Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2552
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
12 พฤษภาคม 2552
 
All Blogs
 
เงินขัน



ในห่อผ้าสีธงชาติที่วางชั้นบนของตู้เก่าแก่ใบนั้น มีสมุดปกแข็งคล้ายสมุดทำบัญชีหลายเล่ม เก่ามาก จนถึงค่อนข้างใหม่ ห่อนี้จะถูกเปิดก็ต่อเมื่อเจ้าของบ้านได้รับการ์ดเชิญให้ไปงานที่จัดตามประเพณีของชาวบ้านในแถบนั้น

สมุดหนาหลายเล่มนี้ แต่ละเล่มมีรายชื่อญาติๆและเพื่อนบ้านในช่องหนึ่ง อีกช่องหนึ่งเป็นจำนวนเงิน จำนวนเล่มจะเท่ากับจำนวนงานที่บ้านเราเคยจัดมา นับตั้งแต่งานแต่งงานของพ่อกับแม่ งานโกนจุกลูกสาวคนโต งานศพของย่า งานบวชลูกชายคนแรก งานแต่งลูกสาวคนโต....

สมุดแต่ละเล่มแทนงานแต่ละครั้ง มันเคยถูกกางออกต่อหน้าคนที่รู้หนังสือมาแล้ว เขาอาจเป็นครู หรือผู้ใหญ่บ้าน เป็นคนลงรายการชื่อผู้มาร่วมงานและจำนวนเงินที่แขกให้มา บ้านเราเรียกว่าสมุดเงินขัน เข้าใจว่าเจ้าภาพจะมีขันใบใหญ่บนพานรอง ขนาดที่ใช้ใส่ข้าวตักบาตร นำมาใส่เงินช่วยงาน

เราไม่แน่ใจว่าทุกบ้านจะทำบัญชีพวกนี้ไว้หรือไม่ แต่ที่บ้านเราจะต้องมีการสรุปยอดเงินล่าสุดว่าเราเป็นหนี้เขาเท่าไร หรือเขายังค้างหนี้เราเท่าไร เช่น เขาเคยมาช่วยงานบวชลูกชายคนโต ๑๐๐ บาท เมื่อเขามีการจัดงาน เราควรช่วยงาน ๑๒๐ บาท หรือเพิ่มขึ้นสัก ๒๐ เปอร์เซ็นต์ หากหลงลืมเงินใส่ซองน้อยไป เจ้าภาพงานจะเคืองมากถึงกับตัดญาติขาดมิตรกันเลยทีเดียว

เรื่องหน้าตาของคนต่างจังหวัดนี่สำคัญมาก ถึงจะยากดีมีจน ต้องขวนขวายหาเงินมาช่วยงานจนได้ จำนวนเงินไม่ควรจะน้อยหน้าเพื่อนบ้านด้วย แม้จะกู้หนี้ยืมสินเขาก็เอา เราไม่ต้องสงสัยเลยว่า ในท้องถิ่นชนบท คนมีเงินจึงได้รับการนับหน้าถือตา โดยไม่ได้ดูว่าที่มาของเขาอาจเกิดจากการรีดนาทาเร้นมาจากชาวบ้านในแถบนั้นนั่นเอง

ส่วนแขกที่ได้รับเชิญ หรือญาติ บางครอบครัวมีอาชีพรับจ้าง หาเช้ากินค่ำ คงไม่มีเงินเหลือมาช่วยงาน สังคมชนบทก็ไม่ได้ใจไม้ใส้ระกำ เปิดช่องไว้ นั่นคือ ช่วยด้วยแรงกาย ผู้หญิงช่วยงานในครัว ผู้ชายช่วยงานหนัก เช่น แบกเสา กางเต้นท์ ขนภาชนะต่างๆจากวัดมาบ้าน ซึ่งการช่วยด้วยแรงกายนี้ ทำให้งานคึกครื้นขึ้น เจ้าภาพจะดีใจยิ่งกว่าการช่วยด้วยเงิน

บางครอบครัวมีลูกหลายคน ต้องจัดงานกันหลายครั้ง ใช้หนี้กันไม่จบไม่สิ้น งานบวช งานแต่งลูกคนหลังๆ ต้องวงเล็บไว้ที่การ์ดเชิญว่า งดเงินช่วย หรือ งดเงินขัน เป็นที่รู้กันว่าจะไม่สร้างหนี้ทางสังคมกันต่อไป สบายใจด้วยกันทั้งสองฝ่าย ไม่ต้องเสแร้ง ไม่ต้องวัดใจกัน แต่คนรับการ์ดนี่ซิ งงไปพักใหญ่ ไปร่วมงานแบบเหนียมๆ จะช่วยเงินก็กลัวเจ้าภาพไม่รับ จะไม่ช่วยก็เหมือนมากินฟรี ทำตัวไม่ถูกไปตามๆกัน




Create Date : 12 พฤษภาคม 2552
Last Update : 14 มิถุนายน 2558 11:25:29 น. 32 comments
Counter : 4202 Pageviews.

