Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2552
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
19 กรกฏาคม 2552
 
All Blogs
 
งานบวชพระ




เมื่อสัปดาห์ก่อน ผมไปงานบวชพระซึ่งเป็นหลานชายที่วัดราษฎร์เจริญธรรม หรือชาวบ้านเรียกว่าวัดสุน เพียงได้ยินชื่อวัดก็บอกให้รู้ว่า เป็นวัดที่ชาวบ้านร่วมกันสร้าง ก็ชาวบ้านในแถบนั้นนั่นเอง

แม้ว่าผมจะเกิดที่บ้านริมน้ำบริเวณไม่ห่างไกลจากวัดมากนัก กว่าผมจะรู้ประวัติเพียงสั้นๆของวัด ก็ต่อเมื่อมีคนรวบรวมไว้ราว 2-3 ปีมานี่เอง ผมเห็นวัดนี้มาตั้งแต่จำความได้ มีงานบุญเมื่อไร ก็ติดสอยห้อยตามแม่ไปทำบุญที่วัดนี้ ชาววัดกับชาวบ้าน ใกล้ชิดสนิทสนมกัน แต่อย่าถามประวัติความเป็นมาของวัด ไม่รู้

แต่ถ้าใครถามผมตอนเด็กๆ ถึงประวัติของหอเอนเมืองปิซา ที่อยู่ไกลถึงอิตาลี ผมจะตอบได้อย่างคล่องปาก การศึกษาของเราสอนให้รู้อะไรๆที่ไกลตัวเข้าไว้

ประวัติวัดราษฎร์เจริญธรรม (วัดสุน)

วัดราษฎร์เจริญธรรม ชื่อเดิม วัดสุนทราราม อยู่ที่อำเภอดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี มีเนื้อที่ 18 ไร่ สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2433 ในสมัยรัชกาลที่ 5

วัดนี้เคยมีชื่ออื่นๆมาก่อนแล้ว ตามเหตุการณ์หรือสิ่งแวดล้อนขณะนั้น เมื่อสมัยก่อนเรียก วัดแมวแขวน วัดศาลเจ้า วัดมะกอก ชื่อหลังนี่ดูจะเข้าท่าที่สุด บ่งบอกว่าเคยมีต้นมะกอกขึ้นที่นี่อย่างหนาแน่น วันนี้จะหาดูสักต้นก็ยาก

เดิมที่ดินที่สร้างวัดนี้เป็นที่รกร้าง ประมาณ 5 ไร่ มีศาลเจ้าหลังหนึ่งตั้งอยู่ กว้างยาวโดยประมาณ 1 เมตรเศษ

วันหนึ่งมีพระธุดงมาปักกลดชื่อพระอาจารย์ทับ ท่านเห็นว่าเป็นที่สงบเงียบ จึงพักอยู่นาน ประกอบกับชาวบ้านเลื่อมใสศรัทธา จึงถวายบ้าน 3 หลัง ให้เป็นกุฏิ ต่อมามีพระเพิ่มขึ้น กุฏิพระก็ขยับขยายมากขึ้น ท่านอยู่มา 20 ปีก็มรณภาพ


ศาลาการเปรียญหลังเก่าถูกรื้อไปแล้ว ลบความทรงจำเก่าๆ ให้สมกับเป็นวัดที่พัฒนาแล้ว


หลวงพ่อทองอยู่ (ผมใช้คำว่าหลวงพ่อแทนพระอธิการ) จึงรับหน้าที่ปกครองวัดต่อไป แม้ดวงตาท่านจะมองไม่เห็น แต่ความสามารถเหนือคนธรรมดา ท่านได้ประสานงานกับพรรคพวกของท่านในกรุงเทพ นำไวยาวัจกรไปขักลากไม้ในป่า ล่องเป็นซุงลงมาเลื่อยเป็นไม้สำเร็จรูปที่วัด ก่อสร้างหอสวดมนต์ และศาลาการเปรียญอีก 2 หลัง (ภาพข้างบน)

ได้ตั้งโรงเรียนชั้นประถมภายในวัด ให้ทางราชการจัดครูมาสอน ระดับ ชั้น ป.1-4 ใช้ศาลาการเปรียญและศาลาว่างๆ ในการเรียนการสอนในวันปกติ สมัยนั้นนักเรียนจะมีวันหยุด 2 วันคือวันโกนกับวันพระ


พระอุโบสถ เคยได้รับการปฏิสังขรณ์โดยช่างชาวจีนไหหลำ ถ่ายเมื่อปี พ.ศ. 2513



หลวงพ่อโต พระประธานภายในโบสถ์ ถ่ายเมื่อ พ.ศ. 2513


ต่อมาหลวงพ่อต่วน ได้เริ่มสร้างพระอุโบสถ สร้างอยู่ประมาณ 6 – 7 ปี ก็ไม่แล้วเสร็จ จึงไปเชิญขุนชาติ สุนทโรดม มาเป็นไวยาวัจกรดำเนินการสร้าง จนแล้วเสร็จจึงขอตั้งเป็นวัดชื่อวัดสุนทราราม โดยให้ชื่อตามนามสกุลของขุนชาติ แล้วขอพระราชทานวิสุงคามสีมาในปี พ.ศ. 2470

ประวัติหลวงพ่อโต
เดิมหลวงพ่อโตอยู่ข้างคลองลัดราชบุรี หรือหน้าวัดราษฏร์เจริญธรรมในปัจจุบัน ท่านอยู่ในเพิงเก่าๆ มุงด้วยสังกะสีกันแดดกันฝนเท่านั้น ต่อมาหลวงพ่อต่วยได้อัญเชิญหลวงพ่อโตเข้ามาประดิษฐานในอุโบสถ เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน หลวงพ่อโตเลื่อนลงมากระแทกผนังอุโบสถ ในขณะนั้นมีช่างไหหลำกำลังปฏิสังขรณ์อุโบสถอยู่ ทางวัดจึงได้ให้ช่างไหหลำรวบรวมชิ้นส่วนบางชิ้นที่แตกหัก แล้วปั้นองค์หลวงพ่อโตครอบทับองค์เดิม ได้นำไหโบราณมาทำเป็นเศียรหลวงพ่อโตด้วย

