โปรยปรายเล็กน้อย
นายสัตวแพทย์อ่อนโยนแบบดิบๆ ที่อยู่แต่กับสัตว์ป่า
จะต้องมาดูแล ภาระ ที่ทั้งน่ารัก หวาน แต่แกร่งไม่น้อย
เขาอยากจับจูงมือเธอไปข้างหน้าเพียงหนึ่งเดียว
แต่เธอกลับมีเจ้าของดวงตาสีอำพันคอยดูแลอยู่ไม่ห่าง
ภายใต้ฟ้าครามและความมหัศจรรย์
บนผืนหญ้าสีทองแห่งทุ่งสะวันนา
เธอคือสีชมพูที่โดดเด่นจนสายลมอย่างเขา
ไม่อาจพัดพาหัวใจไปไหนได้อีกแล้ว
-------------------------
ความรู้สึกหลังอ่าน
อ่านงานของ Clair de Lune มาเป็นเรื่องที่สี่แล้ว
สัมผัสได้ว่า พล็อตก็ไม่ได้ซับซ้อนมากนักแต่ดูมีอะไร
คือข้อมูลแน่น เนื้อเรื่องไม่กลวง เป็นนักเขียนที่มีดีเทล ^^
ในเรื่องนี้จะกล่าวถึงเกี่ยวกับ ป่าซาโวตะวันตก ทุ่งหญ้าสะวันนา ประเทศเคนยา
การอนุรักษ์สัตว์ป่า อยู่ร่วมกันแบบไม่เบียดเบียน ช่วยเหลือเกื้อกูล
แต่ก็มีคนจำพวกหนึ่งที่คิดหากินจากสัตว์ป่าเหล่านี้
เช่น การตัดเอางาช้าง นอแรด ไปขายหรือประมูล
งานสนุกๆ ของเหล่าผู้มีอันจะกิน แต่พวกเขาไม่ได้คิดเลยว่า
สิ่งที่พวกเขาเอาไปเพื่อประดับไว้เก๋ๆ ในบ้านนั้น เป็นสิ่งจำเป็นของสัตว์ที่พวกเขาไปเอามาขนาดไหน
บางคนก็ล่าสัตว์เพื่อความสนุก ความสะใจของตัวเอง
โดยที่สัตว์เหล่านั้นอยู่ของเขาดีๆ ก็ต้องมาจบชีวิตเพราะคนพวกนี้
ตัวเอกของเรื่องคือ อนิลราช แฮมิลตัน สัตวแพทย์สัตว์ป่าประจำอุทยานแห่งชาติซาโวตะวันตก ประเทศเคนยา
ผู้อุทิศชีวิตเพื่อสัตว์ป่า หลายๆ คนอาจจะไม่ค่อยคุ้นกับอาชีพนี้นัก
เพราะในประเทศไทยก็ไม่ได้โด่งดังมากมาย
นายสัตวแพทย์สัตว์ป่าคนแรกของประเทศไทย
การทำงานก็จะคล้ายๆ กับหมออนิลราช หรือหมอวินด์ในเรื่องนี้นั่นเอง
ที่มีหมอล็อต เป็นต้นแบบของหมอเท็ดดี้ ^____^ สนุกเหมือนกันค่ะลองไปหามาอ่านดูได้
เอาละ มาว่ากันที่เรื่องเสียงหัวใจแห่งสายลมกันต่อ
หมอวินด์กับหนูอัณณ์ อัณณวาตี หญิงสาวผู้มีความทรงจำเลวร้ายเกี่ยวกับป่าซาโวแห่งนี้
เป็นภาพฝันที่คอยหลอกหลอนเธอมาตั้งแต่ยังเด็ก เพราะเมื่อตอนที่เธออายุได้ห้าขวบ
ได้ตามพ่อและแม่ไปเที่ยวที่ป่าซาโว แต่ก็มีเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้น
ทำให้เธอสูญเสียทั้งพ่อและแม่ไปอย่างไม่มีวันกลับ
จากเหตุการณ์นั้นทำให้เธอกลายเป็นเลดี้แอนเน็ตต้า เวสลีย์
ลูกบุญธรรมของท่านเอิร์ลและเคาท์เตสแห่งเทอร์ลิงตัน
ซึ่งเคาท์เตสก็มีศักดิ์เป็นป้าของหมอวินด์ แต่อย่าคิดว่าพระนางดูใกล้ชิดกันขนาดนี้
น่าจะมาแนวเลี้ยงต้อยอะไรงี้ใช่มั้ยคะ
จริงๆ ไม่ใช่เลย เพราะถึงแม้จะดูเป็นญาติกัน แต่ก็อยู่คนละที่และไม่ค่อยได้เจอกัน
