Group Blog
 
<<
มกราคม 2555
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
2 มกราคม 2555
 
All Blogs
 
ผู้หญิงที่ โชคดีที่สุด ในปี 2011 มาดูกัน ว่าเป็นใคร




สุภาษิตที่ว่า “แข่งเรือแข่งพาย...แข่งกันได้ แต่!!! แข่งบุญแข่งวาสนา...แข่งกันไม่ได้” ถูกนำมากล่าวเปรียบเปรยอยู่เสมอ ๆ ในสังคมไทย ทว่าในวันนี้บุญพาวาสนาส่งเกิดขึ้นทุกแห่งบนโลกใบนี้ และในรอบปีกระต่ายก็มีหลายคนที่บุญพาวาสนาส่งให้ได้พบกับเรื่องราวดี ๆ เข้ามาในชีวิตเพียงเวลาแค่ข้ามคืน ตลอดปี พ.ศ. 2554 มีเหตุการณ์ยิ่งใหญ่ที่สร้างความประทับใจ และเป็นที่กล่าวขานไปทั่วโลก เมื่อบรรดาสมาชิกราชวงศ์ต่างพร้อมใจสละโสด เข้าสู่พระราชพิธีอภิเษกสมรส, พิธีเสกสมรส โดยมิได้นัดหมาย แต่มีข้อสังเกตว่า สาว ๆ ผู้โชคดีที่เดินเคียงคู่สู่ประตูวิวาห์นั้นกลับมิใช่ “เจ้าหญิง” หรือ “หญิงสูงศักดิ์”จากราชวงศ์ใด ๆ กลับกลายเป็นสาวสามัญชนคนเดินดินธรรมด๊า...ธรรมดา ที่มีหัวใจมาห่มรักสามารถพิชิตหัวใจ “กษัตริย์”(หนุ่ม) และ “เจ้าชาย” (หนุ่ม) ไปครอบครองได้สำเร็จ จนสร้างความอิจฉาตาร้อนผ่าว ๆ ให้แก่ผู้หญิงทั่วโลก



สาวสามัญชนที่บุญพาวาสนาส่งขึ้นสู่ตำแหน่ง “ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์”เป็นสาวน้อยจากเมืองเบิร์คเชียร์นามว่า “เคท มิดเดิลตัน” วัย 29 ปี เธอคนนี้ได้ชื่อว่าเป็นสาวน้อยที่โดดเด่นมากตามสื่อต่าง ๆ ภายหลังเข้าสู่สถานภาพนักศึกษาสาวสะพรั่งแห่งคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยเซนต์แอนดรูส์ ประเทศสกอตแลนด์ สถานที่ที่ทำให้ได้พบกับเจ้าชายหนุ่มรูปงาม “เจ้าชายวิลเลียม” ซึ่งเป็นที่หมายปองของสาว ๆ ทั่วโลก ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เริ่มจากความเป็นเพื่อนกระทั่งเปลี่ยนมาศึกษาดูใจกันในฐานะคนรัก และใช้เวลาศึกษาดูใจกันนานกว่า 8 ปี แม้มีบางช่วงที่ห่างเหินกันไปบ้าง สุดท้ายแล้วเจ้าชายวิลเลียมยังคงคิดถึงเคทตลอดเวลา ทรงเคยรับสั่งในการให้สัมภาษณ์ทางสถานีโทรทัศน์ไอทีเอ็นว่า “ครั้งแรกที่พบเคทเรารู้ว่าเธอมีอะไรที่พิเศษ อยากรู้จักเธอมากขึ้น เราเป็นเพื่อนกันอยู่พักหนึ่ง ซึ่งเป็นการสร้างพื้นฐานที่ดี เพราะเชื่อว่าการเป็นเพื่อนถือเป็นข้อได้เปรียบ หลายปีมานี้เรามีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นแม้ไม่ได้ราบรื่น แต่ล้มแล้วลุก ปํญหาที่เคยมีในช่วงแรกก็หมดไปแล้ว การอยู่ด้วยกันจึงเป็นเรื่องง่าย”



