|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
ล้วน ควันธรรม มนต์ขลังแห่งเสียงเพลง
นักร้องและนักประพันธ์เพลงผู้ยิ่งใหญ่ บทเพลงและน้ำเสียงใสบริสุทธิ์อันทรงเสน่ห์ของเขา แม้จะฟังนับร้อยนับพันเที่ยวก็ไม่อิ่ม เพลงที่เขาร้องในยุคนั้น ผู้คนนิยมชมชอบกันมาก คนที่อายุเกินห้าสิบยังคงจำได้ เช่น ค่ำแล้วในฤดูหนาว แหวนประดับก้อย นอกจากการเป็นนักร้องคุณภาพแล้ว ด้วยความความรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ จึงเป็นแรงบันดาลใจให้เขาได้นำความรู้ ความแตกฉานทางด้านดนตรี มาแต่งเพลงปลุกใจ รวมทั้งเพลงประกอบบทเรียนทั้งภาษาไทยและต่างประเทศ ล้วน ควันธรรม เกิดเมื่อ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2455 ที่บ้านริมแม่น้ำเจ้าพระยา เขตคลองสาน กทม. ปฐมวัยเรียนหนังสือที่วัดสะพานสูง เรียนต่อที่โรงเรียนอัสสัมชัน มาจบภาคภาษาฝรั่งเศสที่โรงเรียนเซนต์คาเบรียล เขาจัดอยู่ในพวกเด็กเรียนเก่ง บทจะบู้ก็ไม่เคยกลัวใคร เป็นคนเอาจริง เพราะรูปร่างสูงใหญ่เป็นที่เกรงขามของนักเลงแถวราชวัตร ส่วนในด้วนความรักนั้น พิสูจน์ได้จากการแสดงออกในบทเพลงรักต่างๆที่ละเมียดละไมที่แต่งและร้องเอง
ครูล้วนสนใจดนตรีมาตั้งแต่เด็กๆ มักจะดีดออร์แกนแล้วร้องเพลงจันทร์เจ้าขาของพรานบูรณ์คลอไปด้วย เสียงของท่านทุ่มใสโดยไม่ต้องปรุงแต่งด้วยเครื่องอิเลกทรอนิกส์ ความถนัดอีกอย่างหนึ่งคือการใช้หีบเพลงปาก เขาชอบติดตามไปหัดร้องเพลงอยู่ข้างๆเวทีที่คนไม่ค่อยเห็นในการแสดงคณะ "จันทโรภาส" ของพรานบูรพ์ ซึ่งโด่งดังมากในยุคนั้น
เมื่อภาพยนตร์ฝรั่งที่มีเสียงพูดในฟิล์มเรื่องแรกเข้ามาฉายในเมืองไทย หนุ่มสาวสมัยนั้นนิยมร้องเพลงฝรั่งกันมาก เขาได้ลงทุนซื้อเครื่องเล่นจานเสียง(ไขลาน) พร้อมทั้งแผ่นเสียงของนักร้องมีชื่อ มาฝึกฝนด้วยตัวเอง นักร้องดังๆ ในยุคนั้นได้แก่ คิด เพาเวล, จอนโบลท์ และ ลอเรนซ์ ทิเบต
เขาชื่นชอบเสียงเทนเนอร์ของ เนลสัน เอดดี้ ฝึกร้องจากเพลง Rose Mary ด้วยกิตติศัพท์ในเรื่องนี้ จึงได้รับการขนานนามว่า เนลสัน เอดดี้เมืองไทย แล้วยังได้เขียนคำร้องเข้ากับทำนองเพลงสากล จากเพลง I'll string along with you. และอีกหลายเพลง เมื่อวงดนตรีหลวงอยู่ที่สวนมิสกวัน เขาได้ใกล้ชิดกับวงดนตรีนี้ จึงเกิดความสนใจการเขียนโน๊ตเพลง เริ่มศึกษาจากเพื่อนที่อยู่บ้านใกล้เรือนเคียงกันที่ชื่อ ศิริ ยงยุทธ
