Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2555
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
11 กรกฏาคม 2555
 
All Blogs
 

ละครเพลง Miss saigon โดยคณะละครชุมชนที่ซิดนีย์

เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ผมไปซิดนีย์ พอมีเวลาหาดูการแสดงตามนิสัย

ที่น่าเจ็บใจคือคลาดกับ Love never dies ฉบับใหม่ที่ได้รับคำชมว่าดีกว่าฉบับที่เปิดในลอนดอนราวฟ้ากับเหว

Love never dies ฉบับออสเตรนเลียปิดตัวไปหมาดๆช่วงเวลานั้น ละครเพลงในตัวเมืองซิดนีย์ไม่มีแสดงแล้ว

แต่ยังมีละครเพลงของคณะละครชุมชนรอบๆขอบเมืองเปิดแสดงอยู่สามเรื่องในช่วงนั้น

คณะละครชุมชน (community theatre) เป็นกลุ่มคนรักละครที่อยากทำละคร

แต่ทุกคนมีอาชีพหลักงานประจำต้องทำ จะมีเวลาซ้อมกันหลังเลิกงาน หรือเสาร์-อาทิตย์เท่านั้น

ว่ากันว่าในเมืองนี้มีกลุ่มละครชุมชนเฉพาะที่่สร้างละครเพลงอย่างเดียวร่วม 30 กลุ่มได้

กลุ่มละครเหล่านี้จะเปิดการแสดงปีละ ไม่กีเรื่อง ครั้งละสองหรือสามอาทิตย์ตามศูยน์ชุมชนท้องถิ่นต่างๆ 

องค์ประกอบบนเวทีอาจจะไม่สมบรูณ์เท่าคณะละครมืออาชีพแต่ค่าบัตรถูก(มาก)กว่าถึงสี่เท่า 

(ในปีนี้ละครมืออาชีพค่าบัตรอยู่ที่ 120-180 เหรียญ ขณะที่ค่าบัตรละครชุมชนอยู่ที่ 25-45 เหรียญ) 

ย้อนกลับไป 10 ปีก่อนผมได้ชมละครเพลงของกลุ่มละครชุมชน 3-4 เรื่อง(จากกลุ่มต่างๆ) 

ละครเปิดแสดงบนเวทีเล็กๆ นอกเมือง ต้องนั่งรถไฟออกไปตามดูในหอประชุมชุมชนต่างๆ 

ละครเพลงของคณะเล็กๆเหล่านี้ฉากแสงสีอาจจะไม่อลังการเท่าละครเพลงโรงใหญ่ แต่การแสดงการร้อง คิวที่ดำเนินการแสดงลิ่นไหลคล่องแคล่ว เทียบเท่ามืออาชีพ

และหลายเรื่องทำให้เรารู้สึกกับการแสดงได้มากกว่าคณะอาชีพเสียอีก

หนึ่งในละครที่ผมได้ชมช่วงนั้นคือละครเพลง Les Miserables จากคณะละคร Chatswood Musical Society

(เขตChatswoodอยู่แถวๆทางเหนือของซิดนีย์ นั่งรถไฟจากตัวเมืองไปสิบห้านาที)เป็นกลุ่มละครชุมชนที่รวมคนรักละครเพลงจัดละครเพลงมาหลายสิบปี(ตั้งขึ้นช่วงปี 1950)  

 Les Miserables คราวนั้นจัดแสดงในห้องประชุมเอนกประสงค์กึ่งๆโรงยิมหรือโรงเล่นบาสเก็ตบอลอยู่ในศูยน์ชุมชนท้องถิ่นของ Chatswood

ไฟไม่กี่ดวงบนเวทีเล็กๆทำขึ้นง่ายๆ ฉากเป็นโครงไม้ตอกตะปูทาสีหยาบๆแต่เข้ากับความเสื่อมโทรมของปารีสตามท้องเรื่อง 

จากขอบเวทีกินมาทางฝั่งผู้ชมเกือบครึ่งโรงเป็นที่ตั้งวงดนตรีสด ออเคสตร้าเกือบเต็มวง

ที่นั่งเอาเก้าอี้มาเรียง นั่งดูได้ร้อยกว่าคน ค่าบัตรยี่สิบกว่าเหรียญ  

นักแสดงราวสามสิบคนแสดงกันเต็มที่

นักแสดงหลักvaljean /Javertเป็นครูสอนร้องเพลงoperatic อายุมากพอควร ไม่มีเค้าหล่อหรือรัศมีความเป็นดาราอย่างที่นักแสดงที่เวสเอนต์ หรือ บอร์ดเวย์มี แต่นักแสดงสองคนที่ไม่หล่อ ไม่สมาร์ทและแก่กลับดูเข้ากับบทที่สองคนได้รับอย่างไม่น่าเชื่อ

