Smiley.๐Smiley*~๐..ความรัก เป็นเรื่อง สวยงาม..๐Smiley*~๐Smiley.๐Smiley*~๐.
Group Blog
 
 
ตุลาคม 2552
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
15 ตุลาคม 2552
 
All Blogs
 
..Next Story : เรื่องรักของสองเรา ตอนที่5..

คำเตือน
ขอสงวนสิทธิ์ใดๆ ตามกฎหมาย ในการทำคัดลอก เผยแพร่ ดัดแปลง ส่วนหนึ่งส่วนใด หรือทั้งหมดของนิยายเรื่องนี้ โดยไม่ได้รับอนุญาต และ หากผู้ใดกระทำการคัดลอกหรือนำไปโพสในเวปอื่น ๆ หรือบล็อค โดยมิได้รับอนุญาตมีโทษปรับตั้งแต่ 20,000 บาท ถึง 200,000 บาท หรือ หากนำเรื่องไปเสนอต่อสำนักพิมพ์ ถือเป็นการเสนอขาย มีโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือนถึง 4 ปี หรือปรับตั้งแต่ 100,000 บาท ถึง 800,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 69 แห่ง พ.ร.บ.กฏหมายลิขสิทธิ์


***************************
Next Story : เรื่องรักของสองเรา
ตอนที่ 5

***************************











Create Date : 15 ตุลาคม 2552
Last Update : 19 ตุลาคม 2552 19:30:17 น. 9 comments
Counter : 198 Pageviews.

 
พาสนานั่งนิ่งอยู่ในห้องพัก.........เธอกำลังครุ่นคิดถึงอะไรหลายต่อหลายอย่าง รวมทั้งคำเตือนจากเป้


และเป็นจริงอย่างที่เป้พูดไว้ พนักงานของผับหลายต่อหลายคนต่างเวียนเดินไป เดินมา ผ่านหน้าเธอ ผิดไปจากทุกวัน


“เฮ้ย ไอ้ปลา.........” พี่เจ ที่เพิ่งเข้ามาในผับ เดินตรงดิ่งมาหาพาสนาทันที


“พี่เจ สวัสดีฮะ” พาสนายกมือทักทายพี่เจ


“นี่มันอะไรกันวะหะ.............” พี่เจกางหนังสือพิมพ์ให้พาสนาดู


“............” พาสนามองหนังสือพิมพ์ในมือพี่เจ แล้วให้ถอนหายใจออกมา


“แกจะคบกับใครมันก็เรื่องของแก พี่ไม่ยุ่ง...........แต่นี่โหย เล่นของสูงนะนี่” พี่เจจ้องมองพาสนาด้วยสีหน้ายิ้มๆ


“โธ่พี่.........เลิกล้อปลาเล่นเหอะ ตอนนี้ปลาปวดหัวจะแย่แล้ว” พาสนายกมือกุมขมับ พร้อมขมวดคิ้วยุ่ง


“เฮ้อออออออออ ก็แกดันไปคบคนดังนี่หว่า” พี่เจถอนหายใจแทนพาสนา


“คบอะไรล่ะพี่.........มันเป็นเรื่องบังเอิญต่างหาก” พาสนาบอกปัดสีหน้ายุ่งๆ


“แล้วมันยังไงล่ะ ก็รูปเค้าลงหลาซะขนาดนี้” พี่เจชี้นิ้วไปที่รูปของพาสนากับอรินยาในหนังสือพิมพ์


“เรื่องมันยาวพี่........ปลาปวดหัว” พาสนาบอกพี่เจด้วยน้ำเสียงเครียดๆ


“เอออ..........จะเอาไงก็ค่อยๆ คิดแล้วกัน ไม่ต้องคิดมากเว้ย เรื่องมันเกิดไปแล้ว มาคิดดีกว่าว่าจะเอาไงต่อไป” พี่เจพูดปลอบพาสนา พร้อมกับยกมือตบไหล่เธอเบาๆ อย่างให้กำลังใจ


“ปลาก็จนหนทางพี่ ตอนนี้คิดอะไรไม่ออกจริงๆ มันหลายเรื่องมากเลย” พาสนาตอบสีหน้าเครียดหนักขึ้น


“เอาน่าใจเย็นๆ ค่อยๆ คิด ค่อยๆ หาทางเอา พี่ไปเตรียมวงก่อนนะ แกก็นั่งพักไปก่อนแล้วกัน” พี่เจพูดกับพาสนาอย่างเห็นใจ


“ฮะพี่” พาสนาพยักหน้ารับเบาๆ ก่อนจะเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ อย่างอ่อนใจ


พี่เจมองพาสนาด้วยสีหน้าเป็นห่วง แต่เรื่องนี้มันเป็นเรื่องส่วนตัวของพาสนา เค้าคงเข้าไปวุ่นวายอะไรมากไม่ได้ เค้าคงทำได้แค่ให้คำแนะนำนิดๆ หน่อยๆ ...........
.
.
.
ปี๊บ....................ปี๊บ................


เสียงมือถือดังขึ้น


สาวสวยที่กำลังนั่งแต่งหน้าหันมากดรับโทรศัพท์


“ยาย่า นี่แกอยู่ไหน” เสียงปัญจรี ดังมาตามสาย


“อยู่คอนโด” อรินยาตอบน้ำเสียงเรียบ


“ดีแล้วๆ แกอย่าไปไหนนะ” ปัญจรีกล่าวน้ำเสียงร้อนใจ


“อะไร เดี๋ยวฉันจะออกไปข้างนอกแล้วปุ่น” อรินยาร้องตอบ


“ไม่ได้ แกรอฉันก่อน ฉันจะถึงคอนโดแกแล้ว.........เข้าใจมั้ย” ปัญจรีพูดจบก็รีบวางสายทันที เพราะเธอกลัวว่าอรินยาจะตอบปฏิเสธกลับมาอีกครั้ง


“อะไรของเค้านะ” อรินยาบ่นออกมาเมื่ออีกฝ่ายรีบวางสายลง


หญิงสาววางมือถือลง แล้วหันมาแต่งหน้าต่อ.......
.
.
.
ปัญจรี รีบขับรถมุ่งหน้าไปยังคอนโดหรูของอรินยา ด้วยความร้อนใจ


รถยนต์คันสวย จอดสนิทหน้าคอนโด พร้อมร่างบางที่รีบวิ่งขึ้นตึกอย่างรวดเร็ว


ก๊อกๆๆๆ


เสียงเคาะประตูดังขึ้น


อรินยา ที่ยังคงแต่งตัวอยู่ เดินมาเปิดประตู


“มีอะไร รีบร้อนเชียวแก” อรินยากล่าวทักเพื่อนที่ยืนหอบอยู่หน้าประตูห้องของเธอ


ปัญจรี ยืนหายใจหอบอย่างเหนื่อยอ่อน เธอก้าวเข้ามาในห้องพร้อมกับจ้องมองเพื่อนสาวที่กำลังแต่งตัวสวยบาดตา


“นี่แกจะไปไหนยาย่า” ปัญจรีร้องถามเพื่อนรัก


“ไปหาปลา” อรินยาตอบหน้าตาเฉย


“อะไรนะ..........นี่แกยังไม่ได้อ่านข่าวใช่มั้ย” ปํญจรีร้องถามเสียงสูง


“ข่าว...........ข่าวอะไร” อรินยาหันมาร้องถามเพื่อนรัก


“ก็ข่าวแกกับปลาหน่ะซิ ลงรูปหลาเลยนะ” ปัญจรีร้องบอกเพื่อนรัก


“หึ.......รูปฉันกับปลา” อรินยาเลิกคิ้วด้วยสีหน้าแปลกใจ


“ใช่ รูปแกกำลังกอดแขนกระหนุงกระหนิงกับปลา” ปัญจรีบอกสีหน้าเครียด


“แหม นักข่าวนี่หูตาเป็นสับประรดดีจริง” อรินยายักคิ้วเล็กๆ แล้วหันไปหยิบตุ้มหูคู่สวยขึ้นมาใส่


“นี่แกไม่โกรธ ไม่โมโหเลยหรอยาย่า” ปัญจรีร้องถามเพื่อนรัก เมื่อเห็นอาการของอรินยาดูจะเฉยเมย


“โกรธ.......โกรธเรื่องอะไร” อรินยาหันมาถามยิ้มๆ


“อ้าว ก็เรื่องข่าว” ปัญจรีมีสีหน้าแปลกใจหนักขึ้น


“ทำไมต้องโกรธ ต้องดีใจซิ เค้าช่วยโปรโมทให้นะนี่.........แม่พวกสาวๆ จะได้รู้ว่าปลาเป็นอะไรกับฉัน” อรินยาพูดสีหน้ายิ้มๆ


“ยาย่า.......” ปัญจรีจ้องหน้าเพื่อนรักด้วยสีหน้างุนงงกับความคิดของอีกฝ่าย


“ฉันล่ะเบื่อออกเวลาสาวๆ พวกนั้นมาหึงหวงปลา เป็นข่าวนี่ล่ะดี พวกนั้นจะได้ตาสว่าง” อรินยายังคงพูดสีหน้ายิ้มกริ่ม


“แกนี่บ้าไปแล้วแน่ๆ เลยยาย่า............” ปัญจรีร้องออกมาด้วยความไม่อยากเชื่อว่าเพื่อนรักจะมีความคิดแบบนี้


“ปุ่น สักวันถ้าแกรักใครเหมือนที่ฉันรักปลา แกจะรู้ว่า ความรักทำให้แกกล้า ทำให้เรายอมทุกอย่างเพื่อให้ได้เค้ามาอยู่กับเรา มาเป็นของเรา” อรินยาหันมาบอกเพื่อนรัก


“............” ปัญจรียืนฟังความคิดของอรินยานิ่ง


เธอไม่เคยเห็นอรินยาในมุมแบบนี้ มุมที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ครอบครองคนที่รัก ตอนที่อรินยาคบกับพิษณุเธอก็ไม่เห็นว่าอรินยาจะมีอาการแบบนี้เลย แต่คราวนี้ อรินยากลับแสดงออกให้เห็นว่าต้องการพาสนามากแค่ไหน


“อืม แกมาก็ดีแล้วปุ่น งั้นคืนนี้ไปส่งฉันหน่อยนะ” อรินยาบอกกับปัญจรีสีหน้ายิ้มๆ


“อ้าว แล้วรถแกนะยาย่า” ปัญจรีถามอย่างสงสัย


“อ้อ จอดทิ้งไว้ที่ผับมา 3 วันแล้ว” อรินยาพูดจบก็หยิบกระเป๋าถือเดินตรงมาหาปัญจรี


“หะ.......3 วัน” ปัญจรีร้องน้ำเสียงประหลาดใจ


“อืมม....ก็ปลาเค้าขับรถมาส่งฉันทุกวันนี่นา” อรินยาพูดยิ้มๆ


“ปะเหอะ.....ไม่ต้องถามมากแล้ว” อรินยา ร้องบอกกับปัญจรี ก่อนจะพากันเดินออกจากห้องหรู






โดย: kokoo_129 วันที่: 15 ตุลาคม 2552 เวลา:17:29:55 น.  

 



ปัญจรีขับรถพาอรินยามาที่ผับ Ninety Eight ตามที่สาวสวยต้องการ


“ขอบใจมากนะปุ่น” อรินยาหันมาพูดพร้อมส่งยิ้มให้คนขับรถ


“.........” ปัญจรีไม่ตอบอะไร เธอดับเครื่องยนต์ พร้อมกับปลดล็อคเข็มขัดนิรภัยที่คาดอยู่ออก


“แกจะทำอะไรหน่ะปุ่น” อรินยาที่กำลังจะเปิดประตูรถออก หันมาถามเพื่อนข้างๆ ด้วยความสงสัย


“ก็ลงไปกับแกด้วยไงยาย่า” ปัญจรีตอบสีหน้าเรียบ


“แกจะลงไปทำไม” อรินยาร้องถามสีหน้าสงสัย


“ผับเค้ามีไว้ทำไมล่ะ” ปัญจรีตอบสีหน้านิ่ง


“.........” อรินยาจ้องหน้าเพื่อนรัก เธอรู้ว่าจริงๆ ปัญจรีต้องการมาคุมเธอ หญิงสาวได้แต่เบ้หน้าก่อนจะเดินลงจากรถ


“ฉันโตพอแล้วนะปุ่น” อรินยาร้องบอกกับเพื่อนรักสีหน้าไม่ชอบใจสักเท่าไหร่


“ฉันก็ไม่ได้ว่าแกไม่โตนิยาย่า” ปัญจรียังคงตีหน้านิ่ง เธอจัดการล็อครถเรียบร้อย แล้วก็เดินวนมาทางอรินยา


“จะเข้าไปรึยัง” ปัญจรีร้องถาม


“เฮ้ยยยยยย......” อรินยาส่งเสียงสะบัดๆ ออกมา ก่อนจะเดินเข้าไปในผับพร้อมๆ กับปัญจรี


ค่ำคืนนี้เหล่านักเที่ยวยังคงมาใช้บริการตามปรกติ และเหมือนจะมีนักเที่ยวหน้าใหม่ๆ มาหลายต่อหลายคน.......


