศร้า


“ยังไม่มา......” เป้ตอบกลับ เค้าหันมองไปทางอื่น ในเวลานี้ชายหนุ่มไม่อยากจะมองหน้าอีกฝ่ายเอาซะเลย เพราะเค้ารู้สึกเจ็บแปลบๆ ในใจ


“เหรอ...” พาสนาพยักหน้ารับรู้เบาๆ เธอเดินวนไปทางเครื่องดนตรีที่วางอยู่.......แล้วก็หยิบเอากีตาร์ขึ้นมา


“คนอื่นยังไม่มาซ้อมอีกหรอ” พาสนากล่าวถามขณะที่ก้มหน้าจับสายกีตาร์ในมือ


“ปลา...” เป้ลุกขึ้น แล้วเดินตรงมาหาพาสนาที่นั่งอยู่


“หืมม” พาสนาเงยหน้ามองชายหนุ่มตรงหน้า


“เกิดอะไรขึ้น ที่หัวหิน”เป้กล่าวถามน้ำเสียงเครียด


“........” พาสนาสะอึกทันที เธอคิดว่าเป้น่าจะรู้เรื่องของเธอแล้ว


“ว่าไงเกิดอะไรขึ้น” เป้ถามย้ำอีกครั้ง


“เอออ....ฉันอยากร้องเพลง ช่วยซ้อมหน่อยซิ” พาสนาไม่ยอมตอบ เธอยกกีตาร์ในมือให้กับชายหนุ่ม


เป้มองหน้าพาสนา เค้าเห็นรอยเศร้าในดวงตาของเธอ ชายหนุ่มจึงไม่ซักถามอะไรอีก แม้ว่าเค้าจะอยากรู้มากมายแค่ไหนก็ตาม เค้ารับกีตาร์จากมือของพาสนา
.
.
.
ปัญจรี และอรวี ตรงไปหาอรินยาที่คอนโดหรู สองสาวมีเรื่องร้อนใจเพื่อไปหาเพื่อนรักของเธอ


ก๊อกๆ ก๊อกๆ


เสียงเคาะประตูดังขึ้น อรินยาที่อยู่ในห้อง เดินมาเปิดประตูให้เพื่อนรักทั้งสอง


“ยาย่า...” ปัญจรีมองหน้าเพื่อนรัก


“ว่าไง มีอะไรกัน” อรินยากล่าวถามเพื่อนรัก ด้วยท่าทางเรียบเฉย


“เธอรู้เรื่อง....ข่าวรึยัง...” อรวีกล่าวถาม


“ข่าวอะไร” อรินยามองหน้าเพื่อนรักอย่างสงสัย


“ก็ข่าว....” ปัญจรีส่งหนังสือให้อรินยาดู


หญิงสาวรับหนังสือมาดูข่าวก็เกิดอาการตกใจอย่างมาก


“อะไรกัน...” อรินยาเงยหน้ามองปัญจรี และอรวี


“นั่นซิ นี่มันมั่วใหญ่แล้ว” ปัญจรีกล่าวสีหน้าเครียดๆ


“ฝีมือใคร........อย่างนี้ปลาก็แย่หน่ะซิ” อรินยาขมวดคิ้วยุ่ง เธอรู้สึกไม่พอใจกับข่าวที่หนังสือเอามาตีพิมพ์


“ตอนนี้มีพวกนักข่าวจ้องทำข่าวนี้เยอะเลยนะ” อรวีพูดขึ้น


“แย่แน่เลย ปลาจะเป็นยังไงบ้างเนี่ยะ” อรินยาขมวดคิ้วพูดด้วยความรู้สึกไม่สบายใจ


“ยาย่า...” ปัญจรีมองเพื่อนรักด้วยความเป็นห่วง


“ฉันก็แค่ห่วงในฐานะคนรู้จักกันหน่ะปุ่น ถึงยังไงฉันกับปลาก็เป็นไปไม่ได้แล้ว” อรินยาบอกกับเพื่อนรักของเธอ พร้อมกับพยายามทำใจตัวเอง