นักแสดงหลักอื่นๆเป็นนักแสดงที่เทรนแสดง ร้องเพลงมา

ต่างแสดงกันด้วยใจ ร้องกันถึงโน๊ตไม่ใช้ไมค์เพราะหอประชุมเล็ก นักแสดงร้องแข่งกับวงดนตรีสดเต็มวง

นักแสดง นักดนตรีต่างเล่นกันถวายหัว

ความเชื่อที่ทีมนักแสดงช่วยกันสร้าง ทำลายข้อด้อยของฉาก แสง เสื้อผ้าและสถานที่ไปหมดสิ้น นักแสดงช่วยกันทำให้จิตวิญญาณของ Les Miserable พุ่งตรงมาที่ใจคนดูให้รู้สึกอิ่มเอมไม่แพ้โปรดักชั่นมืออาชีพที่ผมได้ดูที่ ลอนดอน หรือ สิงคโปร์ รอบที่ผมดู เมื่อละครจบคนดูทั้งโรงยืนปรบมือให้กับความเต็มที่ของนักแสดง

จำได้ว่านักแสดงทุกคนมีงานประจำ คนนึงในนั้นเป็นเจ้าของร้านสี อีกคนเป็นพนักงานไปรษณีย์ นักแสดงช่วยกันทำฉาก จัดไฟเองด้วย (คุ้นๆเหมือนนักแสดงแถวนี้เนอะ)

สิบปีให้หลังผมไปซิดนีย์อีกครั้ง ผมได้ข่าวว่า Chatswood Musical Society จัดแสดงละครเพลง Miss Saigon จากคนแต่งเพลงคนเดียวกันกับ Les Miserables คือ Claude-Michel Schönberg และ Alain Boublil นับเป็นความบังเอิญที่น่าดีใจ ผมไม่ลังเลที่จะไปดูละครของคณะนี้เพราะประทับใจที่พวกเขาทำ Les Miserables ครั้งนั้น

ละครจัดที่ศูยน์ชุมชนเดิม แต่คราวนี้ศูยน์ชุมชนที่ว่าไม่มีโรงยิมเอนกประสงค์อีกต่อไป ทางเทศบาลใช้พื้นที่เดิมสร้างเป็นหอศิลปชุมชนขนาดใหญ่มีโรงละครมาตรฐาน หอแสดงดนตรี หอศิลป์ ห้องสมุด อยู่ในอาคารศิลปสุดทันสมัยชื่อ The Concourse  ผมไปเห็นคราวนี้ต้องตะลึงที่เทศบาลท้องถิ่นร่วมกับคนชุมชนระดมทุนช่วยกันสร้าง

คนที่นั่นเขาให้ความสำคัญกับศิลปการแสดง ทำหอศิลป์ของชุมชนได้อลังการ ไม่ง้องบส่วนกลาง

มีการแสดจากทั่วโลกและของท้องถิ่นมาจัดแสดงทุกสัปดาห์  เก็บค่าดูถูกๆ ไม่ค้ากำไร (มีงิ้ว มีระบำแขก ระบำสลาฟจะมาแสดงในเดือนถัดๆไป-คนในชุมชนมีหลากหลายเชื้อชาติเลยมีการแสดงทั้งของฝรั่ง แขก จีน ยุโรป มาเปิดสลับปนๆกันไป)










Miss Saigon ของ Chatswood Musical Society สร้างขึ้นในเงื่อนไข"กลุ่มละครชุมชนที่ไม่ใช่มืออาชีพ" ทีมงาน นักแสดง ทุกคนมีงานประจำ ต้องแบ่งเวลาหลังเลิกงานมาซ้อม มาทำฉากเฉพาะช่วงเย็นวันทำงานหรือวันหยุด เงื่อนไขคล้ายกับละครโรงเรียน แต่สิ่งที่ต่างคือ นักแสดงหลักทั้งหมดมีประสบการณ์ทางการแสดงการร้อง ตั้งแต่เป็นครูสอนร้องเพลง หรือไม่ก็เรียนจบจากโรงเรียนการแสดงแม้แต่เป็นนักแสดงมืออาชีพจริงๆที่อยากมาเล่นเอาเครดิต หรือเพื่อความอยากจะแสดงในบทที่ตัวอยากเล่นมานานโดยไม่มีค่าตัว (ในออสเตรเลียมีนักแสดงมืออาชีพเยอะแต่ละครเวทีอาชีพมีไม่มาก อย่างละครเพลงปีหนึ่งๆมีไม่กี่เรื่อง ศิลปินหลายคนต้องละอาชีพนี้ไปทำอาชีพอื่นๆ กลุ่มละครชุมชนเลยเหมือนเป็นที่ปล่อยของของศิลปินหลายคนที่ต้องมีงานประจำทำมาหากิน แล้วใช้เวลาหลังเลิกงานมาทำงานละคร)

