อะเฮื่ออออ!!

Knokz
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2554
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
4 ธันวาคม 2554
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Knokz's blog to your web]
Links
 

 

ซอมบี้ สู้ Flood ๔. เจ็ด สิบเอ็ด



๔.เจ็ด สิบเอ็ด

ภาพ ต้นไม้ กิ่งไม้ พื้นดิน หญ้าคา สิ่งปรักหักพังที่อยู่ในความมืด พุ่งเข้ามาที่สายตาและผ่านออกไปอย่างรวดเร็ว
แฮ่!! ๆ ๆ เสียงลมหายใจเข้า-ออกที่รุนแรง ...เสียงฝีเท้าที่ย่ำผ่านดิน ฝ่าดงหญ้า
มือที่คอยปัดป้องไปในความมืด ที่ไม่รู้ว่าข้างหน้าจะเจอะอะไร
วิ่ง ๆ ๆ ๆ ในความมืดภาพของคนสองคนกำลังวิ่ง บุกป่า ฝ่าดง พงหญ้า อย่างสุดชีวิต ด้วยไฟฉายจิ๋วๆ หนึ่งอัน ทั้งสองก็เริ่มวิ่งชะลอๆ ลงมา เมื่อได้เห็นแสงไฟสว่างจ้าอยู่อีกฟากจากสายตาไม่ไกลนัก
“แฮกๆ ๆ หอย ๆ ช้าหน่อยๆ เราจุก” เปิ้ลตะโกนบอกหอยด้วยเสียงอันอ่อนล้า และค่อยๆทรุดตัวลงแล้วก็โยนเป้ที่สะพายหลังมาด้วยลงพื้น ตุ๊บ!! “หนักชิป”
หอยหยุด แล้วค่อยๆก้มลง เอามือเท้าต้นไม้
อ๊วกกกกกกกกกกก!! แหว๊กกกก!! แอะ ๆ หอยอ้วกออกมา ฮ่อออ ๆ ๆ
“โหยยย ไอ้พี่เปิ้ล วันนี้มันอะไรกันวะ น่ากัวชิปหายเลย แฮกๆ ๆ”
“หอย นายจะ กลัว อะ ราย แฮกๆ ๆ เราโดนเต็มๆ กว่า นาย อีก จับเต็มมือเลย” เปิ้ลเอามือเช็ดๆ เสื้อ กางเกงตัวองด้วยท่าทางขยะแขยง
“ยังสยองอยู่เลยอะพี่เปิ้ล”
“แหยะ!” เปิ้ลแสดงสีหน้าแหยงมากๆ
“ตอนที่พี่แมร่งดึงมือมันแมร่งขึ้นมาจากน้ำ โอ้ยแมร่งเอ้ย เป็นศพคนครึ่งตัว บรึ๊ยยยย ไส้สดๆยังไหลอยู่เลย โอ้ยยย!”
“ตัวยังนิ่มๆ กลิ่นยังติดจมูกเราอยู่เลย แหวะ!! ว่า แต่ พี่ เค้า ไป โดนอะไรมาวะ ถึง เหลือ ครึ่งตัวแบบนั้น”
“นั่นดิพี่ หอยถึงได้วิ่งไงไม่อยากโดนครึ่งตัว... เออพี่ ว่าแต่ตอนนี้เราอยู่ที่ไหนวะพี่”
. . . .
เงียบ

หอยส่องไฟฉายอันจิ๋ว และเปิ้ลกะหอยมองไปรอบๆ เจอรั้วลวดหนามเก่าๆที่ทำแบบง่ายๆสนิมเครอะ
เมื่อถึงคราวคับขัน ภาวะผู้นำมักจะเกิดขึ้นมาตามสัญชาตญาณของมนุษย์
“ไม่ต้องห่วงหอย ....หอย มา กับ ใคร เรื่อง แค่นี้จิ๊บจ้อย โน้น!!เห็นไฟสว่างๆ ตรงโน้นไหม ตรงโน้นมีหมู่บ้านชัวร์ ไปตรงโน้นกันเลย” เปิ้ลชี้ทาง
“เออ ไอ้ พี่ เมิง เปิ้ล ครับ แล้วจะไปไงครับ ต้นไม้หญ้ารกไปหมด ถนน ก็ไม่มี”
“เชื่อ เรา หอย” ว่าแล้วเปิ้ลก็ไปหยิบเป้แล้วก็มุดรอดลวดหนามเข้าไปทันที “หอย!! ตามเรามาเร็วๆ”