อรินยา และปัญจรี มานั่งที่โต๊ะตัวประจำของสาวสวยไฮโซ.........แขกหลายๆ โต๊ะต่างหันมองมาทางพวเธอ....ปัญจรีรู้สึกแปลกๆ กับสายตาที่จ้องมา แต่อรินยากลับทำเฉยไม่ใส่ใจ


บนเวที นักร้องกำลังร้องเพลง.......


สายตาของอรินยาจ้องมองไปทางด้านบนเวที พร้อมส่งยิ้มหวาน


ปัญจรีมองเพื่อนของเธอที่กำลังอยู่ในอาการเคลิ้มไปกับคนที่อยู่บนเวที แล้วให้ต้องถอนหายใจออกมา


“เป็นเอามาก” ปัญจรีพูดออกมาเบาๆ


แสงไฟจากกล้องถ่ายรูป สาดมาทางสาวสวยไฮโซ ทำให้ปัญจรีต้องหันมองไปทางที่มาของแสง


“พวกคุณทำอะไรหน่ะ” ปัญจรีขมวดคิ้วร้องถามเหล่านักข่าวที่แอบซุ่มถ่ายรูปเพื่อนของเธอ


เมื่อโดนจับได้ เหล่านักข่าวจึงเดินมาที่โต๊ะของสองสาวใกล้ๆ


“คุณยาย่า เป็นแฟนกับนักร้องบนเวทีจริงๆ รึป่าวค่ะ” นักข่าวสาวคนหนึ่งร้องถามขึ้น ทำเอาอรินยาหันมองกลับไปทางพวกเค้า


“แล้วคุณรู้รึป่าวคะว่า น้องปลาไม่ใช่ผู้ชาย” นักข่าวอีกคนถามคำถามสำคัญออกมา


อรินยาจ้องมองนักข่าวแล้วยิ้มบางๆ ออกมา


“ความรัก เกิดได้กับทุกคนค่ะ ไม่ว่าหญิงหรือชาย” อรินยาตอบยิ้มๆ จบก็หันมองกลับไปที่พาสนาบนเวทีอีกครั้ง


กลุ่มนักข่าวร้องฮือออกมาก่อนจะถ่ายรูปอรินยายกใหญ่


“พอแล้ว.......พวกคุณจะถ่ายอะไรนักหนา” ปัญจรีร้องห้ามนักข่าว เธอไม่ชอบใจกับพวกนี้สักเท่าไหร่


“ยาย่า ฉันว่าเรากลับกันเถอะ” ปัญจรีหันไปพูดกับเพื่อนของเธอ


“ฉันจะกลับกับปลา” อรินยาตอบน้ำเสียงนิ่ง


“ยาย่า........” ปัญจรีร้องเสียงสูง เธอไม่เข้าใจเพื่อนรักเลยสักนิดว่ากำลังคิดอะไรอยู่


“คุณนักข่าวคะ ถ้ามีอะไรจะถาม ยาย่าขอเป็นหลังการแสดงบนเวทีจบก่อนนะคะ แล้วเราจะให้สัมภาษณ์ค่ะ” อรินยาหันมาบอกกับนักข่าวที่กำลังถ่ายรูปของเธอ


“คุณยาย่าจะให้สัมภาษณ์หรือครับ” นักข่าวคนหนึ่งร้องถาม


“ค่ะ...........แต่ตอนนี้ขอยาย่าฟังเพลงก่อนนะคะ” อรินยาตอบสีหน้ายิ้มๆ


“ได้ค่ะๆ” นักข่าวพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะถอยห่างออกมา เพื่อรอเวลาสัมภาษณ์ตามที่หญิงสาวให้สัญญาไว้


ปัญจรีนั่งมองเพื่อนสาวด้วยแววตาประหลาดใจ เธอไม่รู้จริงๆ ว่าตอนนี้อรินยากำลังจะทำอะไร


ปัญจรีลุกเดินออกมาจากโต๊ะ.........เธอหยิบมือถือขึ้นแล้วกดโทรออกด้วยอาการร้อนใจ
.
.
.
ตี๊ดด............ตี๊ดด.............


เสียงมือถือที่นอนนิ่งอยู่บนโต๊ะเล็กๆ หัวเตียงดังขึ้น


ชายหนุ่มที่กำลังนอนหลับตานิ่งบนที่นอนหันมาหยิบมือถือเพื่อรับสาย


“ฮัลโหล.......” น้ำเสียงนิ่งๆ รับสาย


“คุณณุ........นี่ปุ่นเองนะคะ” เสียงหญิงสาวดูอาการร้อนใจ


“คุณปุ่น.......มีอะไรรึป่าวครับ” พิษณุกล่าวถามน้ำเสียงเรียบ


“คือปุ่นโทรมาเรื่อง............ยาย่า” ปัญจรีเองก็ไม่รู้จะเริ่มพูดอย่างไรดี


“อ้อ.........ครับ” พิษณุตอบกลับน้ำเสียงนิ่งไม่แสดงอารมณ์ใดๆ


“ปุ่นไม่รู้ว่าระหว่างคุณกับยาย่าเกิดอะไรขึ้น แต่ตอนนี้มันกำลังจะเป็นเรื่องใหญ่แล้วนะคะ” ปัญจรีแจ้งให้ชายหนุ่มทราบด้วยน้ำเสียงร้อนใจ


“เรื่องใหญ่ ยังไงครับ” พิษณุถามกลับ


“ก็ตอนนี้ ยาย่าอยู่ที่ผับ Ninety Eight ...” ปัญจรีร้องบอกชายหนุ่ม


“เค้าคงไปหา.......” พิษณุหยุดพูด แล้วพอนึกถึงหน้าคนที่อรินยาตั้งใจไปหา ความรู้สึกโกรธก็พุ่งออกมา ดวงตาเค้าเริ่มแข็งกร้าวอีกครั้ง


“แต่ตอนนี้ที่นี่มีนักข่าวเต็มไปหมด” ปัญจรีร้องบอกกับชายหนุ่ม


“.........” พิษณุฟังเงียบๆ


“แล้วนี่ยาย่าบอกกับนักข่าวว่าจะให้สัมภาษณ์เรื่องเธอกับปลาด้วย........” ปัญจรีบอกเรื่องราวให้พิษณุฟัง


“ให้สัมภาษณ์!!!!~” พิษณุพูดด้วยสีหน้าเครียด


“ใช่ค่ะ........ปุ่นว่ายาย่าคงไม่รู้ว่าตัวเองกำลังจะทำอะไร” ปัญจรีพูดน้ำเสียงเครียดขึ้นเช่นกัน


“คุณณุมาห้ามหน่อยเถอะค่ะ...........” ปัญจรีแจ้งความต้องการที่แท้จริง ที่เธอโทรมาหาพิษณุให้ชายหนุ่มรับรู้


“...........” พิษณุนิ่ง และครุ่นคิดชั่วครู่


“ครับ แล้วผมจะรีบไป” พิษณุตอบตกลง เค้ากดวางสายโทรศัพท์เพื่อเตรียมตัวออกไปที่ผับ Ninety Eight ตามที่ปัญจรีร้องขอ


“หึ......ฉันไม่มีทางให้เธอทำลายชื่อเสียงฉันได้หรอกนะ ยายตัวแสบ” พิษณุเค้นเสียงออกมา ก่อนจะลุกขึ้น แล้วเดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้า


.


โดย: kokoo_129 วันที่: 15 ตุลาคม 2552 เวลา:17:30:29 น.  

 


พาสนาร้องเพลงจบ และกลับเข้าหลังเวทีไปแล้ว....


เหล่าบรรดานักข่าวรอคอยการให้สัมภาษณ์ของอรินยา และพาสนา


อรินยายิ้มบางๆ ออกมา ก่อนจะลุกจากโต๊ะ แล้วเดินไปหาพาสนาด้านหลังเวที


“ปลาคะ...” หญิงสาวร้องเรียกพาสนาน้ำเสียงหวาน


“ยาย่า.....เข้ามาได้ไง” พาสนาขมวดคิ้วมองอรินยาที่เดินเข้ามาหาเธอทางด้านหลังเวที


“ทำไมจะเข้าไม่ได้คะ ยาย่าก็แค่เดินเข้ามา” อรินยาร้องถามสีหน้ายิ้มๆ


“คือ คุณมาทำไม ไม่รู้รึไงว่านักข่าวมันจ้องทำข่าวอยู่” พาสนาขมวดคิ้วร้องถาม


“รู้ซิคะ.........” อรินยายิ้มหวานตอบ


“รู้แล้วทำไม...” พาสนายิ่งขมวดคิ้วหนักขึ้น เธอจ้องมองรอยยิ้มจากอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกไม่เข้าใจ


“ยาย่าจะมาบอกปลาว่า ยาย่านัดนักข่าวไว้ว่าจะให้สัมภาษณ์เรื่องของเรา” อรินยาบอกกับพาสนาเสียงหวาน


“หะ.........ให้สัมภาษณ์” พาสนาร้องเสียงดังออกมาด้วยความตกใจ


“คะ ให้สัมภาษณ์” อรินยายังคงยิ้มหวานอยู่


“บ้าหรือไง.........โอ้ยยยยยยย” พาสนาร้องโอดโอยออกมาด้วยความไม่เข้าใจ


“ทำไมคะปลา ก็ยาย่าอยากให้เค้ารู้กันไปเลยว่าเราคบกัน” อรินยาเดินเข้ามาใกล้ๆ พาสนา เธอใช้สองมือเกาะแขนอีกฝ่ายไว้ด้วยท่าทางอ้อนๆ


“คุณคิดอะไรของคุณ ยาย่า........” พาสนาร้องถามอีกฝ่ายสีหน้าเหมือนจะร้องไห้


“ก็ในเมื่อเราคิดจะคบกัน ยาย่าก็ไม่อยากแอบๆ ซ่อนๆ นิคะ” อรินยาตอบสีหน้ายิ้ม


“โอ้ยยยยยยยย.........” พาสนาได้แต่ร้องโอยออกมาด้วยความรู้สึกอยากร้องไห้เหลือเกิน


“นะคะปลา เราก็ไปให้สัมภาษณ์นิดหน่อย แล้วต่อไป เค้าก็ไม่ยุ่งกับเราอีกแล้ว” อรินยากล่าวพร้อมกับพยายามดึงพาสนาให้ออกไปข้างนอกกับเธอ


“แต่..............” พาสนาอยากจะปฏิเสธ แต่เธอก็จนหนทาง .........ทำไมเรื่องต่างๆ ถึงได้ยุ่งขนาดนี้นะ


อรินยาดึงมือพาสนาให้เดินออกไปด้านนอกกับเธอ ทันทีที่ทั้งสองเดินออกมาจากผับ เหล่ากลุ่มนักข่าวก็วิ่งกรูกันเข้ามาทันที


“ตกลงเรื่องที่พวกคุณคบเป็นแฟนกันเป็นเรื่องจริงใช่มั้ยคะ” นักข่าวรีบร้องถามเมื่อเห็นคนทั้งสองคน


“โอ้ยย....” พาสนาใช้มือป้องแสงจากแฟต์สจากกล้องถ่ายรูป


“ปลาคะ...” อรินยาหันมองพาสนา


“ยาย่า ปลาไม่ชอบแบบนี้เลยนะ” พาสนาขมวดคิ้วบอกกับหญิงสาวด้วยสีหน้าไม่ชอบใจ


“ว่าไงคะ คุณยาย่า” นักข่าวยังคงยิงคำถามต่อเนื่อง


“คือว่าเราสองคน.........” อรินยาหันไปส่งยิ้มให้กับนักข่าว


“คือว่า ปลาหน่ะ เค้าเป็นแฟนผมต่างหาก” เสียงๆ หนึ่งดังจนเหล่านักข่าวต่างก็ต้องหันไปมองทางด้านหลัง


พิษณุยืนยิ้มมองทางทุกคน....