ที่สำคัญโปรดักชั่นนี้รวมนักแสดงเอเซียในซิดนีย์มาร่วมแสดงกับนักแสดงฝรั่ง คุณภาพการร้องแสดงของทางเอเซียไม่แพ้ทางฝรั่งแต่น้อย

ในละครมีตัวละครหลัก 7 ตัว นักแสดงหลักเจ็ดคนแสดงได้ไม่มีตกหล่นตามที่ผู้แต่งเรื่องแต่งไว้

ในส่วนตัวเอกฝ่ายชาย คริส เราคงคุ้นเคยกับ คริส จีไอ อเมริกาหนุ่มหล่อเหลาในฉบับดั้งเดิมและฉบับอื่นๆ

แต่ตัวละครคริสในโปรดักชั่นนี้เป็นวัยกลางคน ไม่หล่อเหลา วัยเป็นพ่อของคิมได้ 

แต่ด้วยการแสดงและการร้องตีโน๊ตแตกของนักแสดงคนนี้(เป็นครูสอนร้องเพลง)

อย่างในเพลง Why, God, Why? เขาถ่ายทอดได้อารมณ์เพลงอย่างมหัศจรรย์

เขาพาเสียงร้องโน๊ตสูงๆไปอย่างสบายๆ ใส่อารมณ์พองาม เหลือแรงที่จะลากเสียงราวเป็นการร้องแบบโอเปร่าในท่อนท้าย

เป็น Why, God, Why? ที่งามและมีพลังในแบบของเขา

ในส่วนทางการแสดง เขาแสดงเป็นคริสในแบบของตัวเองแบบนายทหารจ่าอายุเยอะ ตอนเปิดตัวคริสที่เบื่อหน่ายกับสภาพชีวิตทหารในไซง่อนที่เนาะเฟะ การเห็นภาพทหารจีไอเมาเละปล้ำสาวๆในบาร์ เขาทำให้คนดูรู้สึกสะท้อนใจหน่ายความเน่าของเมืองไซง่อนแบบมีวุฒิภาวะ 

ยิ่งฉากที่กลับมาที่สถานฑูตคริสคนนี้ดูความรู้น้อย ไม่มีทางเลือกในชีวิตมาก เพราะอายุขนาดนี้เป็นแค่นายจ่า

ต่างจากตัวละครคริสที่เป็นจ่าหนุ่มใสๆ ความมีอายุของนักแสดงท่านนี้สร้างมิติตัวละครตัวนี้ได้ต่างจากฉบับเดิม

และเติมเลือดเนื้อให้ตัวละครเป็นลุงจ่าคริสเข้าไปอีก

ในฉากที่เข้าพระนาง คริสดูจะเป็นคนที่ปกป้องคิมให้ปลอดภัยและให้ความมั่นคงกับคิมได้อย่างดี

ดูเป็นความรักที่ไม่หวือหวาแบบหนุ่มสาว ในสงครามคราวนั้น จีไอ ไม่หล่อ ไม่หนุ่มก็มี (ผมจำภาพ Robin William ใน Good Morning Vietnam ได้ดี) จุดด้อยตรงนี้เลยโดนมองข้ามไป 




Thuy, John ทั้งร้องและแสดงไม่มีที่ติ นักแสดงบทจอนห์ตอนต้นมีแอบฮา ที่เขาแดกเพื่อนว่า ไซง่อนจะแตกยังเจือกมามีอารมณ์หลงรักสาวอีก จุดนั้นเล่นได้ฮาจริง ในส่วนการร้องเขาร้องออกไปในโทนโอเปรา ฉากที่ต้องร้องไปกับ คริส หรือในเพลง Bui Doi เขาทำได้ยอดเยี่ยมไม่แพ้ คนที่รับบทคริส

ส่วน Thuy เป็นนักแสดงชาวฟิลลิปปินส์ ร้องและเล่นได้เต็มพลัง ตามมาตราฐานนักร้องนักแสดงฟิลลิปปินส์

 Allen นักแสดงคนนี้เธอเป็นนักแสดงละครเพลงมืออาชีพที่อยากเล่นเรื่องนี้ เธอถ่ายทอดตัวละครเมียหลวงที่มาทีหลังได้สุดยอดอีกคน  

