อย่า"ปิดฟ้าด้วยฝ่ามือ.."..ลูกผู้ชายกล้าทำกล้ารับ...และธรรมะขั้นเทพของหลวงปู่ชา...
"ปิดฟ้าด้วยฝ่ามือ"วลีนี้..ให้ความหมายของผู้ที่คิดว่าตนเองสามารถทำเรื่องใดๆก็ได้.... โดยไม่สนใจผู้คนรอบข้าง..เพราะคิดว่าตนเองมีอำนาจ.. ใช้อำนาจที่มีอยู่ปิดบังอำพลาง..คิดว่าไม่มีใครรู้ไม่มีใครเห็น... ด้วยความหลงระเริงว่า..ไม่มีใครสามารถเอาผิดตนได้... ลืมคิดไปว่า.."ความจริงย่อมเป็นความจริง" วันยังค่ำ... วันหนึ่งข้างหน้า..ความจริงก็จะถูกเผยแผ่ออกมา.. เพราะไม่มีใครลบล้างความจริงได้ตลอดไป...
ดังวลีที่ว่า.."คุณอาจจะหลอกใครบางคนได้ระยะหนึ่ง... แต่คุณไม่สามารถหลอกคนทั้งหมดได้ตลอดไป...." เมืองไทยวันนี้ ตกอยู่ในสภาพนั้นจริงๆ..ด้วยมีบางคนพยายามรักษาสถานะของตนเอง... ด้วยการสร้างสถานะการณ์ให้ตนเองดูเป็นคนดี มีศีลธรรม... ทั้งๆที่ยึนอยู่บนกองเลือดและซากศพของคนไทยด้วยกัน... แม้จะมีออำนาจบารมีมากมายล้นเหลือ... แต่นับวัน..ก็สร้างแต่ความเสื่อมศรัทธาให้ประชาชน.. โลกวันนี้เจริญด้วยเทคโนโลยี...ข่าวสารที่แพร่เร็วกว่าความเร็วแสง... ยิ่งปิดมากเท่าใด..ก็ยิ่งสร้างกระแสแห่งการรับรู้เร็วขึ้นเท่านั้น... แล้วคุณจะยืนได้อีกนานเท่าใด...?????
เพราะบ้าอำนาจที่มีอยู่...คุณจะยิ่งทุรนทุราย..ด้วยจิตใจอิจฉาพยาบาท.. อิจฉาที่คนอื่นได้รับความรักความเชิดชูมากกว่าตน... พยาบาทอาฆาตที่ตนไม่ได้ความรักนั้น... จึงสร้างเรื่องราวที่เพาะความแค้นกับประชาชนมากมาย... แผ่นดินนี้เดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า...แต่คุณหามองเห็นไม่..??? ตามือบอด..หูไร้เสียงโอดครวญจากคนทั่วแผ่นดิน.. มีเพียงเสียงเยินยอจากคนรอบข้าง...ว่าพรรคตนได้รับชัยชนะ.. แม้ว่า..จะมาจากการใช้เหล่เพทุบาย..ที่ชนะเพราะกลโกง... แต่ก็ยินดีได้ปลื้มเพราะคิดว่านั่นคือ..สิ่งที่ตนเองต้องการ.... ยิ่งนับวันก็ยิ่งถลำลึก..จนยากจะไถ่ตนเองจากกรรมที่ตนเองสร้าง.. ยิ่งคิดว่าต้องชนะเท่านั้น..ยิ่งสร้างกรรมมหันต์ติดตัวไป...
วันนี้มองไปทางไหนทั่วแผ่นดิน..ผมเห็นผู้คนเดือดร้อนไปทั่ว... ผมเห็นผู้คนเล่าขานความจริงที่เกิดขึ้น.. วันนี้เมืองไทย..แผ่นดินทองในอดีต..วันนี้วุ่นวายดังเกิดกลียุค... หันไปทางไหน..มีแต่เสียงก่นด่าระงม..ว่าความสุขมีเพียง(คน)กระจุก... แต่ความทุกข์นั้นกระจายไปทั่วมหาศาล... ป่านนั้นบางคนยังไม่สัมผัส..กลับหัวร่อร่าเริง.. แบ่งผันปันส่วน..กับสมบัติภาษีของชาติ...ฉันมั่งคุณม่ัง.. ทั้งๆที่ผ่านมากว่า 2 ปียังไม่รู้เลยว่าจะหาเงินยังไง???? นอกจากกู้ๆๆและขายพันธบัตรเงินอนาคต...มาใช้เท่านั้นเอง...
.......................................................................................................