 
เจิมก่อนค่ะ อิอิ


โดย: Fullgold วันที่: 13 พฤษภาคม 2552 เวลา:0:02:54 น.  

 
ที่บ้านทำค่ะ อิอิ
ดูว่าใครช่วยเท่าไร เวลาเค้ามีงานจะได้ช่วยถูก
แล้วจำนวนจะเพิ่มขึ้นอีกนี๊ดหน่อย


โดย: Fullgold วันที่: 13 พฤษภาคม 2552 เวลา:0:06:14 น.  

 
ที่บ้านเดี๊ยนก็คล้ายๆแบบนี้ค่ะ ยิ่งชมชนที่อยู่นอกเขตเทศบาล ยังเป็นชุมชนแบบเก่าๆ เวลามีงานศพทีก็ต้องเลี้ยงกันทั้งหมู่บ้าน งานศพเจ็ดวันชาวบ้านก็ไปช่วยงานกันกินอยู่สามมื้อจนเสร็จงานศพ เจ้าภาพก็ต้องล้มหมูล้มควายเอามาเลี้ยงกันค่ะ

ยิ่งครอบครัวที่มีหน้ามีตาเช่นเป็นกำนันผู้ใหญ่บ้านก็จะงานใหญ่ขึ้นไปอีก สังคมคนไทยเป็นสังคมอุปถัมภ์นะคะ ผู้มีอิทธิพลก็เลยได้เป็นเหมือนเจ้าพ่อ มีอิทธิพลมากในชุมชนนั้น แต่ชาวบ้านเดือดร้อนก็มาพึ่งเขา เพราะอย่างนี้บ้านเราจึงยากที่จะปกครองกันแบบประชาธิปไตย เลือกผู้แทนที ก็ต้องตอบแทนกันเพราะติดบุญคุณกัน พูดแล้วจะยาวค่ะ

ที่บ้านก็จะมีสมุดเก่าอยู่เล่มนึง ตอนงานศพคุณพ่อสามี ก็จะมีรายการเงินทำบุญค่ะ เวลางานศพใครเราก็จะเปิดดูว่าเขาทำเท่าไหร่เราก็ทำตอบไปเท่านั้น แต่เดี๋ยวนี้ไม่ถือหลักเกณฑ์แบบนี้แล้ว เงินมันเล็กลง ขืนทำแบบตอบแทนเหมือนสมัยก่อนก็คงโดนค้อนเอาค่ะ


คุณ IM ชอบเก็บของเก่านะคะ ที่บ้านแต่ก่อนมีเยอะมาก แต่พอสร้างบ้านใหม่ มันเป็นขยะ ก็เลยโละไปเยอะมากค่ะ มาคิดตอนนี้ก็เสียดายค่ะ


โดย: ซองขาวเบอร์ 9 วันที่: 13 พฤษภาคม 2552 เวลา:5:02:39 น.  

 
โโโโห ๒๔๙๔ มีเก่ากว่านี้อีกมั๊ยคะ
ตอนนั้นเราอยู่ไหนยังไม่รู้เลย

ชอบบบบบๆๆๆๆ คนสมัยนั้นคงชอบงานรื่นเริงแบบนี้เป็นอย่างมากเลยนะคะ คราคร่ำ ยาวเป็นแถวเลย

ชื่นชมค่ะ


โดย: จันทร์ไพลิน วันที่: 13 พฤษภาคม 2552 เวลา:7:39:23 น.  

 
การไปร่วมงานพิธีช่วงเด็กๆ ก็ชอบเพราะได้ไปเจอคนวัยเดียวกัน และเล่นสนุกตามประสาเด็ก ช่วงเจ้าภาพเตรียมงานแถวอิสานเรียกวันห่อข้าวต้ม ภาคกลางเรียกวันสุกดิบ ถึงวันงานเรียกวันโรม โฮมหรือรวม วันสุดท้ายเรียกวันตักบาตร

วันห่อข้าวต้มนี่แหละเด็ก ๆ จะเฝ้ามองช่างเครื่องไฟขยายเสียง เพลงแรกที่ดังก้องขึ้นในงาน มันทำให้หัวใจคับพอง แต่สักพักก็ถูกเรียกไปร่วมวงกินข้าว

พอช่วงวัยรุ่นไม่ค่อยได้ไปงานพิธี ยิ่งเยาวชนรุ่นนี้ สังคมเราผลักพวกเขาให้จำกัดวงอยู่้เฉพาะเรื่องการเรียน ความสัมพันธ์กับญาติพี่น้อง เพื่อนบ้าน อาจเลือนหายไปพักใหญ่

แต่จะบอกให้เวลาวัยผู้ใหญ่ช่วงปลาย ไม่เอาสังคมไม่ได้แล้ว บางทีวัยวุฒิ ก็มีส่วนเหมือนกัน เวลาไปงานก็ดูไม่ค่อยแปลกแยก เจ้าภาพก็มักให้เกียรติพอเหมาะพอประมาณ


โดย: sarntee วันที่: 13 พฤษภาคม 2552 เวลา:12:32:28 น.  