เมื่อความรักอันหอมหวานสุกงอมได้ที่ พิธีเสกสมรสระหว่างเจ้าชายวิลเลียม กับ เคท มิดเดิลตัน หรือดยุคและดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ ในปัจจุบัน จึงเกิดขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ 29 เม.ย. ที่ผ่านมา ณ มหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ และนับตั้งแต่วินาทีนั้นดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ก็ถูกจับตามองมากขึ้นๆ จากคนทั้งโลก เพราะหลังเข้าพิธีเสกสมรสเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เธออาจกลายเป็นว่าที่พระราชินีแห่งราชวงศ์อังกฤษคนต่อไป ผู้คนรอบข้างต่างอิจฉาในบุญพาวาสนาส่ง และหลายคนคิดว่านี่คือ ความโชคดีของหญิงสาวเจ้าเสน่ห์คนนี้ แต่นั่นอาจเป็นเพียงส่วนหนึ่ง จะมีใครรู้บ้างว่า เคท มิดเดิลตัน ต้องฟันฝ่ากฎเกณฑ์ต่าง ๆ ที่ดูเหมือนเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ต้องปฏิบัติตามกฎของพระราชวังมากมายเหมือนที่เจ้าหญิงไดอาน่า พระมารดาของพระสวามีทรงเคยเผชิญมาก่อน และความคาดหวังของชาวเมืองผู้ดีในขณะนี้ คงหนีไม่พ้นการให้กำเนิดรัชทายาทพระองค์น้อย เพื่อสืบราชบัลลังก์ต่อไป

อย่างไรก็ตาม แม้ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์มาจากสาวสามัญชนธรรมดา ทว่าเธอก็เพียบพร้อมด้วยความรู้ ความสามารถ บุคลิกภาพ และการวางตัวที่ดีเยี่ยม รวมทั้งพยายามเรียนรู้การเข้าสังคมและงานการกุศลต่าง ๆ พร้อมเดินเคียงข้างดยุคแห่งเคมบริดจ์ เป็นเจ้าหญิงเจ้าเสน่ห์และสง่างามหญิงสาวสามัญชนที่โชคดีอีกคน มีกีฬา “ว่ายน้ำ” ซึ่งเปรียบเสมือนชีวิตจิตใจเป็นกามเทพแผลงศรสื่อรัก พลิกชีวิตจากนักกีฬาว่ายน้ำทีมชาติแอฟริกาใต้ กลายเป็นส่วนหนึ่งของราชวงศ์กริมัลดี ในตำแหน่งสูงศักดิ์เจ้าหญิงแห่งโมนาโก แน่นอนว่าหญิงสาวคนที่ถูกกล่าวถึงคือ “ชาร์ลีน วิทต์สต็อก” หรือ เจ้าหญิงชาร์ลีนแห่งโมนาโก พระชายาในเจ้าชายอัลเบิร์ตที่ 2 แห่งโมนาโก วัย 33 ปี ด้วยชาติกำเนิดเป็นสาวชาวแอฟริกาใต้ เชื้อสายซิมบับเว เพราะได้ย้ายถิ่นฐานไปอยู่ที่สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ตั้งแต่อายุ 10 ขวบ แต่เมื่อเธอได้เป็นที่รู้จักของประชาชนชาวโมนาโกในฐานะคนรักของเจ้าชายก็ได้รับการต้อนรับพร้อม ๆ กับสร้างความปลื้มปีติยินดีให้แก่คนทั้งประเทศ ภายหลังเจ้าชายอัลเบิร์ตประกาศหมั้นอย่างเป็นทางการ นับตั้งแต่เวลานั้นจึงเปรียบเสมือนการสิ้นสุดแห่งการรอคอยของประชาชนชาวโมนาโกที่รอคอยหญิงสาวแสนสวยงามสง่ามาเคียงคู่เจ้าชายอัลเบิร์ตที่ 2 แห่งโมนาโก ยาวนานกว่า 30 ปี หลังตำแหน่งของเจ้าหญิงว่างเว้นลงตั้งแต่เจ้าหญิงเกรซพระมารดาสิ้นพระชนม์ด้วยอุบัติเหตุ

นิยายรักระหว่างเจ้าชายอัลเบิร์ตที่ 2 กับสาวสามัญชนชาร์ลีน เริ่มขึ้นในปี 2543 ขณะเดินทางไปแข่งขันว่ายน้ำที่ประเทศโมนาโก ถือเป็นรักแรกพบก่อนตกลงปลงใจคบหากันในปี 2549 และเข้าพิธีอภิเษกสมรสเมื่อวันที่ 1-2 ก.ค. ที่ผ่านมา ณ พระราชวังเจ้าชายในโมนาโก นอกจากความรักที่เป็นโซ่คล้องใจระหว่างกันแล้ว ความเป็นนักกีฬาของชาร์ลีนที่มีความคล่องแคล่ว แข็งแรง พร้อมรูปร่างสูงโปร่งแบบฟิตแอนด์เฟิร์ม บวกกับนิสัยที่เป็นคนเรียบง่ายติดดิน ร่าเริง และมีความมุ่งมั่น เป็นจุดเด่นที่ทำให้เจ้าชายหนุ่มผู้สำราญ ประทับพระราชหฤทัยและพร้อมมอบหัวใจไว้ที่หญิงสาวคนนี้

