ก่อนอื่นก็ขอแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ก่อการร้ายที่เมืองแมนเชสเตอร์อีกครั้งกับครอบครัวผู้เสียชีวิต และผู้ได้รับบาดเจ็บซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้ก็เป็นเหตุการณ์ที่น่าเศร้า และมิอาจคาดคิดได้เลยว่ามันจะเกิดขึ้นที่ไหนเมื่อไหร่ เวลาใด มันยับยั้งไม่ได้สักที.....
ก็ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งมา ณ ที่นี้ !
ทีนี้มาเข้าเรื่องที่เกี่ยวข้องกับแมนเชสเตอร์กันต่อดีกว่าครับนั่นคือทีมปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่สามารถคว้าแชมป์รายการยูฟ่า ยูโรป้าลีกหรือว่ายูฟ่า คัพ ที่พวกเขาเฝ้ารอและไฝ่ฝัน ที่ได้รับผัสมันจริงๆ สักที เพื่อทำให้ตู้โชว์ถ้วยของพวกเขาครบองค์ประชุม พร้อมกับการเป็นทีมที่ 5 ในประวัติศาสตร์ที่สามารถคว้าแชมป์รายการเมเจอร์ที่ทางยูฟ่าจัดขึ้นทุกรายการ
แน่นอนว่าสิ่งที่ผมเกริ่นไปนั้นคงอยู่ในหัวของเหล่าแฟนบอล และนักเก็บสติถิ ที่ได้รู้ว่าปีศาจแดงทีมรักของพวกเขาได้เข้าชิงชนะเลิศ....เพราะมันมีอะไรมากมายที่จะเกิดขึ้นหลังจากพวกเขาคว้าแชมป์ได้สำเร็จ.......???
หลังจากเข้าชิงชนะเลิศ และก่อนหน้านั้นตั้งแต่รอบก่อนรองชนะเลิศ ทางด้านโชเซ่ มูรินโย่ประกาศชัดเจนแล้วว่า เขาคงจะต้องมามุ่งเน้นในถ้วยใบนี้ให้มากขึ้น เพราะการลุ้นทำอันดับในลีกมันค่อนข้างยาก
ซึ่งการจัดทัพ หรือการวางแผนการเรื่องตัวผู้เล่น มูรินโย่ แสดงออกมาชัดเจนมาก หลังจากที่พวกเขาเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ และเข้าชิงได้ในที่สุด
มูรินโย่พักตัวผู้เล่นหลักในเกมส์ลีก 2 เกมส์สุดท้าย และโดยเฉพาะเกมส์นัดปิดฤดูกาล ที่ส่งดาวรุ่งหลายๆ คนลงเล่น ซึ่งก็โชว์ฟอร์มได้ดีเลยนะครับ
แต่ทั้งทั้งมวลเป้าหมายของเขามุ่งเน้นมาที่เกมส์ชิงชนะเลิศเป็นอันดับหนึ่งเนื่องจากตารางคะแนนของพวกเขายืนยันแล้วว่า อันดับ 6 ที่พวกเขาจับจองมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว มันไม่หนีพวกเขาไปไหน
ดังนั้นยูฟ่ายูโรป้าลีก คือทางลัดทางเดียว ที่จะทำให้การลงทุนของพวกเขาประสบความสำเร็จแบบที่เหนือกว่าทีมอื่นๆ ด้วยซ้ำ !
ต้องเรียนตามตรงนะครับว่า การที่ทีมอย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่ได้ไปเล่นในยูฟ่า แชมป์เปี้ยนลีก และผลงานจบอันดับ 6 ทั้งที่เป็นทีมของผู้จัดการทีมที่ชื่อว่า มูรินโย่ มันค่อนข้างเป็นฤดูกาลที่น่าผิดหวังอย่างสิ้นเชิง
ดังนั้นการหมายมั่นปั่นมือที่มุ่งเน้นในถ้วยใบนี้ตั้งแต่แรก จึงส่งผลให้พวกเขาต้องพยายามมากขึ้น เมื่อมาถึงจุดสุดท้าย และจุดที่ต้องทำให้ได้
การเข้าชิงกับทีมอย่างอาแจ๊กซ์สำหรับผม ไม่ใช่งานยากเลยนะครับ เพราะผมยังเชื่อฝีมือและแนวทางของมูรินโย่ ที่มันค่อนข้างจะเน้นเอาชัวและทำลายล้างความเป็นปีศาจแดงในยุคของ ป๋าเฟอร์กี้ ไปเป็นที่เรียบร้อย
เรื่องนี้แฟนปีศาจแดงยุคสมัยนี้ คงยอมรับได้แล้วหล่ะครับว่า การเล่นฟุตบอลไม่จำเป็นต้องบุกเสมอ บุกเอามัน ถึงมันจะชนะอย่างรูปเกมส์หน้าเกียจ หรือไม่น่าจะชนะคู่ต่อสู้ แต่หากความเฉียบคมกว่าก็สามารถเอาชนะได้ ก็ช่างมัน
ในยุคของมูรินโย่ เป็นเช่นนั้นจริงๆ !