เพลงแรกที่แต่งชื่อ "วิมานในฝัน" ในปี พ.ศ. 2477 นับจากนั้นมาเป็นเวลา 32 ปี เขาแต่งเพลงทั้งทำนองและคำร้องประมาณ 300 เพลง
รายการทีวีช่อง 9
เมื่อปี พ.ศ. 2472 เขาเข้ารับราชการสังกัดกรมฝิ่นสามเสน ราว 6-7 ปี ต่อจากนั้นย้ายมาอยู่กรมสรรพสามิตอีก 4 ปี จึงได้ลาออกจากราชการ เขาเริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยการฝึกชกมวย เป็นนักมายคาดเชือก อายุขณะนั้น 27-28 ปีแล้ว ชกที่สวนสนุกอยู่ 7-8 ปี ได้ค่าเหนื่อยไฟว์ละ 45 บาท ในระหว่างที่หากินทางชกมวยก็ใช้เวลาว่างร้องเพลงควบคู่กันไป จึงได้ฉายาว่า "นักมวยนักร้อง"
เขาเคยเข้าประกวดร้องเพลงในงานวัด ด้วยมนต์เสน่ห์แห่งน้ำเสียง จึงชนะการประกวด ได้ถ้วยรางวัลจากงานวัดหลายใบ แต่หาได้เป็นตัวเงินไม่ เมื่อกรมโฆษณาการ (กรมประชาสัมพันธ์ในปัจจุบัน) ประกาศรับสมัครนักร้อง ในปี พ.ศ. 2482 ยุคที่สงครามโลกครั้งที่ 2 เพิ่งเริ่มต้น เขาสอบผ่านพร้อมกับนักร้องดังคนอื่นๆ เช่น รุจี อุทัยกร, มัณฑนา โมลากุล ได้ทำงานในตำแหน่งนักประพันธ์เพลง หน้าที่นี้ทำให้เขาเชี่ยวชาญในการประพันธ์เพลงเป็นอย่างยิ่ง
ช่วงที่รับราชการที่กรมโฆษณาการ ได้แต่งบทละครวิทยุ 30-40 เรื่อง เพลงประกอบละครวิทยุที่นิยมกันมาก ได้แก่ แหวนประดับก้อย, คำปฏิญาณ, เสียงกระซิบสั่ง, ค่ำแล้วในฤดูหนาว, ผีเสื้อกับดอกไม้, เพลินเพลงเช้า, ระกำดวงจิต และใจเป็นห่วง
หลังจากนั้นไม่นาน เขาตัดสินใจลาออกจากกรมโฆษณาการ ออกมาทำงานหนังสือพิมพ์ประชาธิปไตยกับเพื่อนนักหนังสือพิมพ์ เป็นหนังสือพิมพ์ประชาธิปไตยในยุคสุดท้ายของสมัยนั้น ก่อนที่จะโอนกิจการให้คนอื่นทำต่อไป ต่อมาตั้งวงดนตรีของตัวเอง ชื่อ Chamber Music ใช้นักดนตรีเพียง 4 คน เขาจะเป็นนักร้องนำเสมอ เปิดตัวครั้งแรกที่ศาลาเฉลิมกรุง ได้เดินสายไปตามวิกต่างๆอีก 4 ปี คู่แข่งที่สำคัญคือวงดุริยะโยธิน
ครั้งหนึ่งมีการประกวดเพลงสดุดีท่านผู้นำ เขาชนะรางวัลที่ 3 ได้เงิน 500 บาท เพลงชื่อ ดินแดนแห่งดอกบัวงาม เนื้อเพลง :