“หะ....” พาสนาจ้องมองคนที่พูดประโยคนั้นออกมา ด้วยสีหน้าตกใจ


“อะไรกันคะคุณณุ...” นักข่าวต่างวิ่งไปถ่ายรูป และร้องถามพิษณุด้วยความประหลาดใจ


“จริงๆ แล้วปลาเค้าคบกับผม....” พิษณุเดินตรงดิ่งเข้ามาหาพาสนา แบบที่เธอเองก็ไม่ทันได้ตั้งตัว


ชายหนุ่มใช้แขนของเค้าโอบไหล่เธอไว้แน่น.....


“เฮ้ยยย...” พาสนาตกใจอย่างมากที่ชายหนุ่มทำแบบนี้


“อ้าวยังไงกันครับ ก็...” นักข่าวร้องถามแล้วมองไปที่คนทั้งสาม


“อะไรกันคะณุ...” อรินยาจ้องมองพิษณุด้วยแววตาไม่เข้าใจ แต่ไม่ทันที่อรินยาจะพูดอะไรได้มาก ปัญจรีก็รีบเข้ามายืนขนาบเพื่อนของเธอ


“ไม่ต้องสงสัยครับ ยาย่ากับปลาเค้าไม่มีอะไรกันหรอกครับ แหม ผู้หญิงกับผู้หญิงเค้าจะมีอะไรกันได้นอกจากเป็นเพื่อนกัน ....จริงมั้ยจะที่รัก” พิษณุหันมาร้องถามพาสนาด้วยสีหน้ายิ้มๆ


“หะ....” พาสนาเองยังคงตกอยู่ในอาการตกตะลึง เธอจ้องหน้าอีกฝ่ายด้วยความไม่เข้าใจ


“ใครอยากถ่ายรูป ก็ถ่ายได้เลยนะครับ ผมกับปลายินดี” พิษณุยิ้มกว้างให้กับนักข่าว เค้าบีบไหล่ของพาสนาไว้แน่น


“ว่าไงคะ คุณปลา คุณยาย่า” นักข่าวร้องถามอรินยาอีกครั้ง


“คือ......”อรินยาอยากจะเถียง และค้านคำพูดของพิษณุ แต่ปัญจรีก็รีบใช้มือปิดปากอรินยาเอาไว้


“จริงคะ จริง คุณณุพูดจริงทุกอย่างคะ” ปัญจรีรีบตอบนักข่าวแทนเพื่อนของเธอ


“อ้าว แล้วเรื่องระหว่างคุณณุ กับคุณยาย่าล่ะคะ” นักข่าวหันมาถามพิษณุด้วยความสงสัย


“อ้อ คือผมกับยาย่าเราคบกันมาแต่เด็ก บางทีเราก็ไม่รู้ว่าความรักมันเป็นยังไง ก็พอดีผมมาเจอกับปลานี่ล่ะครับ ผมถึงได้รู้จักคำว่า รักแท้...” ชายหนุ่มไม่วายหันไปส่งยิ้มหวานให้คนข้างๆ


เสียงฮือ ดังมาจากกลุ่มนักข่าวอีกครั้ง ทุกคนต่างรีบถ่ายรูปพิษณุที่กำลังโอบพาสนาเอาไว้ พร้อมสายตาหวานเชื่อม


“จะบ้ารึไง.....” พาสนาร้องถามพิษณุด้วยน้ำเสียงเบาๆ


“อยากเป็นข่าวกับยาย่ามากก็โวยออกมาซิ” พิษณุกระซิบบอกกับอีกฝ่าย


“นาย....” พาสนารู้สึกหงุดหงิดสุดๆ ที่พิษณุรู้ทันเธอ


“ยิ้มซิ...” พิษณุบีบไหล่อีกฝ่ายเพื่อให้หันไปยิ้มให้กับนักข่าว


“เรื่องอะไรต้องยิ้ม” พาสนาพูดใส่เค้าดวงตาเขียว


“บอกให้ยิ้มไง” พิษณุไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกอย่างไร เค้าบีบไหล่เธอแรงขึ้น


“โอ้ยยย...” พาสนาร้องออกมาเมื่อรู้สึกเจ็บที่ไหล่


ท่าทางของพาสนาที่ร้องออกมาด้วยความเจ็บ กับทำให้พิษณุได้จังหวะ เค้ายื่นหน้าของเค้าเข้าใกล้หน้าของเธอ จนดูคล้ายๆ ว่าเค้ากำลังจะก้มหอมแก้มเธอ นักข่าวต่างถ่ายรูปนี้เอาไว้อย่างรวดเร็ว


“เฮ้ย...” พาสนาตกใจมากกับการกระทำของอีกฝ่าย


“ไอ้บ้า..” พาสนาใช้มือของเธอผลักเค้าออก แล้วรีบเดินหนีทันที


“อ้าว...คุณปลา” นักข่าวต่างก็ร้องเรียกพาสนาที่กำลังเดินหนีออกไป


“เธอคงอายหน่ะครับ” พิษณุหันมาตอบแทนพาสนาด้วยรอยยิ้ม


“อ้อ....แหม น่ารักกันจริงนะคะ” นักข่าวยังคงสนใจสัมภาษณ์พิษณุมากกว่า


“ปลา....ปลาคะ” อรินยามองพาสนาที่กำลังเดินหนีออกไป เธออยากจะวิ่งตามไป แต่ปัญจรีกลับจับตัวเธอเอาไว้






โดย: kokoo_129 วันที่: 15 ตุลาคม 2552 เวลา:17:31:06 น.  

 

ปัญจรี จับตัวอรินยาเอาไว้.........แม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่เต็มใจก็ตาม แต่เธอก็ไม่ยอมให้เพื่อนของเธอต้องตกเป็นข่าวเสียๆ หายๆ ในวงซุบซิบนินทาแน่ๆ


นักข่าวยังคงรุมสัมภาษณ์พิษณุไม่หยุด ชายหนุ่มตอบคำถามนักข่าวด้วยสีหน้ายิ้มๆ


อรินยาหันมองพิษณุด้วยแววตาไม่ชอบใจนัก แต่เธอก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลย


พาสนาเดินกลับไปถึงรถของเธอ..........หญิงสาวรู้สึกทั้งโมโห ทั้งหงุดหงิดใจ


“ไอ้บ้าเอ้ย.......” เธอร้องโวยออกมา เมื่อขึ้นไปนั่งอยู่บนรถเรียบร้อยแล้ว


รถยนต์คันเล็ก แล่นออกไปจากลานจอดรถอย่างรวดเร็ว........


“เจ็บใจๆๆๆๆๆๆๆๆๆ..........” พาสนาตะโกนโวยออกมาอีกครั้ง เมื่อขับรถออกมาจากผับได้สักระยะหนึ่งแล้ว


“มันอะไรกันเนี่ยะ แล้วงี้พรุ่งนี้ฉันจะทำไงดี...” พาสนารู้ถึงชะตากรรมในชีวิตของเธอในวันรุ่งขึ้น ก็ยิ่งให้รู้สึกทั้งเครียด ทั้งอยากร้องไห้


“ฮืออออฮือออ ไอ้บ้า ไอ้โรคจิต แกจะตามราวีฉันไปถึงไหน” พาสนาร้องโอดครวญออกมาเมื่อคิดถึงชายที่ทำให้เธอต้องตกเป็นข่าว


“โอ้ยยยยยยยย........กลุ้มๆๆๆๆ” พาสนาได้แต่โวยวายระบายความอัดอั้นในใจออกมา ก่อนที่รถจะแล่นถึงบ้านของเธอ
.
.
.
“แล้วคุณณุ กับน้องปลาคบกันมานานแค่ไหนแล้วคะ” นักข่าวยังคงซักถามพิษณุอยู่


“ก็นานแล้วครับ เราเจอกันเพราะเรื่องบังเอิญ...” พิษณุตั้งหน้าตั้งตาให้สัมภาษณ์ด้วยสีหน้ายิ้มๆ


อรินยารู้สึกขัดใจกับท่าทางของชายหนุ่มอย่างมาก.......ปัญจรีเห็นว่าพาสนาได้ขับรถออกไปแล้ว จึงพาอรินยา เลี่ยงกลุ่มนักข่าวออกมา


“เธอมาห้ามฉันทำไมปุ่น” อรินยา ร้องถามเพื่อนรักทันทีที่เดินมาพ้นกลุ่มนักข่าวแล้ว


“แล้วเธออยากเป็นข่าวกับปลาเค้ามากเลยหรือไงยาย่า” ปัญจรีร้องถามกลับ


“ก็ไม่เห็นแปลก” อรินยายังคงเถียง


“ใช่ ถ้าเป็นคนอื่นไม่แปลกหรอกนะยาย่า แต่นี่มันเธอ คุณอรินยา ลูกสาวท่านทูต........เธอคิดว่าคุณพ่อ คุณแม่เธอจะดีใจหรอที่ลูกสาวมีข่าวเสียๆ หายๆ กับ............เอออ......ปลา” ปํญจรีร้องถามเพื่อนรัก


“ก็..........” อรินยาอยากจะเถียงต่อ แต่เมื่อคิดถึงหน้าตาของบิดามารดาของเธอแล้ว หญิงสาวได้แต่นิ่งเงียบ


“ฉันว่าให้เค้ามีข่าวกับคุณณุหน่ะดีแล้ว ส่วนเธอก็ระวังตัวๆ หน่อยดีกว่า อย่าทำให้เป็นข่าวเลย” ปัญจรีบอกกับเพื่อนรักด้วยความห่วงใย


“แล้วนี่ปลาเค้าจะว่าไงบ้าง คงโกรธน่าดู” อรินยาไม่ได้สนใจคำเตือนของเพื่อนสักเท่าไหร่ เธอกลับรู้สึกห่วงใยความรู้สึกของพาสนาแทน


“เฮ้ออออออ ยาย่า เธอนี่.......” ปัญจรีจ้องมองเพื่อนอย่างกลุ้มใจ


“ปุ่น ฉันอยากไปหาปลา” อรินยาหันมาบอกกับเพื่อนรัก


“จะไปไง ป่านนี้เค้ากลับบ้านไปแล้ว” ปัญจรีตอบสีหน้าเครียด


“ฉันอยากไป........” อรินยาบอกเพื่อนแววตาเศร้า


“โอ้ยยยยยย เอาไว้ไปพรุ่งนี้แล้วกัน คืนนี้อย่าเพิ่งเลย” ปัญจรีจนหนทางเธอเห็นสีหน้าของเพื่อนรักแล้วให้อดสงสารไม่ได้


“จริงๆ นะ” อรินยายิ้มออกมาได้บ้าง


“อืมม......พรุ่งนี้รอที่คอนโด ฉันจะไปรับ ห้ามไปคนเดียว เข้าใจมั้ย” ปัญจรีกำชับเพื่อนของเธอ


“........” อรินยาไม่ตอบรับ เธอได้แต่นิ่ง


“ถ้าเธอยังรักคุณพ่อ คุณแม่ ก็เชื่อฉันบ้างนะยาย่า” ปัญจรี เอาคุณพ่อ คุณแม่ของอรินยามาอ้าง ทำให้หญิงสาวแสนสวยต้องนิ่งเงียบ และรับฟัง


“ปะ...ฉันไปส่ง” ปัญจรี ดึงมืออรินยาไปที่รถของเธอ
.
.
.
พิษณุยืนให้สัมภาษณ์ พร้อมกับถ่ายรูปได้สักพัก เค้าก็ขอตัวกับพวกนักข่าว


ชายหนุ่มมองหาอรินยา และปัญจรี ก็ไม่พบสองสาว เค้าจึงกลับไปนั่งรถของเค้า


ชายหนุ่มยิ้มออกมาอย่างพอใจ..........


“หึ.......พรุ่งนี้รอดูข่าวแล้วกันนะจ๊ะ แม่ลูกปลาตัวน้อย.........” พิษณุพูดออกมาด้วยน้ำเสียงชอบใจ


รถสปอร์ตคันงามแล่นออกไปจากลานจอดรถของผับ ใบหน้าคนขับในค่ำคืนนี้ดูจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ
.
.
.
พาสนากลับมาถึงบ้าน เธอเข้าห้องนอนด้วยความรู้สึกเหนื่อยใจ


ร่างของเธอล้มลงกับที่นอนอย่างล้าๆ..........


พาสนาพลิกกายมองไปบนเพดานของห้อง........