21.15 รถบรรทุกทหาร GMC คันเดิมแล่นไปบนถนนลูกรัง อันคดเคี้ยว ผ่านที่รกร้าง ผ่านสวนต่างๆ จนมาถึงที่ๆแทบไม่หน้าเชื่อว่าเบื้องหน้าอีกไม่กี่ร้อยเมตรนั้นจะมีสิ่งก่อสร้างอยู่ในสถานที่แบบนี้
“มาถึงแล้ว เปิดประตูด้วยเปลี่ยน” นายทหารที่อยู่หน้ารถวิทยุบอก
คลื่น!!! ประตูเหล็กบานใหญ่เลื่อนออก แสงไฟหลังบานประตูสว่างไสว่ รถ GMC วิ่งเข้าไปภายในประตูนั้น นายทหารเคาะกระจกด้านหลังห้องโดยสารรถและตะโกนบอกให้ทุกคนที่อยู่ท้ายรถบรรทุกเตรียมพร้อม
ประตูเหล็กค่อยๆเลื่อนมาปิดอย่างอัตโนมัติ ที่หน้าประตูมีข้อความว่า
“เขตกักกันสัตว์ บุคคลภายนอกห้ามเข้า!!”
ปึ้ง!!ประตูเหล็กปิดสนิท

เมื่อเข้าไปภายในก็จะพบโกดังขนาดใหญ่อยู่ หลายโกดังโดยแต่ละโกดังจะมีหมายเลขขนาดใหญ่ที่ปรากฎอยู่
รถ GMC ขับไปจอดที่บริเวณโกดังหมายเลขหนึ่ง เมื่อรถหยุดสนิททหารสิบกว่านายในยูนิฟอร์มคอมมานโดลงจากท้ายรถอย่างรวดเร็วด้วยอาวุธครบมือและสัมภาระต่างๆ
ขณะเดียวกันมีคนกลุ่มหนึ่งออกมาจากโกดังไปที่รถ GMC
“สวัสดีค่ะผู้หมวด”
นายทหารลงมาจากรถแล้วกล่าวทักทาย “สวัสดีครับหมอ ไม่ได้เจอกันนานเลย”
“คะ ไม่ได้เจอกันนาน เราต้องรีบกันแล้วหละ น้ำจะมาแล้ว” หมอสาวที่รูปร่างหน้าตาไม่หน้าอายุเกินสามสิบ แต่ใส่แว่น มัดผมเป็นมวยเรียบ ทำตัวเหมือนคนครูแก่ๆที่ถือไม้เรียวไล่ตีนักเรียนที่แต่ตัวหรือทำอะไรผิดระเบียบ รีบตัดบทการสนธนา
“แล้ว ดร. หละ” ผู้หมวดเลยรีบสวน
“ดร. กำลังรอพวกคุณอยู่ ทางนี้คะ” พูดเสร็จหมอสาวก็เดินนำไปที่โกดังทันที
“ เหอะ ๆ ๆ” ผู้หมวดแอบหัวเราะ แล้วก็เรียกหน่วยทหาร “เอ้า ทหาร ตามมา”

