Group Blog
 
<<
มีนาคม 2555
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
6 มีนาคม 2555
 
All Blogs
 
ไพรมหากาฬ 18 : เหตุเกิดที่พุบอน

อีกสองอึดใจต่อมา ภาพที่เห็นตรงหน้าพี่รพินทร์กับคุณหญิงคือภาพที่สะเทือนขวัญสุด ๆ ภายใต้ต้นไม้รกตรงหน้าทั้งคู่คือเสือลายพาดกลอนในท่าหมอบรอตะครุบเหยื่อ ห่างออกไปไม่เกิน 15 เมตร แงซายนอนพังพาบเหยียดยาวอยู่ที่ตอไม้ใจจดจ่ออยู่กับกระทิงโดยไม่รู้ว่าเค้าเองกำลังถูกล่าจากเสือเช่นกัน พี่รพินทร์และคุณหญิงยกปืนขึ้นในท่าเตรียมพร้อม แต่คุณหญิงยิงปืนไม่ออก รพินทร์ยังไม่ลั่นไกเพราะยังไม่สามารถเล็งเป้าหมายสำคัญได้ วินาทีที่แงซายขยับตัวเตรียมจะคืบไปข้างหน้า เสือก็กระโจนใส่ทันที พี่รพินทร์หันปากกระบอกปืนตามและสอยเสือร่วงลงมาตรงหน้าแงซายนั่นเอง ตามด้วยเสียงปืนของคุณหญิง (ยิงออกแล้วเรอะ) เสือร้ายนอนตายแน่นิ่ง เสียงปืนทำให้ป่าหวายตรงหน้าแตกกระเจิงจากการเผ่นป่าราบของกระทิงเช่นกัน คนทั้งสามมองหน้ากันอย่างพูดอะไรไม่ออก แงซายพูดทำลายความเงียบขึ้นว่า “ผมเป็นหนี้ชีวิตของผู้กองกับนายหญิง” แอร๊ยยยยย

ทั้งสามนั่งอยู่ที่จุดเกิดเหตุซักพัก ทีมที่เหลือก็ตามมาสบทบ คุณหญิงดารินรีบ present ให้อีกทีมฟังทันทีเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น ตอนแรกคุณชายนึกว่าทีมนี้ยิงกระทิงได้กันซะอีก ไชยยันต์ถามเพื่อนว่าตื่นเต้นมั้ย คุณหญิงดารินบอกว่ามือเท้าเย็นไปหมด นัดแรกยิงไม่ออกเลยเพราะตื่นเต้นจนลืมปลดเซฟ นั่นทำให้พี่รพินทร์รู้ว่าที่แท้คุณหญิงตั้งใจจะยิงเสือตั้งแต่ยังเห็นเป้าไม่ชัดด้วยซ้ำไปนะเนี่ย โชคดีที่ยิงไม่ออกไม่งั้นเป้าหมายไหวตัว มื่อแงซายถลกหนังเสือตัวนั้นเสร็จ ทุกคนจึงเดินทางกลับแค้มป์