 
ที่บ้านต่างจังหวัด
คุณแม่จะจำแม่นว่า..งานนี้ใครช่วยเท่านี้
งานนั้น..ใครใส่ซองมาเท่าไหร่
แม่บอกว่าสำคัญนะ..เรื่องน้ำใจจากเงินช่วย "งาน"
หากเงินช่วยตอบไม่มากกว่าที่รับมา..ก็ขออย่าให้น้อยกว่าเป็นพอ

ไม่อย่างนั้น..ถือว่าเสียมารยาทและอาจกลายเป็นข้อขัดข้องหมองใจกันไปเลย
จากการช่วยด้วยน้ำใจ..ค่อยๆ กลับกลายเป็นการแลกเปลี่ยนต่างตอบแทน
เลยชักแหยงๆ ว่าหากเกิดจำไม่ได้ หรือตกข่าว หรือขาดทรัพย์ในช่วงนั้นพอดี
คงกลายเป็นการตัดสัมพันธไมตรีกันแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้แน่ๆ


โดย: กลีบดอกโมก วันที่: 13 พฤษภาคม 2552 เวลา:15:13:42 น.  

 
ภาพแรก ได้บรรยากาศมากค่ะ

สำหรับตัวเองก็เหมือนกะคุณกุ้ง คห.บน

แม่จะจำไว้ว่าของใครเคยใส่ประมาณไหน

แบบ...เอาให้ทัดเทียมกัน...

ส่วนใหญ่ที่บ้านเสียเปรียบ เพราะไม่ค่อยได้จัดงาน

แทบไม่เคยเลย...มีแค่งานศพคุณยายครั้งเดียว

ลูกๆของแม่ก็ไม่มีงานแต่ง งานบวชอะไรเลย

ไม่มีพิธีใดๆ ต่างจากคนไทยทั่วๆไปค่ะ...

แม่จึงมีแต่ใส่ซองไปงานคนอื่น...

ป.ล. ชวนไปเที่ยวน้ำตกค่ะ


โดย: นักล่าน้ำตก IP: 58.8.95.196 วันที่: 13 พฤษภาคม 2552 เวลา:16:28:20 น.  

 
ประเพณีเงินใส่ซองช่วยงานของไทย ๆ เนี่ยที่ไหนก็เหมือนกันนะครับ

มีลักษณะเหมือนการเล่นแชร์ทางสังคม

ใครจัดงานก่อนก็เปียร์ไปใช้ก่อน ใครจัดทีหลังก็เปียร์ทีหลัง ได้ใช้ทีหลังแต่มีดอกเบี้ยแถมพกมาด้วย

นับเป็นกลอุบายการใช้จ่ายของชาวบ้านที่แยบยลดี

แต่ก็อีกนั่นแหละ ชาวบ้านมักมีปัญหากับงานเหล่านี้ไม่น้อย ด้วยความรักหน้ารักตาเสียจนเกินพอดี

ทำให้จัดงานแต่ละทีติดหนี้ติดสินนายเงินท้องถิ่นอยู่ร่ำไป

ติดหนี้ไปสักพัก ดอกทบต้น ต้นทบดอก ดินพอกหางหมู ทรัพย์สินที่เอาไปวางประกันเงินกู้ก็พลอยหลุดไปด้วย ส่วนใหญ่ก็คือทองหยองมรดกตกทอดจากปู่ย่าตายาย หรือไม่ก็ที่ดินที่ใช้ทำกินนั่นแหละ

ก๋งผมเอง ก็ได้ที่นาหลายแปลงมาด้วยเหตุการณ์ทำนองนี้ ทั้ง ๆ ที่ท่านไม่เคยอยากได้ของเขาเลยสักนิด เพราะมีความตั้งใจอยากกลับไปตายเมืองจีน

รูปภาพแตรวง กับการร่ายรำแห่แหนงานบุญ นับเป็นสิ่งคุ้นเคยสำหรับคนบ้านนอกแท้ ๆ

สมัยหนึ่ง ก็เคยแอบหนีแม่ไปรำเฉิบ ๆ อยู่หน้าแตรวงงานบวชของพี่เพื่อนเหมือนกัน มีคนไปเห็นเข้า เอากลับมารายงานแม่

พอกลับถึงบ้านเท่านั้นแหละ โดนด่าเปิง....