ดินแดนแห่งดอกบัวงาม มีชื่อตามตามสมญาว่าไทย เจริญด้วยวัฒนชัยวัฒนธรรม ส้ำเลิศรุ่งเรือง เป็นเมืองแห่งความสวย งามด้วยเชิงศิลปะยินชื่อเฟื่อง มากมายด้วยวัดนามกระเดื่อง สมที่จะเป็นเมืองพุทธศาสน์แห่งไทย ผู้คนหญิงชายล้วน แต่งกายสวยโอ่อ่า ถ้อยคำพูดจาน่าปราศรัย สมควรทั่วโลกจะยอมรับนับเมืองไทย ว่าศรีไลจิตใจโอบอ้อม คนไทยจิตใจเมตา โดยพระพุทธศาสนาคอยเกลากล่อม เลื่องชื่อลือล้นคนรับยอม พร้อมใจเชิดชูรู้กันทั่วไป พอดวงตะวันเยี่ยมฟ้า ทอแสงอุษารับวันใหม่ เจื้อยแจ้วปักษาร่าเริงไพร ชวนเพลินหฤทัยไปจนสิ้นวัน ลมเย็นผ่อนโรยโชยฉิว แลลิ่วทิวไม้ใบก้านสั่น เกลื่อนกล่นต้นไม้ทั้งเถาวัลย์ เลื้อยพันผูกกอยอดชูแกว่งไกว กลิ่นของดอกไม้ที่ดอกสวยเด่น หอมเย็นชุ่มฉ่ำชื่นหทัย มากมายเลื่อนชุมอยู่ตามสุมทุมพุ่มไพร แตกดอกออกใบไสวยามค่ำคืน แดนดินถิ่นไทยไกลแสน งามแม้นสรวงดวงดาวดื่น แจ่มเจิดเฉิดจันทร์ค่ำคืน ชื่นชมดินแดนแห่งดอกบัวงาม
เพลงแหวนประดับก้อย ได้รับความนิยมสูงสุด ราวกับว่า เสน่ห์ของเพลงนี้มีเบื้องหลังแห่งชีวิตจริงของผู้แต่ง มีเสียงตอบรับจากแฟนเพลงและวิจารณ์กันกระหึ่มเมือง เนื่องจากมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันมาก เขาจึงแต่งเป็นบทละครเวที เนื้อร้อง :
เห็นกันอยู่เกือบทุกๆวัน แล้วมีเหตุใดไหวหวั่น จากกันไม่เคยพบเลย รักโอ้รักของเรานี่เอ๋ย คิดถึงที่เรานั้นเคย ชูชื่นทุกคืนทุกวัน แหวนที่เคยประดับติดนิ้ว ยังคอยรัดกิ่ว ดูนิ้วนั้นใจฉันสั่น คิดถึงตัวเจ้าของแหวนนั้น แหวนเอยเจ้าของแหวนหมั้น เขานั้นไปอยู่แห่งใด คอยฉันเฝ้าแต่คอย ใจลอยเอ๋ยเมื่อไหร่ แหวนเอ๋ยเมื่อไร เจ้าของๆเจ้า เขาจึงกลับมา แหวนที่เคยประดับนิ้วก้อย แม้ว่าราคานิดหน่อย แต่ค่าเลิศลอยนักหนา ฉันรักเท่าดวงชีวา คิดแล้วยิ่งดูเหมือนว่า พาให้คิดถึงเจ้าของ หนาวน้ำค้างที่กระเซ็นซัด ลมเย็นในยามสงัด งามใดไม่ชวนฉันมอง คิดถึงอยู่ก็แต่เจ้าของ แหวนทองที่ฉันนั้นใส่ เตือนใจทุกวันทุกคืน แม้นแสงจันทร์จะไม่แจ่มงาม แสงดาวจะพราวสง่า งามตาไม่ชวนฉันชื่น สวยงามใดอะไรอื่นๆ นับร้อยและพันทั้งหมื่น ไม่ชื่นเท่าเจ้าของแหวน โอเมื่อไหร่จะมา เหมือนพาให้ เสียดายแสน รักแหวนเจ้าของแหวน หาอื่นใดแทน ไม่ชื่นอุรา แหวนที่เคยประดับนิ้วก้อย แม้ว่าราคานิดหน่อย แต่ค่าเลิศลอยหนักหนา ฉันรักเท่าดวงชีวา คิดแล้วยิ่งดูเหมือนว่า พาให้คิดถึงเจ้าของ
"แหวนประดับก้อย" เปิดการแสดงถึง 79 รอบ เขาได้เงินถึงแสนห้าหมื่นบาท ต่อมาได้แต่งบทละครอีก 2-3 เรื่อง เช่น วิมานเพลง แสดงที่วิกนาครสนุก ช่วงนั้นอยู่ในภาวะสงคราม ท่านได้อุทิศเวลาให้ทางราชการ แสดงละครการกุศลเรื่องแนวที่ 5 เรื่องนี้ยิ่งใหญ่มากเพราะใช้วงดนตรีกองทัพบก และกองทัพเรือถึง 150 ชีวิต เรียกการแสดงนี้ว่าละครสังคีต
