โรงพยาบาลไตภูมิฯ
ตั้งแต่ความสาวเหลือน้อย คุณแม่ก็เป็นแฟนคลับอย่างเหนียวแน่นของโรงพยาบาลรามาธิบดี จะต้องไปพบคุณหมอตามนัดทุก 2 เดือนบ้าง 3 เดือนบ้าง คุณแม่เป็นคนชราปกติทั้วไป ที่จะเป็นเพื่อนสนิทกับ โรคความดันโลหิตสูง โรคไขมันในเส้นเลือด โชคดีที่ไม่เป็นโรคหัวใจและเบาหวาน แต่คุณแม่ยังมีโรคที่ต้องรักษาอย่างต่อเนื่องคือโรค ไตเรื้อรัง วันดีคืนดีจะมีอาการของโรคเก๊าต์ มาเยี่ยมเยือนทำให้ปวดขาจนเดินไม่ได้แถมอีกด้วย และจะรักษาที่โรงพยาบาลพระมงกุฎค่ะ
บนฟุตบาทริมถนนหน้าโรงพยาบาล
การดูแลผู้ป่วยโรคไต เป็นเรื่องที่ลำบากใจมากค่ะ ต้องดูแลเรื่องอาหารเป็นพิเศษ อาหาร ผัก ผลไม้ ที่ต้องห้ามนั้นเป็นอาหารที่คุ้นเคยในชีวิตประจำวัน อาหารที่ชอบทั้งหลายเป็นอาหารต้องห้ามเกือบทั้งหมด เป็นเรื่องที่น่าเห็นใจมากที่จะห้ามโน่น ห้ามนี่ไม่ให้รับประทาน ...แต่มันอยากรับประทานนี่นา....
ชื่อเต็ม ๆ ของโรงพยาบาลไตภูมิ
พวกเราจึงตกลงกันว่า คุณแม่อายุ 80 ปีแล้ว อะไรที่เป็นความสุข ปล่อยให้ทำไป เรื่องอาหารห้ามไม่ได้ ก็ต้องให้ทานตามปกติ ผลไม้อะไรที่ห้ามก็อย่าซื้อเข้าบ้าน ไม่ให้เห็น ซื้อขนมแทน อะไรเลี่ยงได้ก็เลี่ยง อะไรที่อยากทานแต่ไม่ดีต่อสุขภาพก็ควบคุมปริมาณ ให้ทานได้เพื่อลดความอยาก และพยายามทำอาหารที่ไม่เป็นโทษต่อไตเสริมเข้ามา ..แต่อาหารสำเร็จรูปสำหรับผู้ป่วยโรคไต (เนปโปร) คุณแม่ไม่ยอมทดลองรับประทานค่ะ
ไตที่เสื่อมจะมีผลทำให้ระบบขับถ่ายของเสียออกจากร่างกายทำงานไม่ได้ วิธีการรักษาอย่างหนึ่งคือ การฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม กรณีของคุณแม่ก็จะต้องรักษาด้วยวิธีนี้เช่นกันในที่สุด เบื้องต้นคุณหมอจะให้ทำการเตรียมเส้นเลือดบริเวณแขนเพื่อการฟอกเลือดไว้ก่อน ที่โรงพยาบาลรามา มีผู้ป่วยเข้าคิวเพื่อรอการทำเส้นเลือดจำนวนมากพอสมควร แต่กรณีของคุณแม่ ค่อนข้างเร่งด่วนค่ะ เพราะคุณแม่เคยมีกรณีค่าโพแทสเซียมสูงจนวิกฤต จนต้องไปรับการรักษาที่ห้องฉุกเฉินมาแล้วเมื่อเร็ว ๆ นี้ พวกเราได้รับคำแนะนำจากญาติผู้น้องให้ติดต่อที่โรงพยาบาลไตภูมิ เผื่อจะได้คิวที่เร็วขึ้นกว่าที่จองไว้