ก้าวแรกที่เหยียบเค้าไปในโกดังหมายเลขหนึ่ง สิ่งที่สัมผัสได้สิ่งแรกก็คือกลิ่นอับ โฮ่งๆ !! ครอกกกก!!และภาพสัตว์ที่ถูกขังเดี่ยวอยู่ในกรงมากมาย จนดูแออัด ทั้งหมา ลิง แมว หมู โคร๊มๆๆๆ!! กร็อกกกก!! แต่ละตัวดูก้าวร้าว ซึ่งมีเจ้าหน้าที่คอยเอาน้ำฉีดให้มันสงบลง
“ตรงนี้คือแล็บ one เป็นห้องแล็บวิจัยเชื้อระดับหนึ่ง เป็นอาการเริ่มแรกหรือเพิ่งติดเชื้อหรือคาดว่าจะติดเชื้อ ส่วนใหญ่ก็ติดเชื้อโรคพิษสุนัขบ้า” หมอหญิงอธิบายภาพที่พวกทหารกำลังเดินผ่าน “ที่นี่จะแบ่งระดับตามความร้ายแรงของรูปแบบต่างของเชื้อที่เกิดขึ้นสู่สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่เป็นพาหะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไว้ 7 ระดับ โดยแบ่งจากความร้ายแรง จากการแพร่เชื้อ แยกกันไว้ แต่เดี๊ยนจะไม่ขอลงรายละเอียด”
ทั้งหมดก็ผ่านโกดัง 1, 2, 3 ซึ่งก็ภายในของแต่ละห้องแล็บก็ไม่ได้แตกต่างกันมากันมากนัก เพียงแต่รู้สึกได้ถึงกลิ่นและความก้าวร้าวของสัตว์ที่ถูกขังที่ดูรุนแรงขึ้น เมื่อทั้งหมดได้มาถึงโกดังหมายเลขสี่ No. Fourทีมคอมมานโดก็มาถึงหน้าห้องๆหนึ่ง หมอหญิงท่าทางเจ้าระเบียบกดเลขรหัสเพื่อเปิดประตู ตุ๊ด ๆ ๆ วืดดดด ประตูเปิดออก ในห้องเป็นห้องที่ทันสมัยดูแข็งแรงแน่นหนาที่ล้อมด้วยกำแพงเหล็ก ภายในห้องมีเจ้าหน้าแล็บกำลังที่ปฏิบัติงานกันอยู่ ผู้หมวดกวาดสายตามองไปรอบๆ ที่กลางห้องเก้าอี้มีพนักพิงค่อยๆหมุนมา เป็นชายหนุ่มใส่แว่นหนาๆนั่งอยู่
“สวัสดี ...คุณทหาร ผม ดร.ปีเตอร์ ผมเป็นผู้รับผิดชอบที่นี่ และขอบคุณทุกท่านที่มาทำภารกิจนี้ ผู้หมวดทราบแล้วใช่ไหมว่าเป็นภาระกิจอะไร” แล้วก็ลุกขึ้นเดินเข้ามาหาผู้หมวด
ผู้หมวดตะแบ๊ะ ในแบบที่ทหารตะแบ๊ะพลเรือนทั่วเป็นในลักษณะทักทายมากกว่าแสดงความเคารพ “ผมร้อยโทรัฐ ผมได้รับคำสั่งในการปฏิบัติภารกิจนี้ เพื่อขนย้าย หรือ เผาและทำลาย ตามที่ทาง ดร. จะพิจารณา”
“แล้วรู้ไหมว่าต้องเผาทำลายอะไรและขนย้ายอะไร” เสียงดร.ช่างเป็นเสียงที่ฟังแล้วรู้สึกได้ถึงความเย็นชา
ผู้หมวดไม่ตอบ สแยะยิ้มที่มุมปากเล็กๆ แต่ลูกทีมคอมมานเดอร์หันมองหน้ากัน
“โอเคๆ ...ด้วยเวลาที่เหลือไม่มากก่อนน้ำจะมา ถ้าผมจะอธิบายเป็นคำพูดอาจจะเข้าใจยากสักหน่อย” ดร.พยักหน้าให้เจ้าหน้าที่ ที่อยู่หน้าแผงควบคุมคอนโทรลอะไรสักอย่าง เจ้าหน้าที่ห้องแล็บคนดังกล่าวพยักหน้ารับทราบแล้วกดปุ่มที่คอนโทรลเลอร์ วืดดดดดดดดดด!! กำแพงที่หน้าแผงควบคุม กำลังเลื่อนเปิดออก เผยให้เห็นถึงอีกห้องที่ถูกกลั้นโดยกระจกใส
ปั๊ง!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
“เห้ย!!” เสียงหน่วยคอมมานโดหลายนายร้องลั่นห้องด้วยความตกใจ บางคนเล็งปืนไปทางเจ้าสิ่งนั้น
ปั้ง!! ๆ ๆ ภาพเบื้องหน้าคืออะไรบางอย่างกำลังวิ่งชนกระจกอย่างแรงและดุดัน โครม!! “ห้า !! ๆ ๆ รุนแรงจริงๆ ห้า !! ๆ ๆ กระจบหนาๆแบบนี้จะเอาอยู่ไหมน้า” ดร. พูดอย่างอารมดีแล้วก็หันมาทางกลุ่มคอมมานโด
“นี่แหละภารกิจของพวกคุณ พวกคุณนี่ได้รับภารกิจที่สำคัญเสียจจริงๆ ต่อการมีอยู่ของมนุษยชาติซะด้วย ฮ้าๆๆ!!”
“สั่งมาเลยด็อก! ... ผมพร้อมแล้ว” ผู้หมวดดูไม่มีท่าที่ตื่นเต้นหรือตกใจใดๆ
“อืมมม” ดร.ดูแปลกใจกับปฎิกริยาของนายทหารผู้นี้ที่มีต่อสิ่งที่เกิดขึ้นในห้องทดลองเบื้องหน้าของพวกเขา และสนใจในตัวผู้หมวดคนนี้มากขึ้น
“ไหนดูซิว่าทางเฮดจะเลือกคนถูกไหม”
“หึ ๆ ๆ” ผู้หมวดหัวเราะเบาๆในลำคอแต่ที่ต่างคือสายตาที่ดูกร้าวมองสู้ตาไม่กระพริบไปที่ ดร.ปีเตอร์
ดร.หลบตา และหันไปทางสิ่งที่กำลังอาละวาดอยู่ในกระจก
“ไอ้ตัวพวกนี้มันรอให้พวกคุณไปทำลายมันอยู่ที่โกดังที่ 7 ส่วนไอ้ตัวที่โหดสุดๆมันก็อยู่ในโกดัง 7 เหมือนกัน
แต่เราแยกโซนมันออกมา เป็นโซนที่เราเรียกมันว่า 7 -11”


