Group Blog
 
 
กันยายน 2556
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
29 กันยายน 2556
 
All Blogs
 

กว่าจะรู้ตัวว่ามีความทุกข์เป็นเพื่อนแท้

  กว่าจะรู้ตัวว่ามีความทุกข์เป็นเพื่อนแท้ก็เกือบจะสายไปเสียแล้ว!!!


มีคำกล่าวเคยบอกว่า "ความรักทำให้คนตาบอด" มันเป็นเรื่องจริงทีเดียว แต่สำหรับเราแล้วความรักทำให้เราตาบอดสนิทชนิดที่หาตาของผู้มีบุญมาบริจาคให้ก้ยังไม่สามารถทำให้ตาสว่างได้ 

ย้อนไปประมาณสี่ห้าปีที่แล้วเราเจอผู้ชายอยู่คนนึงซึ่งผ่านการแนะนำจากเพื่อนรุ่นพี่ เราก็ไม่ได้คิดอะไร ไปกินข้าวกันตามประสา พูดคุยเจอกัน จนมารู้ตัวอีกทีนึงเราก็รักเค้าเข้าซะแล้ว ความรักของเราในครั้งนี้เดินทางมาพร้อมกับความทุกข์ซึ่งเราไม่เคยรู้ตัวเลย เราหลอกตัวเองว่าเรามีความสุขที่ได้รักเค้า และเค้าก็รักเรา ในขณะที่เราคบกับเค้าเค้าก็ให้ทุกอย่างกับเราได้ยกเว้นความสุข เราเคยคิดอยากจะฆ่าตัวตายหลายๆต่อหลายครั้ง และเราก็พยายามทำมันแต่ไม่สำเร็จ คำถามว่าทะมัยเราถึงช้ำใจ ทุกข์ใจขนาดนั้นก็เพราะเค้าไม่เคยรักเราเลย เราเคยคิดว่าความดียังงัยก็ต้องเอาชนะใจเค้าได้ แต่มันไม่ได้ช่วยอะไรเราเลย ก่อนเราคิดฆ่าตัวตายครั้งสุดท้าย เรากำลังจะกระโดดลงจากตึก แต่ทันใดนั้นมีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นซึ่งเรารีบหันกลับไปมองคิดว่าเปนคนรักเราโทรมา แต่ป่าว นั่นคือเบอร์โทรศัพท์ที่ขึ้นชื่อว่า "MOM"

แม่: ทำไรอยู่

เรา: พอได้ยินเสียงแม่ก็ยิ่งร้องไห้ แต่เราบอกแม่ว่าเรากำลังจะฆ่าตัวตาย เราอ่อนแอเกินไปที่จะรับได้
แม่: เงียบไปสักพักนึงแล้วพูดว่า "เธอจะตายชั้นไม่ว่า แต่ก่อนเธอจะตายชั้นอยากให้เธอไปถือศีลที่วัด         ก่อน เอาบุญติดตัวไปด้วย โลกหลังความตายมันน่ากลัว"

เรา: ตอนนั้นเรามึน และงงกับคำพูดแม่มาก เพราะชั่วโมงนั้นจะให้เราไปวัด แรงจะพูดเรายังไม่มีเลย 
แม่: แล้วที่นั่นเค้าส่งศพกันราคาเท่าไหร่อ่ะ โหลดมาแพงมั๊ย แล้วเค้ามีพิธีกรรมทางศาสนาอัญเชิญ       วิญญาณเธอรึป่าว เด๋วเกิดไม่มีพิธีกรรมอะไรเปนผีร่วมกับผีฝรังทำงัย ทำบุญที่นี่จะถึงโน่นรึป่าวไม่รู้ แล้วค่าตั๋วไปรับศพเธอเท่าไหร่ ชั้นจะหาทันมั๊ยเนี่ย

เรา: ซึ่งเบลออยู่แล้วคิดแต่จะตายๆ เลยเปลี่ยนมาคิดแทนว่าราคาส่งศพเท่าไหร่ แล้วแม่ก็สอนธรรมะอะไรอีกเยอะแยะให้เราฟัง แต่เราจำไม่ค่อยได้แล้ว

แต่คำพูดของแม่วันนั้นมันทำให้เราคิดได้ว่า แม่เปนคนให้ชีวิตเรามา แล้วยังมาช่วยเราในวินาทีเกือบสุดท้ายอีก 

มีเรื่องราวรายละเอียดอีกมากมายที่เราอยากจะระบายอยากเล่าให้ฟังแต่เราไม่สามารถทำได้เพราะอาจจะไปกระทบถึงบุคคลที่สองสามสี่ เพราะฉะนั้นเราจึงเลือกที่จะเล่าให้ส่วนของเรา

จากวันนั้นจนถึงวันนี้ความทุกข์ที่ฝังใจที่งัดออกไม่ได้ก็ยังคงอยู่กับเราจนเราป๋วยต้องเข้ารับการบำบัดจิต
แต่เราไม่ได้โรคจิตนะ อย่าเข้าใจผิด ที่นั่งพิมพ์อยู่ตอนนี้สติสปัชญะครบถ้วน

อาการเราเริ่มออกมาเรื่อยๆจนเราทนไม่ไหวต้องไปโรงพยาบาลเพราะเรากลับมาคบกลับคนรักเราอีกครั้งนึง เราพยายามหาอะไรทำเพื่อไม่ให้เราซึมเศร้า คิดมาก เผื่อใครบังเอิญผ่านมาในบล็อคเราจะเป็นกำลังใจให้เราได้บ้าง เราเป็นคนไม่ค่อยมีเพื่อน เราคิดว่ากรรมเราคงหนักมากจากชาติก่อนถึงทำให้เราต้องมาเป็นแบบบนี้ เราพยายามปลงปล่อยวาง แต่ดูเหมือนเจ้ากรรมนายเวรคงจะไม่ยอมให้อภัยเราง่ายๆ

ยังงัยก็แล้วแต่ก็อยากจะบอกเพื่อนๆว่า เวลามีความทุกข์ก็อย่าไปกลัวมันนะ สู้กับมัน เราก็พยายามเตือนตัวเองอย่างนั้นเหมือนกัน!


รัก
ชอให้ทุกคนโชตดีนะ ว่างๆ จะมาเล่าให้ฟังใหม่











 

Create Date : 29 กันยายน 2556
1 comments
Last Update : 29 กันยายน 2556 20:36:59 น.
Counter : 548 Pageviews.

 

สุ้ๆนะคะ เรียนรู้และอยู่กับมันให้ได้ ^^

 

โดย: PeacePatcha 14 ตุลาคม 2556 21:51:06 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


เจ้าหญิงกิมจิ
Location :
กรุงเทพฯ Australia

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add เจ้าหญิงกิมจิ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.