โดย: ลุงแว่น วันที่: 13 พฤษภาคม 2552 เวลา:18:06:34 น.  

 
มาทักทายค่ะ

วันนี้บ้านเดี๊ยนฝนตกหนักมาก ฟ้าก็แรงจัง น่ากลัวพิลึก

อยากจะอั๊พบล๊อกยังทำไม่ได้เลยค่ะ มันป่วยรอบใหม่ค่ะสงสัยกว่าจะได้อั๊พ หมดอารมณ์อยากเขียนพอดี

ก็เลยตลุยเยี่ยมบ้านเพื่อนๆกัน เดี๋ยวนี้เพื่อนบ้านเยอะขึ้นค่ะ ต้องใช้เวลาเพิ่มขึ้นในการอยู่หน้าจอคอมฯ ต้องหาจังหวะดีๆ ไม่งั้นจะโดนค่อนแคะค่ะ

หาว่าติดคอมฯเป็นวัยรุ่นไปได้ ก็วัยรุ่น- รุ่นแรก ค่ะ

แล้วค่อยมาเยี่ยมวันใหม่นะคะ



โดย: ซองขาวเบอร์ 9 วันที่: 13 พฤษภาคม 2552 เวลา:19:12:08 น.  

 
โห.......นานเก่ามากเลยน่ะค่ะเนี้ยะ
นับถือ ๆ


โดย: mutcha_nu วันที่: 13 พฤษภาคม 2552 เวลา:20:31:28 น.  

 


หวัดดีค่ะคุณ IM
มินชอบดูพวกรูปภาพเก่า ๆ ค่ะ
แต่ ที่บ้านไม่ค่อยมีเลย มีน้อยมาก ๆ
แปลกใจกับเงินช่วยใส่ซอง 60 บาทมาก
ช่วยในปัจจุบันนี้เหรอคะ ถึงจะเคยช่วยไว้ 40 บาท
แต่นั่นมัน 50 ปีมาแล้วนี่นา
เรื่องเงินใส่ซองนี่ เข้าใจเลยค่ะ
มีอยู่ครั้งเดือนนึง มินได้การ์ดแต่งงาน 3 ใบ
งานศพอีกงานนึง แล้วทั้ง 4 งานนี้
มินเป็นรุ่นพี่แบบอาวุโสกว่าอ่ะค่ะ..เหอะ เหอะ.. ฮ่า ๆ ๆ
ปล.มีความสุขมาก ๆ นะคะ
อิ อิ ช่วงนี้ก็เจอซองแบบงานบวชหลายงานเหมือนกันอ่ะค่ะ
ที่มินทำงานมีผู้ชายประมาณ 300 กว่าคนอ่ะ
ไม่ตัวเองบวชก็ลูกบวชอ่ะค่ะ ฮ่า ๆ ๆ


โดย: มินทิวา วันที่: 14 พฤษภาคม 2552 เวลา:5:58:10 น.  

 
เป็นความรู้ใหม่นะค๊ะเนี่ย..ชักสงสัยว่าตัวเองเคยทำผิดธรรมเนียมกับเค๊ามั่งรึเปล่า

ขอบคุณนะค๊ะที่เป็นห่วง นัทดีขึ้นแล้วค่ะ


โดย: Why England วันที่: 14 พฤษภาคม 2552 เวลา:6:04:55 น.  

 
หวัดดีค่ะ

นอนเต็นท์ครั้งแรกๆก็งี้แหละค่ะ อุปสรรคมากมาย

แต่ต่อไปถ้านอนบ่อยๆจะชอบ

เพราะ...ประหยัดค่ะ อิอิ

...............................

ถ้าบ้านนี้มีเพลงแห่ๆมาประกอบซะหน่อย

ก็จะได้อารมณ์เถิดเทิงเข้ากะภาพและเรื่องไม่น้อยนะคะ
.....................

อุ่นรักป่าฝน อ่านจบรึยังคะ ?
จะถามตั้งนานแว้ว แต่เขินๆ...



โดย: นักล่าน้ำตก IP: 58.8.97.30 วันที่: 14 พฤษภาคม 2552 เวลา:13:55:20 น.  