“ฉันจะไปหาณุ” อรินยาร้องบอกกับเพื่อนทั้งสอง


หญิงสาวทั้งสาม เดินทางไปหาพิษณุที่บริษัทฯ อย่างรวดเร็ว ในเวลานี้อรินยาอยากจะรู้ความจริงว่า นี่ใช่ฝืมือของพิษณุรึป่าว เพราะตลอดเวลาที่มีข่าวกับพาสนา จะมาจากฝีมือของเค้าทั้งนั้น


เมื่อมาถึงตึกออฟฟิศของบริษัทไตรศร อรินยาก็รีบขึ้นไปหาพิษณุอย่างร้อนใจ โดยที่ปัญจรีและ อรวีก็ตามไปด้วย


“คุณเม ณุอยู่มั้ย” อรินยาเดินมาหยุดถามเมทณีเลขาคนสวยของพิษณุ


“สวัสดีค่ะ คุณยาย่า คุณปุ่น คุณไอวี่” เมทณีกล่าวทักทายสาวสวยทั้งสาม


“คุณณุอยู่ค่ะ” หญิงสาวตอบคำถามของอรินยาโดยไม่รอให้เธอถามซ้ำอีกครั้ง


“ดี...” อรินยากล่าวจบก็เดินตรงเข้าไปในห้องของพิษณุทันที


“เอออ คุณยาย่าคะ.....ไม่ทันซะแล้ว” เมทณีร้องเรียกเพื่อห้ามอรินยา แต่ก็ไม่ทันซะแล้วเมื่ออรินยาเปิดประตูห้องเข้าไปภายในเรียบร้อยแล้ว


“อ้าว ยาย่า” พิษณุที่นั่งเซ็นต์เอกสารอยู่เงยหน้ามองหญิงสาวแสนสวยที่เข้ามาภายในห้องของเค้า


“ณุคะ นี่ฝีมือคุณรึป่าว” อรินยาวางหนังสือซุบซิบลงบนโต๊ะทำงานของชายหนุ่ม


พิษณุมองหนังสือที่อยู่บนโต๊ะของเค้า แล้วมองกลับไปยังอรินยาที่มองเค้าด้วยสีหน้าไม่พอใจ


“ทำไมคุณถึงคิดว่าเป็นผม” พิษณุกล่าวถาม


“ก็คุณชอบสร้างข่าวกับปลาบ่อยๆ ตลอดเวลาที่ผ่านมาคุณทำมันนี่คะ” อรินยาพูดเสียงสูง


“คุณมองผมเป็นคนเลวขนาดนั้นเชียวหรือ ที่ผมทำก็แค่สร้างข่าวว่าเค้าคบกับผม ไม่ได้มีอะไรกับคุณ แต่.......” พิษณุขมวดคิ้วมองไปที่หนังสืออีกครั้ง


“คุณจะบอกว่า คุณไม่รู้เรื่องหรือคะ” อรินยาถามกลับอย่างไม่อยากเชื่อ


“ผมก็เป็นลูกผู้ชายพอนะยาย่า........ผมไม่ทำเรื่องเลวๆ แบบนี้หรอก” ชายหนุ่มตอบคำถามอีกฝ่าย


“แล้วมันฝีมือใครกัน” อรินยาขมวดคิ้วสีหน้าเครียด


“เรื่องนี้ผมให้คนสืบให้แล้ว อีกไม่นานคงรู้” พิษณุตอบหญิงสาว


“แล้วรูปพวกนี้...” อรินยาอยากจะถามถึงที่มาของรูป ว่าเกิดภาพแบบนี้ได้อย่างไร แต่เธอก็รู้สึกอึดอัดที่จะถาม


“รูปพวกนี้เป็นของจริง” พิษณุตอบน้ำเสียงหนักแน่น


“หะ...” อรินยา มองชายหนุ่มอย่างไม่อยากเชื่อ


“มันเป็นเหตุบังเอิญ พอดีวันนั้นผมกับปลา...” พิษณุเองก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายให้อรินยาฟังอย่างไรดี