หันกลับมาดูคนหลากหลายความคิดในห้อง รดน. ผมแบ่งแน่ๆเป็น 4 กลุ่ม..กลุ่มแรกก็คงบอกว่ากลุ่มใหญ่คือ.. คนเสื้อแดง..ที่รักทักษิณเกลียด ปชป.. กลุ่มต่อมาคือคน(ยอมรับว่า)เป็นเสื้อแดง..เพราะรักทักษิณเกลีบด ปชป.เช่นกัน.. อีกกลุ่มคือคนเสื้อสลิ่ม(แต่ก่อนเสื้อเหลือง)..ที่รัก ปชป.เกลียดทักษิณ.. และกลุ่มสุดท้าย..คือคนบอกว่าตนเองเสื้อไม่มีสี แต่เชียร์ ปชป..และเกลียดทักษิณเช่นกัน..?????
ตัวผมเอง..แม้ใครจะว่าเป็นคนเสื้อแดง..ผมก็ยอมรับเพราะ.. คำจำกัดความของคนเสื้อแดง..คือ.."...รักทักษิณ เกลียด ปชป..." แม้ว่าโดยเนื้อแท้นั้น...ผมรักมากกว่านั้น.."ผมรักชาวนา..ผมรักแผ่นดินนี้.." ใครก็ได้ที่มาทำให้ชาวนาบ้านผมมีชีวิตดีขึ้นผมรักหมด.. ใครก็ได้มาทำให้แผ่นดินนี้เจริญร่มเย็นผมก็รักหมด... ผมไม่จำกัดตัวเองว่า..ผมต้องรักนายกทักษิณเท่านั้น.. แต่ผลงานของนายกทักษิณสำหรับผม..ตั้งแต่อดีตจนถึงวันนี้ยังมีใครทำแบบนั้นได้... ผมจึงต้องบอกว่า..นี่แระทำให้ผมเป็น.."คนเสื้อแดง"... ผมไม่ใช่อีแอบ..ที่รักทักษิณแต่ไม่กล้าบอกว่า ตนเองเป็นคนเสื้อแดง.. เหมือนบางคนเชียร์ ปชป.ด่าเสื้อแดง..แต่บอกว่าตนเองไม่ใช่เสื้อสลิ่ม... สำหรับผมคิดว่า..คนเราเกิดมาเป็นคน..สำคัญคือ.."ศักดิ์ศรี"..ที่กล้าทำกล้ารับ.. จึงจะเรียกว่า.."ลูกผู้ชายจริง"...?????? ดีกว่าบอกว่า..ไม่ใช่กลุ่มใด..แต่ตีกินด่ากลุ่มเสื้อแดง... แล้วใช้วิธีกล่อมว่า..ต้องหันมาสามัคคีกันเพื่อประเทศชาติ...ลืมๆไปเถอะอดีต.. ทั้งๆที่..เรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้นยังไม่มีใคถูกลงโทษแม้แต่คนเดียว... เลิกเถอะครับ..วิธีนี้..ผมว่ามันน่าอับอาย...
.........................................................................................................
ของฝากเช่นเคย..ธรรมะหลวงพ่อชา.....
"....เราไปเห็นเช่นนั้นเสียไอ้ที่ความวุ่นวายนั่นแระสถานที่ที่ปฏิบัติ.. มันร้อนอยู่ที่ไหนมันก็เย็นอยู่ที่นั่น...เราไม่รู้เรื่องมัน.. เห็นว่ามันร้อนเกิดขึ้น..มันก็มีแต่ร้อนไม่มีเย็น... แน่ะ..!ไอ้ความเป็นจริง มันยุ่งอยู่ที่ไหน..มันสงบอยู่ที่นั่น.... ถ้ามันผิดอยู่ที่ไหนมันก็ถูกอยู่ที่นั่น....ถ้ามันวุ่นวายอยู่ที่ไหน สงบก็อยู่ที่นั่น... ดูๆสิ...ถ้าหากโยมทำอะไรที่มันผิดอยู่ตรงนั้น...โยมไปแก้ตรงไหนล่ะ... อย่างรถมอเตอร์ไซด์นี่มันเสียอยู่ตรงนี้ ตรงนี้มันเสีย...โยมจะไปแก้ตรงไหนล่ะ.. ก็แก้ตรงที่มันเสีย มันก็ดีขึ้นอยู่ตรงนั้น เท่านั้นแหละ.. ทีนี้เราประสบอารมณ์ที่ชอบใจตรงๆไหน..เราก็ปฏิบัติตรงนั้น... ว่าเออ.! อันนี้มันก็ไม่แน่ของมันนะ สุขเราก็เคยสุขมาแล้ว... ทุกข์ก็เคยทุกข์มาหลายครั้งหลายหนแล้ว.. เท่านี้มันก็ไม่เป็นอะไรต่อไปอีก..มีแต่ทุกข์เท่านั้นแหละ... ถ้าเราคิดให้ถูกเช่นนี้ มันก็เป็นไปตามสภาวะอันนี้เรื่อยๆไป......
จาก"ในความร้อนมีความเย็น" หนังสือ"ความผิดในความถูก" หน้า 131
.............................................................................................................
Create Date : 16 ธันวาคม 2553 |
|
10 comments |
Last Update : 16 ธันวาคม 2553 9:05:07 น. |
Counter : 6919 Pageviews. |
|
|
|