21.30 ตื๊ด ตื่อ!เสียงประตูอัตโนมัติที่เขียนว่า 7–11 เปิดออก วืดดด!ชายหนุ่มหน้าตาเหมือนตูนบอดี้แสลมเดินเข้ามา ผ่านเค้าเตอร์ที่เคยมีทั้ง เหล้า บุหรี่ ขายอยู่เต็มชั้น แต่ตอนนี้กลับมีเสียงบ่นจากป้าแก่ๆแทน
“โอ้ย!! ของอะไรๆก็ไม่มีเลยหรอนี้ เซ็งๆ จะตื่นเต้นไปไหนกันหละเนี้ย ฉันอะนะก็ประกาศปาวๆ ว่าอย่าตกใจให้เกินกว่าเหตุ เนี้ย..ดีนะ ที่ฉันได้ตุน ไว้เยอะพอดู” ป้ายืนบ่นๆ กับพนักงานขายหน้าเค้าเตอร์ร้านสะดวกซื้อ “นี่ฉันต้องมาอดหลับอดนอนเนี้ย คอยเฝ้าระวังให้ชุมชนของเรา คอยฟังรายงานจากทางศูนย์ เหนื่อยจริงๆ”
ว้อออออ! ! ! ๆ ๆ ๆ เสียงไซเรนซ์ ดังขึ้น
“ว้าย!! น้ำท่วม ๆ ๆ แย่แล้ว” ป้าโว้ยวาย ปากสั่นดูขาดสติทีเดียว เด็กในร้านคนนึงวิ่งออกมาดูข้างนอก
“อาราย!! อะ!!ไร!!” ป้าตะโกนถามพร้อมเดินตามออกดู
“ไม่รู้ดิป้า มีอะไรก็ไม่รู้” เด็กที่วิ่งออกมาหน้าร้านตะโกนตอบ
ตื๊ด ตื่อ! ~ เวือดดด! ประตูเปิดปิดอัตโนมัติของร้าน 7 – 11 เปิดออก
ไฟไซเรนสีแดงสด แว๊บวั๊บ!!ไปทั้วถนน ทั้งจากรถมูลนิธิ อปพร ที่วิ่งผ่านไปหลายคัน รวมทั้งรถกระบะตำรวจที่มีเจ้าหน้าที่หลายนายพร้อมอาวุธครบมือและสุนัขตำรวจอยู่ท้ายกระบะ ทุกคันกำลังมุ่งหน้าไปสู่วัดมะนาวเปรี้ยว บุรุษผู้ดูคล้ายตูนบอดี้แสลมก็เห็นเหตุการณ์นั้นผ่านกระจก 7 – 11
“ตื๊ด ตื่อ!!”





 

Create Date : 04 ธันวาคม 2554
6 comments
Last Update : 5 ธันวาคม 2554 0:53:35 น.
Counter : 594 Pageviews.

 

ติดตามอ่านนะครับ

 

โดย: sp@wn IP: 203.146.89.152 4 ธันวาคม 2554 18:53:32 น.  

 

ขอบคุณมากครับ ซึ้งจริงๆ

 

โดย: Knokz 4 ธันวาคม 2554 20:06:10 น.  

 

มาทักทายครับ

 

โดย: bk123 4 ธันวาคม 2554 20:53:31 น.  

 

ทักทายเช่นกัลครับ ซาบซึ้งถึง จายยยย เจงๆ

 

โดย: Knokz 4 ธันวาคม 2554 22:07:20 น.  

 

ปวดหลัง น่าดู เขียนหนังสือเนี้ย

 

โดย: Knokz 5 ธันวาคม 2554 15:24:39 น.  

 

เจอสาวกซอมบี้อีกคนแล้ว แฮ่!!!!

 

โดย: อรหันต์นิทรา 7 ธันวาคม 2554 22:23:45 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.