เธอดูสวย แต่ถึงฉากที่ต้องเล่นคู่กับ คริส เธอข่มความดูดีให้เป็นเหมือน เมียจ่าที่ไม่มีการศึกษา ตอนที่ผัวเมียตัดสินใจทิ้งคิมไว้ที่กรุงเทพ

ทั้งคู่ดูเหมือนพวกอเมริกาชั้นล่างที่มาจากแถวๆดักลาส ที่ที่พวกเหยียดผิวอยู่กัน การแสดงของสองคนนี้ทำให้ผมรู้สึกอย่างงั้นจริงๆ

อีกคนที่เด่นมากคือ Engineer คนนี้เล่นได้สุดๆฉายภาพตัวละครที่ทั้งเลวทั้งดีทั้งเห็นแก่ตัว หลายอารมณ์แต่ชัดเจนมีพลัง ทั้งตลกและร้ายปนกันอย่างพอเหมาะ แสดงได้น่าถีบ ทำให้เรารู้สึกเจ็บแสบและทั้งฮาทั้งน้ำตานองในเวลาเดียวกัน




ข้อด้อยที่สุดดูจะเป็นฉากหมู่มวลพรรคคอมมิวนิสต์อาจจะเต้นอาจจะยังไม่เป๊ะเท่ามืออาชีพ

เพราะระบำคอมมิวนิสต์เป็นบัลเลต์ผสมรำมวยจีนที่เคยเห็นในช่วง red guard ใช่ว่าจะเต้นกันได้ง่ายๆ ทักษะนักแสดงยังต้องบ่มอีกมาก ที่เห็นพอผ่านไปได้ไม่น่าเกลียด

ในองก์ 2 ฉาก The American Dream หมู่มวลเต้นแจ๊สมาตราฐานได้สวยงามคล่องแคล่วเป็นการแก้มือ หากมองในระดับสมัครเล่น นับว่าคอรัสทำได้สุดขีดแล้ว



ลำดับเรื่องMiss Saigonง่ายๆไม่ซับซ้อน 

จีไออเมริกันกับเด็กสาวเวียตนามรักกันช่วงปลายๆสงคราม เมื่ออเมริกาแพ้ฝ่ายคอมมิวน้สต์และถอนตัวออกจากไซ่ง่อนอย่างอลหม่าน  คู่รักพลัดพรากฝ่ายชายกลับไปอเมริกา ทิ้งฝ่ายหญิงอยู่ที่ไซง่อน ไม่นานเธอตั้งท้องมีลูกให้เขา เธอพาลูกหนีพรรคคอมมิวนิสต์จากเวียตนามมาที่กรุงเทพ  คู่รักพบกันอีกครั้งโดยที่ฝ่ายชายแต่งงงานใหม่ ในขณะฝ่ายหญิงคิดว่าเขายังรักเธอและมารับเธอและลูกกลับไปอเมริกา

แม้ Miss Saigonสร้างจากโครงเรื่องโอเปร่า มาดามบัตเตอร์ฟลาย

แต่ละครเพลงเรื่องนี้สามารถสร้างเรื่องใหม่มีความเป็นตัวของตัวเอง โดยใช้โอเปราดังกล่าวมาอิงเท่านั้น 

หลายๆคนบอกว่า เรื่องนี้มันน้ำเน่า เรื่องง่ายไม่ซับซ้อน ผมเห็นด้วยกับโครงเรื่องที่เบาโหวง

โดยเฉพาะองก์สองที่สั้นกุดๆ ไม่ถึงชั่วโมง มีการเบรคไคลแม็กซ์ไปกว่าครึ่งชั่วโมง

(โดยเสริมประเด็นเรื่องเด็กที่เป็นเหยื่อในสงคราม ความบ้าบอของอเมริกันดรีม)

แต่คนแต่งเพลงสามารถแต่งเพลงเพราะๆมากลบข้อด้อยของโครงเรื่องและบท

เพลงในเรื่อง 9 ใน 10 ส่วนเป็นเพลงที่เพราะติดหู ฟังแล้วโดน 

สกอร์เพลงและคำร้องทีถ่ายทอดออกมากินใจทั้งเรื่องไม่ว่าจะเป็นเพลงคู่ที่สุดจะหวานชวนฝัน เพลงเศร้าสร้อยที่ขยี้ใจ เพลงประชดประชันเสียดสีแทงใจแกมขบขัน เพลงที่เล่าถึงความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งสำคัญของเวียตนามและความยิ่งใหญ่ของโฮจิมินท์ เพลงที่แสดงถึงความหวังความเสียสละของผู้เป็นแม่ การเอาตัวรอด ความแค้น แผลสงคราม ฝันร้ายที่ตามมาหลอกหลอน เพลงและดนตรีที่เล่าถึงสิ่งเหล่านี้อย่างสละสวยฟังง่าย

