กรกฏาคม 2553

 
 
 
 
1
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
26
27
28
29
30
31
 
All Blog
ขังลืมเด็กและเยาวชนกรณีความไม่สงบจากการชุมนุนทางการเมือง ไม่มีและทำไม่ได้
สรุปภาพรวมและประเมินข้อมูลจากหน่วยงานกรณีเหตุการณ์
ความไม่สงบจากการชุมนุนทางการเมือง
กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน
ณ วันที่ 23 กรกฎาคม 2553
----------------------------------------------

รวมทั้งหมด จำนวน 165 คน จำแนกเป็นหญิง 12 คน เป็นชาย 153 คน จาก 14 จังหวัด ประกอบด้วย

สถานพินิจ ฯ จังหวัดน่าน 5 คน*ตัดสินแล้วว่ากล่าวตักเตือน/ประพฤติ
สถานพินิจ ฯ จังหวัดนนทบุรี 11 คน
สถานพินิจ ฯ จังหวัดนครปฐม 8 คน*ตัดสินแล้ว/บริการสังคม
สถานพินิจ ฯ จังหวัดมุกดาหาร 1 คน
สถานพินิจ ฯ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 20 คน
สถานพินิจ ฯ จังหวัดเชียงใหม่ 1 คน
สถานพินิจ ฯ จังหวัดอุบลราชธานี 22 คน
สถานพินิจ ฯ จังหวัดอุดรธานี 6 คน
สถานพินิจ ฯ จังหวัดร้อยเอ็ด 6 คน
สถานพินิจ ฯ จังหวัดชัยภูมิ 24 คน*ตัดสินแล้วปล่อยตัว
สถานพินิจ ฯ จังหวัดมหาสารคาม 9 คน
สถานพินิจ ฯ จังหวัดสมุทรปราการ 6 คน
สถานพินิจ ฯ จังหวัดศีรสะเกษ 14 คน
สถานพินิจ ฯ กรุงเทพมหานคร 31 คน
สถานพินิจ ฯ จังหวัดเชียงราย 1 คน

ยังคงถูกควบคุมตัวระหว่างการพิจารณาของศาล จำนวน 12 ราย จำแนกเป็น

1.สถานพินิจ ฯ กรุงเทพมหานครสถานพินิจ ฯ กรุงเทพมหานคร 6 ราย เนื่องจากบิดามารดาไม่ประกัน อ้างลูกเดื้อ
2.สถานพินิจ ฯ จังหวัดอุบลราชธานี 1 ราย เนื่องจากบิดามารดาอ้างลูกหัวอ่อน ชักจูงง่าย อยากให้ฝึก
3.สถานพินิจ ฯ จังหวัดนนทบุรี 5 ราย เนื่องจากบิดามารดาไม่ประกัน อ้างลูกเดื้อ

หมายเหตุ เด็กและเยาวชนทุกรายสถานพินิจฯ ได้ติดต่อบิดามารดาหรือผู้ปกครองให้ทราบทุกราย


การดำเนินการของกรมพินิจฯ

เนื่องจากปรัชญาของกฎหมายซึ่งเป็นไปตามอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก "มุ่งที่อนาคตและสวัสดิภาพ และการศึกษามากกว่าโทษ" และ"การควบคุมตัวต้องควบคุมโดยสั้นและเท่าที่จำเป็น" หากรายใดไม่ปล่อยตัวชั่วคราวต้องรายงานศาลเยาวชนให้ทราบทุกรายในทันทีว่ามีเหตุผลความจำเป็นใด ดังนั้นในทุกๆรายท่ี่ไม่ได้ประกันได้รับการตรวจสอบจากศาลแล้วทุกราย "กระบวนการขังลืมจึงเป็นไปไม่ได้"

กรมพินิจฯ จึงไม่ได้สนใจที่ฐานความผิดกว่าผิดตาม พรก. หรือตามบทบัญของกฎหมายใด แต่มุ่งไปที่อนาคตและสวัสดิภาพ และการศึกษาเป็นสำคัญ
กระบวนการและมาตราการที่กรมฯดำเนิการ