(น่าสนใจประวัติช่างไหหลำ เขาคือใคร บังเอิญบรรพบุรุษของผู้เขียนเป็นชาวไหหลำ บางคนเป็นช่างต่อเรือ)

ปัจจุบันวัดสุน ได้รับการพัฒนาในหลายๆด้าน ของเก่าหายไป ของใหม่เข้ามาแทนที่ หน้าวัดได้จัดเป็นตลาดน้ำ ไปนั่งกินก๋วยเตี๋ยวเรือ ผัดไทย อย่างสบายๆ ไม่ต้องไปแย่งกันกิน แย่งกันเดิน เปิดรับนักท่องเที่ยวทุกวัน ถึงแม้ว่าตลาดน้ำหน้าวัด หรือคลองลัดพลีจะไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร แต่ก็เหมาะกับนักท่องเที่ยวที่ไม่ต้องการความพลุกพล่านครับ

ภาพงานบวชพระเมื่อ 11 ก.ค. 2552


เด็กๆ ตั้งแถวนำขบวนจากศาลาการเปรียญไปยังพระอุโบสถ



แขกที่มาร่วมงานอาสารำหน้าขบวนแห่นาค ทำให้งานนี้ไม่เหงา



หนึ่งเดียวของนักร้องนำ วงดนตรีที่มาเล่นในงานบวช



ร่วมแรงร่วมใจ ญาติผู้ใหญ่ร่วมยินดี



วงดนตรีที่คิดว่าตัวเองไม่ใช่แตรวง ประหยัดแรง ปักหลักที่หน้าโบสถ์



ขบวนเดินวนขวารอบพระอุโบสถ 3 รอบ



หลังจากเดินจนครบ 3 รอบแล้ว มาร่วมถ่ายภาพหมู่ ยิ้มแย้ม แจ่มใส



อีกมุมหนึ่งของหมู่ญาติพี่น้องและเพื่อนๆพ่อนาค



เตรียนโยนทาน จำนวนเหรียญมากกว่าจำนวนคนหลายเท่า เก็บได้คนละหลายอัน



คล้ายดอกไม้สีต่างๆที่ลอยข้างบนนั่นแหละครับ เหรียญห่อด้วยโบว์



พระอุปัชฌาย์



พิธีบวชในพระอุโบสถ จากนาคมาเป็นพระภิกษุ











เสร็จพิธีแล้ว พระใหม่เดินออกจากพระอุโบสถ ญาติโยมใส่บาตรด้วยดอกไม้


หลังจากที่พระได้สึกมาแล้ว หลานชายได้เขียนความรู้สึกและประสบการณ์ช่วงที่บวชมาให้ผม (Insignia_Museum) ผมได้อัพเดทเมื่อ 30 ก.ค. 2552 ชื่อเรื่องสิ่งที่ได้จากการเป็นสมมุติสงฆ์



สิ่งที่ได้จากการเป็นสมมุติสงฆ์
(บทความต่อไปนี้แต่งและเรียบเรียงโดยหลานชาย)



หลังจากที่ได้สึกเป็นฑิตแล้ว ได้ย้อนคิดเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้น เริ่ม ตั้งแต่การจัดงานซึ่งในความคิดแรกก็จะจัดงานเงียบๆไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเยอะ ที่เรียกว่า ข้าวหมอ แกงหมอ นั่นหละครับ แต่พอแจ้งเรื่องการตัดสินใจบวชกับญาติ เท่านั้นหละครับ แก(แตรวง)เริ่มมา โต๊ะจีนเริ่มมา เริ่มนึกถึงพี่ป้าน้าอาอีกหลายคน รวมเป็น กว่า 200 คน ผิดไปจากที่ตั้งใจไว้

แต่ในระหว่างพิธีฟังเทศสอนนาคตอนเช้า ผมได้เห็นอะไรบางอย่าง ได้เห็นความสุขของหลานๆที่ได้วิ่งเล่น ได้เห็นคนแก่มีความสุขกับการได้พบประเจอะเจอพูดคุยกัน ซึ่งผมไม่เคยคิดถึงมาก่อน คิดเฉพาะแค่เรื่องค่าใช้จ่ายเท่านั้นเอง โดยไม่ได้คิดถึงความสุขต่างๆที่จะเกิดขึ้นกับผู้คนในงานบุญเลย บางที่เราอาจจะติดกับเงินมากเกินไป จนมองไม่เห็นอย่างอื่น

ก่อนหน้านี้ผมรู้ว่า ก่อนจะบวชจะต้องไปอยู่ที่วัด 3 วัน ซึ่งความคิดของผมตอนนั้น ก็แค่ท่องขานนาคให้ได้ไม่เห็นต้องไปอยู่วัดก่อนเลย แล้วผมก็ทำเช่นนั้นจริง ผิดถนัดครับ จำเป็นจริงๆการอยู่วัดก่อน โดยเฉพาะผู้ที่จะบวชตามประเพณีเมื่อครบอายุบวช ซึ่งยังอยู่ในช่วงวัยรุ่นและยังไม่รู้ว่าพุทธศาสนาคืออะไร เพราะเมื่อเป็นพระแล้วจะต้องปฏิบัติทันที จะบอกว่าไม่รู้ไม่ได้ เช่นการพูดคุยโทรศัพท์กับแฟนสาวต้องระวังอย่างดี บอกว่าคิดถึงยังไม่ได้เลย ผิดวินัยสงฆ์