ส่วนเส้นทางการเป็นเจ้าหญิงของชาร์ลีน ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป เพราะช่วงเวลา 4 ปีที่ผ่านมา กับชีวิตในประเทศโมนาโก ชาร์ลีนต้องค่อย ๆ สละงานที่ทำอยู่และอำลาจากวงการว่ายน้ำ ต้องปรับตัวจากที่เคยเป็นผู้หญิงธรรมดา ๆ คนหนึ่งให้กลายเป็นเจ้าหญิงเหมือนในเทพนิยาย และบ่อยครั้งที่ถูกนำไปเปรียบเทียบกับเจ้าหญิงเกรซ ผู้ที่ได้รับการชื่นชมว่าเป็นเจ้าหญิงที่สวยที่สุดในโลก ทั้งรูปร่างหน้าตา การแต่งกาย ความสามารถ การวางตัว และการปฏิบัติตนในราชวงศ์ แต่เสียงกระทบรอบข้างไม่เคยทำให้ชาร์ลีนย่อท้อและหมดกำลังใจ แต่กลับทำให้มีพลังพร้อมสานต่อความตั้งใจในการอุทิศตนเพื่อสังคมและมนุษยธรรม ก้าวเดินตามเจ้าชายอัลเบิร์ตที่ 2 ในการปฏิบัติพระราชกรณียกิจด้านการกุศล และดูแลความเป็นอยู่ของเหล่าพสกนิกร

ผ่านมาไม่นานกับหญิงสาวที่โชคดีที่สุดในประเทศภูฏาน “เจตซัน เปมา” หรือ “พระราชินีเจตซัน เปมา” ด้วยวัยเพียง 21 ปี แต่กลับกลายเป็นผู้เปลี่ยนแปลงความคิด และประเพณีการมีภรรยาหลายคน ที่มีมาอย่างยาวนานในประเทศภูฏาน เมื่อราชามังกรแห่งเทือกเขาหิมาลัย “สมเด็จพระราชาธิบดี จิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก” หนุ่มในฝันของสาว ๆ ที่พร้อมด้วยพระสิริโฉมและพระจริยวัตรอันงดงาม ประกาศต่อหน้าพสกนิกรที่มาเป็นสักขีพยานท่ามกลางพิธีอภิเษกสมรสกับเจ้าสาวสามัญชน “เจตซัน เปมา” ว่า “จะมีภรรยาเพียงคนเดียว” เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 13 ต.ค.ที่ผ่านมา ณ พูนาคาซอง

เจตซัน หญิงสาวเจ้าของหัวใจกษัตริย์หนุ่มแห่งภูฏาน เกิดที่เมืองทิมพู เมืองหลวงประเทศภูฏาน เป็นลูกคนที่ 2 ในจำนวนพี่น้องชายหญิง 5 คน ของอดีตกัปตันสายการบินดุ๊คแอร์ ปัจจุบันทำงานกับบาห์เรนแอร์ เริ่มศึกษาชั้นอนุบาลถึงมัธยมศึกษาตอนต้นที่เมืองทิมพู มัธยมปลายที่สาธารณรัฐอินเดีย มีความสามารถเป็นนักบาสเกตบอลประจำโรงเรียน จากนั้นเดินทางไปศึกษาในวิทยาลัยรีเจนท์ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ วิชาเอกความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ วิชาโทจิตวิทยาและประวัติศาสตร์ศิลปะ เพราะมีความสนใจด้านศิลปะและชอบไปพิพิธภัณฑ์ศิลปะในกรุงลอนดอน รวมทั้งสนใจการถ่ายภาพและฟังดนตรีพื้นบ้าน

ความรักระหว่าง “เจตซัน” กับ “กษัตริย์จิกมี” เป็นเสมือนดั่งเทพนิยาย ที่เจ้าชายหนุ่มผู้ที่ได้สืบบัลลังก์ต่อจากพระราชบิดา ซึ่งอาวุโสกว่า 10 ปี ตกหลุมรักสาวชาวบ้านตั้งแต่ครั้งวัยเยาว์ และมีความผูกพัน สนิทสนมจนให้สัญญาใจระหว่างกันว่า “โตขึ้นเราแต่งงานกันนะ” กระทั่งถึงเวลาอันเหมาะสม เมื่อเจ้าชายจิกมีได้รับการสถาปนาเป็นกษัตริย์ และประกาศต่อหน้าสมาชิกรัฐสภาถึงว่าที่พระคู่หมั้นในขณะนั้นว่า “แม้เธอจะยังเยาว์วัย แต่กลับมีจิตใจและบุคลิกที่งดงาม อบอุ่น รวมทั้งสติปัญญาที่จะมาพร้อมกับอายุและประสบการณ์ จะทำให้เธอสามารถรับใช้ประเทศชาติได้อย่างดีเยี่ยม” กลายเป็นเครื่องการันตีได้เป็นอย่างดีว่า “เจตซัน” เหมาะสมและคู่ควรกับตำแหน่งราชินีภูฏาน ในช่วงระยะเวลาที่กำลังคบหากัน เจตซันได้มีโอกาสติดตามกษัตริย์จิกมีเสด็จฯเยี่ยมเยียนราษฎรเป็นครั้งคราว พร้อมเคยกล่าวว่า “จะขอติดตามพระองค์ไปทุกแห่งหน”