จนเมื่อโตเป็นหนุ่มสาวกันแล้วถึงมีโอกาสใกล้ชิดกันอีกครั้ง
เหตุการณ์หลักก็เกิดที่ป่าซาโวนี่แหละค่ะ เมื่อเลดี้แอนเน็ตต้าไม่อาจอยู่บ้านได้อีกต่อไป
เพราะมีแม่เลี้ยงใจร้ายคอยขับไสไล่ส่ง
เธอจึงถูกส่งตัวไปฝึกงานที่ป่าซาโว อยู่ในแคมป์ The Living Wind
เป็นภาระอันหอมหวานของหมอวินด์
ซึ่งถ้าใครคิดว่านางเอกเราจะอ่อนแอ ทำอะไรไม่เป็นแล้วละก็ คุณคิดผิดค่ะ
เพราะเลดี้แอนเน็ตต้านั้นเข้มแข็งและถึกกว่าที่คุณคิด
เพราะการจะเป็นเมียหมอวินด์ต้องเข้มแข็งค่ะ ^_^
ไม่งั้นจะอยู่เคียงข้างผู้ชายที่อุทิศตนเพื่อสัตว์ป่าได้อย่างไร
เพราะหมอต้องเจอเรื่องราวหนักๆ มากมาย
หมอวินด์นี่ปากจัดได้เรื่องอยู่นะคะ แถมยังเกรียนหน่อยๆ แต่บทจะอ้อนก็หวานละลาย
หนูอัณณ์นอกจากนิสัยที่ไม่ยอมคน ดื้อตาใส และแข็งแกร่งแล้วยังมีความชอบในการถ่ายภาพ
ซึ่งเรื่องการถ่ายภาพน่าจะเป็นซิกเนเจอร์อีกอย่างของ Clair de Lune
ที่เธอจะสอดแทรกไว้ในงานเขียนทุกๆ เล่ม
ทำให้คนอ่านที่ไม่ใช่พวกเล่นกล้อง ก็ได้ความรู้ดีๆ ไปด้วย
นอกจากคู่หลักยังมีอีกคู่คือ คุณหนูเฟลอร์ น้องสาวของหมอวินด์ และวิคเตอร์ เพื่อนสนิทของหมอ
คู่นี้ไม่หนักมาก เรียกว่ามาคั่นอารมณ์คู่หลัก และโผล่มาแจมไม่มากเท่าไหร่
แรกๆ อาจจะดราม่า แต่พอเข้าใจกันแล้วก็หวานหวามเชียวละ >////<
แล้วก็ยังมีตัวหลักอีกตัวคือ มเลซี สิงโตสีขาว
สัตว์ป่าผู้พิทักษ์ ที่จะโผล่มาช่วยเหลือในช่วงเวลาที่หนูอัณณ์ตกอยู่ในอันตรายเสมอ
ซึ่งเป็นเพราะอะไรนั้นต้องลองไปอ่านกันดูแล้วละค่ะ
นิยายเรื่องนี้มันมีหลากหลายอารมณ์จริงๆ
ทั้งโรแมนติก ดราม่า แอ็กชั่น พารานอร์มัล เรียกว่าครบรส
อ่านแล้วอิ่ม อมยิ้มไปกับความน่ารักของพระนางและสัตว์ป่าน้อยใหญ่ ทุ่งหญ้า สายลม แสงแดด
--------------------------------
สิ่งที่ได้จากเรื่องนี้
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ทุกชีวิตดำเนินไปตามวัฏจักรธรรมชาติ
ไม่ใช่เฉพาะสัตว์ป่าที่เราไม่ควรเบียดเบียน
แต่สัตว์ทุกชนิดบนโลก ถ้าเขาไม่ทำความเดือดร้อนให้เรา
เราก็อย่าไปหาเรื่องเขาก่อนเลย
หรืออาจจะหาทางออกที่ดีกว่าการทำร้ายหรือใช้ความรุนแรงต่อกัน
เมื่อเอาชนะความกลัวในใจได้ เราก็จะไม่กลัวอีกต่อไป
บางสิ่งอาจจะยาก แต่เมื่อเราทำสำเร็จ
เราจะรู้สึกภูมิใจที่สุด
------------------------------
ถ้าอยากอ่านตัวอย่างตามไปที่เว็บเด็กดีเลยค่ะ
แต่ถ้าใครอยากอ่านแบบอีบุ๊ก ก็ตามไปที่ MEB ได้ค่า
เป็นนิยายที่ดีงามในทุกมุมมองจริงๆ