“เอาเป็นว่า ผมผิดเอง ผมทำให้ปลาต้องเสียหาย” พิษณุยอมรับผิดทุกอย่าง


“ณุ คุณรู้มั้ยว่า ปลาต้องเดือดร้อนมากแค่ไหน แล้วนี่รูปออกมาแพร่ขนาดนี้ ยาย่าคิดว่า แม่ของปลาคงโกรธน่าดู” อรินยากล่าวน้ำเสียงเศร้า สีหน้ากลุ้มๆ เมื่อคิดถึงพาสนา


“ผมว่า เย็นนี้ผมจะไปคุยกับเธอ ผมยินดีรับผิดชอบทุกอย่าง” พิษณุกล่าวอย่างเต็มใจ


“คุณหมายความว่าไงคะณุ” อรินยาถามชายหนุ่มด้วยสีหน้าสงสัย


“ไม่ว่าปลาต้องการให้ผมทำอะไร ผมก็จะยอม ผมยินดีรับผิดชอบทุกอย่างที่เกิดขึ้น” พิษณุตอบกลับสีหน้าจริงจัง


อรินยายืนนิ่ง มองชายหนุ่มตรงหน้า






โดย: kokoo_129 วันที่: 19 ตุลาคม 2552 เวลา:19:50:47 น.  

 


“อะไรนะปลา..” พี่เจ หันมาร้องถามพาสนา สีหน้าเครียดๆ


“ปลาต้องขอโทษพี่เจ กับเจ๊กานดาด้วยนะฮะ” พาสนายกมือขึ้นขอโทษขอโพย พี่เจ และเจ๊กานดา


“คิดดีแล้วหรือปลา ถ้าเพราะเรื่องข่าวนั่น เจ๊ไม่ถือสานะ เพราะเจ๊เข้าใจว่าพวกนักข่าวก็แบบนี้ ชอบหากินกับคนดัง” เจ๊กานดาพูดด้วยสีหน้าเข้าใจพาสนาดี


“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกฮะเจ๊กานดา” พาสนามีสีหน้าหมองลง


“แล้วเพราะอะไรล่ะ” พี่เจถามบ้าง


“ตอนนี้แม่ปลาไม่ค่อยสบาย ปลาเลยอยากอยู่ดูแลแม่” พาสนากล่าวสีหน้าเศร้าลง


“ดูแม่ ก็ไม่เห็นต้องออกจากวงเลยนิ” พี่เจยังคงไม่เข้าใจอยู่ดี


“พี่เจ ปลามีแม่คนเดียว ปลาไม่อยากให้แม่ไม่สบายใจ ตอนนี้เพราะปลา แม่ถึงต้องเข้าโรงพยาบาล” พาสนาอธิบายให้พี่เจฟัง


“เอาล่ะๆ พวกพี่ไม่อยากบังคับใจปลานะ พวกเราเข้าใจปลา แต่ที่เราไม่อยากให้ปลาออกเพราะพี่รู้ว่าปลารักงานร้องเพลงมากก็แค่นั้นเอง” เจ๊กานดาบอกกับพาสนาอย่างเข้าใจ


“ปลาขอบคุณเจ๊กานดามากฮะ ที่เข้าใจปลา ปลารักงานร้องเพลง แต่ปลาก็รักแม่ของปลาฮะ” พาสนากล่าวด้วยน้ำเสียงเศร้า


“เอออ เอาเถอะ พี่ไม่ห้ามแกแล้ว แต่พี่ขอเวลาหน่อยได้มั้ย ตอนนี้ยังหานักร้องดีๆ มาแทนแกไม่ได้เลยว่ะ ขอสักอีก 2 อาทิตย์แล้วกันนะ” พี่เจบอกกับพาสนา กึ่งขอร้อง


“ได้ฮะพี่เจ” พาสนาพยักหน้ารับเบาๆ


“ขอบใจมาก” พี่เจยกมือจับไหล่พาสนาเบาๆ


“เจ๊เสียดายนักร้องดีๆ อย่างปลานะ......แต่ทำไงได้” เจ๊กานดาถอนหายใจออกมาเบาๆ


“........” พาสนาได้แต่นิ่งเงียบ เธอไม่อาจตอบอะไรเจ๊กานดาได้อีก เพราะถ้าโดยตัวเธอเองจริงๆ แล้ว เธอไม่คิดอยากจะออกจากงานสักนิด เธอรักที่นี่ รักเสียงดนตรี รักความฝันของเธอ แต่ทุกอย่างจะไม่มีความหมายเลย หากต้องเสียแม่ของเธอไป


