ซ่อมหัวใจ
บททดสอบของชีวิตมีมาอยู่เรื่อย ๆ วันนี้บทที่ยากมากบทหนึ่งเพิ่งได้รับการแก้ไขหลังจากหลอนความรู้สึกมาเป็นเวลา 10 ปี ลูกชายดิฉัน ใครเห็นก็ต้องบอกว่าตัวใหญ่จริง สูงเกือบ 190 เซนติเมตรแล้ว ไม่อ้วน ไม่หนา เล่นกีฬาสารพัด เป็นนักกีฬาแข่งบ้าง เล่นสนุก ๆ บ้าง และชอบทำกิจกรรม ดูแล้วก็ค่อนข้างเติบโตตามวัย
เมื่อลูกชายอายุ 9 ขวบได้เจอแจ๊คพอทครั้งใหญ่ จู่ ๆ ก็ปวดข้อเท้า ถึงขนาดเดินไม่ได้ค่ะ จนต้องแอดมิท ที่โรงพยาบาล หมอบอกว่าติดเชื้อที่ข้อเท้า นอนให้ยาฆ่าเชื้อ 10 วัน แล้วกลับบ้าน เพียง 1 วันเท่านั้น อาการกำเริบ จำไม่ได้ว่ามีไข้หรือไม่ แต่ก็ต้องส่งเข้าแอดมิทอีกครั้ง คุณหมอมารุมตรวจและพบว่า เสียงเต้นของหัวใจผิดปกติ จึงได้ทำการเอคโค่ (Echo) แล้วก็พบว่าลิ้นหัวใจรั่ว อึ้งไปเลยเหมือนกัน ถ่ายที่นิวซีแลนด์ สนุกเต็มที่ กลับมาไม่กี่เดือน ก็ป่วยหาสาเหตุไม่ได้
สันนิษฐานว่าเกิดจากการติดเชื้อที่ข้อเท้า และเชื้อโรคนั้นไปกินลิ้นหัวใจ เมื่อทำการเพาะเชื้อ ก็พบเชื้อโรคชื่อ "สแตป" ค่ะ ลูกไปติดเชื้ออย่างไร ตอบไม่ได้ เพราะไม่มีแผลตามร่างกาย และไม่ได้ทำฟันด้วยในช่วงนั้น แต่ก็เป็นไปแล้วคือโรคลิ้นหัวใจรั่ว การรักษาขณะนั้นก็ต้องให้ยาฆ่าเชื้อต่อไปอีก จึงได้ทำการย้ายมารักษาที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ คุณแม่ขาโหด จัดให้เรียนเทนนิส ตากแดดตั้งแต่ 09.00 ถึงเที่ยง ทดสอบร่างกายลูก จะทนไหวไหม
ลูกต้องนอนโรงพยาบาลให้ยาฆ่าเชื้อต่อไปอีกทุก 6 ชั่วโมง เป็นเวลาเกือบ 2 เดือน น่าสงสารมากค่ะ เพราะว่าต้องให้ยาทางเส้นเลือด และเมื่อให้แล้วหากโชคดีก็ให้ซ้ำได้อีกที่เส้นเดิม แต่ที่เป็นอยู่คือเส้นเลือดก็จะแตกให้ยาซ้ำไม่ได้ ต้องเจาะเส้นกันแทบทุกวัน โดนเจาะจนพรุน เน้นออกกำลังกาย ทดสอบความแกร่ง
เมื่อกลับบ้านได้ ก็ต้องไปพบแพทย์ตามนัด เพื่อรักษาโรคลิ้นหัวใจรั่ว โชคยังดีที่ลูกสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติทุกอย่าง แต่สำหรับดิฉันเองแล้ว ความคิดวนเวียนอยู่ตลอดเวลาเรื่องการเจ็บป่วยของลูก คิอเสมอว่าจะทำอย่างไรดี ช่วงนั้นก็เลยให้ออกกำลังกายมาก ๆ อยากให้ร่างกายแข็งแรง และอยากดูสภาพร่างกายของลูกด้วยว่าจะรับได้เพียงใด เมื่อลูกเรียนจบชั้นประถมปีที่ 4 จึงให้ไปสอบเข้าโรงเรีบย ภปร. ราชวิทยาลัย สามพราน เนื่องจากดิฉันมีความคิดว่า ลูกควรได้รับอากาศบริสุทธิ์ อยู่ต่างจังหวัดน่าจะดีกว่า และเป็นโรงเรียนประจำด้วย ลูกจะต้องได้ออกกำลังกาย เล่นกีฬาหนัก ๆ หลายประเภท