ก็งงว่าโรงพยาบาลอะไรกัน ไม่เคยได้ยินชื่อถึงได้รู้ว่าเป็นโรงพยาบาลใหม่ ที่จะเน้นเรื่องการรักษาโรคไต ประมาณว่าเป็นโรงพยาบาลเฉพาะทางที่ให้การดูแลผู้ป่วยโรคไตอย่างครบวงจร แต่ก็ยังรักษาโรคอื่นๆ เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน ประมาณว่าโรคของคนแก่ ฯลฯ เป็นต้น (โปรดโทรสอบถาม 02-684-5000 . //www.brkidney.org)
ขึ้นรถไฟฟ้าผ่านก็หลายครั้ง แต่ ใกล้อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิไม่เคยทราบว่าที่นี่คือโรงพยาบาลใหม่ มองผ่านแค่เป็นตึกโบราณ ปรับปรุงใหม่ สวยงามมากยังสงสัยว่าเป็นตึกอะไร ดูสิคะ คนกรุงเทพฯ แท้ ๆ ยังไม่รู้เรื่อง ที่จริงก็มีโฆษณาทางทีวีนะคะ แต่ดิฉันไม่เคยเห็นสักครั้ง น่าจะไปออกอากาศช่วงละครหลังข่าวด้วยนะคะ คนจะได้รู้จักมากขึ้น โรงพยาบาลไตภูมินี้ ชื่อเต็ม ๆ คือ โรงพยาบาลสถาบันไตภูมิราชนครินทร์ค่ะ เป็นชื่อพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สถานที่ตั้งเดิมเป็นโรงเรียนเสนารักษ์ของกรมแพทย์ทหารบกค่ะ
รถไฟฟ้าผ่านนะคะ
พาคุณแม่มาทำบัตรผู้ป่วย และทำเรื่องการเบิกจ่ายตรงกับกรมบัญชีกลางเลยคือค่าใช้จ่ายที่นี่ ข้าราชการจะสามารถเบิกได้ค่ะและจ่ายค่าส่วนต่างนอกบัญชีเอง (ใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์เรื่องเบิกจ่ายตรงค่ะ)
คุณหมอนัดตรวจร่างกายเบื้องต้นเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2556 พร้อมกับเจาะเลือด และนัดทำเส้นเลือดในวันที่ 5 กันยายน 2556 เพราะคุณแม่ต้องงดยาบางชนิดเป็นเวลา 7 วันค่ะ การได้คิวที่เร็วมากเช่นนี้พวกเราดีใจ เพราะคิวของคุณแม่ที่จองไว้ที่โรงพยาบาลรามาคือเดือนตุลาคม ซึ่งพวกเรากังวลมาตลอดว่าระหว่างรอคอยนั้นอาการจะกำเริบหรือไม่ถ้ากำเริบมากะทันหัน คุณแม่จะต้องโดนเจาะคอเพื่อฟอกไตซึ่งพวกเราไม่ต้องการให้เป็นเช่นนั้น อยากจะเม้าท์ว่า คุณแม่ต่อต้านมาตลอดเรื่องการทำเส้นเลือดรอล้างไต คุณหมอบอกมาเป็นเวลานานปีเศษแล้วแต่คุณแม่ปฏิเสธ ไม่มีใครบังคับได้ คุณแม่บอกว่ากลัวอย่างเดียว ไม่มีเหตุผลอื่นแต่เมื่อภายหลังก็มีญาติบางคนดื้อแบบนี้เหมือนกัน สุดท้ายก็ต้องฟอกไต คุณแม่ก็เลยปฏิเสธไม่ได้ ก็ตกลงยอมทำเส้นทั้ง ๆ ที่ไม่เต็มใจ