“แล้วคืนนี้จะขึ้นร้องมั้ย” พี่เจถามพาสนาเพื่อเช็คคิว


“คืนนี้ปลาคงอยู่ร้องไม่ได้นะฮะพี่ เพราะต้องกลับไปดูแม่ที่โรงพยาบาล” พาสนากล่าวด้วยสีหน้าเกรงใจ


“อืมม ไปดูแม่เถอะ คืนนี้พี่เตรียมนักร้องคนอื่นรอไว้อยู่แล้ว ยังไงพรุ่งนี้มาแล้วกันนะ” พี่เจบอกกับพาสนาพร้อมยิ้มให้เธอ


“ขอบคุณพี่เจ กับเจ๊กานดานะฮะ ที่เข้าใจปลา” พาสนากล่าวอย่างซึ้งใจในความเมตตาที่พี่เจ และเจ๊กานดามีให้กับเธอ


“แล้วนี่จะกลับเลยรึป่าวจ๊ะ” เจ๊กานดากล่าวถาม


“ฮะ ปลาว่าจะกลับเลย นี่ก็ จะ 2 ทุ่มแล้ว” พาสนายกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลา


“ยังไงก็ฝากบอกแม่ด้วยนะว่าขอให้หายไวๆ” พี่เจกล่าวน้ำเสียงเมตตากับพาสนา


“ฮะ....งั้นปลากลับนะฮะ” พาสนากล่าวลาเจ๊กานดา และพี่เจ


“จ๊ะ ขับรถดีๆ นะ” เจ๊กานดาส่งยิ้มให้พาสนา


“ฮะ...” พาสนารับคำ ก่อนจะเดินออกไปทางด้านหลังของผับ


“เฮ้อออออออ น่าเสียดายนะพี่เจ” เจ๊กานดาถอนหายใจยาวออกมา ขณะที่มองพาสนาเดินออกจากร้านไป


“ทำไงได้ ปลามันมีแม่แค่คนเดียวนิ” พี่เจพูดแบบปลงๆ ก่อนจะแยกตัวไปทางด้านหน้าเวที


เจ๊กานดาได้แต่ยืนกอดอกมองพาสนาอย่างเสียดาย
.
.
.
พาสนาเดินออกจากผับ ด้วยความรู้สึกเนือยๆ เธอรักที่นี่ เพราะที่นี่ให้โอกาสให้เธอได้ขึ้นร้องเพลง ทำให้เธอได้ทำความฝันที่เธอมี การได้ร้องเพลง เล่นดนตรีเป็นสิ่งที่เธอรัก แต่มาวันนี้เธอต้องตัดใจจากมัน เพื่อคุณสุ แม่ของเธอ


“เอานะ ไม่เสียใจ ไม่เสียใจ” พาสนาบอกกับตัวเอง ก่อนจะเดินไปทางลานจอดรถ เพื่อไปยังรถของเธอ


แต่แล้วพาสนาก็ต้องหยุดชะงักลง เมื่อเห็นกลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง ยืนอออยู่ทางรถของเธอ.......คนกลุ่มนั้นล้วนแล้วแต่สะพายกล้อง บ่งบอกว่าพวกเค้าเป็นนักข่าวทั้งนั้น


“มาได้ไงเนี่ยะ” พาสนาขมวดคิ้วยุ่ง เธอจ้องมองคนกลุ่มนั้นอย่างร้อนใจ เธอมองไปรอบๆ ทางที่จะไปรถของเธอมีเพียงทางนี้ทางเดียว


“แอ๊ะ นั่นไงคุณปลา” นักข่าวคนหนึ่งหันมาทางพาสนาพอดี เธอตะโกนออกมา พร้อมกับวิ่งตรงมาหาพาสนาทันที