 
หวัดดีค่าคุณ IM มาช้ามากอายจัง
ช่วงนี้งานยุ่งค่ะ เลิกงานก็ไปเรียนภาษากวางตุ้งต่อ แทบไม่ได้เข้าบล็อกใครเลย นอกจากน้อง ๆ ที่สนิทกันสองสามคน

ชอบเรื่องเล่าวันนี้มากเลยค่ะ คนสมัยก่อนเค้ามีอะไรน่ารัก ๆ ดี มีการทำบัญชีหนี้ไว้ซะด้วย

บางคน บางงาน เค้าก็เห็นงานสำคัญของตัวเองเป็นธุรกิจเหมือนกัน เคยได้ยินมากับหูจากคนที่เคยติดต่องานกัน เม้าท์ให้ฟังว่า คนนั้น คนนี้มาร่วมงาน ใส่ซองน้อยมาก ค่าหัว(อาหาร)ยังไม่ได้เลย

ฟังแล้วอึ้งค่ะ เพราะถ้าเป็นตัวเองเนี่ย เค้าเสียสละเวลา เสียค่ารถ ค่าน้ำมันมางานเรา ก็คงซาบซึ้งจะแย่แล้ว


โดย: Oops! a daisy วันที่: 14 พฤษภาคม 2552 เวลา:19:27:50 น.  

 
การ์ดเก่าได้ใจมากเลยค่ะ
เคยเห็นสมุดแบบนี้ที่บ้านย่าเหมือนกัน
แต่สำหรับครอบครัวของตัวเอง ไม่ค่อยมีงานอะไรค่ะ

เห็นด้วยว่า ค่าเงินสมัยนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว
คงไม่สามารถใส่ซองเงินช่วยด้วยอัตราเดิมได้อีก
ใครทำก็คงถูกค่อนขอดลับหลังพอดูทีเดียวค่ะ


โดย: HoneyLemonSoda วันที่: 14 พฤษภาคม 2552 เวลา:19:49:34 น.  

 
วันนี้ตกเย็น ทั้งฟ้าทั้งฝนอีกแล้วค่ะ คอยสงบถึงได้เปิดคอมฯ มาทักทายค่ำไปหน่อยค่ะ

คงดึกไปหน่อยค่อยมาใหม่นะคะ


โดย: ซองขาวเบอร์ 9 วันที่: 14 พฤษภาคม 2552 เวลา:21:59:48 น.  

 
มาดึกอีกล้ว อิอิ
ฝันดีนะคะ



โดย: Fullgold วันที่: 14 พฤษภาคม 2552 เวลา:23:29:03 น.  

 


ขอบคุณที่แวะไปให้กำลังใจ

เห็นขบวนแห่กลองยาว นึกถึงสมัยที่เรายังเด็ก เวลามีงานบวช งานแต่งงาน เสียงกลองเสียงฆ้อง ดังเข้าไปในอกใจก็เต้นตึกตักๆต้องวิ่งมาร่วมวงด้วย ความตื่นเต้น

การ์ดเชิญ ก็เก่า หายากจริงๆ บ้านคุณเก็บได้ดีนะ
ข้อคิดเงินขัน คนสมัยก่อนน่ารัก เก็บสมุดช่วยงานไว้จะได้ไม่ลืม

สมัยนี้คนในกรุงเทพฯมักละเลย เราเคยช่วยงานเขา พอถึงคราวเรามีงานส่งการ์ดเชิญ ยังเฉยไม่มาและไม่แก้ตัว
บางคนบอกว่าไม่ได้รับการ์ด บางคนไม่เจอกันเป็นสิบๆปี พอจะจัดงานแต่งงานลูก ก็มาหา พอเสร็จงานก็หายไปเลย ส่งการ์ดไปก็เงียบหาย

เราเจ้าภาพจัดเตรียมอาหารไว้เลี้ยงแขก เหลือเต็มโต๊ะ
เจอคนแบบนี้ ทำให้เราเซ็งแทบไม่อยากไปงานใครอีกเลย

ขอโทษทีมาบ่นอะไรในบ้านคุณก็ไม่รู้ อ่านเรื่องนี้แล้วโดนใจ


โดย: ยายเก๋า (ชมพร ) วันที่: 15 พฤษภาคม 2552 เวลา:0:39:40 น.  

 
ขอบคุณที่แวะไปให้กำลังใจ สุขภาพเข่าดีขึ้นมากค่ะ แต่ต้องบริหารเข่าวันละ 100 ครั้ง เลยกลายเป็นอาชีพใหม่ไปเลย 5 5 5

บัตรเชิญเก่ายุคโบราณไปหามาจากไหนคะ น่าสนใจมาก ช่างเก็บช่างสะสมจังเลย เด็กสมัยนี้ไม่เคยเห็น น่าสนใจนะคะ