ขากลับพี่รพินทร์พาคณะเดินป่ากลับทางลัด เพราะไม่ต้องคอยเสาะแสวงหาล่ากระทิงกันแล้ว พอมาถึงบริเวณด่านช้างเก่า ก็ปรากฏว่ามีหมีหมาประมาณ 6 ตัววิ่งแตกกระเจิงตัดหน้าไป ห่างจากคณะเพียงแค่ 20 เมตรเอ๊ง จงอางอีกตัวเลื้อยหนีเข้าป่าไป (นี่มันจะมีตัวอะไรโผล่มาอีกมั้ยเนี่ย) ทุกคนปล่อยผ่าน ไม่อยากมีเรื่องกับสัตว์โดยไม่จำเป็น เหอ ๆ ๆ บากบั่นเดินทางกลับกันมาอย่างยากลำบาก และเหนื่อยอ่อน จนมาถึงโตรกลึกตอนหนึ่ง จู่ ๆ ก็มีเสียงพงไม้เตี้ย ๆ บริเวณนั้นสั่นไหวอย่างรุนแรง พร้อมเสียงคำรามและกรีดร้องของสัตว์ดังออกมา มันคือ – มันคือ ฝูงหมาในรุมหมูป่านั่นเอง เอง เอง พวกเขาเข้าไปดูในที่เกิดเหตุ พบแต่ซากหมูป่าที่ถูกรุมกัดก้นจนขาดกลวง เครื่องในถูกลากออกไปหมดแล้ว โอ้ววว นี่หมาในหรือกระสือนี่ จ้องแต่จะกินตับไตไส้พุง เอิ๊กส์ พี่รพินทร์ให้ความรู้ว่า มันเป็นธรรมเนียมของหมาในที่จะต้องลากเครื่องในสัตว์ออกไปกินซะก่อนที่ล่าได้สำเร็จ แล้วจะย้อนกลับมากินซากทีหลัง พี่รพินทร์หันไปถามความคิดเห็นจากคุณชายเกี่ยวกับซากหมูป่าที่เป็นลาภลอยตัวนี้ คุณชายบอกว่าอย่าเอากลับไปเลย ทิ้งไว้ที่นี่แหละ เดี๋ยวหมาในมันจะแช่งชักหักกระดูกเอา 555

เมื่อกลับมาถึงแค้มป์ ทุกคนก็ต้องพบกับข่าวร้าย ....

บุญคำผู้ซึ่งกลับมาจากการเอาหนังไอ้กุดกลับไปซักที่หนองน้ำแห้ง เขากลับมาพร้อมกับข่าวร้ายที่ว่าลูกหาบที่ไปด้วยกันกับบุญคำ ถูกไอ้แหว่งฆ่าตายไปเมื่อกลางวันนี้เอง ลูกหาบชื่อนายอินถูกไอ้แหว่งใช้งวงมัดตัวกวัดแกว่งไปมากลางอากาศ แล้วแหวี่ยงร่างของเขาไปกลางโขลงช้าง แล้วก้อออออ T_T ส่วนบุญคำหนีตายเข้าไปในดงหนามไผ่ทันเวลาแบบจวนตัวพอดี

คุณหญิงดารินรำพึงว่า คนของคณะตายไป 2 แล้ว ทั้ง ๆ ที่ยังเดินทางไปไม่ถึงหล่มช้างกันเลย พี่ คุณชายเริ่มเป็นกังวล เพราะเพิ่งจะโล่งอกเรื่องไอ้กุดมาหยก ๆ แต่กลับต้องมาเป็นกังวลเรื่องไอ้แหว่งอีกแล้ว รพินทร์สอบถามบุญคำให้แน่ใจเกี่ยวกับสถานที่เกิดเหตุ และบอกกับทีมว่าจะไปสำรวจพื้นที่เกิดเหตุในวันรุ่งขึ้น (จากลับไปทามมายมิทราบบบบ) ถ้ายังฆ่าไอ้แหว่งไม่ได้ จะไม่ยอมเดินทางต่อ การตัดสินใจในครั้งนี้ ได้ใจลูกหาบไปเลย แม้รพินทร์และแงซายจะรู้ดีว่าการตามหาไอ้แหว่งไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ อาจกินเวลานานเป็นปีก็ได้ แต่อย่างไรก็ตามพวกเขาก็เลือกที่จะทำตามความประสงค์จองนายจ้างเป็นหลัก