กรมฯ ต้องรายงานข้อเท็จจริง"เรื่องอายุ ประวัติ ความประพฤติ สติปัญญา การศึกษา อบรบ สุขภาพ ภาวะแห่งจิต นิสัย อาชีพ และฐานะของเด็กหรือเยาวชนซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิด และของบิดามารดาผู้ปกครอง หรือบุคคลซึ่งเด็กหรือเยาวชนนั้นอาศัยอยู่ ตลอดจนสิ่งแวดล้อมทั้งปวงเกี่ยวกับเด็กหรือเยาวชนนั้น รวมทั้งสาเหตุแห่งการกระทำความผิดเพื่อรายงานต่อศาล" ภายใน30วัน พร้อมทำความเห็นเกี่ยวกับการลงโทษหรือการใช้วิธีการสำหรับเด็กและเยาวชนด้วย ส่วนดุลพินิจสุดท้ายอยู่ที่ศาลฯ ซึ่งอาจเห็นต่างและใช้ดุลพินิจที่ต่างจากสถานพินิจฯ ก็ได้


กระบวนการของศาลก็จะมีผู้พิพากษาสมทบร่วมด้วย2ท่าน โดยท่านหนึ่งต้องเป็นสตรี คอยช่วยท่านผู้พิพากษาอาชีพ กระบวนการก็ต่างจากศาลผู้ใหญ่ ไม่มีบันลังก์ บรรยากาศเป็นมิตรกับเด็กและเยาวชน

อย่างไรก็ตาม จำนวนตัวเลขยังไม่นิ่งเนื่องจาก พรก.ยังไม่ยกเลิกทุกจังหวัดอาจมีการจับกุมเพ่ิ่มเติมอีกได้ เช่น กรณีเด็กนักเรียนจังหวัดเชียงรายท่ีถือป้ายแสดงความเห็นต่อ พรก. เป็นต้น

อนึ่ง กรมพินิจฯ ยังคงยึดมั่นในปรัชญาของกฎหมายอย่างตรงไปตรงมามิได้ดูที่ฐานความผิดหรือพฤติการณ์คดี แต่ยังคง "คำนึงถึงสวัสดิภาพและอนาคตของเด็กหรือเยาวชนซึ่งควรจะได้รับการฝึกอบรม สั่งสอนและสงเคราะห์ให้กลับตัวเป็นพลเมืองดียิ่งกว่าการที่จะลงโทษ"b>




Create Date : 25 กรกฎาคม 2553
Last Update : 25 กรกฎาคม 2553 6:22:31 น.
Counter : 830 Pageviews.

3 comments
  
ท่านน่าจะแถลงข้อมูลดังในบล๊อกทางสื่อมวลชนอื่นด้วยน่ะครับ
รัฐบาลจะได้ไม่โดนป้ายสีเรื่องนี้เรื่อยๆ ดูตามประวัติการศึกษาของท่านมีความมานะมากๆ ทำงานด้วยเรียนด้วยจนจบป.ตรีและป.โท
ทำงานก็มีความก้าวหน้า ขออวยพรให้ได้เป็นถึงตำแหน่งสูงสุดของข้าราชการคือปลัดกระทรวงครับ
โดย: ข้าราชการบำนาญ IP: 180.183.48.83 วันที่: 25 กรกฎาคม 2553 เวลา:8:40:09 น.
  
ในกรณีที่เสื้อเหลืองบุก NBT มีเด็กและเยาวชนถูกส่งตัวเข้ามาที่บ้านเมตตาในช่วงนั้น 3 คน(ปี50)ก็ดำเนินการด้วยความเรียบร้อยเช่นกัน
โดย: ศิริพงษ์ IP: 182.232.21.5 วันที่: 23 สิงหาคม 2553 เวลา:15:11:20 น.
  
ปัจจุบันศาลได้มีคำสั่งคำพิพากษาไปหมดแล้ว ส่วนใหญ่รอลงอาญา คุมความประพฤติ
โดย: คนทำงานด้านเด็ก IP: 183.89.14.138 วันที่: 24 ตุลาคม 2553 เวลา:4:28:39 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

คนทำงานด้านเด็ก
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]