เชื่อไหมคะว่า ตั้งแต่พามาที่โรงพยาบาลไตภูมิฯ คุณแม่กลับมีความสุขค่ะดิฉันเชื่อว่าสถานที่เป็นสิ่งแรกที่มาแล้วประทับใจ เหมือนบ้านโบราณสวย ๆ มากกว่าเป็นโรงพยาบาลค่ะก็ยอมรับนะคะว่าเป็นของใหม่ แต่ความรู้สึกสบาย ๆ ทำให้ไม่รู้สึกกังวลใด ๆ การตกแต่งสถานที่ ประกอบไปด้วยรูปภาพสวย ๆประกับประดาเหมือนกำลังมาดูงานศิลปะเล็ก ๆ ค่ะ การบริการตั้งแต่เข้ามา พนักงานทุกคนยินดีต้องรับ ยิ้มแย้มแจ่มใสให้การบริการอย่างดี พูดจาไพเราะ ตั้งแต่พนักงานรถเข็น ก็จะบริการคนแก่เป็นอย่างดีไม่รีบร้อน บอกได้เลยว่าได้รับการดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดีทุกแผนกที่ติดต่อค่ะ ดิฉันก็รู้สึกดีใจที่คุณแม่ไม่เครียดหรือกังวลใด ๆ
5 กันยายน คุณหมอสั่งให้ทานอาหาร ยา ให้เสร็จเรียบร้อยก่อน 07.00 น.และไปพบที่โรงพยาบาล 11.00 น. ตรวจร่างกายเบื้องต้น และก็เข็นรถขึ้นมาชั้น 2 เข้าห้องผ่าตัดโดยพวกเรานั่งรอกันหน้าห้องค่ะ ใช้เวลาประมาณชั่วโมงเศษการผ่าตัดทำเส้นเทียมของคุณแม่ก็เสร็จเรียบร้อย ออกจากห้องผ่าตัดนั่งรถเข็นสบาย ๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่มีอะไรน่ากลัวเหมือนที่คิดไว้สักนิดเดียวค่ะ บอกอย่างเดียวว่า "หิวข้าวแล้วล่ะ" 555
อันนี้ก็ต้องชมอีกค่ะ ว่าคุณน้องมือเบามากเจาะเลือดไม่เจ็บเลย
ค่าใช้จ่ายวันนี้เบิกจ่ายตรงได้เลยและได้จ่ายส่วนที่เบิกไม่ได้เป็นเงิน 14,000.- บาทเศษ ใช้เส้นเลือดเทียมนะคะ หากเป็นเส้นเลือดจริงของคุณแม่ การจ่ายค่าส่วนต่างจะน้อยกว่านี้ค่ะ
คุณหมอสั่งให้ดูแลแผลให้ดี และอีก 2 สัปดาห์มาพบคุณหมออีกครั้ง คุณแม่ชมไม่ขาดปากว่าที่โรงพยาบาลนี้ดีจริง ๆ ครั้งหน้ามาจะซื้อขนมมาฝากเจ้าหน้าที่ ดีๆ กันทุกคนเลย
ลานจอดรถยังว่างอีกแยะค่ะ
อาหารมื้อหลังผ่าตัดวันนี้ก็แค่ไปวนอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เข้าซอยรางน้ำ ร้านอาหารญวน "ร้านมาดามออง"ค่ะ ร้านประจำ มารับประทานบ่อยไม่แพ้ร้าน "ลองดู" มาหาหมอแล้วมีความสุขแบบนี้นับว่าโชคดีค่ะ
ของหวานคือกล้วยหอมทอด ของโปรด คุณแม่ประเดิมคนแรก ก็มีเสียงห้ามว่า กล้วย ๆๆ แม่กินไม่ได้ ก็เกิดอาการอึ้งเล็กน้อย เอาส้อมเขี่ยเล่น ๆ เสียงตอบกลับมาค่อย ๆ ว่า ดูสิมีกล้วยชิ้นเล็กนิดเดียว แป้งตั้งแยะกินแค่นี้ ไม่เป็นอะไรหรอก....... ถ้าเป็นเพื่อน ๆจะกล้าห้ามไม่ให้รับประทานไหมคะ...เอ้า..เลยตามเลย...มีเส้นล้างไตแล้วนี่นา......วันไหนได้ล้างไตจริง ๆ คงจะกินทุกอย่างไม่ยั้งเลย.....