คืนนั้น หลังจากที่เตอนคุณหญิงเรื่องการแขวนตะเกียงในเต้นท์ขณะอาบน้ำเป็นที่เรียบร้อยแล้ว (แขวนจะเกียงไว้ในเต้นท์อย่างงั้น คนข้างนอกเค้าก็เห็นกันหมดดี๊) พี่รพินทร์ก็เข้านอน พี่รพินทร์สะดุ่งตื่นขึ้นมากลางดึกถึง 2 ครั้ง ครั้งแรกเพราะได้ยินเสียงเลือมากินน้ำใกล้ ๆ อีกครั้งนึงคือเสียงปืนแฝดที่ดังมาจากที่ไม่ไกลจากแคมป์ที่พักนัก พี่รพินทร์และพรานคู่ใจและอาวุธครบมือวิ่งไปยังที่มาของเสียงปืน นั่นคือคือเต้นท์ของนายจ้างนั่นเอง เมื่อเปิดเต้นท์เข้าไป ภาพที่เห็นคือนายจ้างทั้งสามกระโดดขึ้นไปอยู่บนที่สูง ที่พื้นมีซากงูสามเหลี่ยวนอนตายอยู่ สอบถามได้ความว่าคุณหญิงยิงปืนตัวนี้ตายในขณะที่นายจ้างผู้ชายอีก 2 คนหลับไม่รู้เรื่องไรเลย ที่กระโดดขึ้นไปนั่งบนที่สูงเนี่ย เพราะตกใจตื่นจากเสียงปืนอ่ะ 555

ว่าแล้วพี่รพินทร์ก็โฆษณาขายยาอีกครั้ง 5555 พี่รพินทร์บอกว่ามีว่านชนิดนึงสามารถป้องกันงูได้ มันคือว่านนาคราชนั่นเอง ลักษณะลำต้นของมันเป็นไม้เลื้อยหน้าตาเหมือนงูเลย กลิ่นพิษสำหรับสัตว์เลื้อยคลานทุกชนิด คุณหญิงดักคอว่าเอาว่านมาป้องกันงู ไม่ใช่พญานาคหรือมังกรโผล่มาแทนซะล่ะ ก๊ากกกก แล้วทุกคนก็แยกย้ายกันกลับไปนอน แต่ก็อีกล่ะ...ตีสี่ ... เส่ยเข้ามาปลุกพี่รพินทร์อีกแระ เหตุเพราะเสือบุกเข้ามาจะงาบควายทำให้ควายดิ้นจนเชื้อหลุดวิ่งไล่เข้าป่าไปตัวนึง ควายอีกตัวชื่อไอ้พุกเห็นเพื่อนโดนเสือไล่ เลยดิ้นจนหลุดจากเชือกวิ่งตามหวังจะไปช่วยเพื่อน พี่รพินทร์และพรานคู่ใจตามรอยเสือและเลือดควายไปจนถึงป่าทึบด้านบนเจอแต่ควายที่โดนเสือตะกุยบาดเจ็บเล็กน้อย แต่เสือหนีไปแล้ว พวกเขาจึงตอนควายกลับแค้มป์

รุ่งเช้า หมอกยังไม่ทันจาง ทีมค้นหาไอ้แหว่งก็เริ่มออกเดินทางโดยมีบุญคำนำทางไปยังที่ที่เขาเจอกับโขลงไอ้แหว่งที่พุบอน พี่รพินทร์ไม่อาจคาดเดาได้ว่าไอ้แหว่งยังป้วนเปี้ยนอยู่บริเวณนั้นหรือไม่ คณะพบซากศพของอินกระจัดกระจายอยู่ทั่วบริเวณ พวกเค้าขุดหลุมฝังอินซะที่นั่นเลย จากนั้นก็เดินตามรอยโขลงต่อไป ขณะพักกินอาหารกลางวัน คณะอยู่ห่างจากโขลงไอ้แหว่งไม่เกิน 3 กิโลเมตร พี่รพินทร์รับคำสั่งจากคุณชายให้วางแผนการล่า แผนการคือจะแบ่งคนออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มหนึ่งบุกเข้าไปในดงที่คาดว่าโขลงไอ้แหว่งอยู่ (พี่รพินทร์กับคุณชาย) อีกกลุ่มซุ่มอยู่ปากทางเข้าดงคอยสอบเวลาพวกช้างวิ่งออกมาจากดง (คนที่เหลือ)

