ส่วน "ลูกชิด" ที่เห็นๆกันอยู่ จับต้องได้ ต้องสาวจากผลไปหาเหตุ ว่ามันมาจากไหนกันแน่
เมื่อมาได้ข้อมูลของลูกชิด ของกินของชอบที่เป็นปริศนามานานแล้ว ยิ่งน่าทึ่งมากว่ามันมาจากผลไม้ป่า ต้นของมันใช้เป็นฉากประกอบเรื่อง"จูราสิคปาร์ค" ได้อย่างไม่ขัดเขิน มันมีมาก่อนที่มนุษย์จะมีรูปร่างหน้าตาอย่างทุกวันนี้ด้วยซ้ำ
ผมได้ข้อมูลจาก มติชน เฉลยถึงที่มาที่ไปของลูกชิด ตามนี้ครับ
ต๋าว เป็นไม้ป่าชนิดหนึ่ง เป็นพืชดึกดำบรรพ์ตระกูลปาล์ม ลำต้นสูง ใบเป็นแพกว้าง ให้ความชุ่มเย็น ออกลูกเป็นทะลาย ในแต่ละผลมีเมล็ดใสๆ เรียงชิดกันอยู่ ๓ เมล็ด ด้วยเหตุนี้ คนจึงเรียกลูกต๋าวว่า ลูกชิด กว่าต้นต๋าวจะเจริญเติบโตออกลูกได้ ต้องใช้เวลากว่า ๑๐ ปี และเก็บเกี่ยวผลได้เพียงไม่กี่ปีเท่านั้น ที่สำคัญ พืชชนิดนี้ ไม่สามารถปลูกได้ จะขึ้นเองตามธรรมชาติในป่าดิบชื้นเท่านั้น ลักษณะทางอนุกรมวิธาน ของต๋าว คือ ต๋าวเป็นไม้ป่า มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า อะเร็นกา พินนาตา ( ArengapinnataMerr) อยู่ในวงศ์ Palmae พวกเดียวกับมะพร้าว ต้นตาล หรือปาล์มต่างๆ ต้นต๋าว มีถิ่นกำเนิด ดั้งเดิมอยู่ในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และในประเทศอินเดียต๋าว มีลักษณะลำต้นตรง ขนาดโตกว่าต้นตาล ใช้ประโยชน์จากทุกส่วน เช่นใบ มีลักษณะเดียวกับมะพร้าว แต่โตและแข็งแรงกว่า นิยมใช้มุงหลังคา กั้นฝาบ้าน ก้านใบนำมาเหลารวมทำไม้กวาด เส้นใยที่ลำต้นใช้ทำแปรง ยอดอ่อนที่ขั้วหัวใช้รับประทานแบบผักสด หรือดองเปรี้ยว เก็บไว้แกงส้ม แกงกะทิ ส่วนผล นำเนื้อในเมล็ดมารับประทาน สด หรือนำไปเชื่อมกับน้ำตาล เพื่อให้ได้รสอร่อยขึ้น
การเก็บผลต๋าว จะตัดเฉพาะทะลาย ไม่โค่นล้มต้น การเก็บแต่ละครั้งต้องไปนอนค้างแรมอยู่ในป่า อย่างน้อย ๒-๓ คืน ในช่วงที่ฝนหยุดตก ส่วนช่วงที่มีฝน จะหยุดการเก็บเกี่ยว เพราะไม่มีฟืนที่จะนำมาต้มลูกต๋าว ที่สำคัญฤดูนี้เป็นช่วงที่ต๋าวขยายพันธุ์
การเก็บผลิตต๋าว ส่วนใหญ่จะเริ่มตั้งแต่ปลายเดือนกันยายน ถึงเดือนมีนาคม ซึ่งแต่ละครั้ง ต้องเดินทางไปในป่า เพื่อนำผลต๋าวที่ได้ขนาดมาต้มพอสุก ตัดขั้วผลแล้วหนีบเมล็ดออก โดยใช้เครื่องมือที่ผลิตเองในท้องถิ่น คล้ายเครื่องตัดเหล็กที่มีคันยก ในจำนวน ๑ ผลจะมี ๓ เมล็ด เฉลี่ย ๒ ทะลาย จะได้ ๑ ถัง หรือเท่ากับ ๑๕ กิโลกรัม
ต๋าว มะต๋าว หรือลูกชิด นอกจากจะนำมารับประทานกับน้ำแข็งใส ใส่น้ำหวานแล้ว แปรรูปเป็นอบแห้ง แช่อิ่ม ได้อีกด้วยท้ายบล็อกนี้ ผมขอแนะนำแหล่งท่องเที่ยว หรือหุบเขาที่เต็มไปด้วยต้นไม้ตามธรรมชาติคล้ายป่าดึกดำบรรพ์ขาดแต่ไดโนเสาร์เท่านั้น มีต้นตาด หรือ ต๋าว หรือ ลูกชิด มากที่สุด นั่นคือ "หุบป่าตาด" จังหวัดอุทัยธานี "หุบป่าตาด" อยู่ในเขตอำเภอลานสัก ห่างจากตัวเมืองอุทัยธานีเพียง ๔๐ กิโลเมตร ใช้เส้นทางอุทัยธานี - หนองฉาง จากนั้นก็ใช้เส้นทางหนองฉาง - ลานสัก เข้าไปราว ๒๑ กิโลเมตรก็จะถึงปากทางเข้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาปลาร้า เลี้ยวซ้ายเข้าไปตามถนนคอนกรีตอีก ๖ กิโลเมตรก็ถึงหุบป่าตาด โดยจะถึงก่อนทางขึ้นเขาปลาร้า ๑ กิโลเมตร (ภาพจาก
www.manager.co.th)
"หุบป่าตาด แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่งดงาม
เล่ากันว่า"หุบป่าตาด" นั้น เคยเป็นถ้ำมาก่อน แต่หลังคาถ้ำได้ยุบตัวกลายเป็นหุบหรือบ่อกลางภูเขาจำนวน ๒ ห้อง มีเนื้อที่รวมประมาณ ๒ ไร่เศษ มีขอบบ่อสูงถึงราว ๑๕๐-๒๐๐ เมตร ทำให้มีสภาพเป็นบ่อกลางภูเขา สันนิษฐานว่าน่าจะเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของเปลือกโลกโดยฉับพลัน ทำให้หลังคาถ้ำถล่มลงมากลายเป็นบ่อในหุบเขาที่ต้นไม้สามารถขึ้นได้ในบางพันธุ์ เพราะมีข้อจำกัดเรื่องแสงแดด จนต่อมาภายหลัยถูกยึดพื้นที่โดยต้นตาด นอกจากตาดแล้วในป่าแห่งนี้ยังมีพันธุ์ไม้อื่นๆ เช่น เต่าร้าง เปล้า คัดค้าวเล็ก กะพง ยมหิน
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เขตห้ามล่าสัตว์ป่าถ้ำประทุน โทร. 0-5698-9128
ของโปรดเลยค่ะ
ปลื้มมากกับคำว่า เพลงเพราะมากครับ
ขอบคุณค่ะ