การครองผ้าไตร การให้พร มีหลายเรื่องที่ควรรู้ก่อน ซึ่งผมโชคดีที่วันแรกมีพระพี่เลี้ยงผู้เมตตานำวินัยสงฆ์มาให้ตั้งแต่วันแรก เลยรู้ก่อนการทำผิดวินัย ซึ่งท่านใดต้องการการจะบวชลูกหลาน ควรอย่างยิ่งครับให้เขาเข้าไปศึกษาเรื่องที่ควรรู้ก่อนการบวชจะเริ่มขึ้น จะดีมาก กรรมจะได้ไม่ติดมาเพราะไม่รู้

เรากราบไหว้ญาติผู้ใหญ่ผู้เฒาผู้แก่ในความเป็นหลาน แต่เมื่อห่มผ้าเหลืองในวินาทีนั้นผู้เฒ่าผู้แก่จะกราบไหว้เราทันที ซึ่งจะต้องเคอะเขินเป็นธรรมดา แต่เมื่อระลึกขึ้นได้จากพระผู้ใหญ่มาก่อนหน้านี้ว่า คนที่กราบไหว้นั้นเขาไม่ได้กราบไหว้เรา เขากราบไหว้ หนึ่งในพระรัตนไตร นั้นคือ สงฆ์ ไม่ใช่เรา ซึ่งการเป็นสมมุติสงฆ์ครองผ้าเหลือให้สมกับการกราบไหว้ก็ไม่ได้ง่ายหรอกครับ มีคำชาวบ้านที่กล่าวไว้ว่า พระก็ต้องพึ่งโยม โยมก็ต้องพึงพระ การเป็นพระก็เลยต้องสำรวมให้สมให้ผู้คนนับถือ ยากครับ ยากตรงที่ต้องสำรวมตนตอนไม่มีใครเห็นด้วย ไม่ใช่หน้าอย่างหลังอย่าง

ตัวอย่างที่ดีมีค่ากว่าคำสอน เพื่อ กลั่นกรองสิ่งที่ดีเป็นคุณสมบัติของตนเอง ต้องระลึกไว้เสมอ โดยเฉพาะความหมายของคำสอนต่างๆที่อยู่ในแต่ละตัวบุคคล แล้วถูกแสดงออกมาให้เราเห็นได้นั้น ถูกหรือไม่ถูกตามคำสอนก็ไม่อาจรู้ได้ ซึ่งระยะเวลามีน้อยไม่สามารถศึกษาได้ทั้งหมด เลยต้องไตร่ตรองเอาส่วนที่ดีของแต่ละบุคคลเอาเอง ส่วนไม่ดีก็ไม่เก็บมา ไม่ว่าใคร เพราะ ผิดวินัย

การสึก ถ้าลองถามผู้เฒ่าผู้แก่ว่าบวชกับสึกอะไรสำคัญกว่ากัน จะได้คำตอบแทบจะพร้อมกันว่าสึก ต้องมีการดูฤกษ์ดูยาม บางที่ต้องดูทิศออกจากวัดด้วยซ้ำ ส่วนตอนบวชเอาฤกษ์สะดวก ต่างจากพิธีมงคลอื่นๆ โดยสิ้นเชิง สึกเป็นคนใหม่ชีวิตใหม่คนโบราณเขาพูดไว้ว่าสำคัญ ผมเองก่อนบวชก็เคยเห็นแต่พิธีบวช ไม่เคยเห็นพิธีสึกพระเลย พึ่งจะได้เห็นก็กับตัวเองนี่หละ สั้น กระชับ ได้ใจความ ของผมสึก ตอนตีห้า เก้านาทีซึ่งเป็นพิธีต่อจากการลงโบสถ์ทำวัตรเช้า และปลงอาบัติ ดูขลังเป็นพิเศษ

ใครอยากรู้อยากเห็น ต้องไปดูเองอธิบายยาก เพราะมัวแต่อธิฐานซึ่ง ก่อนหน้าการบวชจะถูกกำชับไว้นักหนา โดยเฉพาะตอนสวมมงคลสายสิญจน์ ที่หลวงพอทำให้ จะต้องอธิฐานให้ดี แล้วจะเป็นจริง ผมก็ไม่รู้หรอกครับว่าจะเป็นอย่างไร แต่ก็ตั้งใจอธิฐานอย่างดี แต่ขออนุญาตไม่บอกนะครับ

สุดท้ายที่ได้จากการบวชนะครับคือ มีโบสถ์ต้องลง มีบาตรต้องบิณ มีศาลาต้องถู เหมือนฆราวาสเลยครับ มีงานต้องทำ มีเมียต้องดู มีลูกต้องเลี้ยง….




Create Date : 19 กรกฎาคม 2552
Last Update : 30 กรกฎาคม 2552 22:06:39 น. 43 comments
Counter : 10306 Pageviews.

 

สาธุ ได้เข้ามาทำบุญกับพระบวชใหม่ก่อนใคร

ไชโย ไชโย

ขอเกาะชายผ้าเหลืองขึ้นสวรรค์ด้วยคน

สาธุ
GO TO PROFILEYOURPAGE.COM WITH OVER 50 THOUSAND GRAPHICS
PROFILEYOURPAGE.COM


โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 19 กรกฎาคม 2552 เวลา:7:41:38 น.  

 
ขอเกาะชายผ้าเหลืองด้วยคนค่ะ ดูทุกคนมีความสุขจัง


โดย: กิน ๆ เที่ยว ๆ วันที่: 19 กรกฎาคม 2552 เวลา:8:28:09 น.  

 


หวัดดีค่ะคุณอิม
ปีนี้ มินก็มีบุญได้ไปร่วมอนุโมทนางานบวชหลายงานอยู่ค่ะ
ไม่มีลูกที่จะบวช ได้บวชลูกหลานคนอื่น
เห็นแล้วก็ชื่นใจเหมือนกันค่ะ
ปล. มีความสุขมาก ๆ นะคะ คุณอิม


โดย: มินทิวา วันที่: 19 กรกฎาคม 2552 เวลา:10:45:49 น.  

