Group Blog
 
<<
มีนาคม 2555
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
22 มีนาคม 2555
 
All Blogs
 

ไพรมหากาฬ 27 : เราไปตามหาไอ้แหว่งกันเถอะ

หลังจากที่คุณชายครุ่นคิดเรื่องแผนการล่าไอ้แหว่งอยู่พักใหญ่ เขาก็บอกให้พี่รพินทร์รู้ว่า เมื่อถึงหุบเขาชะมดทีมล่าไอ้แหว่งจะแยกตัวออกจากกองเกวียน ปล่อยให้เกวียนเดินทางต่อไปยังห้วยยายทอง และสิ้นสุดที่ป่าหวายเพื่อรอทีมล่าไอ้แหว่งกลับไปสมทบหลังจากเสร็จสิ้นการล่าแล้ว ส่วนทีมล่าไอ้แหว่ง ก็ต้องแล้วแต่สถานการและปริมาณเสบียงที่ติดตัวไป พี่รพินทร์เรียกพรานทั้งสี่ แงซาย และนายเมยหัวหน้าลูกหาบมาประชุมเพื่อบอกแผนการ ผู้ที่จะไปกับทีมล่าไอ้แหว่งคือเกิด และ แงซาย ส่วนที่เหลือจะไปกับกองเกวียน


หลังจากแยกย้ายกันตามแผน พี่รพินทร์ก็นำทางคณะล่าไอ้แหว่งไปทางตะวันออก ระหว่างทางพบรอยเหยียบย่ำของสัตว์สับสนไปหมด จนกระทั่งมาถึงดอนสูงลูกหนึ่ง ที่พื้นดินมีร่องรอยการงัดแทะ ที่ต้นไม้ก็มีร่องรอยการชักดึง พี่รพินทร์บอกว่านี่เป็นรอยของช้างป่าโขลงอื่น ไม่ใช่ไอ้แหว่ง คณะเดินป่าทั้งหก อันประกอบด้วยคุณชาย คุณหญิง ไชยยันต์ พี่รพินทร์ เกิด และ แงซาย เดินไปตามรอยอย่างเงียบ ๆ ไม่มีการพูดกันโดยไม่จำเป็น


ระหว่างที่ตามแกะรอย สัตว์ป่าหลากหลายชนิดโผล่มาให้เห็น ไม่เว้นแม้แต่สมันที่ทุกคนเข้าใจว่าสูญพันธุ์ไปแล้วก็มี ไชยยันต์เกือบพลั้งมือยิงออกไปหวังล่าสมัน ดีที่คุณชายห้ามไว้ก่อน เพราะเกรงว่าเสียงปืนอ่าจทำให้ป่าแตกซะเปล่า ๆ ไม่แต่ไชยยันต์ที่เกือบทำเสียเรื่อง คุณหญิงเองก็เกือบโดนงูกัดโดยรู้เท่าไม่ถึงการ เธอเห็นไข่วางอยู่ก็นึกว่าเป็นไข่นกกระทาจึงจะคว้าหยิบ ดีที่แงซายบอกซะก่อนว่าเป็นไข่งู เกือบไปแล้ว