เงินช่วยใส่ซองน่ะเป็นประเพณีซะแล้ว เชื่อหรือเปล่าคะ พี่ไม่เคยจดเลยว่าให้งานนั้นเท่าไร ให้งานนี้เท่าไร และงานของเราใครให้กี่มากน้อย พี่วัดมาตรฐานของตัวพี่และเจ้าของงานเป็นเกณฑ์ บางงานที่ช่วยไปก็ไม่ได้ใส่ชื่อผู้ให้ หน้าซองจะว่างเปล่า เพราะมีจิตใจช่วยด้วยความศรัทธาอย่างล้นพ้น ส่วนหน้าซองที่มีชื่อพี่ก็เพราะเจ้าภาพพิมพ์ชื่อติดไว้แล้ว การที่ดูว่าเขาเคยให้เราเท่าไร ครั้นงานเขาเราต้องให้มากกว่านั้น ความคิดเช่นนี้พี่ว่าทำเพื่อสังคม ไม่ได้มาจากใจ พี่คิดเช่นนี้นะคะ คุณInsignia_Museum มีความเห็นยังไง

บล็อกนี้มีอะไรที่น่าสนใจหลายอย่าง โดยเฉพาะเรื่องราวสมัยก่อนโน้น มีรูปภาพประกอบอีกต่างหาก ขอกระซิบแบบแอบถามหน่อยนะคะ ไปเอารูปภาพพวกนี้มาจากไหน ตื่นตาตื่นใจจริงๆ

ฝนตกทุกวันและทั้งวันซะด้วย ระวังเป็นหวัดนะคะ


โดย: nathanon วันที่: 15 พฤษภาคม 2552 เวลา:7:49:58 น.  

 
ขอเฉลยที่มาที่ไปของภาพที่นำมาลงครับ

ภาพถ่ายข้างบนเป็นภาพงานบวชของพี่ชาย ราว พ.ศ. 2508 ภาพนี้เป็นภาพเดียวที่สมบูรณ์ที่สุดครับ

ส่วนภาพการ์ดเชิญไปงานแต่งงาน เขาจะมีชื่อเจ้าบ่าวเจ้าสาวข้างบนการ์ด แต่ขอปิดไว้ครับ การ์ดเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของการชอบสะสมหนังสือ แล้วบังเอิญไปพบเข้าเลยซื้อมา เก็บไว้ร่วม 10 ปีแล้วครับ ที่จริงมีมากกว่านี้

ภาพเก่าๆส่วนใหญ่ที่นำมาลงในบล็อกที่ผ่านๆมา จะเป็นของที่ผมเก็บไว้นานแล้วหรือไปตามค้นหาจากบ้านพี่ๆที่เขาให้มา และบางส่วนได้มาจากการซื้อมาครับ

เดี๋ยวนี้ ไปเห็นอะไรที่จะเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆในบล็อก ก็จะลงทุนซื้อมาเลย อย่างภาพถ่ายเก่าเกี่ยวกับวัดต่างๆในบล็อกที่แล้วครับ


โดย: Insignia_Museum วันที่: 15 พฤษภาคม 2552 เวลา:9:19:35 น.  

 


โดย: Jolisa วันที่: 15 พฤษภาคม 2552 เวลา:11:12:03 น.  

 
ที่บ้านไม่ค่อยมีงานอะไรเลยค่ะ

แต่โดยส่วนตัวเองแล้ว จะใส่ซองสำหรับบรรดางานแต่งเสียเยอะเลย

ของชำร่วยมีเต็มตู้ อิอิ

คุณ IM มีของชำร่วยเก่าๆมาให้ดูบ้างมั๊ยคะ


โดย: หยุ่ยยุ้ย วันที่: 15 พฤษภาคม 2552 เวลา:11:30:59 น.  

 
วันนี้อัพบล็อกครับ

พอคิดจะหยุดพักเรื่องกลอนไว้ก่อน ก็เลยคิดว่าน่าจะเขียนเรื่องประสพการณ์ในป่าเขาที่เคยไปเจอมา ทิ้งไว้นานกลัวว่าจะลืมเหมือนกัน

ครั้นจะเขียนเป็นจริงเป็นจัง คนอื่นเขาก็เขียนกันเยอะแล้ว ก็เลยเขียนเรื่องฮา ๆ จี้ ๆ ดูบ้าง ไม่รู้ว่าจะมีคนชอบอ่านหรือเปล่า

ว่าง ๆ ก็ลองแวะไปอ่านนะครับ...


โดย: ลุงแว่น วันที่: 15 พฤษภาคม 2552 เวลา:11:52:25 น.  