“เฮ้ออออออออออ.............” ไม่มีคำพูดใด นอกจากเสียงถอนหายใจยาว ใบหน้าเครียดๆ และมือที่ยกขึ้นก่ายหน้าผากของเจ้าของอย่างกลุ้มๆ


ค่ำคืนนี้พาสนาไม่อาจข่มตาหลับได้เลย เพราะเรื่องที่สร้างความหนักใจให้เธอ มันกำลังคืบคลานเข้ามาเรื่อยๆ พรุ่งนี้เช้า เธอเองก็ไม่รู้ว่าจะรับมือกับคุณสุได้ยังไง ข่าวเรื่องเธอกับยาย่า ยังไม่เคลียร์ดี นี่มามีข่าวกับผู้ชายคนนั้นอีก ยิ่งคิดก็ยิ่งกลุ้ม


และไม่ผิดจากที่พาสนาคาดคิดไว้ เมื่อแสงทองสว่างของอรุณรุ่งเข้ามาเยือน


เสียงคุณสุแผดดังขึ้น สนั่นบ้าน...........


“ไอ้ปลา!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!~” คุณสุร้องเสียงดังสนั่น ก่อนที่ร่างของท่านจะมาปรากฏ ณ. ห้องนอนของพาสนา


“จ๋าแม่....” พาสนาที่รอรับมืออยู่แล้วได้แต่นั่งยิ้มแห้งๆ ที่ปลายเตียงนอน


“แก............แก...........” คุณสุจ้องมองลูกสาวด้วยแววตาดุ


“เอาเลยแม่ อยากด่าอะไรก็ด่าเลย..........พร้อมแล้ว” พาสนาบอกมารดาด้วยสีหน้าหงอยๆ


“ไอ้ปลา แกท้าฉันหรอ” คุณสุมองหน้าลูกสาวด้วยความโมโห ที่ท่าทางของพาสนาดูเหมือนกำลังรอให้ท่านมาด่า


“ป่าว....แต่ปลารู้ไงว่าแม่ต้องมาด่าปลาแน่ๆ” พาสนาตอบสีหน้าเรียบ


“แกรู้ ...........รู้แล้วทำ ทำไม” คุณสุยังคงพูดเสียงดังใส่ลูกสาว


“ปลาไม่ได้ทำนะแม่ แต่........” พาสนาอยากจะเถียงกลับ แต่เธอก็เถียงไม่ออก


“ไม่ได้ทำ แล้วนี่อะไร..........เมื่อวานมีข่าวกับแม่สาวไฮโซ ฉันก็อกแทบแตก วันนี้แกมามาดใหม่ มีข่าวกับแฟนของเค้าอีก” คุณสุโยนหนังสือพิมพ์ไปที่เตียงนอนข้างๆ ตัวพาสนา เพื่อให้เธอได้อ่าน


“ฉันอยากให้แกคบกับผู้ชาย แต่ไม่ใช่ให้มีข่าวกับผู้ชาย” คุณสุบอกกับพาสนาด้วยน้ำเสียงผิดหวัง


“แม่....จริงๆ มันไม่ใช่”““ พาสนาอยากจะปฏิเสธ แต่เมื่อเธอเห็นรูปของตัวเอง กับพิษณุวางหลาอยู่หน้าหนึ่งของข่าววันนี้แล้วก็ให้พูดอะไรไม่ออก


“เมื่อวาน อยู่คอลัมน์ข่าวซุบซิบ คนรู้บ้าง ไม่รู้บ้าง วันนี้พัฒนาขึ้น ลงหน้าหนึ่งเลย แกจะให้ฉันคิดยังไงปลา” คุณสุร้องถามลูกสาว


“แล้วจะให้ปลาทำไง..........” พาสนาทำหน้าอยากจะร้องไห้ออกมา เธอหมดหนทางแก้ตัวใดๆ


“แกไปพาเค้ามาเลยนะ ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าพวกแกจะเอายังไงกัน” คุณสุสั่งเสียงเฉียบ ทำเอาพาสนาที่ก้มหน้ามองข่าวในหนังสือพิมพ์ ต้องรีบเงยหน้ามองมารดาอย่างรวดเร็ว


“หะ........” พาสนาร้องถามมารดา


“ไปพาเค้ามาหาฉัน ไม่งั้นแก ไอ้ปลา.....” คุณสุจ้องมองลูกสาวดวงตาเขียว


เมื่อพูดจบ คุณสุก็เดินออกจากห้องไป คงทิ้งให้พาสนานั่งอึ้งอยู่พักใหญ่


“แม่....แม่....” พาสนาตั้งสติได้ ก็ร้องเรียกมารดา แต่ไม่ทันซะแล้ว.........


“โธ่..............แล้วนี่ฉันจะทำไงดี.....” พาสนาก้มมองหนังสือพิมพ์อีกครั้ง ด้วยความรู้สึกอยากจะร้องไห้เสียจริงๆ



.


โดย: kokoo_129 วันที่: 15 ตุลาคม 2552 เวลา:17:31:43 น.  

 

ที่บ้านไตรศร...........


“อุ้ยตายแล้ว.........” เสียงแหลมสูงดังขึ้น ทำเอาคุณกรุงที่นั่งดื่มกาแฟต้องชะงักแล้วมองไปทางภรรยาของตน


“เป็นอะไรอีกล่ะคุณ” คุณกรุงร้องถามภรรยาที่ดูมีท่าทางตื่นตะหนก


“ก็จะอะไรล่ะคะ ดูซิคุณ ดู.......” คุณจินตนา นำหนังสือพิมพ์ส่งให้สามีดูรูปหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์วันนี้


“ไหน มีอะไร...” คุณกรุงรับหนังสือพิมพ์จากภรรยา แล้วมองดูรูปในหน้าหนังสือพิมพ์


“พ่อลูกชายตัวดีของคุณทำงามหน้าอีกแล้ว” คุณจินตนากล่าวสีหน้าไม่พอใจ


“........” คุณกรุงดูรูปในหนังสือพิมพ์ พร้อมกับอ่านข้อความใต้รูปด้วยสีหน้าเครียด


“คุณต่าย........ไปตามคุณณุมาให้ฉันที” คุณจินตนาหันไปบอกกับคุณต่ายเพื่อให้ไปตามพิษณุลงมาพบท่าน


“ค่ะ...” คุณต่ายรับคำสั่ง ก็รีบเดินขึ้นไปชั้นบนอย่างรวดเร็ว


“ดูนะคะคุณ ฉันไม่รู้จะไปตอบคำถามท่านทูตยังไงดีล่ะทีนี้......” คุณจินตนายังคงกล่าวน้ำเสียงเครียด


“มันอาจไม่มีอะไรก็ได้นะคุณ” คุณกรุงพูดปลอบภรรยา


“ไม่มีอะไรได้ยังไงค่ะ ดูรูปซิ เกือบจะจูบ เกือบจะหอมกันอยู่แล้วนั่น” คุณจินตนาพูดเสียงเขียวใส่สามี


“มันอาจเป็นมุมกล้องก็ได้คุณ” คุณกรุงยังคงแก้ตัวให้บุตรชาย


“มุมกล้องอะไรกัน.......ดูดีๆ ซิค่ะ มันมุมตรงไหน” คุณจินตนายังคงโวยวายไม่หยุด


“เอาน่าใจเย็นๆ รอถามลูกให้รู้เรื่องก่อนดีกว่านะ” คุณกรุงยังคงไม่ยอมปักใจเชื่อข่าวในหนังสือพิมพ์สักเท่าไหร่นัก
.
.
.
คุณต่ายขึ้นไปถึงหน้าห้องของพิษณุ ไม่ทันที่แม่บ้านจะเคาะประตูเรียกเจ้านายหนุ่ม ประตูห้องก็เปิดออกมาซะก่อน


“อ้าว คุณต่ายมีอะไรครับ” พิษณุกล่าวทักแม่บ้านใหญ่ประจำบ้าน ด้วยสีหน้าสงสัย


“คุณณุ คุณจินให้มาเรียกค่ะ” คุณต่ายกล่าวน้ำเสียงนิ่ง


“อ้อ......ครับ ขอบคุณครับ” พิษณุรู้ดีว่า มารดาของเค้าต้องการคุยอะไร ชายหนุ่มยิ้มให้คุณต่ายบางๆ ก่อนจะเดินลงไปยังชั้นล่าง


เมื่อชายหนุ่มเดินมาถึงห้องอาหาร คุณจินตนาที่ตั้งป้อมคอยท่ารีบเดินเข้ามาหาบุตรชายด้วยอาการร้อนใจ


“นี่มันอะไรกันตาณุ บอกแม่มาซิ” คุณจินตนากล่าวถามบุตรชายน้ำเสียงเครียด


“ก็.........ตามข่าวครับคุณแม่” พิษณุตอบมารดาสีหน้านิ่ง


“อะไรนะ........” คุณจินตนาขมวดคิ้วยุ่งมองหน้าลูกชาย


“เมื่อวานคุณแม่ถามผมเรื่องนักร้องคนนี้กับยาย่า ใช่มั้ยครับ” พิษณุกล่าวถามกลับจนคุณจินตนาต้องยืนนิ่ง


“นี่แกจะบอกว่า เป็นคนๆ เดียวกันหรอ” คุณจินตนาเลิกคิ้วถามบุตรชาย


“...........” พิษณุยิ้มตอบมารดาของเค้า


“โอ้ยยยยย ฉันจะเป็นลม.........นี่แกไปสนใจผู้ชายด้วยกันเมื่อไหร่หะตาณุ” คุณจินตนาทำท่าจะเป็นลม เมื่อเห็นรอยยิ้มบุตรชาย


“คุณแม่เข้าใจผิดแล้วครับ........ปลาเนี่ยะ เค้าเป็นผู้หญิงครับ” พิษณุตอบมารดา


“หะ......ผู้หญิง” คุณจินตนาเบิกตากว้างร้องเสียงสูงขึ้นอีกครั้ง เธอรีบเดินกลับไปที่โต๊ะอาหารแล้วหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาดูอีกรอบ


“ครับ เค้าเป็นผู้หญิง แล้วจะไปรักอะไรกับยาย่าได้.........” พิษณุตอบ


“นี่พวกแกเล่นอะไรกัน แม่งงไปหมดแล้ว” คุณจินตนาร้องถามบุตรชายด้วยความมึนงง


“หึ........ผมไม่ยอมให้มีข่าวว่า พิษณุนักธุรกิจหนุ่มโดนผู้หญิงมาแย่งแฟนไปหรอกนะครับ.......ถ้าจะต้องโดนแย่งแฟน ผมว่า ผมเปลี่ยนแฟนไปเลยดีกว่า” พิษณุตอบคุณจินตนาด้วยสีหน้ายิ้มๆ


“อะไรนะ...” คุณจินตนาจ้องมองบุตรชายด้วยสีหน้างุนงง มากขึ้น


“ผมขอตัวไปทำงานก่อนนะครับคุณแม่” พิษณุไม่ตอบคำถามอะไรอีก เค้าเดินออกจากห้องอาหาร ทิ้งให้มารดาเกิดอาการมึนกับคำตอบ


“อะไรกันค่ะคุณ ฉันงงไปหมดแล้ว” คุณจินตนาหันมาร้องถามสามี


“ศักดิ์ศรีลูกผู้ชายหน่ะ........คุณไม่รู้เรื่องหรอก” คุณกรุงตอบภรรยา ท่านรู้ดีว่า ลูกชายของท่านคิดอะไร รู้สึกยังไง รอยยิ้มขำๆ ผุดขึ้นบนใบหน้าของชายวัยกลางคน
.
.
.
วันนี้ตูน และตาล สองฝาแฝดมาหาพาสนาเพื่อให้สอนกีตาร์....