“ใช่ๆๆๆ” นักข่าวอีกหลายคนต่างก็หันมองตาม และวิ่งกรูกันมาหาพาสนา


“ตายล่ะ......” พาสนามองคนกลุ่มนั้นที่กำลังวิ่งตรงมาหาเธอ เธอรีบกลับหลังหัน แล้ววิ่งอย่างไม่คิดชีวิตเช่นกัน


“คุณปลาคะ รอด้วยค่ะ คุณปลา” นักข่าวที่วิ่งตรงมาทางพาสนา ร้องบอกพาสนา เมื่อเห็นเธอกำลังจะวิ่งหนี


“อยู่ก็บ้าซิ.....” พาสนาบ่นออกมา แล้ววิ่งหนีสุดแรงที่มี


เธอวิ่งหนีกลุ่มนักข่าวตามทางตลอดลานจอดรถ แต่แล้วหญิงสาวก็เห็นว่าทางข้างหน้าเป็นทางตัน เธอจะวิ่งหนียังไงให้พ้นดี.....พาสนาได้แต่ยืนจ้องผนังกำแพง ด้วยความร้อนใจ กลุ่มนักข่าวกำลังจะเลี้ยวมาทางเธอแล้ว


“ทางนี้“ เสียงหนึ่งดังขึ้น ก่อนที่มือของเค้าจะมาคว้าตัวพาสนาให้ไปนั่งหลบอยู่ตรงซอกเล็กๆ


“หะ...” พาสนามองคนที่มาช่วยเธอ ด้วยแววตาตกใจ แต่เธอไม่ทันได้โวยวายอะไร เค้าก็เอามือของเค้าปิดปากของเธอเอาไว้


“อย่าส่งเสียง” ชายหนุ่มกระซิบบอกกับเธอ ก่อนจะดึงตัวเธอมาแนบกับตัวเค้าเอาไว้


ด้วยซอกที่ทั้งคู่นั่งแอบอยู่นั้น ทั้งเล็ก ทั้งแคบ ชายหนุ่มจึงต้องกอดตัวพาสนาเอาไว้แน่น ใบหน้าของหญิงสาวโดนดึงเข้าไปใกล้ใบหน้าของเค้าอย่างมาก เสียงอู้อี้ของเธอดังขึ้น จนชายหนุ่มต้องปิดปากของเธอแน่นขึ้นอีก


“อย่าเสียงดังซิ อยากให้พวกนั้นเห็นรึไง” เค้ากระซิบบอกกับเธอเบาๆ พาสนาจึงได้แต่เงียบเสียงของเธอลง


กลุ่มนักข่าววิ่งเลี้ยวมาตามทาง แล้วก็พบว่าข้างหน้าเป็นทางตัน ทุกคนต่างมองไปรอบๆ ก็ไม่พบตัวพาสนา.....


“หายไปไหนนะ เห็นวิ่งมาแวบๆ” นักข่าวคนหนึ่งพูดออกมา ขณะที่มองหาตัวพาสนาไปรอบๆ


“นั่นซิ หายไปไหนไวจัง” นักข่าวอีกคนก็พูดอย่างเห็นด้วย


“โธ่..........เสียดายจริง เจอตัวแล้วแท้ๆ” นักข่าวหนุ่มอีกคน ออกอาการหงุดหงิด


“ไปๆ ไปรอทีรถใหม่ ยังไงซะก็ต้องไปที่รถอยู่ดี” นักข่าวสาวอีกคนบอกกับนักข่าวคนอื่นๆ แล้วก็พากันเดินกลับไปที่ลานจอดรถอีกครั้ง


เมื่อนักข่าวต่างก็เดินกลับไปจนหมดแล้ว ชายหนุ่มที่มาช่วยพาสนาเอาไว้ ก็ถึงกลับถอนหายใจออกมา


“อู้อึ้.....” พาสนาที่ยังคงโดนปิดปากอยู่ พยายามดิ้นให้พ้นจากอ้อมแขนของอีกฝ่าย และพยายามให้เค้ายอมปล่อยมือจากปากของเธอ


“จะดื้นไปไหนหึ” ชายหนุ่มกล่าวถามยิ้มๆ


พาสนาจ้องมองเค้าด้วยแววตาดุ ยิ่งเห็นหน้าเค้าในเวลานี้เธออยากจะอัดเค้าสักหมัดสองหมัด