 
อนุโมทนาด้วยนะคะ

ภาพสวยแจ่มใส ได้บรรยากาศงานบุญแบบไทยๆ

ดูแล้วก็อิ่มใจที่ เรารักษารูปแบบตรงนี้มาได้นานนับร้อยๆปี

มีรูปเก่าๆให้ดูด้วย ( อิอิ มีแถมให้ดูจนได้นะคะ ขอบคุณมากๆ)

ว่าแล้วก็ชวนจขบ.ไปล่องเรือที่บล็อกค่ะ

อัพเสร็จตะกี้...


โดย: นักล่าน้ำตก IP: 115.67.242.43 วันที่: 19 กรกฎาคม 2552 เวลา:10:58:20 น.  

 
เข้าบล็อกของคุณ IM วันนี้อ่านแล้วสะดุดใจกับเรื่องความรู้ต่างบ้านต่างเมือง ที่ทางการไทยมักจะละเลย

ความรู้เกี่ยวกับบ้านเมืองของตัวเอง ว่าไปแล้วควรจะเป็นความรู้แรก ๆ ที่เด็กในท้องถิ่นควรได้ศึกษา และรับรู้

กลับกลายเป็นว่า เราต้องศึกษาความรู้เกี่ยวกับประเทศอื่นที่อยู่ไกลออกไปคนละซีกโลก จนจดจำได้ดี แต่กับความรู้ในชุมชนของตนเอง กลับไม่เคยมีใครถ่ายทอดให้ฟัง

เป็นความล้มเหลว และกลับหัวกลับหางของระบบการศึกษาและระบบสังคมของประเทศนี้

นังสังเวชใจไม่น้อย

อีกข้อหนึ่งที่สะดุดใจคือ อาคาร หรือสถาปัตยกรรมพื้นบ้านเก่า ๆ ที่มักจะรวมกันอยู่ที่วัดอันเป็นสถานที่รวมศุนย์จิตใจของคนในชุมชน

มักจะถูกทางการละเลย มองข้ามความสำคัญ ไม่มีความคิดอนุรักษ์สถานที่เหล่านี้ไว้ ผิดกับวัดหลวง ที่สร้างโดยเจ้านายชั้นสูง ที่มักได้รับการบูรณะปฏิสังขรณ์อยู่อย่างสม่ำเสมอ

วัฒนธรรมของราชสำนัก ถูกตีค่าให้อยู่ในฐานะเหนือวัฒนธรรมพื้นบ้าน และยิ่งเวลาผ่านไป ก็ยิ่งยกย่องจนกลายเป็นวัฒนธรรมของชาติพันธุ์ไปเลย

ทั้งที่วัฒนธรรมราชสำนัก เป็นเพียงวัฒนธรรมของชนกลุ่มน้อยที่มีอยู่เพียงไม่กี่คน ผิดกับวัฒนธรรมพื้นบ้าน ที่เป็นวัฒนธรรมของคนส่วนใหญ่ในสังคม

เมื่อหลายวันก่อน ได้ดูรายการทางทีวี มีการพูดถึงการแสดงโขน ว่าเป็นวัฒนธรรมประจำชาติ

ฟังเผิน ๆไม่คิดอะไรมาก ก็เข้าทีดี

แต่ถ้าพินิจให้ลึกซึ้ง จะพบว่า การแสดงโขนในราชสำนัก แม้จะประณีตบรรจง วิจิตรพิศดาร อ่อนช้อยและงดงามเพียงใด

แต่ถ้าถามว่า ผู้คนส่วนใหญ่ในสังคมไทย เอาเป็นแค่สักร้อยปีที่แล้วก็พอ

จะมีสักกี่คนที่ได้เสพความงดงามและความประณีตบรรจงของการแสดงนั้น

แน่นอนว่า นับหัวได้ไม่กี่คนแน่

ส่วนใหญ่ที่มีโอกาสได้เสพ คือ เจ้านายฝ่ายหน้าฝ่ายในเพียงไม่กี่คน

แล้วการเอาวัฒนธรรมของคนเพียงไม่กี่คนเช่นนี้ ยกให้เป็นวัฒนธรรมประจำชาติ นับว่าถูกต้องดีแล้วหรือ?

เป็นคำถามที่ถามไปอย่างนั้น ไม่ต้องการคำตอบ

ใครที่พอมีสำนึก คงจะพอมีคำตอบที่ถูกต้องเหมาะสมให้กับตัวเองได้....


โดย: ลุงแว่น วันที่: 19 กรกฎาคม 2552 เวลา:12:52:15 น.  

 
หวัดดีค่ะ คุณ IM ถ่ายรูปเองรึป่าวคะ สวยค่ะ สีสันสดใสจัง

แอบมีรูปเก่าขาวดำให้ดูกันด้วย

จำได้ว่าตอนเด็ก ๆ ไปงานบวชกับพ่อแม่บ่อยมาก ๆ เวลาเค้าโปรยทานก็จะต้องเข้าไปแก่งแย่งกับเค้ามั่ง ไม่ทันเด็กวัดผู้ชายตัวโต ๆ หรอก แต่เราก็เห็นมันเป็นเกมส์สนุกดีเหมือนกัน หัวคว่ำขะมำหงาย

ต่อมา มีคุณครูท่านหนึ่งเคยพูดให้ฟังว่า การโปรยทานในงานบวชพระนั้น กุศโลบายคือการทำทานให้พวกเปรตที่มาคอยแก่งแย่งรับส่วนบุญ

ตั้งแต่นั้นมา ไปงานบวชทีไร ไม่เคยเข้าไปแย่งทานอีกเลย ไม่อยากโดนเปรียบเทียบกับเปรต


โดย: Oops! a daisy วันที่: 19 กรกฎาคม 2552 เวลา:13:56:47 น.  