ระหว่างที่สองฝาแฝดกำลังนั่งจับคอร์ด จับคีย์อยู่นั้น พาสนาก็เอาแต่นั่งเหม่อ ไม่ได้สนใจสองฝาแฝดเลย


“พี่ปลา....ตรงนี้มันตรงไหนอ่ะ” ตูนชี้มือไปที่หนังสือเพลง แล้วร้องถามพาสนาด้วยความสงสัย


แต่คนสอนกลับนั่งเหม่อ ไม่มีกระใจจะสอนสองพี่น้องเลยแม้แต่น้อย


“พี่ปลา...........พี่ปลา.........” ตาลเอื้อมมือจับแขนพาสนาเขย่าเบาๆ จนพาสนาเองก็ต้องสะดุ้ง


“หะ....มีอะไรตาล” พาสนาหันถามลูกตาลแฝดผู้น้อง


“พี่ปลาเป็นอะไรไปคะ พี่ตูนถามพี่ปลาไม่ยอมตอบ” ลูกตาลร้องถามพาสนาสีหน้าสงสัย


“เออออ.......” พาสนามองหน้าเด็กแฝดทั้งสอง แล้วต้องถอนหายใจออกมา


“ตูน ตาล พี่ขอโทษจริงๆ นะ วันนี้พี่ไม่มีสมาธิเลย ตูน ตาล กลับบ้านไปก่อนแล้วกัน” พาสนาบอกกับสองพี่น้องฝาแฝดด้วยสีหน้าหงอยๆ


“อืมม ก็ได้ครับ.......แต่พี่ปลาดูเหมือนไม่สบายเลยนะครับ” การ์ตูนร้องถามพาสนาด้วยความห่วงใย


“พี่ไม่เป็นไรหรอก......แค่มีเรื่องไม่สบายใจนิดหน่อย” พาสนาตอบสองฝาแฝด


“เรื่องข่าวรึป่าวคะพี่ปลา” ลูกตาลถามถึงเรื่องข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ ทำเอาพาสนาสะดุ้งเฮือก


“ตูน กับตาล รู้ด้วยหรอ” พาสนาร้องถามเด็กทั้งสอง


“โธ่ พี่ปลา เค้ารู้กันทั้งตลาดเลยนะ” การ์ตูนตอบ


“ทั้งตลาดเลยหรอ” พาสนาร้องถามเสียงสูง


“ใช่ค่ะ..........เนี่ยะคงลือกันอีกหลายวัน” ลูกตาลตอบ


“โอ้ยยยยยยยย........” พาสนาทำท่าหมดแรงทันทีเมื่อได้ยินเด็กสองคนพูดถึงข่าวของเธอ


“ตูนว่า ช่วงนี้พี่ปลางดไปตลาดสักพักดีกว่านะครับ” การ์ตูนบอกกับพาสนา


“ใช่ค่ะ ขนาดพวกเรานะ ยังโดนพวกพ่อค้า แม่ค้า รุมซักจะตัวขาวไปหมดแล้วเนี่ยะ” ลูกตาลพูดด้วยความเป็นห่วงพาสนา


“พี่คงไม่ไปหรอก.............แต่.........” พาสนามองเข้าไปในบ้าน ด้วยสายตาระห้อย


“อ้อ ป้าสุหรือคะ.........คงไม่รอดแน่ๆ” การ์ตูนพูดขึ้น


“นั่นซิ.........แม่ต้องโกรธพี่นานแน่เลยคราวนี้” พาสนาพูดด้วยน้ำเสียงโอดครวญ พรางจะร้องไห้ออกมา


.



โดย: kokoo_129 วันที่: 15 ตุลาคม 2552 เวลา:17:32:16 น.  

 


รถยนต์คันสวย วิ่งผ่านเข้ามาในซอย.......สีหน้าของคนขับมองไปรอบๆ ด้วยความรู้สึกไม่ชอบใจสักเท่าไหร่


“ต๊ายแล้ว ทำไมมันสกปรกแบบนี้ล่ะยาย่า” ปัญจรีร้องถามอรินยา เมื่อมองไปริมข้างทาง


“ขับๆ ไปเถอะน่า” อรินยาพูดด้วยสีหน้าร้อนใจ


“อี้.....สลัมชัดๆ” ปัญจรีร้องออกมาเมื่อมองไปที่กองขยะข้างทาง


“จิ๊กโก๋ก็เยอะ” หญิงสาวมองไปยังกลุ่มวินมอเตอร์ไซด์หน้าปากซอย


“แล้วนี่ เลี้ยวไปทางไหนต่อล่ะ” ปัญจรี ชะลอรถเมื่อมาถึงทางแยก


อรินยานั่งมองไปตามทางทั้งสอง.........เธอเองก็จำไม่ค่อยจะได้ว่า บ้านของพาสนาอยู่ตรงไหน เธอจำได้แค่นี้จริงๆ เพราะตอนนั้นที่มากับพาสนา ขามาก็หลับไม่รู้เรื่อง ขากลับก็มัวแต่จ้องหน้าคนขับรถเพลิน


“ฉันก็จำไม่ได้แล้วอ่ะ” อรินยาขมวดคิ้วยุ่งมองทางแยก


“อะไรนะ จำไม่ได้.........” ปัญจรีร้องเสียงสูงออกมาเมื่อรู้ว่าคนนำทางจำทางไม่ได้


“จะร้องโวยวายทำไมเล่า.......ไปถามวินมอเตอร์ไซด์เค้าคงรู้” อรินยามองไปทางกลุ่มวินมอเตอร์ไซด์


“ไม่เอาอ่ะ น่ากลัวจะตาย ดูแต่ละคนซิ..” ปัญจรีทำหน้ายี้ออกมา เมื่อมองไปทางกลุ่มวิน


“เอาน่า แกไปถามหน่อยซิปุ่น” อรินยาร้องบอกกับเพื่อนของเธอ


“แล้วทำไมแกไม่ไปเองล่ะยาย่า” ปัญจรีร้องถามเพื่อนรัก


“ถ้าฉันลงไป เค้าก็รู้ซิว่าฉันเป็นใคร แล้วคิดดูซิ แกไม่อยากให้เป็นข่าวไม่ใช่หรอ” อรินยาตอบ


“.........” ปัญจรีฟังคำตอบของเพื่อนรัก เธอก็เข้าใจถึงเหตุผลดี แต่เมื่อคิดว่าต้องไปถามกลุ่มวินมอเตอร์ไซด์แล้วก็ให้ต้องรู้สึกไม่ชอบใจสักเท่าไหร่


“น่าเพื่อนรัก ทำเพื่อเพื่อนหน่อยนะ” อรินยาร้องบอกเพื่อนรักน้ำเสียงอ้อน


“เออๆๆๆๆ นี่เพราะแกนะ” ปัญจรีจนใจต้องทำตามคำขอของเพื่อนรัก หญิงสาวจ้องมองไปทางกลุ่มวินมอเตอร์ไซด์อีกครั้ง ก่อนจะทำหน้าบู้บี้ .....


ประตูรถยนต์คันสวยเปิดออก พร้อมร่างบางที่ก้าวลงมาจากรถ.....


กลุ่มหนุ่มๆ วินมอเตอร์ไซด์ หันมองด้วยความประหลาดใจ เหตุฉะไหนนางฟ้า ถึงมาเยี่ยมสลัม....


ปัญจรี เดินตรงดิ่งเข้าไปยังกลุ่มหนุ่มๆ เธอจ้องมองพวกเค้าด้วยสีหน้า และแววตาดูถูก ตามนิสัยสาวไฮโซ ที่ถือตัว


“ว้าว.....น้องสาวจะไปไหนจ๊ะ” หนุ่มวินมอเตอร์ไซด์ ร้องทักหญิงสาวเมื่อเธอเดินตรงมาหาพวกเค้า


“มีอะไรให้พวกพี่ช่วยมั้ยจ๊ะ” วินอีกคนถามขึ้น พร้อมส่งสายตายกรุ้มกริ่ม


“ฉันไม่ใช่ญาติพวกแกนะ จะได้มาเรียกว่าน้อง” หญิงสาวสวนกลับ เมื่อได้ยินวินมอเตอร์ไซด์เรียกเธอว่าน้อง


หนุ่มๆ ต่างพากันอึ้ง เมื่อสาวสวยปากกล้า โต้กลับแบบไม่ไว้หน้า........


“ทำไมพูดอย่างนี้ล่ะน้อง” หนุ่มอีกคนร้องถาม


“ต่ำ.............อยู่แบบคนชั้นต่ำแล้วยังทำนิสัยต่ำๆ อีก” หญิงสาวรู้สึกทนไม่ได้ที่ต้องลดตัวลงมาพูดคุยกับเหล่าวินมอเตอร์ไซด์ เธอเผลอพูดจาดูถูกพวกเค้าออกมา


“พูดงี้ก็ไม่สวยนะน้อง...” หนึ่งในสามหนุ่ม ร้องโวยขึ้นเมื่อถูกพูดจาดูถูกจากสาวสวย


“ทำไม จะทำร้ายผู้หญิงหรือไง พวกไร้การศึกษาก็อย่างนี้ล่ะ” ปัญจรียังคงแผดเสียงโต้ตอบแบบไม่กลัวเกรง


“ผู้ดีมาจากไหนว่ะ” หนุ่มวินรู้สึกไม่พอใจกับคำพูดของสาวที่ดีแต่สวยที่ใบหน้า


“พวกแกจะทำอะไรฉัน” ปัญจรีเองก็ถอยห่างออกมาเหมือนกัน เมื่อดูท่าทางอีกฝ่ายจะเอาเรื่อง


“เฮ้ย....หยุด” เสียงทุ้มดังขึ้นจากด้านหลังของเหล่าหนุ่มๆ วินมอเตอร์ไซด์


เมื่อเสียงนั้นดังขึ้น หนุ่มฉกรรจ์ทั้ง 3 ก็หยุดนิ่งตามคำสั่ง...........


“อย่าให้เค้าดูถูกพวกเราได้ว่า เป็นแค่คนจน ไร้การศึกษา รังแกผู้หญิง” คำพูดดังกล่าว หลุดออกมาจากปากของชายหนุ่มคนหนึ่ง ที่กำลังลุกขึ้นแล้วเดินมาทางชายทั้งสาม


ชายหนุ่มจ้องมองหญิงสาวตรงหน้า ด้วยท่าทางของเธอทำให้เค้ารู้ว่า เธอเป็นพวกลูกคนมีเงิน ที่ชอบจิกหัวคนจน ตามนิสัยไฮโซที่ไม่ค่อยให้เกียรติคนที่ด้อยกว่า....


ปัญจรีจ้องชายหนุ่มตรงหน้า รู้สึกเกรงกลัวเค้าขึ้นมาเอาดื้อๆ หญิงสาวยืนจ้องเค้านิ่ง......


“อย่าไปยุ่งเลยดีกว่า โลกของเค้ากับเรามันต่างกัน” ปัฐวีหันมาบอกกับลูกน้องวินของเค้า


“ครับพี่” หนุ่มวินมอเตอร์ไซด์ ลดสีหน้า และน้ำเสียงลง พวกเค้าหันกลับไปนั่งที่เก้าอี้ดังเดิม


”นี่.........” ปัญจรี ร้องเรียกชายหนุ่มที่กำลังเดินหันหลังให้เธอ


“.......” ปัฐวีหยุดนิ่งตามเสียงเรียกชั่วครู่ ก่อนจะทำเป็นไม่ได้ยินอะไร เค้าเดินกลับไปรวมกับกลุ่มวินตามเดิม


“นี่ไม่ได้ยินที่ฉันเรียกรึไง” เมื่ออีกฝ่ายทำเป็นไม่สนใจคำพูดของเธอ ปัญจรี รีบเดินตรงมายังเค้าทันที


หญิงสาวคว้าแขนของเค้าเอาไว้ เพื่อให้หยุดฟังเธอ....


ปัฐวี หันมองหญิงสาวลูกผู้ดีมีเงิน เค้าจ้องมองเธอด้วยสีหน้าไม่ชอบใจนัก ชายหนุ่มมองไปที่มือขาวๆ ที่กำลังจับแขนของเค้าอยู่..........รอยยิ้มเยาะๆ ผุดขึ้นบนใบหน้าเข้ม


“ฉันเรียกหน่ะ ไม่ได้ยินหรือไง” ปัญจรีร้องถามน้ำเสียงสูง


“ผมไม่ได้ชื่อนี่......” เค้าตอบน้ำเสียงนิ่ง


“แล้วนี่มาจับแขนผม ไม่กลัวความจน ความสกปรกจะติดมือคุณหรือไง คุณผู้หญิง” เค้าถามกลับ ทำเอาอีกฝ่ายอึ้งไปเหมือนกัน


ปัญจรีจ้องมองไปที่มือของเธอ หญิงสาวรีบชักมือของเธอกลับ.........