ในขณะที่อยู่ในพงหญ้านั้นเอง พวกเขาได้ยินเสียงเอี๊ยดอ๊าดซึ่งเป็นเสียงของการทะเลาะเบาะแว้งของตัวอะไรซักอย่าง ในที่สุดก็รู้ว่ามันคือหมูป่าจำนวนมากถึง 70 – 80 ตัวกำลังนอนเกลือกกลิ้งกันอยู่ในปลักโคลนอย่างเพลิดเพลิน เกิดถามระพอนทร์ว่าจะให้ยิงหมูมาไว้เป็นสเบียงหรือเปล่า พี่รพินทร์บอกว่าไม่จำเป็นหรอก หนักเปล่า ๆ อีกอย่างเค้าไม่ต้องการให้มีเสียงปืนดังขึ้นหากไม่จำเป็นด้วย ทีมแกะรอยไอ้แหว่งจึงเลิกสนใจฝูงหมู แต่จู่ ๆ ก็เกิดพฤติกรรมประหลาดในฝูงหมูเกิดขึ้น หมูพากันหยุดชะงักกิจกรรมอันเพลิดเพลิน แล้วต่างวิ่งกระโจนเข้ามาในดงหญ้าทางที่พวกเค้าอยู่ มันคงได้กลิ่นอะไรซักอย่างจากดงฝั่งตรงข้ามแน่ ๆ เสือตัวใหญ่กำลังหิวนั่นเอง พี่รพินทร์จุดบุหรี่ขึ้นสูบเพื่อตรวจสอบทิศทางลม จากนั้นเขาพาทีมเดินเลี่ยงสมรภูมิเสือล่าฝูงหมูออกไปยังลำห้วยฝั่งตรงข้าม เดินเลยไปจนถึงเนินลาดชันที่มีความลื่นเนื่องจากมีตะไคร่น้ำอยู่มาก ที่นั่นมีรอยตีนช้างเต็มไปหมด ซึ่งล้วนเป็นรอยที่เกิดขึ้นไม่นานมานี้เอง พี่รพินทร์คาดว่าโขลงไอ้แหว่งคงหยุดกินดินโป่งบริเวณไม่ห่างจากนี้นี่เอง แงซายและเกิดเรียกให้ทุกคนดูซากเสือตัวใหญ่เกอบเท่าม้า นอนตายในสภาพร่างแหลกเหลว ซากเต็มไปด้วยรอยกระทืบและรอยงาเสียบ มีรอยเลือดสด ๆ ที่ไม่ใช่เลือดเสือหยดเป็นหย่อม ๆ เรื่อยไปทางชายตลิ่งด้านตรงข้าม ทุกคนดีใจที่ได้เจอร่องรอยสดใหม่ของไอ้แหว่ง แต่ก็อดแปลกใจไม่ได้ที่ไม่เจอเจ้าควายมหิงสาที่เป็นกองหลังของไอ้แหว่ง


ทั้งหมดเดินตามรอยเลือดช้างในโขลงไป จนกระทั่งรอยเลือดค่อย ๆ จางลง ๆ เป็นลำดับ จนหายไป เหลือแต่รอยตีนของพวกช้างที่มุ่งสู่ทางเข้าดงเถาวัลย์ขนาดใหญ่ ดงเถาวัลย์ตรงหน้าเป็นดงเถาวัลย์ขนาดใหญ่ ลำต้นเท่าหน้าแข้ง ถักทอพันเกี่ยวกันเหมือนเป็นกำแพง พื้นด้านในเตียนโล่ง อาณาเขตกว้างมาก เหมือนเป็นโดมขนาดใหญ่กว่า 20 ตารางกิโลเมตร ภายในยังแยกเป็นห้องหับสลับซับซ้อนเหมือนเขาวงกต (อย่าบอกนะว่าไอ้แหว่งสร้างสิ่งนี้ขึ้นมาอ่ะ) อัครมหาสถาปัตยกรรมอลังการนี้มีชื่อว่า วังช้าง นั่นเอง แต่ดูเหมือนว่าโขลงไอ้แหว่งไม่มีวี่แววว่าจะมาหลบนอนพักผ่อนที่นี่ ได้แต่เดินผ่านไปเท่านั้น พวกเขาจึงเดินผ่านวังช้างไปยังแหล่งดินโป่ง ที่นั่นมีรอยตีนสัตว์ป่ามากมายลงมากินดินโป่งกันรวมถึงรอยช้างด้วย พี่รพินทร์บอกว่าไม่พบรอยตีนเจ้าควายมหิวสาเลย เห็นแต่รอยกระทิง คุณหญิงลองภูมิว่าจะรู้ได้ไงว่าไหนรอยตีนกระทิง ไหนรอยตีนควาย ในระหว่างถกกันเรื่องรอยตีน (กระทิง – ควาย) อยู่นั้นก็มีเสียงดัง “ฟาด” เกิดขึ้น มันดังมากจนทุกคนตกใจ ทันไดนั้นป่าถัดจากดินโป่งก็หักโครมครามลงมา เจ้ามหิงสาควบตามลงมาอย่างรวดเร็ว พี่รพินทร์รีบตะโกนให้ทุกคนหลบเป็นการด่วน ทุกคนหลบกระเจิงไปคนละทิศละทาง มหิงสาพุ่งตรงมายังบริเวณจอมปลวกที่พี่รพินทร์กับคุณหญิงดารินหลบอยู่ คุณชายและไชยยันต์ยิงช่วย มันวิ่งหนีทันเข้าไปในดง ซักพักเสียงแปร๊น ๆ ดังออกมาจากดงทึบด้านที่เจ้ามหิงสาจู่โจมออกมา เสียงห่างไปประมาณ 1 กิโลเมตร และกำลังห่างออกไปเรื่อย ๆ พวกมันคงตื่นเสียงปืน