เข้าเรียนชั้น ป. 5 ที่โรงเรียน ภปร.ราชวิทยาลัย สามพราน
ต้องพาลูกมาตรวจหัวใจตามนัดทุก 6 เดือนค่ะ จนเป็นหนุ่ม เปลี่ยนจากคุณหมอรักษาหัวใจเด็ก มาเป็นคุณหมอรักษาหัวใจผู้ใหญ่ ทำการเอคโค่สามมิติ ครั้งหลังสุดคุณหมอบอกว่า รูรั่วของหัวใจใหญ่ขึ้นตามขนาดของร่างกายที่เปลี่ยนไป หากรูรั่วใหญ่ขึ้น หัวใจจะทำงานหนักขึ้น ก็จะทำให้หัวใจโตได้เป็นของแถมอีกโรคหนึ่ง การที่ลิ้นหัวใจรั่ว แม้ว่าจะไม่ออกอาการให้เห็น แต่ก็ต้องรักษาด้วยการซ่อมปิดรูรั่ว หรือหากเป็นมากซ่อมไม่ได้ ก็ต้องเปลี่ยนลิ้นหัวใจไปเลย จะช้าหรือเร็ว ก็ต้องรักษาเหมือนกัน และถ้าปล่อยไว้ให้นานกว่านี้ รูรั่วก็จะใหญ่ขึ้นไปอีก ดิฉันจึงตัดสินใจ ขอให้คุณหมอช่วยทำการผ่าตัดซ่อมลิ้นหัวใจเพื่อปิดรูรั่ว
อาหารมื้อเที่ยงก่อนวันผ่าตัด น่าทานมาก
กำหนดวันผ่าตัดขอเป็นช่วงปิดเทอม 1 เลย เพราะคิดว่าลูกเพิ่งเข้ามหาวิทยาลัยปีที่ 1 ก็ยังไม่ได้เรียนอะไรมากนัก และหากเรียนในปีที่สูงขึ้นไป ซึ่งยากขึ้น ถ้าหยุดเรียนนาน ๆ อาจเรียนตามเพื่อน ๆ ไม่ทัน หรือหากโชคดีได้ไปเรียนต่างประเทศ จะพบปัญหาเรื่องการตรวจร่างกาย ช่วงนี้จึงเป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุด
ดูชัด ๆ อาหารโรงพยาบาล น่าทานมากคะ
เจ้าหน้าที่โทรศัพท์แจ้งวันผ่าตัดคือ 19 ตุลาคม 2555 และขอให้ไปนอนโรงพยาบาลตั้งแต่วันที่ 18 สองความรู้สึกปะปนกัน คือดีใจที่ลูกจะได้ผ่าตัด และรู้สึกกลัวเรื่องการผ่าตัด หัวใจนะคะ ไม่ใช่แขนขา บอกตรง ๆ ว่ากลัวค่ะ คิดฟุ้งซ่านไปสารพัด จนนอนไม่หลับ แต่ในส่วนของลูก บอกว่า ไม่รู้สึกอะไร ผ่าก็ผ่า ก็เท่านั้น นี่แหละค่ะสไตล์ลูกชาย น้องเจนนำดอกไม้มาเยี่ยม
วันที่ 18 ตุลาคม 2555 มาโรงพยาบาลแต่เช้า เพื่อดำเนินการเรื่องการนอนโรงพยาบาล ได้รับการเจาะเลือด ซักประวัติการเจ็บป่วย X-Ray และอื่น ๆ เป็นการเตรียมตัวก่อนเข้ารับการผ่าตัด
วันที่ 19 ตุลาคม 2555 แวะไปหาลูกที่หน้าห้องผ่าตัด ให้กำลังใจกัน ขอให้การผ่าตัดไม่มีอุปสรรคใด ๆ พยาบาลเข็นลูกเข้าห้องผ่าตัด 08.30 น. เลข 1 คือรูรั่วขนาด 1 เซนติเมตร เลข 2 คือ รูรั่วขนาดครี่งเซนติเมตร ภาพนี้ แต่งสีให้มืดนะคะ
ฝีมือซ่อมของคุณหมอเสรี สิงหถนัดกิจ คือทำ 2 รูรั่วให้เป็นรูใหญ่รูเดียว แล้วใช้เยื่อหุ้มลิ้นหัวใจมาปะ เพื่อปิดรูรั่วค่ะ การผ่าตัดเสร็จสิ้นประมาณ บ่าย 2 โมง และลูกต้องไปอยู่ที่ห้อง ICU ก่อนเพื่อดูอาการ เข้าเยี่ยมได้เมื่อฟื้นแล้วประมาณ บ่าย 4 โมงเย็น ยังไม่ฟื้นใน ICU เยี่ยมลูกในห้อง ICU เห็นแล้วก็สงสาร เพราะในร่างกายมีอุปกรณ์ต่าง