 
เห็นด้วยค่ะ ว่าเด็กๆถูกสอนเป็นแบบแผนเดียวกันจากตำราเรียน จนขาดความรู้เกี่ยวกับสิ่งใกล้ตัวของตัวเอง
เวลาเห็นรูปปั้นเจ้าเงาะ รจนา เสี่ยงพวงมาลัย เคยได้ยินเด็กวัยรุ่นถามกันว่า ตัวอะไรวะ

รูปเด็กๆตัวน้อยในขบวนแห่ น่ารักดีค่ะ
งานแบบนี้ ญาติสนิทมิตรสหายยิ้มแย้มแจ่มใส มีความสุขกันถ้วนหน้า
สังเกตว่า ต่อให้แดดร้อนยังไงก็เถอะ

แอบขำนักดนตรี มีผ่อนแรงนั่งเล่นใต้ร่มไม้ด้วย
เคยคิดมานานแล้วค่ะ ว่าจะเดินไปทำไม เหนื่อยเปล่าๆ
ทำไมไม่นั่งรอ เล่นตรงไหนสักที่ ยังไงขบวนก็ต้องวนรอบโบสถ์อยู่ดี


โดย: HoneyLemonSoda วันที่: 19 กรกฎาคม 2552 เวลา:14:01:38 น.  

 
อ่านที่คุณ IM เขียนถึงการไม่รู้ในสิ่งที่ใกล้ตัว

แล้วก็อึ้ง ย้อนกลับมาดูตัวเอง หุหุ

.
.

วัดนี้ อายุยาวนานมากค่ะ




มีความสุขในวันอาทิตย์นะคะ

ขอให้เริ่มงานในวันพรุ่งนี้ด้วยความสดใสค่ะ



โดย: หยุ่ยยุ้ย วันที่: 19 กรกฎาคม 2552 เวลา:14:45:45 น.  

 
รูปที่นำมาลงนี้ถ่ายเองทั้งหมด คัดจากรูปถ่ายประมาณ 100 รูป วันนั้นแดดดีมาก

เดี๋ยวนี้ ทัศนคติเรื่องการแย่งทานคงเปลี่ยนไปแล้วครับ
การแย่งทานเป็นความสนุกสนานทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ไม่จริงจัง
ญาติๆ หรือลูกหลานเก็บเงินโปรยทานนี้ไว้เป็นขวัญถุงครับ

วิถีชาวบ้านกับวัด บางที่เราก็ละเลย ไม่ได้บันทึกไว้ ผู้เฒ่าผู้แก่
นับวันจะเหลือน้อยลงทุกที ที่รวบรวมไว้ อ่านแล้วไม่มีสีสันเอาซะเลย
ทั้งๆที่ชาวบ้านมีเรื่องเล่ามากมาย สงสัยต้องเริ่มทบทวน
เรื่องราวใกล้ตัวอีกครั้งครับ


โดย: Insignia_Museum วันที่: 19 กรกฎาคม 2552 เวลา:15:06:02 น.  

 

วันนี้เพิ่งอัพบล็อกครับ

มีเมนูอาหารป่าแปลก ๆ มาชวนชิมครับ

ความอัตคัดในสถานการณ์หนึ่ง ทำให้สัตว์แปลก ๆ ที่ไม่คาดคิดว่าจะใช้เป็นอาหารได้

กลายมาเป็นเมนูจานเด็ดได้ที่ติดตรึงอยู่ในความทรงจำมาตราบจนทุกวันนี้ครับ...



โดย: ลุงแว่น วันที่: 19 กรกฎาคม 2552 เวลา:19:50:00 น.  

 

ตาม ลุงแว่นมาติดๆค่ะ...ไม่มีอะไรดู..ดูข่าวไป
ตอบblog ไปค่ะ...ทานข้าวเย็นยังคะ
หรือว่า มื้อเย็นฉันท์ไม่ได้..อ้าว!! แค่ไปงานบวชเท่านั้น
ไม่ได้บวช..5 5 5

GO TO PROFILEYOURPAGE.COM WITH OVER 50 THOUSAND GRAPHICS
PROFILEYOURPAGE.COM


โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 19 กรกฎาคม 2552 เวลา:20:11:48 น.  

 
+ ขออนุโมทนาบุญกับพระใหม่ด้วยครับ สาธุ

+ ผมเคยเรียนโรงเรียนธรรมะวันอาทิตย์ตอนเด็กๆ อยู่พักนึงด้วยนะครับ แล้วก็เคยได้บวชเรียนตอน 24 กว่าๆ (ดักเบญจเพส) ถึงแม้จะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ ไม่นานนัก แต่ก็ให้อะไรกับชีวิตมากพอสมควรทีเดียวล่ะครับ

+ [โหมด ขอแซว] พี่ IM ถ่ายภาพ "ยุคปัจจุบัน" ได้ชัดเจนแจ่มแจ๋ว ฝีมือเยี่ยมเรี่ยมเร้ดีทีเดียวนะขอรับ ตอนแรกผมเปิดมา นึกว่าเข้าผิดบล็อกเสียอีก กรั่กๆๆ


โดย: บลูยอชท์ วันที่: 19 กรกฎาคม 2552 เวลา:23:14:27 น.  

 
ดูแล้วอิ่มใจดีจังค่ะ...ชอบที่สุดคือตอนแห่...น่าออกไปรำแหะ...แ ต่ ไ ม่ ก ล้ า...อิอิ..เลยได้แต่ยืนฟังอย่างเดียวทุกทีไป


โดย: popang (popang ) วันที่: 20 กรกฎาคม 2552 เวลา:10:27:21 น.  

 
แอบเห็นด้วยกะเรื่องโขนที่ลุงแว่นเมนต์นะคะ

...................

มาบอกจขบ.ว่า

จากเมืองนอก มาชวนกลับบ้านนอกไปล่าน้ำตกต่อค่ะ





โดย: นักล่าน้ำตก IP: 115.67.207.144 วันที่: 20 กรกฎาคม 2552 เวลา:20:50:11 น.  

 
อนุโมทนา สาธุด้วยค่ะ..

หนึ่งภาพแทนล้านคำอธิบาย..ชอบบรรยากาศงานบุญแบบนี้จัง


โดย: i'm not superman วันที่: 20 กรกฎาคม 2552 เวลา:23:08:36 น.  