รองปลัดกระทรวงยุติธรรม
เกิด 17 ก.พ.2502 จังหวัดชัยนาท เป็นบุตร นายสุเทพ-นางชิ้น ไทยเขียว
จบชั้นประถมศึกษาปีที่ 7 โรเรียนวัดโพธิ์ทอง ต.บางขุด อ.สรรคบุรี แล้วมาเรียนมัธยมที่โรงเรียนคุรุประชาสรรค์ อ.สรรคบุรี จนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
"ตอนเรียนมัธยม เป็นช่วงปี 2515-2517 ผมต้องขี่จักรยานไปกลับวันละ 18 ก.ม. ลำบากมากโดยเฉพาะในหน้าฝน ผมเป็นคนที่ไม่ตั้งใจเรียน แต่ไม่เกเร พอผมเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 อยากทำนาเหมือนคุณพ่อคุณแม่ แต่ธรรมชาติช่วย จังหวะที่ผมเรียนจบ เกิดน้ำท่วมใหญ่ รวมถึงที่นา ผมต้องลงไปช่วยคุณพ่อ คุณแม่ยกฟ้อนข้าวขึ้นที่สูง เหนื่อยมาก รู้สึกลำบาก ไม่อยากทำนาอีกแล้ว เริ่มอยากเรียนหนังสือต่อ"
ผมจึงตัดสินใจเดินทางเข้ากรุงเทพฯ พักอยู่กับญาติที่กองรักษาการณ์ทำเนียบรัฐบาล ตัวเลือดตามล่องกระดานกัดติดหลังเป็นแถวเลยอยู่ไม่ได้ น้าชายไปฝากอยู่กับแฟนของเพื่อนตำรวจเป็นหมอนวดแถวถนนเพชรบุรีอยู่อีก 1 สัปดาห์ ต่อมาจึงได้หาที่พักถาวรได้ที่วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร ขณะนั้นมีน้าชายชื่อ นายวิชิต เรียนทัพ อดีตนายก อบต.บางขุด พักอาศัยอยู่ก่อน
"ผมสอบเข้าศึกษาต่ออะไรก็ไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นจ่าอากาศ ช่างฝีมือทหาร เตรียมทหาร หรือแม้แต่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ภาคค่ำ ซึ่งเป็นผลมาจากการไม่ตั้งใจเรียน มาเรียนต่อได้เพราะวิทยาลัยครูเพชรบุรีวิทยาลงกรณ์ กิ่งเพชร ราชเทวี เปิดรับนักศึกษาภาคค่ำ ในขณะที่สถาบันการศึกษาอื่นๆ ได้เปิดเรียนไปแล้วเกือบหนึ่งเทอมแล้ว จึงมีที่เรียน"
"ช่วงที่อยู่วัดเห็นพระเณรนั่งดูหนังสือ ไม่นอน ผมจึงไม่นอน ผลการเรียนจึงเริ่มดีขึ้น โดยกลางวันทำงาน กลางคืนเรียน ไม่อยากใช้เงินคุณพ่อคุณแม่ เพราะรู้ว่าท่านลำบาก กระทั่งเรียนจบอนุปริญญา หรือปกศ.สูง เอกสังคมศึกษา ในระดับปริญญาไม่มีที่เรียนกลางคืน ต้องเรียนกลางวัน จึงไม่ได้ทำงานจนจบการศึกษาบัณฑิตหรือ กศ.บ. เอกสังคมศึกษา มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ วิทยาเขตพลศึกษา"
"ช่วงนั้น ผมขอหลวงพ่อคุมศาลาเผาศพ และรับอาราธนาศีล บริการน้ำ-อาหาร รับจ้างจุดธูปเพื่อหาเงินเรียนจนจบปริญญาตรี สอบเข้าศึกษาต่อปริญญาโทได้ขณะที่เรียนเทอมสุดท้ายของปริญญาตรี จบปริญญาโท สังคมศาสตรมหาบัณฑิต (สค.ม.) อาชญาวิทยาและกระบวนการยุติธรรม มหาวิทยาลัยมหิดล รุ่นที่ 4 ทำงานภาคเอกชนอยู่ 4 ปี จึงเข้ารับราชการเมื่อวันที่ 1 ก.ค.2529 โดยเป็นพนักงานคุมประพฤติ 3 จังหวัดชลบุรี"
ต.ค. 2541 เติบโตมาเป็นเจ้าหน้าที่บริหารงานทั่วไป 7 จ่าศาลจังหวัดปากพนัง รักษาการผู้อำนวยการสำนักงานโครงการพัฒนาระบบงานศาล, 16 ก.พ. 2542 เป็นจ่าศาลจังหวัดอำนาจเจริญ, 18 มี.ค. 2542 ผู้อำนวยการกองนโยบายและแผน กระทรวงยุติธรรม คณะกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการพิจารณาจัดระเบียบกระทรวงยุติธรรม, 4 มิย. 2544 ได้รับเลือกตั้งเป็น อกพ. สำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม, 8 มิย.2544 รักษาราชการแทน ผู้อำนวยการศูนย์บริการข้อมูลตุลาการ สำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม, 15 ต.