ๆ ติดไว้มากมาย ลูกสาวเห็นน้องชายก็แอบไปยืนร้องไห้ แต่สิ่งที่ดีใจคือ ลูกลืมตาได้เห็นหน้ากันแล้ว ก็พยายามบอก ขอกินน้ำเอาน้ำแอปเปิล ขวดใหญ่ ๆ ถึงตอนนี้ขำค่ะ เพราะในปากยังมีท่อค้างอยู่ แต่ก็พยายามพูด เสียงก็ค่อย ฟังไม่ค่อยชัด ต้องพูดหลายครั้งกว่าจะสื่อสารกันได้ บอกไปว่ายังกินไม่ได้ ก็เปลี่ยนมาขอน้ำ ย้ำว่า เอาขวดใหญ่ ๆ ก็ต้องบอกว่าคุณหมอยังไม่อนุญาตให้กินอะไรตอนนี้ เดี๋ยวถึงเวลา พี่พยาบาลจะให้กินเอง แม่จะซื้อฝากพี่พยาบาลไว้ ..เป็นอันเข้าใจกัน ไม่ร้องขออีกค่ะ กระดาษทิชชูใช้เปลืองมาก เนื่องจากจะมีเสมหะอยู่ตลอดเวลา ต้องบ้วนออกมา ซึ่งพยาบาลจะช่วยดูแลจัดการให้ ผู้ป่วยยังช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ และพยาบาลก็ต้องนั่งเฝ้าตลอดเวลาค่ะ
ขอขอบพระคุณน้อง ๆ พยาบาลห้อง ICU มา ณ โอกาสนี้ด้วยนะคะที่ให้การดูแลน้องยุต เป็นอย่างดี
อาการฟื้นตัวแล้ว
กระเป๋าสะพายที่เห็นไม่ได้ไว้ใส่มือถือนะคะ แต่ใส่เครื่องจับการเต้นของหัวใจไว้ค่ะ พยาบาลดูได้ที่หน้าจอ เช้าหนึ่ง พยาบาลเช็ดตัวแล้วลืมเสียบสายเข้าเครื่อง ปรากฏว่าสัญญาณโชว์เป็นเส้นตรง ต้องรีบวิ่งมาดู ดิฉันเรียกว่า GPS
ที่ห้องพักฟื้น ต้องพยายามไม่นอนซมที่เตียง ต้องลุกนั่ง เดินไป มา ช่วยให้การฟื้นตัวเร็วขึ้น รวมถึงระบบขับถ่าย จะเริ่มกลับมา ช่วงแรก ๆ ต้องให้ยาระบายด้วยค่ะ
เพื่อน ๆ ที่โรงเรียนสาธิต มศว. วันที่ 20 ตุลาคม 2555 รีบเข้าไปเยี่ยมลูก ดีใจค่ะ อุปกรณ์ต่าง ๆ ถอดออกไปเกือบทั้งหมด เหลือสายน้ำเกลือ และบริเวณคอที่ค้างอุปกรณ์ไว้เพื่อให้ยา ลูกสดใสขึ้น ไม่ซีดเหมือนเมื่อวาน พูดคุยได้มากขึ้น แข็งแรงขึ้น พร้อมออกจากห้อง ICU ลงมาพักฟื้นที่ห้องผู้ป่วยได้ ใจจริงอยากให้พักอยู่อีกสักวัน แต่ลูกเป็นห่วง กลัวเพื่อน ๆ มาเยี่ยมไม่สะดวก น้องเจน และ น้องจูน 21 ตุลาคม 2555 อาการดีขึ้นเป็นลำดับ พยาบาล ดูแลเอาใจใส่อย่างดี อาหารก็ทานาหารอ่อน ๆ เช่นข้าวต้ม ก๋วยเตี๋ยว ทุกมื้อจะมีของหวานมาให้ 1 ถ้วย หากสมัยก่อน เคยรู้สึกว่าอาหารโรงพยาบาลกินไม่ได้เอาเสียเลย ถึงวันนี้ ต้องบอกว่า อาหารดีและอร่อย ปริมาณมากเกินพอเลยค่ะ อาหารหลังผ่าตัด ชุดนี้เป็นซุปมักกะโรนีชามใหญ่ เต้าส่วน แกงจืดกะหล่ำปลี