 
คุณอินไซน์ครับ
ระยะนี้ยุ่งมากไม่ได้เข้าบล็อก พอดีกับช่างบอกว่ามีไวรัส จะไม่ให้ผมเล่นบล็อก จริงครับเที่ยวนี้พอโพสต์เรื่องพระพิคเนศวร ก็โดนไวรัสเล่นงานเสียจนผมเส้นสีขาวบนหัวหลุดไปหลายเส้น ที่ช่างคอมพูดผมเพิ่งพบว่าเป็นจริง และผมอาจจะปิดบล็อกในเร็ว ๆ นี้ เพราะกลัวไวรัส

วันนี้มาอ่านประวัติวัดที่คุณอินไซน์เขียน

ผมนึกถึงวัดข้างบ้าน พ่อตาผมอายุ ๑๐๐ ปีพอดีตอนตาย แต่ตอนท่านอายุ ๗๐-๙๐ ท่านเล่าเรื่องเก่า ๆ ให้ผมฟังและเขียนเป็นหนังสือได้หลายเรื่อง ล้วนเป็นเรื่องพิลึกพิลั่นเหลือเชื่อ บางเรื่องได้พิมพ์รวมเล่ม เช่นเทพเจ้าเขาแมว มีเรื่องหนึ่งผมเขียนเป็นการ์ตูนเมื่อสามสิบกว่าปีที่แล้ว เรื่องพระกินคน เรื่องว่าเมื่อราวร้อยกว่าปี มีพระพุทธรูป ๒ องค์ลอยน้ำมาเข้าคลองบางสน ปะทิว(บ้านผม)๑ องค์ กับเข้าคลองชุมพร ๑ องค์

ที่เข้าคลองชุมพร ท่านไปขวางคลองอยู่ ชาวบ้านพยายามเอาขึ้น เอาช้างไปลากก็ไม่ขึ้น มีหลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์จากปะทิวใช้ด้ายสีแดงเหลือง น้ำเงิน ไปผูกแขนพระเท่านั้นชาวบ้านยกขึ้นมาได้ ปัจจุบันตั้งบูชาอยูที่วัดพระขวาง ชุมพร ที่ชื่อวัดพระขวางเพราะพระมาขวางคลอง

ส่วนองค์ที่เข้าคลองปะทิว ไปโผล่เกศอยู่ที่ท่าน้ำ ปัจจุบันเรียกว่าท่าเกศ ชาวบ้านไปฉุดลาก นำช้างไปลากขึ้นก็ไม่ขึ้นเช่นกัน หลวงพ่อองค์เดียวกันจึงเอาด้ายสามสีไปผูกข้อพระหัตถ์ ชาวบ้านก็ยกขึ้นจากน้ำได้อย่างง่ายดาย แต่องค์นี้เรียกว่าพระกินคน คือพอหลวงพ่อไปธุดงค์ไม่กลับวัด เด็ก ๆ ไปเล่นซ่อนหาในวัดเด็กหาย ว่ากันว่าท่านกินคน เพราะภายในบรรจุปรอท สิ่งอาถรรพณ์ชนิดหนึ่ง พระทั้งสององค์ว่ากันว่ามาจากเขมรตอนเขมรบ้านแตกสาแหรกขาด ตอนหลังชาวเขมรตามมาเจาะหลังพระจนเป็นรู (ผมยังเห็น สมภารองค์เก่าเอาปูนปิดไว้ ลักษณะพระเป็นแบบเขมรจริง ๆ คือไม่สวย พระพักตร์เหลี่ยม ๆ เหมือนเทวรูปตามปราสาทโบราณ) แล้วนำสิ่งอาถรรพณ์นั้นกลับไป พระก็ไม่กินคน แต่คนไม่นับถือ ปล่อยท่านนั่งตากแดดตากฝนอยู่อย่างนั้นหลายปี

ต่อมาพระสมภารใหม่ ๆ ชาวบ้านรุ่นใหม่ไม่เชื่อ กรรมการวัดก็ไม่เชื่อปฏิเสธหมดว่าเป็นไปไม่ได้เรื่องลอยน้ำมาไม่จริง แต่คนที่อยู่ชุมพรก็ฟังคนแก่ ๆ เล่าต่อ ๆ กันมา พอพากันมาดูพระบอกว่าไม่จริง แถมปรับเปลี่ยนปฏิสังขรณ์พระองค์นี้โดยพละการจนหมดรูปลักษณ์เดิม ๆ ไปสิ้น

อีกเรื่อง คนจีนที่รวยมาก ๆ มาสร้างโบสถ์ให้ เขาเขียนภาพพุทธประวัติแบบจีนไว้ ยี่สิบปีต่อมา สมภารว่าไม่สวยก็ไปลบทิ้งหมด บอกว่าไม่สวย

ผมอยากถามคุณอินไซน์ว่า การที่คนรุ่นหลังทำแบบนี้ พูดปฏิเสธหมดแบบนั้นทำถูกหรือ คนโบราณโง่และโกหกหรือ

ไปอ่านที่ผมตอบคอมเมนท์คุณซีครับ ผมโดนไวรัสอย่างไร






โดย: ลุงบูลย์ IP: 118.173.123.93 วันที่: 21 กรกฎาคม 2552 เวลา:1:28:08 น.  

 


หวัดดีในวันที่ฝนกำลังตกพรำ ๆ ค่ะ คุณอิม
มินกำลังคิดว่า จะไปทำงานดี หรือ จะทำงานอยู่ที่บ้านดี
งานของมิน ถ้าไม่ต้องไปพบลูกค้าก็สามารถ
พูดคุยโทรศัพท์อยู่ที่บ้านก็ได้ค่ะ
ปล.รักษาสุขภาพ ระวังอย่าให้เป็นหวัดนะคะ


โดย: มินทิวา วันที่: 21 กรกฎาคม 2552 เวลา:7:33:45 น.  