ครูล้วนสนใจการแต่งบทกวีตั้งแต่เป็นนักเรียนชั้นมัธยม สนใจบทกลอนจากหนังสือวรรณคดีไทยเป็นอย่างมาก ครั้งหนึ่งหลังจากได้ชื่นชมธรรมชาติยามค่ำที่สวนลุมพินี ท่านได้แต่งร้อยกรองแสดงออกถึงอารมณ์และความรู้สึกในขณะนั้น นั่นคือเพลง "ค่ำแล้วในฤดูหนาว"
พอย่างเข้าเขตหน้าหนาว ลมหนาวก็โชยพัดกระหน่ำ สายลมเอื่อยมาในเวลาค่ำฉ่ำชื่นกว่าทุกวัน น้ำค้างพร่างพรมลมเย็นรำเพย หนาวโอ้อกเอ๋ยหนาวจนสั่น เสียงเรไรร้องก้องสนั่นทำให้ฉันเป็นสุขใจ เสียงเพลงค่ำแล้ว ค่ำแล้ว ค่ำแล้ว ดังแว่วมาแต่ไกล นี่ใครนะใครช่างประดิษฐ์คิดเพลงค่ำ ๆ หนาวลมยิ่งทำให้ใจคนึง คิดถึงแต่รักที่หวานฉ่ำ หารักอื่นใดไหนจะหวานล้ำฉ่ำเท่ารักเราไม่มี สวนลุมพินีถิ่นที่เคยไป เขาดินถิ่นไกลก่อนนี้เคยชื่น เดี๋ยวนี้ผ่านไปเห็นแล้วขมขื่นไม่ชวนชื่นเหมือนก่อนนั้น นภาสะอาดดูงามสดใส ฉันรักจับใจสะอาดนะนั่น หนาวลมเยือกเย็นนั้นทำให้สั่นจิตใจฉันเลื่อนลอยไป เสียงเพลงค่ำแล้ว ค่ำแล้ว ค่ำแล้ว ดังแว่วมาแต่ไกล ติดเตือนหัวใจให้คิดถึงยามค่ำ ๆ คิดถึงร่วมทางเคยเที่ยวด้วยกัน ทุกคืนก่อนนั้นหวานชื่นฉ่ำ ทุกทีที่ไปฝังใจยังจำไม่ลืมคำที่ได้ฝากกัน
ในยุคที่เพลงนิยมท้องถิ่นกำลังเป็นที่นิยม อย่างเพลง แสนแสบ, บางรัก, ท่าฉลอม เขาแต่งเพลงร่วมสมัยด้วยในชื่อ "บางซื่อ" เนื้อร้อง :
บางซื่อมันไม่ซื่อเหมือนบาง ฉันคิดถึงนางแล้วต้องร้องไห้ เจ็บปวกรวดร้าวเหมือนใครเขากรีดดวงใจ เจ็บปวดไม่มีสิ่งใดเทียบได้เลยสักอย่าง รีกนางเพราะนางเกิดที่บางซื่อ น้ำใจเจ้าหรือฉันคิดคงซื่อเหมือนบาง ไว้ใจเชื่อใจไม่คิดเหินห่าง บางซื่อไม่ซื่อเหมือนบางฉันโทษนางคนเดียว คนเกิดบางซื่อควรหรือไม่ซื่อกลับคด สับปลับเลี้ยวลดหมดความเชื่อถือทุกอย่าง ลาแล้วบางซื่อขอจำไว้แต่ชื่อบาง ลาก่อนน้องนางแล้วบางซื่อเอย
แต่งเพลงกีฬาสีและซ้อมของโรงเรียนประสาทพร
ต่อมา ศิลปินผู้มีอารมณ์สุนทรีท่านนี้ ได้ก่อตั้งโรงเรียนประสาทพร นนทบุรี สอนตั้งแต่อนุบาลถึงชั้นมัธยม ด้วยจิตใจที่มีเมตตา ท่านได้รับอุปการะเด็กยากจน ให้การศึกษาแก่เด็กกำพร้า แม้กระทั่งเด็กที่เกเรจากโรงเรียนอื่น ได้ค้นหาวิธีการสอนแบบใหม่ๆ ที่ไม่น่าเบื่อ โดยใช้เปียนโนเป็นสื่อการสอน ซึ่งได้ผลดียิ่ง เช่น บทร้อยกรอง "วิธีจับยักษ์" พิมพ์เป็นหนังสือเล่มพร้อมภาพประกอบ
