Drama: Our Town


Category: Books
Genre: Literature & Fiction
Author: Thornton Wilder

อะไร คือ ความหมายของ คำว่า ความสุข กัน? เราสามารถหาความสุขจากเรื่องเล็กๆน้อยๆในชีวิตได้อย่างไร? ความสุขมันอยู่ตรงไหน รู้สึกได้มั้ย ไขว่คว้าเอามาได้หรือเปล่า? ความสุขจากที่มาที่แตกต่างกันเอามาวัดค่าเทียบกันได้มั้ย? ขนาดไหนกันที่จะเรียกได้ว่าความสุข? แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าชีวิตเรานั้นกำลังมีความสุขอยู่จริงๆหรือเปล่า?

เคยถามตัวเองบ้างมั้ยว่า Do you ever realize life while you live it???

ก็...เป็นเรื่องที่เหมือนจะเรียบง่าย แต่ไม่เรียบง่ายเลยทีเดียวสำหรับบทละครเรื่องนี้

เปิด ฉากด้วยชีวิตประจำวันอันแสนมีความสุข แดดอบอุ่น เตียงนอนอันคุ้นเคย กลิ่นกับข้าวฝีมือแม่ ชีวิตสไตล์บ้านๆในสังคมชนบทประมาณนั้น เนื้อเรื่องก็ดำเนินวนไปมาตั้งแต่ตัวเอกของเรื่อง คือ Emily กับ Georgeเด็กข้างบ้าน เรียนโรงเรียนด้วยกัน ต่อมาก็รักกัน จอร์จเลือกที่จะไม่ไปเรียนต่อในตัวเมืองเพราะเค้ารักเอมีลี่และชีวิตที่นี่ แบบว่าบ้านเมืองใคร ใครก็รักน่ะ

ต่อมาทั้งสองก็แต่งงานกัน มีลูก จนวันหนึ่ง เอมิลี่ได้ตายลง (ฉากนี้เศร้ามากกก โดยเฉพาะตอนที่เอมิลี่มองดูงานศพตัวเอง) จอร์จร้องไห้แทบตาย แทนที่เธอจะเศร้า เธอกลับมีความสุขที่จอร์จนั้นยังรักเธอ (ใช่ป่าวหว่า ลืมๆ) แต่แล้วเธอก็ได้มีโอกาสกลับมาในโลกได้ 1 วัน โดยเธอเลือกที่จะกลับไปยังวันที่เธอมี--ความสุขมากที่สุด--ในตอนแรก แต่เพื่อนๆที่ตายไปแล้วเหมือนเธอได้บอกให้เธอเลือกกลับไปในวันธรรมดาแทนดี กว่า เพราะมันจะเจ็บปวดน้อยกว่าประมาณนั้น แต่ไม่ได้บอกว่าทำไม

เอมี ลี่ก็เลยขอย้อนกลับไปในวันเกิดตอนเด็กๆของเธอเอง และตอนนั้นเองเธอก็ได้เรียนรู้ว่า แค่ความสุขเล็กๆน้อยๆ ในการแค่ได้ยินเสียงแม่ทำกับข้าว แสงแดดที่ปลุกทุกเช้า หรือเรื่องๆเล็กที่ดูไม่สำคัญนั้น ได้ถูกมองข้ามไป นาทีแล้วนาทีเล่า จนเธอไม่สามารถที่จะทนมันได้และรีบร้องขอกลับไปยังหลุมศพของเธออย่างด่วนๆ เหอๆๆ ~ของขวัญอะไรหนูไม่ต้องการ แค่มองดูหนูซิ มองดูหนูหน่อยนะแม่นะ ความสุขมันอยู่ตรงนี้ไง ได้โปรด รุ้สึกถึงมันบ้าง และอย่าได้มองข้ามมันต่อไปอีกเลย~

ชอบตอนจบที่เอมิลี่ทิ้งท้ายไว้อ่ะ

Emily: “We don’t have time to look at one another. (She breaks down sobbing.) I didn’t realize. All that was going on and we never noticed…. Do any human beings ever realize life while they live it – every, every minute?”

The Stage Manager: “No. (pauses) The saints and poets, maybe, they do some.” (Wilder, Our Town, 100)

อู้ยยย เจ๋งเป้งงงง!!!

แล้ว คุณล่ะ กำลังเป็นเหมือน Simon Stimson ที่เลือกจบชีวิตตนเองโดย ...spend and waste time as though you had a million years... อ้ะป่าว?

เรื่อง นี้เจ๋งมากตรงมี The Stage Manager มาสร้างมิตินี่แหล่ะ แค่มีโต๊ะ2-3ตัวก็สามารถสร้างละครเวทีได้เลย เด็ดมาก แต่เราประทับใจฉากระหว่างคนตายกับคนเป็นที่ไม่สามารถสื่อสารกันได้เนี่ย เจ็บปวดสุดๆ เขียนได้ไงอ่ะ อย่างเริ่ด คนเป็นไม่เห็นคนตาย แต่คนตายมองเห็นทุกอย่าง แต่มิสามารถ อูยยยย โดนนนน

เวลาของความสุข มันมีมากกว่าเวลาของความเศร้า แต่นั่นก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะรู้ตัวและมองเห็นมันบ้างหรือเปล่าด้วยอ่ะนะ

จง ใช้ชีวิตอย่างรู้คุณค่าในทุกๆวันที่ยังมีชีวิตอยู่ และมองว่าทุกๆวันคือความสุข เพราะครั้งสุดท้ายที่คุณมีความสุข อาจเป็นตอนที่คุณไม่มีโอกาสได้รู้ก็เป็นได้ ว่ามั้ย?

ปล. เรื่องนี้มีฉบับภาษาไทยด้วยนะ ไม่เคยอ่านอ่ะ รู้สึกจะชื่อ บ้านเมือง(ก็)ของเรา ลองหามายลก็ดีนะ ไม่กี่หน้าหรอกมั้ง

โลก หลังความตายมันเป็นยังไงน้อ ถ้ามันมีอยู่จริง มันจะสวยงามมั้ยหว่า แต่เรื่องนี้เราอ่านแล้ว รู้สึกว่าโลกนั้นมันจะมืดๆหนาวๆยังไงอยู่น๊า ไม่ได้อยู่คนเดียวก็โอเคดีอ่ะนะ ดูสนุกแบบเรียบง่ายกันดี แต่ศาสนาเรา(?)เชื่อว่าเมื่อตายทุกอย่างก็สลาย เพราะงั้นโลกหลังความตายอะไรนี่ ไม่ต้องจินตนาการให้สนุกเล่นหรอก เราก็เลยแอบชื่นชมคนแต่งตรงนี้ล่ะ เหอๆๆ


Create Date : 16 กุมภาพันธ์ 2553
Last Update : 16 กุมภาพันธ์ 2553 8:28:04 น.



Create Date : 28 ตุลาคม 2555
Last Update : 28 ตุลาคม 2555 9:30:19 น.
Counter : 865 Pageviews.

0 comments

คอมี๋ย่างแซ๊บแซ่บ
Location :
London  United Kingdom

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]



คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

~LoveLyNuiZzZ~

;;;,,,มี๋ย์แบ้ เกรียน กวนติ่งงง,,,;;;

@#^เฟี้ยว ฟิ๊ว โฟ๊ะ โจ๊ะ โอ๊วว์^#@

วิ้ง~วิ้ง~วิ้ง

เครดิตๆๆ เน้อรร์

~บรู๋วว์~

~AlWays cRawLing unDEr yOuR fEeT~


สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2539
ตุลาคม 2555

 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
29
30
31