 
สวัสดีค่ะ วัดนี้น่าไปเที่ยวจังเลย ถ้ามีโอกาสจะแวะไปเที่ยว
เพราะชอบที่คนไม่พลุกพ่าน


โดย: ไผ่สวนตาล วันที่: 21 กรกฎาคม 2552 เวลา:11:15:15 น.  

 
แวะมาทักทายยามบ่ายค่ะ
พร้อมแจ้งว่า

ที่บล็อกมีรูปทะเลเขาพลายดำเพิ่มเติมนะคะ เผื่อคืนนี้จขบ.จะแวะไปดู



โดย: นักล่าน้ำตก วันที่: 21 กรกฎาคม 2552 เวลา:16:15:54 น.  

 
ตลาดน้ำคลองลัดพลี ที่หน้าวัดสุน

ยินดีต้อนรับนักท่องเที่ยว ที่จดรถสะดวกสบาย

ที่นังสบายๆ ไม่จอแจ มีก๋วยเตี๋ยวเรือให้ชิม







โดย: Insignia_Museum วันที่: 21 กรกฎาคม 2552 เวลา:21:52:53 น.  

 
อนุโมทนา สาธุด้วยคนค่ะ
งานบวชตามต่างจังหวัดเนี่ย เค้ายิ่งใหญ่จริงๆเลยค่ะ

ได้รับรู้ประวัติของวัดด้วยดีจังค่ะ
ตลาดน้ำตรงนี้ไม่เคยไปเลย
ไปแต่ตลาดน้ำดำเนิน กับวัดโชค่ะ


โดย: Fullgold วันที่: 21 กรกฎาคม 2552 เวลา:23:03:55 น.  

 
ขอร่วมอนุโมทนาบุญด้วยค่ะคุณim
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


โดย: เกศสุริยง วันที่: 21 กรกฎาคม 2552 เวลา:23:22:33 น.  

 


หวัดดี วันพุธค่ะคุณอิม
เมื่อวานมินไปแค่ 11 โมง ก็แวบกลับมาบ้านแล้วค่ะ
แต่ ก็ยังได้คุยกับลูกค้าจากที่บ้านอ่ะค่ะ
สุข สดชื่น สดใส วันพุธ นะคะ


โดย: มินทิวา วันที่: 22 กรกฎาคม 2552 เวลา:5:42:14 น.  

 
รูปในโบสถ์เนี่ย ยังสวยงามชัดเจน

แสงสีสว่างไสวนะคะ

อัยย์ชอบนั่งในโบสถ์ เพราะทุกที่มันโปร่ง หลังคาสูง ทำให้ไม่ร้อน

นั่งแล้วเย็นสบายจริงๆ


ป.ล.ขอเชิญไปเที่ยวน้ำตกเหมือนเคยค่ะ


โดย: นักล่าน้ำตก วันที่: 22 กรกฎาคม 2552 เวลา:12:08:12 น.  

 
วันนี้เข้ามาเยี่ยมบล็อกแล้วรุ้สึกดีจังครับ

ภาพของตำแหน่งพระประธาน และโบสถ์แสดงให้เห็นว่าอุโบสถในภายหลังเดิมแต่ภายหลังมีการเขียนภาพฝาผนังขึ้น องค์ของพระประธานดูเหมือนเป็นของเก่าที่มีมาแต่โบราณ


โดย: bite25 วันที่: 22 กรกฎาคม 2552 เวลา:13:49:26 น.  

 




โดย: ป้าตุ้ย (amornsri ) วันที่: 22 กรกฎาคม 2552 เวลา:15:27:02 น.  

 
มาดูก๋วยเตี๋ยวเรือค่ะ

ชอบนั่งท่าน้ำที่ไม่มีคนเยอะนัก กินก๋วยเตี๋ยวเรือแบบไม่ต้องรีบร้อน
ลมพัดพรู สบายใจ


โดย: HoneyLemonSoda วันที่: 22 กรกฎาคม 2552 เวลา:21:02:00 น.  

 
สวัสดีคุณอินไซน์

คนสวมเสื้อสีน้ำตาล กำลังถวาย(ซอง)พระนั่นคุณอินไซน์ใช่ไหม


โดย: ลุงบูลย์ IP: 118.173.120.203 วันที่: 22 กรกฎาคม 2552 เวลา:23:19:15 น.  

 
ขออนุโมทนาค่ะ น่าภูมิใจมากในวัฒนธรรมของไทยเรา
ขอบคุณสำหรับประวัติเเละบรรยากาศรอบๆค่ะ


โดย: YUCCA วันที่: 23 กรกฎาคม 2552 เวลา:1:18:14 น.  

 
คุณลุงบูลย์ครับ
คนสวมเสื้อสีน้ำตาลนั้น เป็นญาติผู้ใหญ่ของพ่อนาคและเป็นเจ้าภาพครับ
ผมเป็นคนถ่ายภาพนี้ครับ


โดย: Insignia_Museum วันที่: 23 กรกฎาคม 2552 เวลา:13:21:32 น.  

 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...
สวัสดียามบ่ายค่ะคุณim แอบว่างเหมือนกันค่ะเดี๋ยวต้องไปทำงานต่อแล้วมีความสุขมากๆนะคะคุณim


โดย: เกศสุริยง วันที่: 23 กรกฎาคม 2552 เวลา:16:16:55 น.  

 
เห็นภาพถ่ายหมู่งานบวชไม่รู้ในนั้นมีคุณ อินไซน์อยู่หรือเปล่า

ผมว่าวัดจำนวนมากนับไม่ถ้วนถูกทำลายคุณค่าความงามไม่ว่าสถาปัตย์ ประติมากรรม ปฏิมาพระประธานนั่นก็ด้วย รวมหมดไปถึงสภาพแวดล้อม อย่างเสียดายครับ

ทัศนะต่อความงามของชาวบ้านแบบผิดๆ น่าจะได้รับการบ่มเพาะมาจากภาคส่วนที่ใหญ่กว่า นั่นก็คือการเมือง การปกครอง ตลอดจนสังคมเมืองใหญ่ แล้วสุดท้ายก็ลืมและทำลายคุณค่าความงามอันเป็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่นต่างๆ โดยไม่รู้ตัว



โดย: sarntee วันที่: 23 กรกฎาคม 2552 เวลา:16:41:58 น.  