 
กำลังนั่งกินข้าวกลางวันที่ออฟฟิศพอดีค่ะ เลยว่างมาเยี่ยม

ได้หยุดอยู่บ้านก็ดีไปอีกแบบนะคะ

ของป้าเดซี่เนี่ย หยุดทีไรต้องออกไปแร่ด-แท่ด-แท่ด พอถึงวันทำงาน ก็เอาแต่บ่นเบื่อ เมื่อไหร่จะได้หยุดอยู่บ้าน

อยากอ่านหนังสือที่ดีแต่ซื้อมากองเต็มบ้าน ทั้งไทย ทั้งอังกฤษ

อยากตัดชุดให้ตุ๊กตา

อยากจัดตู้เสื้อผ้า ฯลฯ อีกจิปาถะ

แต่พอได้หยุด เอาอีกแล้ว แปลนล่วงหน้าว่าชั้นจะไปไหนดี

อย่างวันที่ 28 เดือนนี้ ก็เป็นวันหยุดของที่นี่ค่ะ แปลนไว้แล้วว่า จะไปดูเค้าแข่งเรือมังกร

เป็นอย่างนี้ไปไม่รู้จบ

เข้ามาบ่นในบล็อกคนอื่นอีกแล้ว


โดย: Oops! a daisy วันที่: 15 พฤษภาคม 2552 เวลา:11:53:34 น.  

 


รอบนี้แวะมาขอบคุณ พร้อมดอกไม้แสนรักที่เพิ่งออกดอกครั้งแรก
ตอนซื้อกิ่งตอนมาเห็นบอกเป็นสีเหลือง แต่พอมีดอกดันกลายเป็นสีส้ม
แต่ก็ไม่เป็นไรสีนี้ก็ชอบ..เพราะไม่เคยมี ตอนนี้กำลังเห่อกุหลาบค่ะ..
ทั้งกุหลาบเลี้ยง กุหลาบตามถนนหนทาง ตามกระถางบ้านคนอื่น พร้อมใจกันออกดอกบานทั่วอิตาลีเลยค่ะ

ขอบคุณสำหรับคำอวยพรนะคะ

ปล.ขอเล่าประสบการณ์นิดหน่อยเกี่ยวกับเงินช่วยค่ะ...ไปงานเลี้ยงแต่งงานเพื่อนร่วมรุ่น เจ้าภาพเลี้ยงโต๊ะจีนค่ะ
บังเอิญว่าแขกเยอะกว่าโต๊ะ...เราในฐานะเพื่อนเลยสละโต๊ะให้แขกคนอื่นๆ ปรากฎว่ามีใครสักคนในกลุ่มพลั้งปากพูดว่า...คราวนี้กินไม่คุ้มกับใส่ซอง เฮ้อ!! แบบนี้มีเยอะ


โดย: กลีบดอกโมก วันที่: 15 พฤษภาคม 2552 เวลา:13:28:11 น.  

 
สวัสดีครับคุณพี่InsignisMuseum

เมื่อตอนเป็นเด็กไม่เคยเข้าใจเลยว่าพวกผุ้ใหญ่ต้องมาวุ่นวาย กับการซองเงินช่วยงาน จดๆ อะไรยิกๆ

พอจะออกไปงานเลี้ยงไปงานบุญก็จะต้องเปิดสมุดดูบันทึกอะไร...

พอโตขึ้นรู้ความจึงเข้าใจ ว่ามันมีเหตุผลเช่นไร

เวลาจัดงานต่างๆ เงินช่วยงานก็เหมือนเงินยืมเขามาใช้ก่อน... ถึงเวลาที่เหมาะที่ควรต้องคืนพร้อมดอก
อ่านที่คุณพี่IM.เขียน เรื่องงาน 40 บาทเมื่อ 40-50 ปีก่อน กับเงินช่วยงาน 60 บาทในทุกวันนี้ ซึ่งมากกว่า 20 บาท หรือเทียบแล้วคือ + ดอกเข้าไปถึง 50 เปอร์เซ็น.... แต่ค่าเงินมันต่างกันมากเลยนะครับ บอกได้คำเดียวว่าขี้เหนียวจริงๆ

ดูบัตรเชิญใบสุดท้าย เห็นแล้วรู้สึกแปลกใจที่มุมเขียนเป็นตัวอย่อภาษาอังกฤษไว้ด้วย
"R.S.V.P.-- Repondez s'il vous plait"
น่าสนใจมากเลยครับ


โดย: bite25 วันที่: 15 พฤษภาคม 2552 เวลา:13:58:37 น.  