ทีมล่าไอ้แหว่งรู้ดีว่าขณะนี้พวกเขาอยู่ห่างจากไอ้แหว่งไม่มาก ถ้าไม่มีเจ้ามหิงสามาขวางซะก่อน พวกเขาอาจจะตามไอ้แหว่งทันแล้วก็ได้ ปัญหาคือไม่แน่ใจว่าเจ้ามหิงสาจะยังป้วนเปี้ยนอยู่รอบ ๆ ตัวพวกเชาอีกหรือไม่ เกิดเข้ามาบอกว่าเห็นรอยเลือด นั่นแปลว่าเมื่อสักครู่ไม่คุณชายก็ไชยยันต์ต้องยิงถูกเจ้าควายมหิงสาตัวนั้นแน่ ๆ เกิดและแงซายตามรอยเลือดไปก็พบว่าฝีเท้าของมันสม่ำเสมอ ที่พื้นมีเลือดไม่มาก แปลว่าแผลไม่ฉกรรจ์ น่าจะเป็นฝีมือของคุณชายมากกว่าเพราะปืนเล็กกว่าของไชยยันต์ พี่รพินทร์บอกว่าไม่ต้องไปสนใจตามไอ้มหิงสาให้เสียเวลาหรอก เป้าหมายสำคุญของพวกเราคือไอ้แหว่งนะ อย่าลืม


พวกเขาเดินตามรอยไปเรื่อย ๆ จนพบสถานที่ที่โขลงไอ้แหว่งมาชุดนุมกัน คาดว่าน่าจะเมื่อประมาณ 20 นาทีที่ผ่านมานี้เอง (เป็นเวลาเดียวกับที่มหิงสาจู่โจม) พี่รพินทร์เสียดายมากที่ถูกควายมหิวสาถ่วงเวลาไว้จนทำให้มาไม่ทันโขลงไอ้แหว่ง แงซายออกไปยืนห่างจากกลุ่ม ทำมือป้องหู แล้วก็ก้มลงฟังเสียงที่พื้น เขาลุกขึ้นบอกผลการฟังเสียงให้พี่รพินทร์รู้ว่าพวกไอ้แหว่งยังไปไม่ไกลนัก พวกมันเดินอย่างไม่รีบร้อย เหมือนจะล่อให้ตามอย่างงั้นแหละ ถ้าจะตามจริง ๆ คืนนี้ก็เจอ แต่พอดีตอนนั้นก็เริ่มจะมืดแล้ว คุณชายจึงพักกันก่อนพรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่ พรารพินทร์บอกให้เดินต่ออีกนิดเพื่อออกจากหุบ บรรยากาศจะได้น่านอนกว่านี้ อิอิ


เมื่อเดินออกจากหูบมาได้ ตรงหน้าคือป่าโคกที่อุดมไปด้วยโขดหินใหญ่และหน้าผา พื้นดินเป็นลานหินเกลี้ยงเกลาสะอาด ไม่มีเศาใบไม้ซักกะชิ้น คุณหญิงถึงกับสงสัยว่าใครมากวาดไว้ คุณชายคุยกับพี่รพินทร์ว่าเขาเคยรู้มาว่านกหว้ามักจะชอบทำลานโล่ง ๆ ไว้สำหรับรำแพนหางเรียกตัวเมีย ไม่รู้ที่เห็นนี้เป็นลานของมันหรือเปล่า พี่รพินทร์ชมในความรอบรู้เรื่องป่าของคุณชาย แล้วบอกว่านี่แหละใช่เลยฮัฟ คุณชายเสริมว่าในตอนกลางวันนกหว้าจะคอยดูแลความสะอาดลานของตัวเองเป็นอย่างดี แต่พอตกกลางคืนก็จะขึ้นไปนอนบนต้นไม้ คุณหญิงแปลกใจที่นกมีพฤติกรรมแบบนี้เธอหันไปถามพี่รพินทร์ว่าจริงหรือไม่ พี่รพินทร์บอกว่าทีแรกกะจะอำว่าผีกองกอยมันเป็นคนทำ แต่พอดีคุณชายบอกความจริงไปแล้วน่ะ 555