เมื่อตกลงตามนั้น พี่รพินทร์กับคุณชายเชษฐาจึงบุกป่าฝ่าดงเข้าไปด้วยความยากลำบาก จนในที่สุดก็ได้ยินเสียงโขลงไอ้แหว่งอยู่ไม่ห่างนัก ซ้ายที ขวาที หน้าที หลังที ทั้งสองรู้ได้ทันทีว่าพวกเขาเข้ามาอยู่ใจกลางโขลงไอ้แหว่งแล้ว แต่ปัญหาของทั้งสองคนคือ จะหาตัวไอ้แหว่งเจอได้ไง พี่รพินทร์บอกว่าให้พยายามมองให้ดี เจอตัวไหนก็ซัดได้เลย ไม่จำเป็นต้องเป็นไอ้แหว่ง เดี๋ยวตัวอื่นจะตื่นกระจายออกไปตรงปากดงเอง แล้วทั้งสองก็เจอตัวนึงเข้าห่างไปข้างหน้าประมาณ 30 เมตร ในขณะที่กำลังเล็งอยู่นั้น ที่ด้านหลังก็มีช้างอีก 2 ตัวพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว ทั้งสองหันปากกระบอกปืนกลับมาแทบไม่ทัน เอิ๊กส์ พี่รพินทร์ยิงตัวแรกเข้าที่เหนืองาเล็กน้อย ช้างทรุดลงทันที ตัวที่สองคุณชายยิงเข้าสีข้างช้างเซถลาร้องดังป่าลั่น แล้วพุ่งเข้าหาคุณชาย พี่รพินทร์ยิงเข้ากกหู คุณชายวิ่งหนีอ้อมโขดหินไปตั้งหลักใหม่แล้วยิงเข้าหัวช้าง .. เกม หลังจากกำจัดช้างทั้งสองตัวแล้ว รอบ ๆ บริเวณเหมือนมีแผ่นดินไหว ช้างวิ่งกันโกลาหล พี่รพินทร์ล้มช้างสีดอได้อีกตัว และคุณชายยิงได้อีกตัว รวม 4 ตัวที่สามารถล้มได้ในคราวนี ทั้งสองไม่มีใครสังเกตเห็นไอ้แหว่งจ่าโขลง

กลุ่มที่ 2 ที่รออยู่ที่ปากดง กระชับปืนขึ้นเมื่อเห็นโขลงช้างแตกกระจายออกมา แล้วเสียงปืนก็ดังกระหน่ำแบบนับไม่ทัน พอสิ้นเสียงปืน กลิ่นดินปืนก็คละคลุ้งไปทั้งบริเวณ ซากช้างตัวใหญ่อย่างกับภูเขานอนตายอยู่ 4 ตัว บุญคำเป่าปากส่งสัญญาณเข้าไปในดง แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับ ซักพักจึงได้ยินเสียงตอบ เมื่อพี่รพินทร์และคุณชายออกมาสมทบที่ปากดงแล้วบุญคำก็รายงานว่าทางนี้ก็ไม่เห็นวี่แววของไอ้แหว่งเช่นกัน

ระหว่างเดินทางกลับแค้มปฺ พี่รพินทร์ถามขึ้นว่าคณะนายจ้างต้องการย้ายแค้มป์ออกจากโป่งกระทิงหรือยัง คุณชายบอกว่าอยากอยู่ยิงกระทิงซักตัวก่อน พี่รพินทร์ยอมตามนั้น ส่วนเรื่องไอ้แหว่ง ค่อยล่ามันใหม่เมื่ออกจากห้วยยายทองซึ่งเป็นสถานีต่อไป วันรุ่งขึ้นคุณหญิงแสดงฝีมือทำอาหารด้วยตัวเอง โดยมีแงซาย และลูกหาบเป็นลูกมือ เมนูวันนี้คือแกงมัสมั่นวัวแดง แกงเขียวหวานกวาง นกเขาเขียวตุ๋นมะนาวและถั่วกระป๋อง กระทาดงอบซีอิ๊ว ต้มยำปลาก้าง




Create Date : 06 มีนาคม 2555
Last Update : 6 มีนาคม 2555 11:17:31 น. 0 comments
Counter : 522 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Kika_ii
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add Kika_ii's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.