 
..อุอุ...ลุงบูลย์ก็

จขบ.น่าจะหนุ่มและหล่อกว่านั้นนะคะ...

.................

มาชวนไปล่องเรือค่ะวันนี้


โดย: นักล่าน้ำตก วันที่: 23 กรกฎาคม 2552 เวลา:17:44:51 น.  

 
ไม่ได้มาเยี่ยมคุณ IM ซะหลายวัน

อั๊พบล๊อกแล้วเพิ่งจะได้มาอ่านค่ะ

ตอนนี้เอาเวลาไปทำพวกงานถักซะส่วนใหญ่เข้าบล๊อกน้อยหน่อยล่ะค่ะ

มีเวลาไม่ลืมที่จะแวะมาเยี่ยมเยียนสว.ด้วยกันแน่นอน

รักษาสุขภาพนะคะ


โดย: ซองขาวเบอร์ 9 วันที่: 23 กรกฎาคม 2552 เวลา:20:04:19 น.  

 
พรานอักษรก็เป็นลูกหลานดำเนินฯเหมือนกันค่ะ พ่อเป็นลูกดำเนินร้อยเปอเซ็น บ้านอยู่ริมคลอง สี่หมื่น ศิษย์เก่าโรงเรียนวัดเจริญฯและโรงเรียนเมธีฯ ตอนพ่อบวชพระก็บวชที่วัดเจริญฯค่ะ วัดสุน วันโช พรานอักษรก็เคยไป ยินดีได้เจอคนบ้านเดียวกัน

images by uppicweb.com
Thanks: หมอจุฬา เว็บโฮสติ้ง


โดย: พรานอักษร วันที่: 23 กรกฎาคม 2552 เวลา:22:38:14 น.  

 
มาสวัสดีตอนเช้าครับ นาน ๆ จะได้มาแบบนี้ที คือว่าคอมต้องแยกใช้แล้วครับ ใช้โน้ตบุคเข้าเนต คอมใหญ่อั้พเกรดใช้ทำงานเขียน ดูซิให้มันเจ๊งเป็นตัว ๆ ฮา ใจถึงซะอย่าง


โดย: lungboon IP: 118.173.118.140 วันที่: 24 กรกฎาคม 2552 เวลา:7:08:44 น.  

 
หวัดดีค่ะ คุณ IM

ชอบภาพเรือกระเทียมจัง แสงซ้วยสวยค่ะ

เสาร์-อาทิตย์นี้ไปเที่ยวไหนรึป่าวคะ


โดย: Oops! a daisy วันที่: 24 กรกฎาคม 2552 เวลา:20:11:15 น.  

 
ตอนนี้แถวบ้าน ตลิ่งพังไปเยอะมาก
ต้นไม้ที่รากยึดดินไว้ก็เอาไม่อยู่แล้วค่ะ
บางต้นเอนจนจะโค่นลงน้ำอยู่แล้ว

เพราะดูดทรายกันมากเหลือเกิน


โดย: Fullgold วันที่: 24 กรกฎาคม 2552 เวลา:20:59:18 น.  

 

ชวนไปทำแกลเลอรี่ออนไลน์กัน
จะเก็บภาพถ่าย เก็บหนัง เพลงที่ชอบ
เก็บไฟล์ซ่อนไว้ หรือให้เพื่อนดาวน์โหลด
พื้นที่ก็ให้เพียบ แล้วยังเพิ่มได้อีก ยิ่งเล่นเป็นกลุ่ม ก็ได้อีกเพียบ
ดูในบล็อก 360D Gallery คลิกด้านล่างได้เลยจ้า...


โดย: 360D Gallery วันที่: 20 สิงหาคม 2552 เวลา:13:07:00 น.  

 
ขออนุโมทนาด้วยคนครับ
เจ้าภาพน่าจะอยู่ปากคลองโรงหมูใช่เปล่าครับ คุ้น ๆ


โดย: อลังการ เจริญสุข IP: 125.27.175.126 วันที่: 21 สิงหาคม 2552 เวลา:10:27:54 น.  

 
ผมเห็นภาพที่คุณถ่าย ชัดเจนคุณต้องลูกหลานป้าแป้นแน่ (ฟันธง) เพราะเห็นภาพพี่ลัดดา ปานมณี แล้วก็รูปถ่ายดำเนินสะดวก มีรูปป้าแป้น ถึงจะเป็นภาพเก่าแต่ผมจำได้เสมอ คนบ้านเดียวกันครับ


โดย: บ้านชัยทัศน์ IP: 61.7.155.122 วันที่: 21 ตุลาคม 2552 เวลา:14:06:27 น.  

 
อยากทราบว่าการกล่าวอนุโมทนาบุญกถาในงานบวช กล่าวอย่างไร ใครตอบที่


โดย: แตงอ่อน IP: 58.11.5.71 วันที่: 15 ตุลาคม 2554 เวลา:17:03:50 น.  

 
ชอบงานบวชมาก


โดย: โม IP: 183.89.113.207 วันที่: 28 กันยายน 2556 เวลา:8:13:12 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Insignia_Museum
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 66 คน [?]




ความตั้งใจในการทำบล็อกเปลี่ยนไปตามกาลเวลา เริ่มต้นด้วยการเขียนถึงถิ่นที่อยู่ในวัยเด็ก ต่อมาเป็นเรื่องเครื่องหมายต่างๆ เรื่องศิลปะ ภาพถ่ายในยุคก่อนๆ อาหารการกิน และอะไรต่อมิอะไรที่ประสบพบเห็น สนใจอะไรขึ้นมาก็อยากรู้ให้มากขึ้น กลุ่มเนื้อหาจึงแตกแขนงไปเรื่อยๆ
New Comments
Friends' blogs
[Add Insignia_Museum's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.