จะขำดีไหมเนี่ย ?????? เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2556 พาคุณแม่ไปตามนัดที่โรงพยาบาลรามาธิบดี วันนี้คุณหมอดีใจค่ะ ที่เห็นคุณแม่มีเส้นเพื่อล้างไตเตรียมพร้อมไว้แล้ว เพราะคุณหมอช่วยพูดเรื่องทำเส้นเป็นเวลานานมาก แต่คุณแม่ปฏิเสธทุกครั้ง คุณหมอน่ารักมาก ๆ เลยค่ะ ขอชมเชยเชยมา ณ ที่นี้ การรักษาตัวของคุณแม่เป็นไปตามปกติค่ะ ยาฉีด ยากิน การรักษาสุขภาพ คุณหมอให้คำแนะนำอย่างดีทุกครั้ง ก็ดูแลกันแบบนี้ต่อไป จนกว่าจะถึงวันที่จะต้องฟอกไตจริง ๆ ซึ่งพวกเราก็พร้อมจะรับมือค่ะ ต้องขอบคุณน้องสาวคนนี้ เป็นลูกสาวคนเล็กของคุณน้า ชื่อ "นิดหน่อย" ค่ะ(แต่ตัวคุณน้องบังตัวคุณพี่มิดเลย ) ผู้มีประสบการณ์พาคุณพ่อของเธอล้างไตมากว่า 18 ปี เป็นผู้แนะนำให้พี่ ๆ รู้จักโรงพยาบาลไตภูมิฯ แห่งนี้ คุณน้องจะเป็นห่วง"ป้าใหญ๋" ไถ่ถามกันตลอดเวลาและแนะนำทุกเรื่องจากประสบการณ์อันยาวนาน นิดหน่อยบอกว่า ต้องตอบแทนบุญคุณป้าใหญ่ ที่ช่วยกวาดคอด้วยยากวาดแสงหมึกทุุก ๆ ครั้งที่ไม่สบายสมัยยังเป็นเบบี้ตัวน้อย ๆ
ขอให้บล๊อกนี้เป็นประโยชน์แก่ผู้ป่วยโรคไตทุกท่าน เพื่อจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการเข้ารับการรักษา บล๊อกนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของดิฉันเท่านั้นและขอแบ่งปันแก่สาธารณะ หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อยค่ะ --------------------- 22 เมษายน 2557
วันนี้ขอมาเพิ่มเติมข้อมูลนะคะ วันรวมญาติ รุ่นนี้กินข้าวกับแตงโม อายุรวมแล้วหลักพันค่ะ
หลังจากที่ได้ทำเส้นเรียบร้อยแล้ว คุณแม่ยังไม่ยอมที่จะเข้าสู่กระบวนการฟอกไตค่ะ สิ่งที่ทำได้ก็คือ การดูแลเรื่องอาหาร (อย่างมาก) แต่ก็ไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าไรนัก ก็จำเป็นต้องปล่อยตามใจ เนื่องจากอายุมาก ไม่อยากขัดใจแล้ว
รดน้ำดำหัว วันสงกรานต์ จะเห็นว่า ขาขวา บวมมาก
แต่สิ่งที่ละเลยไม่ได้คือ การไปพบแพทย์อย่างสม่ำเสมอ จะต้องไปหาคุณหมอทุก 2 สัปดาห์ค่ะ เจาะเลือด ตรวจปัสสาวะ โดยสลับกัน 2 สัปดาห์ไปโรงพยาบาลรามา สองสัปดาห์ไปอีกโรงพยาบาลโดยคุณหมอคนเดิม
เมื่อต้นเดือนเมษายน คุณแม่ขาขวา บวมมาก บวมจนเดินไม่ได้เลย ปวดอีกต่างหาก ก็คิดว่าโรคเก๊าต์กำเริบ ก็พาไปหาหมอรักษาเกาต์ คุณหมอบอกว่า น้ำในร่างกายแยะมาก เริ่มท่วมปอดแล้ว คุณหมอก็ให้ยาเพิ่อขับน้ำออกจากร่างกาย แต่ขาก็ยังบวมอยู่ค่ะ หลานสาวและเพื่อน