แต่งขึ้นอย่างปราณีต และมีความอลังการทางดนตรี

การบรรเลงสดๆจากวงใหญ่ด้วยสกอร์เพลงงามๆ นักแสดงร้องกันเสียงถึงใส่อารมณ์ตัวละคร

สามารถกลบช่องโหว่งของพล็อต ดนตรีตรึงคนดูให้ติดตามชะตากรรมของตัวละครตลอดการแสดงสองชั่วโมง



แสงออกแบบมีมิติดีมาก  การเข้าออกฉากลื่นไหลเป็นส่วนหนึ่งของการแสดง

ช่วงที่ คิม และคริสเดินออกจากบาร์มาที่ห้องคิมเพื่อร่วมรัก ฉากห้องพักของคิมเคลื่อนเข้ามา

ตัวละครสองคนเดินจูงมือขึ้นบันไดไปที่ห้อง เพลงธีม Last night of the world บรรเลงด้วยแซ็กโซโฟนคลอ นักแสดงเดินขึ้นบันไดบนฉากที่เคลื่อนไปช้าๆ ดูเหมือนเหินขึ้นไปราวภาพฝัน

ฉากใหญ่หลายฉากทำออกมาเกินความคาดหมาย

ที่เห็นในรูปคือฉากฝันร้ายของคิมและการพลัดพรากของคู่รักที่จัดวางออกมาน่าทึ่งมาก

มีการสลับข้างในรั้วนอกรั้วภายในพริบตา 


 



เมื่อละครเลิก เดินออกมาจากโรงละคร ผมยังงงๆ กับราคาบัตร 30 เหรียญ ที่นั่งชั้นล่างแถว E  ไม่น่าเชื่อว่าคณะละครสมัครเล่นคณะนี้ จะสร้างละครเพลงระดับทุนสูงโดยใช้ทักษะ ประสบการณ์และศักยภาพที่คณะตัวเองมีออกมาเป็นผลงานเกือบเทียบเท่ากับละครมืออาชีพที่เก็บค่าบัตรเป็นร้อยเหรียญได้เป็นปรากฎการณ์ที่น่าจดจำทีเดียว


หมายเหตุ รูปประกอบการแสดงนำมาจาก เพจของคณะละคร Chatswood Musical Society CMS

ถ่ายภาพโดย  Troy Jodzio 

 

 

 

 

 




 

Create Date : 11 กรกฎาคม 2555
1 comments
Last Update : 23 พฤศจิกายน 2555 18:44:47 น.
Counter : 3346 Pageviews.

 

สวัสดีนะจ้ะ เราแวะมาเยี่ยมนะจ้ะ ^____^ สักคิ้ว 6 มิติ ลบรอยสักคิ้วด้วยเลเซอร์ ลบรอยสักคิ้ว Eyebrow Tattoo Removal เพ้นท์คิ้วลายเส้น เพ้นท์คิ้ว 3 มิติ
ให้ใจหายใจ สุขภาพ วิธีลดความอ้วน การดูแลสุขภาพ อาหารเพื่อสุขภาพ ออกกำลังกาย สุขภาพผู้หญิง สุขภาพผู้ชาย สุขภาพจิต โรคและการป้องกัน สมุนไพรไทย ขิง น้ำมันมะพร้าว ผู้หญิง ศัลยกรรม ความสวยความงาม แม่ตั้งครรภ์ สุขภาพแม่ตั้งครรภ์ พัฒนาการตั้งครรภ์ 40 สัปดาห์ อาหารสำหรับแม่ตั้งครรภ์ โรคขณะตั้งครรภ์ การคลอด หลังคลอด การออกกำลังกาย ทารกแรกเกิด สุขภาพทารกแรกเกิด ผิวทารกแรกเกิด การพัฒนาการของเด็กแรกเกิด การดูแลทารกแรกเกิด โรคและวัคซีนสำหรับเด็กแรกเกิด เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ อาหารสำหรับทารก เด็กโต สุขภาพเด็ก ผิวเด็ก การพัฒนาการเด็ก การดูแลเด็ก โรคและวัคซีนเด็ก อาหารสำหรับเด็ก การเล่นและการเรียนรู้ ครอบครัว ชีวิตครอบครัว ปัญหาภายในครอบครัว ความเชื่อ คนโบราณ

 

โดย: สมาชิกหมายเลข 3757448 21 มีนาคม 2560 14:45:38 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


kinglear
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add kinglear's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.