ลุงพรเล่านิทานด้วยเพลง ทางทีวีช่อง 4 เมื่อ พ.ศ. 2499 ท่านยังจัดรายการวิทยุในนามของ "ลุงพร" ที่เด็กๆชอบกันมาก ภายหลังต้องเปลี่ยนเป็น"คุณพร" เพราะมีคนเอาชื่อนี้ไปใช้โดยไม่บอกไม่กล่าว มีหลายเพลงที่แต่งให้เด็กๆร้อง ท่านสอนหนังสือและดนตรีให้แก่เด็กๆจนถึงบั้นปลายชีวิต ด้วยความรักชาติและความเป็นครู มักจะฝากบอกลูกหลานให้ช่วยกันปกป้องประเทศชาติ ให้ทุกคนห่างไกลยาเสพติด อยากเห็นเยาวชนรักดนตรี ตัวอย่างบทเรียนสำหรับเด็กที่ใช้ดนตรีประกอบ
ร. เรือ ร. เรือ รบเร้า โรเรียน เรไร ริกรี้ เริงรำ รับรู้ เรืองรอง รอนรอน ร้อนร้อน โรยริน โรมรัน รถรบ เรรวน เร้ารุก รอรี ตะวันรอนรอน แดดไม่ร้อน เดินไปโรงเรียน รักเรียกต้องเร่ง ด้วยความรีบร้อน ไม่ควรรอรี
ในวันไหว้ครู
วาทะของท่าน "นาย...ฉันจะพูดให้ฟัง เราเกิดมาในแผ่นดินนี้ เราต้องหวงแหนแผ่นดินเกิด เราต้องจารึกองค์พระประมุขไว้ในดวงใจ เราจะทำการใด ต้องตั้งมั่นอยู่ในความกตัญญู อุตสาหะ เราถึงจะมีแต่ความเจริญในชีวิต..."
ในปี พ.ศ. 2511-2516 ท่านรับเป็นกรรมการตัดสินนักร้อง รายการบันไดดารา ผู้จัดรายการคือพันเอก การุณ เก่งระดมยิง ทุกเช้าวันเสาร์ทางสถานีโทรทัศน์กองทัพบก
ในช่วงสูงวัยแล้ว ท่านปรารถนาจะทำอยู่ 2 เรื่องและเคยกล่าวกับญาติสนิทของท่านเสมอ คือ
1. ต้องการรวบรวมบทเรียนประกอบดนตรีไว้เป็นหมวดหมู่ และพิมพ์เป็นการถาวร ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ 2. ต้องการขยายโรงเรียนอีกแห่ง เปิดสอนระดับอนุบาลโดยเฉพาะ และเน้นดนตรีเป็นสื่อการเรียนอย่างจริงจัง
ท่านได้แต่งเพลงพรรณนาถึงป่าเขาลำเนาไพร ต้นน้ำ ลำธารแสะสัตว์ป่า เพื่อปลูกฝังการอนุรักษ์ธรรมชาติให้กับอนุชนรุ่นหลังในระดับชั้นประถมและมัธยม แต่ท่านทำได้ไปเพียงบางส่วนยังไม่ทันได้เผยแพร่ ท่านจากไปเสียก่อน เมื่อวันที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2522 อายุ 66 ปี
Create Date : 21 สิงหาคม 2554 |
Last Update : 4 กรกฎาคม 2558 13:48:07 น. |
|
28 comments
|
Counter : 8839 Pageviews. |
|
|
|
โดย: hellojaae (hellojaae ) วันที่: 21 สิงหาคม 2554 เวลา:19:24:51 น. |
|
|
|
โดย: mamamodern วันที่: 21 สิงหาคม 2554 เวลา:22:01:31 น. |
|
|
|
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 22 สิงหาคม 2554 เวลา:8:31:39 น. |
|
|
|