วันสงกรานต์ จะต้องไปทำบุญบังสุกุลทั้งตระกูล ก็ลุ้นกันอยู่ว่าจะไหวไหม โชคดี ที่ยังสามารถนั่งรถเข็นไปสามพราน พบปะญาติพี่น้องได้ แต่พวกเราก็ลุ้นกันตลอด กลัวน้ำท่วมปอด เพราะคุณหมอสั่งไว้ว่า ถ้ามีอาการผิดปกติ ให้รีบมาห้องฉุกเฉินทันที เพราะของเสียในร่างกายมีแยะและขับออกมาไม่ได้
หลานสุดเลิฟทั้งสอง พวกเราตัดสินใจแน่นอนแล้วว่า ต้องฟอกไตแล้วนะ ดื้อไม่ได้แล้ว คุณแม่เริ่มยอมจำนน ไม่มีข้ออ้างอีกแล้ว มาพบคุณหมอโรคไต 19 เมษายน คุณหมอสั่งให้ฟอกไตวันรุ่งขึ้นแล้วค่ะ
ไม่ทราบว่าเครียดหรือไม่ คืนนั้นคุณแม่ท้องเสีย อาเจียน คลื่นไส้ เพลียมากเกือบต้องส่งฉุกเฉินแล้ว ถึงวันฟอกไต ... บอกได้เลยว่า ชิลล์ มากค่ะ ไม่มีอะไรน่ากลัวอย่างที่คุณแม่กลัว
พยาบาลบอกว่าดีจังทำเส้นมาเรียบร้อยแล้ว ก็ใช้การได้เลย เธอเล่าว่า บางเคสต้องฟอกไตฉุกเฉิน ก็ต้องใช้เส้นบริเวณคอ แล้วก็ต้องทำเส้นที่แขนอีกเพื่อฟอกไตต่อเนือง เป็นการเสียเงิน และเจ็บตัวซ้ำซ้อน สำหรับคุณแม่ ได้ทำเส้นที่แขนรอไว้ค่ะก็ตั้งแต่ประมาณเดือนสิงหา-กันยา ปีที่แล้ว ก็ยื้อ ๆ ไม่ฟอก ๆ มาเรื่อย ๆ จนถึงวันจริงจะยื้อต่อคงไม่ได้การแล้ว ก็เกือบ 8 เดือนเลยนะคะ
การฟอกไตนั้น แค่นอนหลับสบาย ๆ บนเตียง 3 ชั่วโมงครึ่ง - 4 ชั่วโมง(แล้วแต่คุณหมอสั่ง) เครื่องฟอกไตจะทำหน้าที่อย่างเคร่งครัด ตื่นขึ้นมา ก็ไม่มีอาการอะไร อาจจะเพลีย ๆ ไปบ้าง พอทานอาหารก็สดชื่นค่ะ
สิ่งที่ตื่นเต้นมากก็คือ น้ำหนักหายไป 3 กิโลกรัมหลังฟอกไต ขาที่บวมเป็นขาช้าง ก็ฟีบลงเป็นขาม้าแล้วเดินได้ด้วยตัวเอง คุณแม่ดีใจมาก
มีข้อปฏิบัติหลังฟอกไต ซึ่งพยาบาลจะแนะนำให้ทราบ เรื่องของอาหารก็รับประทานได้ปกติ แต่ก็ระวังเรื่องอาหารเค็ม อาหารห้ามบางชนิดเหมือนเดิมค่ะ ชีวิตดีขึ้น ของเสียสามารถขับออกจากร่างกายได้โดยผ่านเครื่องฟอกไต คุณหมอนัดให้ฟอกไต สัปดาห์ละ 2 วันค่ะ ลูก ๆและหลาน ก็จัดคิวสลับกันพามาโรงพยาบาล แสดงความกตัญญูได้อย่างทั่วถึง
ขอให้บล๊อกนี้เป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยโรคไตทุกท่านนะคะ
kimmybangkok
Create Date : 14 กันยายน 2556 |
Last Update : 23 เมษายน 2557 12:08:14 น. |
|
23 comments
|
Counter : 27846 Pageviews. |
|
|