22 ตุลาคม 2555 วันนี้ไปซื้อก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลามาให้เป็นมื้อเที่ยง ลูกกินได้อย่างเอร็ดอร่อย เห็นแล้วก็ดีใจ อาการดีขึ้นเป็นลำดับ เพื่อนที่โรงเรียนสาธิต มศว. 23 ตุลาคม 2555 วันนี้ดิฉันต้องไปแวะร้านแซ่บวัน ตรงข้ามโรบินสันรัชดา เพื่อซื้อไก่ย่างและคอหมูย่างไม่ติดมัน ไปให้ลูกชาย ช่วงนี้ต้องทานโปรตีนให้มาก ๆ เพื่อช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้ฟื้นฟูโดยเร็ว ข้าวต้มคนป่วย แต่คนป่วยไม่ยอมกินแล้ว 24 ตุลาคม 2555 วันนี้กินก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลาอีก 2 ถุง พรุ่งนี้ไม่เอาแล้ว เริ่มเบื่อ มื้อดึกเพื่อนรักอุตส่าห์ไปซื้อโจ๊กหมูมาให้กินก่อนนอน น้องแนทเพื่อนมหา'ลัย
25 ตุลาคม 2555 วันนี้คุณหมอให้ไปทำ echo เพื่อดูหัวใจและแผลผ่าตัด หากไม่มีปัญหา ก็เตรียมตัวกลับบ้านได้ในวันรุ่งขึ้น วันนี้ดิฉันแวะซื้อกระหรี่ปั๊ป เจ้าอร่อยที่ซอยละลายทรัพย์ ไปให้พยาบาลทั้งวอร์ด ที่ดูแลลูกชายเป็นอย่างดี และแวะซื้อโจ๊กบางกอกมาให้ลูกกินก่อนมื้อเที่ยง ตอนเย็นลูกสาวมาพร้อมไอสครีม คนป่วยและคนไม่ป่วยอยากกินกันน่ะค่ะ ชื่นใจกับไอสครีมเอเต้ แพชชั่นฟรุท (ได้แค่ชิมให้หายอยาก) 26 ตุลาคม 2555 กลับบ้านได้แล้ว เคลียร์ค่าใช้จ่ายเรียบร้อย ก็แต่งตัวหล่อ กลับบ้านได้สักที พี่สาวปิดเทอมพอดี น้องกลับ้าน พี่ก็กลับไปเรียนพอดีเช่นกัน แผลผ่าตัดยาวประมาณช่วงซี่โครงอก ต้องดูแลเป็นอย่างดี อย่าให้เกิดการอักเสบ มิฉะนั้น ยังต้องรักษาอีกยาวค่ะ ไหมเย็บเป็นไหมละลาย ส่วนไหมที่ไม่ละลายให้ตัดไหมได้เมื่อครบ 2 สัปดาห์ ระวังไม่ให้ถูกน้ำ
กลับมาบ้านแล้ว คุณหมอนัดหนึ่งสัปดาห์ ให้ตรวจเลือด , X-Ray และ EKG ผลค่อนข้างดี แต่ยังซีดอยู่ ก็ได้ยาบำรุงเลือดให้กินต่อ และกินยาละลายลิ่มเลือดอีก 3 เดือน คุณหมอนัดอีก 4 เดือนถัดไป ขอขอบพระคุณคุณหมอเสรี คุณหมอคันธชาติ ทัศคร และอีกหลายคุณหมอที่ให้การผ่าตัดและติดตามดูแลทุกวัน รวมถึงพยาบาลทั้งวอร์ดชั้น 4 ตึก ส.ก. ที่คอยให้ความช่วยเหลือ ช่วยดูแล กระเซ้าเย้าแหย่ กันทุกวัน คนไข้ที่วอร์ดนี้ไม่เครียดและรู้สึกมีความสุขค่ะ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์แห่งนี้มีพระคุณแก่ดิฉันและลูกชายมากเหลือเกิน ดิฉันจึงบริจาคเงินมากบ้าง น้อยบ้าง ตามกำลัง ทุกครั้งที่ต้องพาลูกมาตรวจที่โรงพยาบาล และตั้งใจว่าหากดิฉันมีกำลังมาก ๆ ก็จะบริจาคให้มาก ๆ ยิ่งขึ้นไป
บล๊อกนี้ขอเป็นบันทึกความทรงจำประสบการณ์หลอนของชีวิตช่วง 10 ปี เป็นบททดสอบชีวิตที่ค่อนข้างโหดร้ายอีกบทหนึ่ง ....... แลัวมันก็ผ่านไป ขอขอบพระคุณที่ติดตามอ่านค่ะ kimmy @
Create Date : 28 ตุลาคม 2555 |
Last Update : 23 พฤศจิกายน 2555 9:24:47 น. |
|
13 comments
|
Counter : 10919 Pageviews. |
|
|