หลังเสร็จสิ้นพระราชพิธีอภิเษกสมรส ทั้งสองพระองค์ต่างเคียงคู่ปฏิบัติพระราชกรณียกิจในฐานะพระราชาและพระราชินีของประเทศด้วยการเยี่ยมเยียนราษฎรและเสด็จฯเยือนประเทศต่าง ๆ อาทิ สาธารณรัฐอินเดีย ญี่ปุ่น และสหราชอาณาจักร เพื่อเป็นการเชื่อมสัมพันธไมตรีและเสมือนเป็นการเปิดตัวพระราชินีอย่างเป็นทางการให้เป็นที่รู้จักแก่เหล่าพสกนิกรทั่วโลก

กล่าวถึงผู้หญิงที่โชคดีที่สุดจากต่างประเทศไปแล้วถึง 3 คน ถ้าไม่กล่าวถึงผู้หญิงที่โชคดีที่สุดในวงการเมืองไทย “ปู-ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” น้องสาวคนสุดท้องของครอบครัวชินวัตร ก็คงถูกนินทาได้ว่าเลือกที่รักมักที่ชังว่า ทำมั้ย...ทำไม พลาดการกล่าวถึงผู้หญิงที่กำลังมีบทบาทสำคัญคนหนึ่งของประเทศ แม้ “ปู-ยิ่งลักษณ์” ไม่ใช่เชื้อพระวงศ์หรือแต่งงานกับเจ้าชายประเทศใด แต่เธอก็เป็นถึงผู้นำประเทศ เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 28 สำคัญที่สุดเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย พร้อมกับการก้าวขึ้นสู่ทำเนียบนายกรัฐมนตรีหญิงคนที่ 52 ของโลก

หากย้อนไปในอดีตชื่อของ “ปู-ยิ่งลักษณ์” ยังโนเนมไม่โดดเด่นและไร้ซึ่งวี่แววที่จะเข้าสู่ถนนสายการเมือง โดยเธอเป็นที่รู้จักในแวดวงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และโทรคมนาคม ในฐานะผู้บริหารบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส กรรมการผู้อำนวยการบริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และกรรมการและเลขานุการมูลนิธิไทยคม ช่วงก่อนที่ “ปู-ยิ่งลักษณ์” จะเดินเข้าสู่เวทีการเมืองเต็มตัว เธอถือเป็นตัวเลือกแรกของพี่ชาย พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร ให้ทำหน้าที่หัวหน้าพรรคเพื่อไทย แต่เธอกลับปฏิเสธด้วยเหตุผลสั้น ๆ “ต้องการมุ่งความสนใจในเรื่องธุรกิจเท่านั้น”

อย่างไรเสีย เลือดย่อมข้นกว่าน้ำ ในที่สุด “ปู-ยิ่งลักษณ์”ตัดสินใจลงสมัครปาร์ตี้ลิสต์ลำดับที่ 1 พรรคเพื่อไทย ใช้กลยุทธ์หาเสียงด้วยการชูนิ้วชี้นิ้วเดียว ลุยฝ่ากระแสการเมืองเชี่ยวกราก กลายเป็นผู้นำหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ของไทย ที่ใช้เวลาเพียง 49 วัน เท่านั้น!! ปักธงให้พรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลายท่ามกลางกระแสความเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยจากผู้คนหลากหลายกลุ่ม

หลังก้าวขึ้นหลังเสือไม่นาน ก็โดนมหาอุทกภัยครั้งประวัติศาสตร์ซัดจนสะบักสะบอม พร้อม ๆ กับวลีเด็ด “เอาอยู่” ประจำตัวเกิดขึ้น มิหนำซ้ำยังได้ฉายาประจำปีจากสื่อมวลชนสายรัฐสภาว่า “ดาวดับ” และสื่อมวลชนสายทำเนียบรัฐบาลว่า “นายกฯ นกแก้ว” ซึ่งนับแต่นี้ไปก็คงต้องจับตาดูว่าเธอจะใช้พลังขับเคลื่อนตัวเองให้เป็นผู้หญิงที่โดดเด่นอีกคนบนเวทีโลกได้หรือไม่!!!



Create Date : 02 มกราคม 2555
Last Update : 2 มกราคม 2555 22:03:16 น. 0 comments
Counter : 2108 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

เวเว
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add เวเว's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.