โดย: วันสดใส วันที่: 22 สิงหาคม 2554 เวลา:22:27:44 น. |
|
|
|
โดย: popang (popang ) วันที่: 23 สิงหาคม 2554 เวลา:11:14:49 น. |
|
|
|
โดย: nathanon วันที่: 23 สิงหาคม 2554 เวลา:14:53:28 น. |
|
|
|
โดย: kimmy (kimmybangkok ) วันที่: 23 สิงหาคม 2554 เวลา:17:40:33 น. |
|
|
|
โดย: mamamodern วันที่: 24 สิงหาคม 2554 เวลา:11:49:08 น. |
|
|
|
โดย: เกศสุริยง วันที่: 25 สิงหาคม 2554 เวลา:11:49:01 น. |
|
|
|
โดย: เจริญพงษ์ เคารพวงศ์ชัย IP: 180.183.50.171 วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:11:20:37 น. |
|
|
|
โดย: ซามูไรพเนจร IP: 101.108.148.79 วันที่: 2 เมษายน 2555 เวลา:21:40:01 น. |
|
|
|
โดย: แก้วกานดา IP: 49.49.123.84 วันที่: 20 เมษายน 2555 เวลา:0:21:56 น. |
|
|
|
โดย: khampoo2000@yahoo.com IP: 171.97.162.109 วันที่: 16 มีนาคม 2556 เวลา:14:46:27 น. |
|
|
|
โดย: ปัทมา IP: 171.98.247.52 วันที่: 16 มีนาคม 2556 เวลา:15:07:30 น. |
|
|
|
โดย: หญิง IP: 171.99.136.226 วันที่: 20 พฤษภาคม 2557 เวลา:18:09:10 น. |
|
|
|
โดย: เทิดพร มโนไพบูลย์ IP: 125.26.138.27 วันที่: 29 กรกฎาคม 2557 เวลา:11:42:53 น. |
|
|
|
โดย: เสลาสีม่วง วันที่: 3 มกราคม 2563 เวลา:8:29:46 น. |
|
|
|
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 18 มีนาคม 2565 เวลา:8:42:10 น. |
|
|
|
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 18 มีนาคม 2565 เวลา:8:43:03 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 66 คน [?]
|
ความตั้งใจในการทำบล็อกเปลี่ยนไปตามกาลเวลา เริ่มต้นด้วยการเขียนถึงถิ่นที่อยู่ในวัยเด็ก ต่อมาเป็นเรื่องเครื่องหมายต่างๆ เรื่องศิลปะ ภาพถ่ายในยุคก่อนๆ อาหารการกิน และอะไรต่อมิอะไรที่ประสบพบเห็น สนใจอะไรขึ้นมาก็อยากรู้ให้มากขึ้น กลุ่มเนื้อหาจึงแตกแขนงไปเรื่อยๆ
|
|
|
|
|
|
|
|
สวัสดีค่ะ...
ฟังเพลงเก่าๆ ก็เพราะไปอีกแบบนะค่ะ..
เดือนนี้อ้อมแอ้มมีของรางวัลให้เพื่อนๆค่ะ
ส่งรูปที่ถ่ายกับคุณแม่ที่คิดว่าสวย เจ๋ง น่ารัก
หรือจะเป็นตัวคุณถ่ายรูปคู่กับลูกๆก็ได้นะค่ะ
หรือเป็นญาติพี่น้องที่มีลูกๆน่ารักถ่ายกะคุณแม่
มาประกวดกันหน่อย รูปใครถูกใจอ้อมแอ้ม
จะมีของรางวัลให้ค่ะ รางวัลขออุบไว้ก่อน
แต่เป็นรางวัลที่น่าประทับใจมากๆนะค่ะ