 
ภาพเล่าอะไรได้มากจริง ๆ ค่ะ เป็นบรรยากาศที่แถวบ้านไม่มีให้เห็นแบบนี้ เคยเห็นแตรวงแห่งานบวชแถวประจวบฯ ตอนไปเขียนรูป สนุกดีค่ะ นี่ถ้าไม่ติดว่าเร่งทำงานให้เสร็จคงได้ไปร่วมขบวนแห่กับเค้าบ้างแล้วตอนนั้น
แต่เคยไปจัดงานศพย่า แถบชนบทภาคอีสาน ชาวบ้านเค้าก็มาช่วยกันทำอาหาร ประกอบพิธีทางศาสนากันดีนะคะ ลำพังเจ้าภาพไม่มีปัญญาทำทั้งหมดหรอก แต่ก็ต้องใช้จ่ายไปเยอะเหมือนกัน ก็ไม่ว่ากันถือเป็นการทำบุญ และทำทานด้วย ก็ใส่ถุงไปกินกันเกือบทั้งหมู่บ้าน(อันนี้เรารับได้) แต่ที่รับไม่ได้จริง ๆ คือมีวงการพนันมาเล่นที่บ้านงานศพนี่สิ ทั้งที่เป็นบ้านตำรวจแท้ ๆ แม่ก็ว่าเป็นประเพณีของเขา เราเฉย ๆ ไว แหม............อบายมุขแบบนี้ ไอ้คนมาเล่นก็ไม่เห็นจะรู้จัก มันเวียนมาตั้งบ่อนตามงานบุญ งานศพคนแถบนี้ มันน่าแช่งให้ล่มจมจริง ๆ ฮึ


โดย: อันต้า วันที่: 15 พฤษภาคม 2552 เวลา:15:10:47 น.  

 
ก๊อกๆ กลางวันอยู่ใช่มั้ยคะ

มาชวนไปดูบล็อกใหม่ค่ะ

สลัดคราบไคลคนบ้านป่า สู่ความศิวิไลซ์ไฮโซค่ะ





โดย: นักล่าน้ำตก IP: 58.8.220.213 วันที่: 15 พฤษภาคม 2552 เวลา:16:41:08 น.  

 
หนามแหลมคมมากๆเลยค่ะ
ดอกกุหลาบเมาะลำเลิง...

แต่ก็สวยสุดๆไปเลย
มีเด็กและสัตว์เลี้ยงคงอันตรายมากๆค่ะ

เพราะหนามเค้าเวลาโดนปวดมากๆ


โดย: Fullgold วันที่: 15 พฤษภาคม 2552 เวลา:22:04:18 น.  

 

เห็นคุณ IM เอาภาพเก่ามาลงก็ให้นึกถึงความหลัง มาชวนคุณไปดูภาพความหลังด้วยกันค่ะ



โดย: ซองขาวเบอร์ 9 วันที่: 15 พฤษภาคม 2552 เวลา:22:26:07 น.  

 
เข้ามาอ่านเรื่องราวในอดีตครับ

เหมือนแถวบ้านผมเลยครับ

จะจดชื่อลงสมุดไว้ทุกๆคนที่มาร่วมงาน


โดย: อนันต์ครับ วันที่: 16 พฤษภาคม 2552 เวลา:0:41:54 น.  

 
สวัสดีค่ะ...
เมื่อกี้แวะไปดูภาพเก่าในอดีตมาแล้วค่ะ....
งดงามทรงคุณค่าจริงๆนะคะ...

แล้วยังจะเรื่องขันเงินอีกค่ะ...ถูกใจจังค่ะ

ที่บ้านจ๊อก...ก็จดและทำบัญชีไว้เหมือนกันค่ะ...พี่สาวสอนไว้ค่ะว่ะให้จดไว้และพอถึงบ้านนั้นบ้านนี้มีงานก็ต้องไปตามใช้หนี้เค้าเหมือนกันค่ะ...นึกแล้วก็ขำๆดีนะคะใช้กันไปใช้กันมาอยู่นั่นเอง...เหมือนยืมเงินเค้ามาใช้ก่อนจริงๆ
ที่บ้านไม่เคยน้อยกว่าค่ะส่วนมากก็มีดอกเบี้ยให้เค้าเสมอแหล่ะค่ะถือว่าเป็นเคล็ด...


โดย: คนชุมแสง วันที่: 16 พฤษภาคม 2552 เวลา:1:41:30 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Insignia_Museum
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 66 คน [?]




ความตั้งใจในการทำบล็อกเปลี่ยนไปตามกาลเวลา เริ่มต้นด้วยการเขียนถึงถิ่นที่อยู่ในวัยเด็ก ต่อมาเป็นเรื่องเครื่องหมายต่างๆ เรื่องศิลปะ ภาพถ่ายในยุคก่อนๆ อาหารการกิน และอะไรต่อมิอะไรที่ประสบพบเห็น สนใจอะไรขึ้นมาก็อยากรู้ให้มากขึ้น กลุ่มเนื้อหาจึงแตกแขนงไปเรื่อยๆ
New Comments
Friends' blogs
[Add Insignia_Museum's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.