“ฉันอยากไปบ้านคุณปลา นายพอจะบอกได้มั้ยว่าบ้านคุณปลาอยู่ที่ไหน” ปัญจรีร้องถาม


“อ้อ.....นี่คง...” ปัฐวี เหลือบชำเลืองมองไปยังรถเก๋งคันหรู เค้าเพ่งสายตามองไปยังหญิงสาวที่นั่งอยู่ภายในรถ


“คุณยาย่า...” ปัฐวีพูดเรียกชื่อหญิงสาวที่เค้าเห็นออกมา


“ไม่ต้องพูดมาก ฉันถามว่ารู้จักบ้านคุณปลามั้ย” ปัญจรี ร้องถามเสียงสูงอีกครั้ง



ชายหนุ่มละสายตามองกลับมายังสาวที่ยืนอยู่ใกล้ๆ


“รู้....” น้ำเสียงที่ตอบดูจะสั่น และฮ้วน


“ดี งั้นพาไปหน่อยซิ” ปัญจรี กล่าวพร้อมกับก้มหยิบเงินในกระเป๋าของเธอ


“อ๊ะ......ฉันจ้าง” ปัญจรี ส่งเงินของเธอให้กับปัฐวี


“ค่ารถแค่ยี่สิบบาท คุณเอาแบงค์พันมาให้ ผมไม่มีทอน” ชายหนุ่มมองเงินในมือของหญิงสาว แล้วตอบด้วยสีหน้าเรียบ


ปัญจรี ก้มหาแบงค์ยี่สิบ แต่ในกระเป๋าของเธอมีแต่แบงค์พัน หญิงสาวจึงยื่นแบงค์ในมือให้เค้าอีกครั้ง


“ไม่มียี่สิบหรอกนะ” ปัญจรีบอกกับเค้าสีหน้ายุ่ง


“ผมไม่มีทอน...........เฮ้ย ใครมีตังทอนแบงค์พันบ้างวะ” ปัฐวีหันไปร้องถามกลุ่มวินคนอื่นๆ


เหล่าชายหนุ่มต่างก็ส่ายหัวตอบกลับมา


“พวกเรามันคนจน ไม่มีเงินทอนให้คุณหรอกนะ” ปัฐวีหันมาตอบหญิงสาว


“เรื่องมากจริง พาฉันไป แล้วฉันจะให้นายหนึ่งพันบาท” ปัญจรีบอกกับชายหนุ่ม


“หึ....คนมีตัง” ปัฐวี ยิ้มมุมปาก เค้าหันหลังเดินออกมาจากหญิงสาว


“อ้าว........นี่จะไปไหน” ปัญจรีรีบร้องเรียกชายหนุ่มที่เดินหนีเธอไป


“ก็จะไปบ้านปลาไม่ใช่หรือไงครับ....” ปัฐวีตอบกลับ ก่อนจะสตาร์ทเครื่องรถของเค้า


“แล้วก็ไม่บอก ทำแต๊ะอยู่ได้” ปัญจรี รีบวิ่งกลับไปที่รถของเธอ เพื่อขับตามชายหนุ่มไป


.


โดย: kokoo_129 วันที่: 15 ตุลาคม 2552 เวลา:17:32:45 น.  

 

มอเตอร์ไซด์ คันใหญ่ วิ่งมาจอดหน้าบ้านไม้หลังน้อย........รถยนต์คันสวยที่ขับตามมายอดเทียบข้างๆ รถมอเตอร์ไซด์


“แอ๊ะ นี่ไม่ใช่บ้านปลานิ” อรินยามองไปที่บ้าน ซึ่งมอเตอร์ไซด์พามา


“อ้าว.........ไม่ใช่บ้านคุณปลาหรอกหรือ” ปัญจรีฟังคำบอกจากเพื่อนก็ต้องร้องถามออกมา


“อืมม.......” อรินยาพยักหน้ารับ และมองไปยังบ้านที่ปัฐวีพามา


“หน่อย........กล้าหลอกฉันหรอ” ปัญจรีมีอาการโกรธที่โดนชายหนุ่มหลอกพามา เธอรีบเปิดประตูรถ และก้าวลงไปหาเค้า


“นี่.........คิดว่าฉันโง่หรือไง นายพาพวกฉันมาที่บ้านใครเนี่ยะ” ปัญจรีต่อว่าชายหนุ่มเป็นชุด


ปัฐวีถอดหมวกกันน๊อคออก แล้วหันมองมายังหญิงสาว


“ว่าไง รีบพาพวกเราไปหาคุณปลาเลยนะ” ปัญจรียังคงแผดเสียงไม่หยุด


ปํฐวีจ้องมองหญิงสาวที่กำลังโวยวายใส่เค้าด้วยสีหน้าเอือมๆ........


“นี่ล่ะนะ เรียนสูงซะเปล่า แต่ไม่มีสมองเลย” ชายหนุ่มกล่าวน้ำเสียงเรียบ


“นายว่าใคร.........ถือดียังไงมาว่าฉันหะ” ปัญจรี ร้องโวยขึ้นมาอีก เมื่อโดนอีกฝ่ายพูดว่าใส่


“เอ้า ก็อยู่กันสองคน คิดว่าผมว่าใครล่ะ” ปัฐวีโต้กลับบ้าง ทำเอาหญิงสาวโกรธจัดจนตัวสั่น


“กรี๊ดดดดดดดดด........ไอ้บ้า ไอ้ต่ำ” หญิงสาวกรีดร้องออกมาสุดเสียงพร้อมกับส่งเสียงด่าเค้า


“นี่หยุดนะ” ชายหนุ่มทนกับเสียงกรีดๆ ของอีกฝ่ายไม่ไหว เค้าตะโกนเสียงดังใส่เธอ


“ฉันไม่หยุด แกมาว่าฉันทำไม ไอ้บ้า ไอ้เลว สกปรก” หญิงสาวยังคงต่อว่าเค้าอย่างรุนแรง


“ผมบอกให้หยุดไง.........” ปัฐวีสั่งอีกฝ่ายให้หยุด แต่เหมือนเธอไม่ยอมฟังเค้าเลย


“ปัดโธ่เว้ย.......” ปัฐวีรีบใช้มือของเค้าดึงตัวหญิงสาวเอาไว้ แล้วใช้มืออีกข้างปิดปากเธอ


“อู้อี้.........” เสียงร้องของปัญจรี ดังออกมาไม่เป็นภาษาเมื่อโดนอีกฝ่ายปิดปากเอาไว้ เธอดิ้นจากมือของเค้าด้วยความตกใจ


“นี่จะทำอะไรเพื่อนฉัน” อรินยา รีบเปิดประตูรถ แล้วลงมาร้องห้ามปัฐวี เมื่อเห็นเค้ากำลังจับตัวเพื่อนของเธออยู่


“ก็เพื่อนคุณหน่ะซิ ร้องโวยวายอยู่ได้ ให้เค้าหยุดซิ” ปัฐวีหันไปบอกกับสาวสวย


“นายก็ปล่อยเพื่อนฉันก่อนซิ” อรินยาเองก็ไม่ไว้ใจอีกฝ่ายเช่นกัน


“เอาล่ะ..........เดี๋ยวผมจะปล่อยเพื่อนคุณ แต่กรุณาอย่าแหกปากได้มั้ย” ปัฐวีเน้นคำใส่หญิงสาวที่ยังดิ้นอยู่ในอ้อมแขนของเค้า


“ได้ๆ ปุ่นอย่าร้องโวยวายนะ เค้าจะปล่อยเธอแล้ว” อรินยาหันไปบอกกับเพื่อนของเธอ


ปัญจรี ฟังคำของเพื่อนรัก เธอยอมหยุดดิ้น หยุดโวยวายตามเงื่อนไข.........เมื่อเห็นว่าหญิงสาวหยุดร้องโวยวาย หยุดดิ้นแล้ว ปัฐวีจึงยอมคลายแขนเค้าออกจากตัวของปัญจรี และค่อยๆ ปล่อยมือของเค้าออกจากปากเธอ


เมื่อหญิงสาวหลุดจากการจับกุมของชายหนุ่มได้สำเร็จ เธอหันมองเค้าสายตาดุ


“ไอ้เลว......” สิ้นคำ มือขาวๆ ของปัญจรี ก็กระทบเข้ากับใบหน้าเข้มอย่างแรง


เพี้ยะ..........................


หญิงสาวตบหน้าชายหนุ่มด้วยความโกรธที่บังอาจทำกับเธอ


ปัฐวีหันกลับมามองหน้าอีกฝ่ายอย่างเอาเรื่อง สองมือของเค้าคว้าตัวเธอเอาไว้อีกครั้ง เค้าบีบไหล่เธอทั้งสองข้างด้วยความโกรธ


“ไม่เคยมีใครเคยตบหน้าผม.......คุณถือดียังไงหะ” เค้าเค้นเสียงถามอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงโหด


“โอ้ยยยยยยย ฉันเจ็บนะ.......” ปัญจรีร้องโวยออกมาเมื่อโดนอีกฝ่ายบีบไหล่จนเจ็บไปหมด


“จะทำอะไรเพื่อนฉันเนี่ยะ ปล่อยนะ” อรินยารีบวิ่งเข้ามาห้ามชายหนุ่มด้วยท่าทางตกใจ


“พวกคุณบอกว่าอยากเจอปลา ผมก็อุตส่าห์พามา แล้วมาตบผมอย่างนี้มันน่ามั้ย” ปัฐวีหันมาร้องถามอรินยาด้วยแววตาดุ


“ก็........ก็นี่ไม่ใช่บ้านปลานิ” อรินยาโต้กลับ


“ก็จะให้พาไปบ้านปลามันได้ยังไง คราวก่อนคุณไม่เห็นน้าสุแม่มันรึไง” ปัฐวีร้องถาม


“...........” อรินยาฟังคำจากชายหนุ่ม เธอก็นิ่งอึ้ง จริงอย่างที่เค้าพูด คราวก่อนแม่ของพาสนาดูท่าทางต่อต้านเธอไม่น้อย


“แล้วนายพาพวกฉันมาที่นี่ทำไม” ปัญจรีร้องถามน้ำเสียงเขียว


“ก็เดี๋ยวจะไปตามไอ้ปลาให้มาหาที่นี่ไงเล่า” ปัฐวีตอบเสียงเขียวไม่ต่างกัน


“ละ........แล้วทำไมไม่บอกล่ะ โอ้ยยยย” ปัญจรียังคงเถียงต่อ แม้ว่าจะรู้สึกที่แขนมากขึ้นก็ตาม


“ก็ฟังกันมั้ย ดีแต่ร้องกรี๊ดๆๆๆ โววายไร้สาระ” ปัฐวีจ้องหน้าอีกฝ่ายด้วยดวงตาดุ


“โอ้ยยยยยย ฉันเจ็บนะ ปล่อยซิ” ปัญจรีร้องโวยออกมาเมื่อปัฐวีบีบแขนเธอแรงขึ้น


“คุณกล้ามาตบหน้าผม..........” ปัฐวีจ้องหน้าปัญจรีด้วยความรู้สึกโกรธ


“ฉันขอโทษแทนเพื่อนฉันด้วย อย่าทำอะไรปุ่นเลยนะ” อรินยาร้องขอชายหนุ่ม


“ก็อยู่ดีๆ นายพาพวกเรามานี่ ฉันจะรู้ได้ไงกัน” ปัญจรีโต้กลับ


“...........” ปัฐวีจ้องหน้าอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกโกรธ จนแทบจะบีบเธอให้ตายคามือ


“โอ้ยยยยยย.......” เสียงหญิงสาวร้องออกมาด้วยความเจ็บ


“ขอร้องล่ะ ปล่อยปุ่นเถอะ” อรินยาร้องขอเมื่อเห็นเพื่อนของเธอร้องออกมา


“.........” ปัฐวีฟังหญิงสาวร้องขอ เค้าจ้องมองอีกคนที่ไม่มีแม้คำขอโทษ ด้วยดวงตาเขียวขุ่น


“โอ้ยยย เจ็บบบ........” เสียงของปัญจรีอ่อนลงด้วยความเจ็บ สีหน้าเธอตอนนี้มันแสดงให้รู้ว่าเธอเจ็บจริงๆ น้ำตาเริ่มซึมออกมา


“จำไว้ ทีหลังอย่าได้ไปเที่ยวตบใครเค้าอีก......” พูดจบ ปัฐวีก็ปล่อยมือจากแขนทั้งสองข้างของปัญจรี ร่างหญิงสาวเซถอยออกมา เกือบล้มลง อรินยารีบเข้าไปประคองเอาไว้


“ปุ่น........ปุ่นเป็นไงบ้าง” อรินยาร้องถามเพื่อนรัก


“เจ็บอ่ะยาย่า...........” ปัญจรีตอบเพื่อนของเธอ พร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมา


ปัฐวีชำเลืองมองหญิงสาว เค้าเองก็รู้สึกว่าตัวเองไม่ควรทำรุนแรงขนาดนี้ แต่เพราะเมื่อครู่ อารมณ์โกรธมันพาไป จนทำให้เค้าทำร้ายผู้หญิงที่อ่อนแอกว่า


“รอนี่ล่ะ เดี๋ยวไปพาไอ้ปลามาให้” ชายหนุ่มหันหลังให้สาวสวยทั้งสอง ก่อนจะเดินไปที่มอเตอร์ไซด์ของเค้า


“ไอ้บ้า......คอยดูนะยาย่า ฉันจะเอาคืนให้เจ็บเลย” ปัญจรีหันมาพูดกับอรินยาเมื่อปัฐวีขี่มอเตอร์ไซด์ออกไปแล้วด้วยสีหน้าแค้นๆ


“เอาน่าปุ่น.........อย่าไปยุ่งกับเค้าเลย” อรินยาร้องห้ามเพื่อนของเธอ


“ไม่ได้ ฉันไม่ยอม มันทำฉันเจ็บ” ปัญจรี ยังคงไม่ยอม เธอรู้แต่เพียงว่า เจ็บนี้ต้องล้างแค้น


“...........” อรินยามองเพื่อนรัก ด้วยอาการเหนื่อยใจ


“โอ๊ะ โอ้ยย....” ปัญจรี จับแขนตัวเอง แล้วให้รู้สึกเจ็บขึ้นมา



.