“ไม่เจอหน่อยเดียว ดุจริงๆ นะ” ชายหนุ่มยังคงแกล้งพูดแซวเธออีก


“อืมมม อู้อี้...” พาสนายังคงสะบัดหน้าเพื่อให้มือของอีกฝ่ายหลุดจากปากของเธอ


“อยากให้ปล่อยมือหรอ งั้นหยุดดิ้นก่อนซิ” พิษณุกล่าวยิ้มๆ เพื่อให้พาสนายอมอยู่นิ่งๆ ในอ้อมแขนของเค้า


หญิงสาวมองเค้าตาเขม็ง แต่เพื่อให้เค้ายอมปล่อยมือจากปากของเธอ เธอจึงยอมนั่งนิ่งๆ ตามที่เค้าบอก


พิษณุยิ้มออกมาเมื่อเห็นพาสนายอมอยู่เฉยๆ เค้าค่อยๆ ปล่อยมือจากปากของเธอ ทันทีที่มือของชายหนุ่มหลุดจากปากสวย พาสนาก็เริ่มขยับปากด่าทออีกฝ่ายทันที


“ไอ้บ้า ปล่อยฉันนะ ไอ้คนเลว ไอ้คน...” พาสนาตะหวาดเสียงดังใส่ชายหนุ่มจนเค้าต้องรีบยกมือปิดปากเธอใหม่อีกครั้ง


“นี่จะตะโกนทำไม ให้พวกนั้นได้ยินแล้ววิ่งมาหาหรอ” พิษณุขมวดคิ้วเตือนพาสนาเสียงเข้ม


เมื่อได้ฟังอีกฝ่ายพูดถึงนักข่าว ก็ทำเอาพาสนายอมนิ่งเงียบตามที่เค้าบอก


ชายหนุ่มมองหน้าอีกฝ่าย ดวงตาของเธอแม้จะมีแววดุออกมา แต่เค้าก็ยังเห็นว่าเป็นดวงตาคู่สวยที่เค้าคิดถึง พิษณุจ้องมองใบหน้าสวยใกล้ๆ ความคิดถึงที่เค้ามีมันแสดงออกมาทางแววตาของเค้า


พาสนามองชายหนุ่มตรงหน้า ถึงแม้ว่าเธอจะพูดออกมาแล้วว่าจะไม่สนใจเค้าอีก แต่ในเวลานี้ ดวงตาของเค้า ที่กำลังจ้องมองเธออยู่ มันมีอะไรบางอย่างที่ทำให้เธอเกิดหวั่นไหวอีกจนได้


จมูกโด่งยื่นเข้ามาใกล้ๆ ใบหน้าสวย ลมหายใจอุ่นๆ ลอยผ่านอากาศกระทบผิวแก้มใสให้รู้สึก......พิษณุค่อยๆ ลดมือของเค้าลง เรียวนิ้วแกร่งสัมผัสกับริมฝีปากสวยอย่างแผ่วเบา...


จากมือที่ปิดปากของเธอไว้ แปรเปลี่ยนเป็นมาเชยคางกลมมนของเธอให้เชิดหน้าขึ้น.....ชายหนุ่มจ้องมองริมฝีปากสีชมพูอ่อนของหญิงสาวด้วยแววตาที่อ่อนโยน


พาสนารู้สึกหายใจติดขัด เธอรู้สึกร้อนวูบๆ ขึ้นมา ลมหายใจอุ่นของชายหนุ่มเข้าใกล้เข้ามาทุกที ริมฝีปากของเธอขยับนิดๆ ด้วยความรู้สึกตื่นเต้น





***********จบตอนที่15***********






โดย: kokoo_129 วันที่: 19 ตุลาคม 2552 เวลา:19:51:43 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

kokoo_129
Location :
ชลบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Smiley*~๐.."รัก" ก็แค่คำว่า "รัก"..๐~*Smiley
Cute Cursors from Dollielove
Free Hit Counters
Friends' blogs
[Add kokoo_129's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.