ผมไม่ขอพูดถึงเรื่องรูปเกมส์อะไร ให้มันมานั่งช้ำอกช้ำใจ หรือ เพิ่มแรงกดดันอะไรเข้าไป เพราะถึงอย่างไร ปีศาจแดง คือแชมป์ยูโรป้าลีกในปีนี้
สถิติต่างๆบ่งบอกชัดเจนว่า อาแจ๊กซ์ วัยกะเตาะ ทำได้ดีกว่าปีศาจแดง ยุคใหม่ ที่ไฉไลในเรื่องเกมส์รับแถมไม่ต้องรุกให้เปลืองแรง คุมโซน รอจังหวะ และเกมส์สวนกลับ ใช้เด็กน้อย วัยเพียง 18 อย่าง มาคัช แรชฟอร์ด เพียงคนเดียวก็สามารถปั่นป่วนกองหลังคู่แข่งได้มากพอสมควร
ใครได้ชมเกมส์ คงรู้ดีว่า มันเป็นอย่างไร....!
ผลการแข่งขันจบลงด้วยชัยชนะของปีศาจแดงแบบไม่ค่อยน่าปลื้มใจสักเท่าไหร่.....แต่ทว่า การได้แชมป์ไม่ใช่เรื่องง่ายลูกยิงแฉลบ ของนักเตะที่ขึ้นชื่อว่าแพงที่สุดในโลกอย่าง พอล ป๊อกบา เป็นตัวเบิกร่องปลดล็อคทั้งหมดให้กับทีม
พอล ป๊อกบา ถ่ายรูปกับถ้วยแชมป์หลังเป็นผู้ซัดประตูขึ้นนำให้กับทีม จนสุดท้ายจบลงด้วยชัยชนะ 2 - 0
ซึ่งบางทีลูกนี้ อาจเป็นประตูที่คุ้มค่าตัวเลยทีเดียว
โชเซ่ มูรินโย่ แสดงอาการดีใจอย่างออกนอกหน้ามากกว่าทุกครั้งที่เขาเคยสัมผัสการได้ถ้วยหรือได้เป็นแชมป์รายการไหนๆ มา ก็ตามเนื่องจากมันทำให้แสดงถึงว่าทำงานในฤดูกาลนี้ได้สำเร็จ
แน่นอนว่ามากกว่าการได้แชมป์ คือการได้ไปเล่นยูฟ่า แชมป์เปี้ยนลีก รอบแบ่งกลุ่มโดยทันทีซึ่งมันเป็นการยกภูเขาออกจากอกของมูรินโย่ ที่กำลังผิดหวังกับอันดับในลีก
แอคชั่นการจูบถ้วยแชมป์ของ โชเซ่ มูรินโย่ ที่ไม่ค่อยได้เห็น
สำหรับผมผมว่าเขาคิดเช่นนั้น เพราะไม่อย่างนั้น เขาจะไม่ออกอาการขนาดนั้น
สุดท้ายนี้ก็ต้องชมตัวมูรินโย่นี่แหละครับ ที่รู้วิธีการเล่นเกมส์ชิงชนะเลิศ ว่าต้องเล่นแบบใด ถึงแม้จะต้องแลกมาด้วยอะไรก็แล้วแต่.....ซึ่งไม่ได้เหนือกว่า แต่เก๋ากว่า อาแจ็กซ์ ทีมนี้อย่างชัดเจน
แลกด้วยศักดิ์ที่ไม่ใช่ลักษณะของทีม ก็ยอม.....ด้วยแผนการอันแยลยล ที่วางมา
โคตรคุ้มมมมมมมม !