โดย: kokoo_129 วันที่: 15 ตุลาคม 2552 เวลา:17:33:08 น.  

 


ปัฐวีขี่มอเตอร์ไซด์มาจอดที่ริมคลอง ด้านหลังวัดของชุมชม


ชายหนุ่มถอดหมวกกันน๊อกออก แล้วแขวนมันไว้ที่แฮนด์มอเตอร์ไซด์......ก่อนที่จะเดินลงไปยังชายคลองนั้น


พาสนานั่งแกว่งขาอยู่ที่ศาลาริมคลอง...สองตาของเธอมองออกไปยังพื้นน้ำเรียบ พร้อมกับถอนหายใจยาวออกมา หลายต่อหลายที มีเรื่องต่างๆ มากมายให้ขบคิด และทำให้หนักใจ


“จะมานั่งถอนหายใจอีกนานมั้ยวะ” ปัฐวีร้องถามคนที่กำลังนั่งหันหลังให้เค้า


“เฮ้อออออออออ.....” เมื่อได้ยินเสียงทักจากอีกฝ่าย พาสนาก็ยิ่งถอนหายใจหนักกว่าเก่า


“ว่าไง จะถอนหายใจอีกนานมั้ย” ชายหนุ่มนั่งลงข้างๆ พาสนา เค้ายกมือแตะไหล่ของเธอเบาๆ


“แกหาฉันเจอได้ไง” พาสนาร้องถามอีกฝ่าย


“ฉันกับแกโตมาด้วยกัน ทำไมฉันจะไม่รู้ว่าเวลาแกเครียดๆ แกจะไปที่ไหน” ปัฐวีบอกกับอีกฝ่ายอย่างรู้ใจ


“......หึ ก็เพราะไอ้โตมาด้วยกันนี่ล่ะ” พาสนาพูดออกมาเบาๆ ด้วยความรู้สึกเบื่อๆ


พาสนาหันมองไปทางผืนน้ำอีกครั้ง และถอนหายใจออกมาอีก..........ปัฐวีนั่งมองอีกฝ่ายอย่างรู้สึกเห็นใจ แต่เค้าก็ไม่อาจช่วยอะไรเธอได้มากมายนัก เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่พาสนาผูกขึ้นมาเอง ฉะนั้นเธอก็ต้องแก้มันด้วยตัวเอง


“ฉันว่า แกเอาเวลาที่มานั่งถอนหายใจเฮือกๆ แบบนี้ไปแก้ปัญหาของแกดีกว่าวะปลา” ปัฐวีบอกกับอีกฝ่าย


“แกจะให้ฉันแก้ยังไง........เรื่องมันยุ่ง มันมั่วไปหมด” พาสนาหันมาพูดเสียงดังใส่อีกฝ่าย


“ปลา.......ฉันถามแกจริงๆ” ปัฐวีจ้องหน้าของพาสนานิ่ง ดวงตาเค้าค่อนข้างจริงจัง


“อะไร...” พาสนาถามกลับ


“จริงๆ ฉันก็พอจะรู้ว่าแกจะตอบยังไง แต่ฉันก็อยากฟังมันจากปากแกมากกว่า” ปัฐวีพูดขึ้น


“ถามมาดิ” พาสนาหันมองหน้าอีกฝ่าย


“แกกับคุณยาย่านั่น มีอะไรกันจริงๆ หรือป่าว” ปัฐวีถามอีกฝ่าย และรอฟังคำตอบ


“ตุ้ม ถ้าแกคิดว่าเป็นเพื่อนฉัน ขอร้องอย่าถามคำถามโง่ๆ แบบนี้” พาสนาพูดกับปัฐวีด้วยน้ำเสียงไม่ชอบใจ


“ก็เพราะเป็นเพื่อนไง ฉันถึงต้องถามให้แน่ๆ แกตอบฉันมาดีกว่า ว่าแกกับเค้ามีอะไรกันจริงๆ รึป่าว” ปัฐวียังคงถามย้ำอีกครั้ง


“ไอ้ตุ้ม...” พาสนาจ้องมองชายหนุ่มดวงตาเขียว เธอมองเค้าด้วยสีหน้าไม่พอใจ แต่แล้วเมื่อเห็นดวงตาของเค้าทีรอคอยคำตอบจากเธอจริงๆ ความรู้สึกไม่พอใจที่เกิดขึ้นก็ได้จางลง


“........” พาสนาจ้องมองคนที่รอฟังคำตอบด้วยความรู้สึกที่เข้าใจว่าเค้าต้องการความจริงจากเธอ


“ไม่มี.........ฉันไม่เคยคิดอะไรกับคุณยาย่าเลย” พาสนาตอบกลับพร้อมกับมองไปทางผืนน้ำอีกครั้ง


“ไม่คิด แล้วทำไมไม่บอกเค้าไปวะ ทำไมปล่อยให้เค้าเข้าใจผิดแบบนี้” ปัฐวีร้องถามขึ้นเมื่อได้ยินคำตอบจากพาสนา


“เพราะ.........” พาสนาขมวดคิ้วแน่น......


“........” ปัฐวีรอฟังคำตอบจากพาสนา


“ฉันผิดเอง..........จริงๆ ฉันควรบอกกับเค้าแต่แรก ไม่ควรปล่อยให้เค้าเข้าใจผิด” พาสนาพูดขึ้น พร้อมถอนหายใจออกมา


“พอฉันจะบอก.....ไอ้บ้านั่นมันก็โผล่ออกมา” เมื่อพูดถึงชายหนุ่มอีกคน มันก็ทำให้พาสนารู้สึกหงุดหงิดใจอย่างมาก


“ไอ้บ้านั่น หมายถึง คุณพิษณุอะไรนั่นรึป่าววะ” ปัฐวีพยายามผูกเรื่องเข้าหากัน


“เออ.........มันล่ะตัวดีเลย พูดถึงแล้วแค้น” พาสนาเปลี่ยนจากสีหน้าเหนื่อยใจเมื่อครู่ เป็นสีหน้าโกรธขึ้นมาทันทีที่พูดถึงพิษณุ


“ทำไมวะ เค้าเกี่ยวอะไรด้วย” ปัฐวียังคงถามอย่างสงสัย


“ก็เพราะมัน.........ถ้ามันไม่มายั่วโมโหฉัน ฉันก็ไม่ต้องไปวุ่นวายกับคุณยาย่า ไม่ต้องไปพูดว่ารักกับยาย่า” พาสนาพูดออกมาด้วยความอึดอัดในใจ


“อ้าว........แล้วแกไปพูดแบบนั้นทำไมวะปลา” ปัฐวียังคงร้องถาม


“ก็ฉันหมั่นไส้มันนิ.......แกต้องเห็นหน้ามันตอนที่มาพูดดูถูกฉัน ฉันเลยบอกรักกับยาย่าให้มันเจ็บใจเล่น” พาสนาบอกกับปัฐวีด้วยสีหน้าหงุดหงิด และหนักใจผสมกัน


“เอออดี........แล้วทีนี้ยังไงล่ะ แกไปแย่งแฟนเค้า เค้าเลยมาจีบแกแทนงั้นซิ” ปัฐวีพยายามเดาเรื่องราวทั้งหมด


“จีบบ้าอะไรเล่า........มันแกล้งฉันต่างหาก” พาสนาโวยกลับ


“แล้วดูดิ ไปให้ข่าวบ้าๆ แบบนั้นกับนักข่าว แม่โกรธฉันใหญ่เลยตุ้ม” พาสนาบอกกับปัฐวีด้วยน้ำเสียงอยากร้องไห้เมื่อคิดถึงสีหน้าของคุณสุ เมื่อตอนเช้า


“โกรธดิ แกก็รู้น้าสุเค้ารักหน้าแค่ไหน นี่ยิ่งคนในตลาดพูดถึงมากขนาดนี้นะ น้าสุไม่โกรธก็ไม่รู้จะว่าไงแล้ว” ปัฐวีพูดขึ้น เพราะเค้ารู้จักนิสัยของคุณสุดีว่า เป็นอย่างไร


“แล้วเนี่ยะ แม่จะให้ฉันพาไอ้บ้านั่นมาหาแม่ด้วย.....ตุ้มฉันกลุ้มมากนะ” พาสนาทำหน้าอยากจะร้องไห้ออกมาเสียให้ได้


“เฮ้ยๆๆๆ ........เอางั้นเลยหรอ” ปัฐวีเองก็ตกใจไม่น้อยที่คุณสุจะให้พาสนาพาพิษณุมาหา


“โอ้ยยยยยยยยย พูดแล้วกลุ้มโว้ย” พาสนาตะโกนออกมาด้วยความรู้สึกหนักใจ


“เอออ..........กลุ้มมากมั้ย” ปัฐวีถามกลับ


“กลุ้มดิ กลุ้มมากด้วย ถามงี้หมายความว่าไง” พาสนาหันขวับจ้องมองปัฐวีที่มาถามแบบนี้


“คือฉันจะบอกแกว่า.......” ปัฐวีมองหน้าอีกฝ่าย


“.......” พาสนาขมวดคิ้วรอฟัง


“ที่ฉันมาหาแกเพราะ..........มีคนมาหาแกว่ะปลา” ปัฐวีบอกกับพาสนา พร้อมกับยิ้มแห้งๆ ให้เธอ


“ใคร...” พาสนาถามกลับ


“คุณยาย่า...” ปัฐวีตอบ


“หะ ยาย่า....” พาสนาทำตาโตมองปัฐวี เธอคิดว่าปัฐวีอาจจะล้อเธอเล่น


“อืมม ยาย่าเค้ามาหาแก” ปัฐวีพยักหน้าให้อีกครั้ง


“แล้วอยู่ไหน ที่บ้านรึป่าว...........ตายแน่ๆๆๆๆๆๆๆๆ ไอ้ตุ้ม ฉันตายแน่” พาสนารีบลุกขึ้นจากท่าของศาลา เธอมีท่าทางตื่นตกใจไม่น้อย เพราะหากอรินยาไปที่บ้านเธอ แล้วเจอคุณสุ เรื่องต้องวุ่นวายหนักกว่าเก่าแน่ๆ


“เฮ้ยๆๆๆ ไอ้ปลา เดี๋ยวๆ” ปัฐวีเองก็รีบลุกขึ้นแล้วคว้าแขนพาสนาเอาไว้


“อะไรเล่า ฉันจะไปบ้าน ป่านนี้ไม่ตีกันตายแล้วหรอวะเนี่ยะ ไอ้ตุ้มแกทำไมไม่บอกฉันเร็วๆ วะ” พาสนาสะบัดแขนของเธอ แล้วร้องโวยวายออกมา


“เฮ้ย!!!~ ฟังให้จบก่อนซิปลา” ปัฐวีพูดเสียงดังขึ้นบ้าง


“ตอนนี้ยาย่าไม่ได้อยู่บ้านแก........เค้าอยู่บ้านฉัน” ปัฐวีบอกกับพาสนาเพื่อให้เธอหยุดกังวลใจ


“หะ อยู่บ้านแกหรอ..” จากท่าทางที่ตื่นตกใจ ก็หยุดลง แล้วหันมาถามปัฐวีอีกครั้ง


“เอออ ฉันก็รู้น่าว่าไม่ควรพาเค้าไปบ้านแก” ปัฐวีพยักหน้ารับ


“เฮ้อออออออออ ค่อยยังชั่ว” พาสนาถอนหายใจอย่างโล่งอกออกมา


“ปลา ฉันว่าแกไปพูดกับเค้าให้รู้เรื่องดีกว่านะ ให้มันจบเป็นคนๆ ไป” ปัฐวีบอกกับพาสนาเพื่อให้เคลียร์ปัญหากับอรินยา


“.........” พาสนาฟังคำบอกจากปัฐวี จริงๆ เธอเองก็คิดไม่ต่างกับเค้าเลย


“อืมม ฉันก็ว่าควรจะบอกเค้าว่ะ” พาสนาพยักหน้ารับ


แล้วทั้งสองก็เดินไปที่มอเตอร์ไซด์ เพื่อไปยังบ้านของปัฐวี


.