นกหว้ามันจะหวงแหนลานรำแพนของมันมาก นายพรานทุกคนรู้ดี วิธีการฆ่านกหว้า (อย่างโหดเหี้ยม) ที่นายพรานมักใช้กันคือ อาศัยจุดอ่อนเรื่องความหวงแหนลานของนกหว้านี่แหละ นายพรานจะเหลาไม้ไผ่ให้บางและคมเหมือนมีด แล้วไปปักไว้ที่ลาน พอนกมาเห็นก็จะพยายามจิก ๆ เขี่ย ๆ ออก แต่เนื่องจากปักไว้แน่น นกหว้าจึงต้องเอาคอของมันดัน ซึ่งก็ทำให้ไม้ไผ่บาดคอนกตายไปเลย โอ้ววว พี่รพินทร์บอกถ้าคุณหญิงไม่เชื่อจะลองปักไม้ไผ่ไว้ให้ดู คุณหญิงบอกโหดงี้ขอให้ตกนรกอย่าได้ผุดได้เกิดเลย หุหุ พี่รพินทร์บอกเค้าล้อเล่นน่ะ แค่คิดยังไม่เคยคิดจะทำซักครั้งเลย แต่มีคนนึงสะอึดอยู่ คนนั้นคือเกิดนั่นเอง เกิดบอกเคยทำครั้งนึง คุณหญิงอย่าแช่งนะ ๆ ๆ


ทีมล่าไอ้แหว่งตัดสินใจพักที่นี่แหละ คืนนี้จะเป็นการพักค้างคืนในสภาพเดินป่าเป็นครั้งแรก สำหรับนายจ้างอย่างคุณชายและไชยยันต์น่ะ ไม่มีปัญหาเพราะเป็นทหาร เคยบุกบั่นมาบ้างแล้ว แต่คุณหญิงของเรานี่สิ ขลุกขลักเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ปริปากบ่น พี่รพินทร์เห็นคุณหญิงนั่งเคี้ยวข้าวตุ้ย ๆ แล้วก็นึกขำ เพราะสภาพมอมแมมของเธอผิดไปเป็นคนละคนกับตอนที่พบกันครั้งแรก คุณหญิงรู้สึกกลัวแต่ก็พยายามซ่อนความกลัวไว้ในใจจนมิดไม่ให้ใครรู้ เธอปลอบใจตัวเองว่า “ป่าก็คือบ้าน” ขณะที่ทุกคนอยู่ในความเงียบ ประสาทหูของแงซายจับเสียงบางอย่างได้ มันเป็นเสียงน้ำกระฉอกอยู่ที่แอ่งน้ำถัดออกไป ไชยยันต์ทายว่าเป็นหมู คุณชายทายว่าเป็นสมเสร็จ แล้วทั้งคู่ก็หันมาทางพี่รพินทร์เพื่อขอคำเฉลย (อีกตามเคย 555 ) พี่รพินทร์พยายามฟังอย่างตั้งใจ เค้าได้ยินเหมือนมีใครมาวักน้ำขึ้นสาด (จ๊างพ่นน้ำหรือเปล่าเพ่) เกิดกับแงซายดูเหมือนจะรู้แล้ว ทั้งสองหันมาบอกให้ที่เหลือตั้งใจฟังใหม่แล้วทายมาอีกที คุณหญิงบอกสงสัยจะเป็นช้างมาพ่นน้ำเล่น ไม่ก็หมีควาย พี่รพินทร์บอกให้ทุกคนตามมาเดี๋ยวจะถึงบางอ้อ


เมื่อไปถึงพี่รพินทร์ฉายไฟฉายไปที่แอ่งน้ำ ก็เห็นภาพงูเหลือมบิดไปมาวิดน้ำอยู่กลางแอ่ง พี่รพินทร์บอกว่างูเหลือมมันพยายามวิดน้ำออกจากแอ่งเพื่อจะได้ลงไปจับปลากินได้สะดวก (จริงเหรอ O_O ) ทุกคนอึ้งกับภูมิปัญญาของงูเหลือม เอิ๊กส์ ไชยยันต์เกรงว่าปลาในแอ่งน้ำจะไม่พอให้เจ้างูเหลือมอิ่มท้อง เดี๋ยวมันจะขึ้นมากินคนต่อ คุณชายบอกงั้นก็เอาไว้ไม่ได้ พี่รพินทร์จึงสั่งให้แงซายและเกิดสำเร็จโทษมันซะ (อีกแระ) ทั้งสองจัดการมันอย่างมืออาชัพด้วยมีดเดินป่าคู่กายภายในไม่กี่นาที หลังจากจัดการงูเหลือมที่วิดน้ำออกจากแอ่งแล้ว ทั้งสองคนจึงได้โอกาสจับปลา (ที่ควรจะเป็นอาหารงูเหลือม) ติดมือกลับมาด้วย 7 – 8 ตัว กลับไปทำปลาเผาได้อีก งุงิ




 

Create Date : 22 มีนาคม 2555
0 comments
Last Update : 22 มีนาคม 2555 21:01:30 น.
Counter : 763 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


Kika_ii
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add Kika_ii's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.