ค. 2544 ช่วยทำงานในตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงาน โครงการส่งเสริมประสิทธิภาพสถานพินิจ สำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม, 7 พ.ย. 2544 คณะกรรมการบริหารแผนพัฒนาสุขภาพแห่งชาติ ฉบับที่ 9 พ.ศ.2545-2549, 12 มีค.2545 กรรมการและเลขานุการการเตรียมความพร้อมในการจัดทำโครงสร้างกระทรวงยุติธรรมตามมติคณะรัฐมนตรี, 3 ต.ค.2545 รักษาราชการแทนรองอธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน
ขึ้นเป็นผู้บริหารระดับ 9 ในตำแหน่ง รองอธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน เมื่อ 25 เมย.2546
ย้ายไปเป็นรองอธิบดีกรมคุมประพฤติ 1 ปี 8 เดือน ก่อนจะได้รับคำสั่งให้กลับมาทำงานในตำแหน่งรองอธิบดีพินิจและคุ้ม ครองเด็กและเยาวชนอีกครั้งและได้ขึ้นเป็นอธิบดีในที่สุด
ผลงานดีเด่นที่เป็นที่ยอมรับ คือ จัดทำมาตรฐานกลางการปฏิบัติงานธุรการศาล และนำวิธีการบริหารงานคุณภาพทั่วทั้งองค์กร (Total Quality Management/ TQM) จนศาลจังหวัดนครราชสีมาได้รับ การประกาศรับรองด้านบริการ ISO 9000
การปฏิรูปกระทรวงยุติธรรม ในฐานะเป็นคณะกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการพิจารณาจัดระเบียบกระทรวงยุติธรรม ตามมติคณะรัฐมนตรี จนสามารถรวบรวมหน่วยงานต่างๆ ในกระบวนการยุติธรรมเข้ามาอยู่ร่วมกันในปัจจุบัน
ได้รับโล่ประกาศเกียรติคุณด้านการบำบัด ฟื้นฟู และพัฒนาผู้ติดยาเสพติด พ.ศ.2550 และได้รับเลือกเป็นข้าราชการพลเรือนดีเด่น พ.ศ.2544 เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของสภาลูกเสือแห่งชาติ ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ 9 สค.2550
"ทุกอย่างที่ทําให้เรามาถึงวันนี้ ได้กรรมเป็นตัวกํากับทั้งหมด และอะไรที่เราเคยเสีย ใจแบบสุดๆ หรือว่าเศร้าใจอย่างสุดๆ ความรู้สึกนั้นมันไม่เคยเสถียรเลย มันลดลงมาหมด
วันนี้ดีใจที่ได้เป็นอธิบดี อาจจะดีใจจน ตัวลอย แต่ว่าไม่เท่าไหร่ก็ลดลง เพราะฉะนั้นถ้าเราเข้าใจเท่าทันโลก เข้าใจเรื่องกฎของไตรลักษณ์ เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป มียศเสื่อมยศ มีลาภเสื่อมลาภ เพราะฉะนั้นอย่าไปยึดติด ที่สําคัญที่สุด คือเรามีหน้าที่ หน้าที่นั้นต้องทําให้ดีที่สุดในการที่จะมองไปที่ประชาชนและเด็กๆ
ผมเชื่อว่าผมอาจจะมีกรรมดีที่ได้มีหน้าที่การงานที่ดี แต่ส่วนหนึ่งผมว่า ผมก็อาจจะเคยทํากรรมอะไรไว้บางอย่างกับเด็กๆ ผมถึงต้องชดใช้อะไรมากมายถึงขนาดนี้ รู้สึกว่าต้องเป็นทุกข์เป็นร้อน เห็นอะไรไม่สบายใจต้องเข้าไปจัดการ ฉะนั้นเมื่อเป็นอย่างนี้ เราก็อยากเห็นสังคมมีคุณธรรม มีจริยธรรม เพราะทุกวันนี้เรื่องเหล่านี้มันตกต่ำไปมาก"
สมรสกับเบญจพร ไทยเขียว ซึ่งรับราชการครู มีบุตรชาย 2 คน นายชัชชล ไทยเขียว อายุ 25 ปี จบศึกษาด้านภาษาและวัฒนธรรม และศึกษาดนตรีและทำเครื่องดนิตรีกู่ฉินไปด้วยที่ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ประกอบอาชีพส่วนตัวสอนคนตรีกู่ฉิน และจำหน่ายเครื่องคนตรีจีนคุณภาพจากประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน อาจารย์พิเศษ
และนายยิ่งคุณ ไทยเขียว อายุ 23 ปี จบศึกษาคณะวิศวศาสตร์คอมพิวเตอร์ สถาบันเทคโนโลยีไทยญี่ปุ่น ปัจจุบันกำลังศึกษา MBA มหาวิทยาลัยหอการค้า