โดย: kokoo_129 วันที่: 15 ตุลาคม 2552 เวลา:17:33:30 น.  

 

อรินยา และปัญจรี นั่งรอพาสนาอยู่ที่เก้าอี้หน้าบ้าน สองสาวได้แต่ชะเง้อคอมองว่าเมื่อไหร่พาสนาจะมาเสียที


“โอ้ยยย เมื่อไหร่จะมานะ ร้อนก็ร้อน สกปรกก็สกปรก” ปัญจรีโวยขึ้นด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด


“เดี๋ยวก็คงมาน่า” อรินยาเองก็ไม่อยากจะบ่นมาก เธอเฝ้าแต่รอให้เจอพาสนา


“ยาย่า นี่เธอทนได้ไงหะ ธรรมดาฉันเห็นเธอไม่ค่อยจะยอมทนอะไรแบบนี้นะ” ปัญจรีร้องถามเมื่อเห็นเพื่อนรักไม่บ่นอะไรสักคำ


“ก็เพราะความรักไงปุ่น ฉันรักปลา อยากพบปลา ฉันจะรอ” อรินยาตอบสีหน้ายิ้มๆ


“เออออ รักเข้าไปเหอะ” ปัญจรี ทำหน้าหงุดหงิดใส่เพื่อนของเธอ


“........” อรินยาฟังคำพูดตัดพ้อจากเพื่อนรัก เธอปรายตามองไปทางประตูบ้านอีกครั้ง เพื่อรอคอยพาสนา
.
.
.
รถมอเตอร์ไซด์ จอดที่ประตูรั้วบ้าน


คนที่นั่งซ้อนท้ายมาด้วย ลงจากรถ และเดินตรงเข้ามาในบ้าน


อรินยายิ้มหวานออกมาอย่างดีใจ แล้วรีบลุกเดินตรงเข้าไปหาพาสนาทันที


“ปลา......ปลาคะ ยาย่าคิดถึงปลาจัง” อรินยาบอกกับพาสนาพร้อมกับเข้าไปกอดแขนเธอเอาไว้


“เอออออ ยาย่า....” พาสนามองหญิงสาวที่กำลังแสดงท่าทางดีใจที่ได้พบเธอ


“ยาย่ามาทำอะไรที่นี่..” พาสนาร้องถามอีกฝ่าย


“ยาย่า อยากมาขอโทษปลาเรื่องเมื่อคืนนี้คะ” อรินยากล่าว สีหน้าของเธอดูเศร้าลง


“ยาย่าต้องขอโทษปลาแทนณุด้วยนะคะ ณุเค้าคงโกรธและเสียใจมากที่ยาย่าเลือกปลา” อรินยารีบพูดขึ้นถึงเรื่องเมื่อคืน


“ยาย่าสัญญานะคะปลา ว่าจะไม่ให้ณุมาวุ่นวายกับปลาอีก....ปลาอย่าโกรธยาย่านะคะ” หญิงสาวกล่าวน้ำเสียงอ้อน


พาสนาฟังอรินยาพูดถึงชายหนุ่มที่ทำให้เธอตกอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคลายไม่ออก ด้วยความรู้สึกขุ่นใจ


“ปลาไม่โกรธยาย่าหรอก ถ้าจะโกรธ ปลาโกรธไอ้บ้านั่นมากกว่า” พาสนาพูดด้วยน้ำเสียงเครียด


“ยาย่าก็ไม่รู้นะคะว่า ณุมาได้ยังไงเมื่อคืนนี้ และไม่คิดว่าเค้าจะพูดแบบนั้นออกมา” อรินยาเองก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมพิษณุถึงได้ไปให้ข่าวกับนักข่าวแบบนั้น


“ก็คิดจะแกล้งปลาหน่ะซิ...” พาสนาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงขุ่น


“เอาอย่างนี้มั้ยคะ เดี๋ยวยาย่าให้ณุมาขอโทษปลา ปลาอย่าโกรธเลยนะคะ” อรินยายังคงพูดให้พาสนาเลิกโกรธ


“ไม่ต้องหรอกยาย่า ปลาไม่อยากเห็นหน้าหมอนั่นอีก เห็นทีไรมันหงุดหงิด” พาสนาพูดกระแทกเสียงกลับเมื่อคิดถึงหน้าของชายหนุ่มที่ตกเป็นข่าวกับเธอ


“ก็ได้คะ ไม่อยากเจอก็ไม่เจอ........แต่ปลาเลิกโมโหได้มั้ยคะ ดูซิหน้าบูดเลย” อรินยาพูดยิ้มๆ เพื่อให้พาสนายิ้มออกมา


“.......” พาสนาฟังคำของหญิงสาวก็ต้องพยายามสงบอารมณ์ลง สีหน้าของเธอเริ่มนิ่งลงเรื่อยๆ


“อืม ยาย่ามาก็ดีแล้ว ปลาก็มีเรื่องจะคุยกับยาย่าเหมือนกัน” พาสนาเริ่งชวนอรินยาพูดคุยบ้าง


“เรื่องอะไรคะปลา” อรินยา มองหน้าพาสนาด้วยความตั้งใจ


“คือ........” พาสนาเองก็ไม่รู้จะเริ่มต้นพูดอย่างไรดี เธอหันมองไปทางปัฐวีที่ยืนอยู่ห่างๆ


ชายหนุ่มพยักหน้าให้เธอเบาๆ


“คือ.....” พาสนาหันมองกลับมายังอรินยา


“คะ.....” อรินยายิ้มหวานรอฟังพาสนา


พาสนามองไปทางปัญจรีที่ยืนอยู่ไม่ไกลนัก เธอรู้สึกพูดอะไรไม่ออกเมื่อมีคนอื่นอยู่ด้วย...........


ปัฐวีรู้นิสัยของพาสนาดี เค้ามองไปทางหญิงสาวไฮโซ ที่ยืนอยู่ข้างหลังอรินยา ชายหนุ่มเดินตรงเข้าไปหาปัญจรี


“ไปกับผมหน่อย” ชายหนุ่มคว้าแขนอีกฝ่าย แล้วดึงให้เดินไปกับเค้า


“อะไรกัน......มาจับแขนฉันทำไม” ปัญจรี ร้องโวยขึ้นเมื่อโดนปัฐวีจับแขนของเธอ


“ไปกับผมหน่อย” ชายหนุ่มย้ำอีกครั้ง


“ไปไหน.......ไม่ไป” ปัญจรี สะบัดแขนของเธอ พร้อมกับส่งเสียงโวยวายออกมา


“บอกให้ไปก็ไปเถอะน่า” ปัฐวีไม่ยอมปล่อยมือ เค้าจับแขนของหญิงสาวแน่น พร้อมกับลากเธอให้เดินตามเค้าออกไป


“ปล่อยนะ.......ไอ้บ้า ปล่อยยยยยยย” ปัญจรีร้องโวยขึ้น เมื่อโดนชายหนุ่มลากตัวเธอออกมาจากวงสนทนาระหว่างพาสนา และอรินยา


เมื่อปัฐวีพาปัญจรี เดินห่างออกไป พาสนาก็หันมองกลับมาทางอรินยาอีกครั้ง


“ยาย่า...........” พาสนาจ้องหน้าของหญิงสาวแสนสวยด้วยสีหน้าจริงจัง


“คะ...” อรินยาตอบรับเสียงหวาน


“ปลามีเรื่องจะบอกยาย่า.....” พาสนาตั้งใจพูดเรื่องสำคัญกับหญิงสาวตรงหน้า


“มีอะไรคะ ดูซีเรียสจัง” อรินยายังคงยิ้มหวาน


“คือเรื่องของเรา...” พาสนาเองก็รู้สึกลำบากใจที่ต้องพูดเรื่องนี้ แต่เธอก็ต้องพูดให้อรินยาเข้าใจเรื่องราวต่างๆ เธอไม่อยากให้หญิงสาวแสนสวยคนนี้ต้องเข้าใจผิดอีกต่อไป


“ทำไมคะปลา..” รอยยิ้มหวานเมื่อสักครู่ เริ่มจางลง


“จริงๆ แล้ว เรา.........เราไม่เคยมีอะไรกัน” พาสนาพูดในสิ่งที่อยากพูดออกมาให้อรินยาฟัง


สาวสวย ยืนฟังพาสนาพูดสีหน้านิ่ง.......


“คืนนั้นยาย่าก็รู้ใช่มั้ยว่า ไอ้พวกอัธพาลนั่นมันใช้ยาสลบกับยาย่า” พาสนาบอกกับหญิงสาวน้ำเสียงเรียบ


“ค่ะ...” อรินยาพยักหน้ารับเบาๆ


“ปลาเองก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไง ยาย่าหลับไม่รู้เรื่อง ปลาเลยพามาที่บ้านปลา” พาสนาบอกกับอีกฝ่าย


“แต่ปลาไม่ได้ทำอะไรยาย่าเลยสักนิดนะ เรื่องทั้งหมด แม่ปลาเข้าใจผิดไปเอง.......ปลาสาบานให้ก็ได้ว่า ไม่ได้แตะต้องยาย่าเลย” พาสนาบอกกับอรินยา เพื่อให้เธอเข้าใจ


หญิงสาวยืนฟังพาสนาเล่าเหตุการณ์ในคืนนั้นอย่างเงียบๆ.............


“ปลาคะ” อรินยาจ้องมองหน้าพาสนาด้วยรอยยิ้มอีกครั้ง


“........” พาสนายืนนิ่ง


“ยาย่าดีใจค่ะ ยาย่าดีใจที่สุด ที่เราไม่มีอะไรกันจริงๆ.........เพราะนั่นหมายความว่า ปลาจริงใจกับยาย่า บริสุทธิ์ใจกับยาย่า ไม่ฉวยโอกาส ยาย่าดีใจจริงๆ ค่ะที่เลือกรักคนไม่ผิด” หญิงสาวยิ้มหวานออกมา เธอเข้าไปกอดพาสนาไว้แน่น


“เออออ ยาย่า.......” พาสนาตกใจเมื่อโดนอีกฝ่ายกอด เธอคิดว่าการพูดความจริงๆ ออกมาจะทำให้เรื่องทุกอย่างมันง่ายขึ้น นี่กลับกลายเป็นว่า ทำให้อรินยารู้สึกรักเธอมากขึ้นหรือนี่


“ยาย่ารักปลาค่ะ” หญิงสาวบอกกับพาสนาน้ำเสียงหวาน


“เดี๋ยวๆ ยาย่า คือปลา........” พาสนาอยากจะร้องบอกกับอีกฝ่ายว่า เธอกำลังเข้าใจผิดไปกันใหญ่แล้ว แต่ไม่ทันที่พาสนาจะพูดอะไรออกมา ก็มีคนเดินเข้ามาในบ้านอีกคน


“ต๊ายแล้ว..............หนูปลา” น้ำเสียงร้องโวยอย่างตกใจดังออกมา เมื่อเห็นภาพพาสนากับอรินยายืนกอดกันอยู่


พาสนาหันมองไปทางประตูบ้าน ดวงตาของเธอก็เปิดกว้างขึ้น พร้อมกับอาการตกใจอย่างหนัก”


“ป้าหมูเล็ก.......” พาสนาเรียกชื่อคนที่ยืนมองเธอกับอรินยา ด้วยท่าทางตกตะลึง






*************จบตอนที่5**********








โดย: kokoo_129 วันที่: 15 ตุลาคม 2552 เวลา:17:34:16 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

kokoo_129
Location :
ชลบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Smiley*~๐.."รัก" ก็แค่คำว่า "รัก"..๐~*Smiley
Cute Cursors from Dollielove
Free Hit Counters
Friends' blogs
[Add kokoo_129's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.