"คนอุบล"..วันที่สู้วิกฤติด้วยธรรมะ...
ผมเกิดที่อำเภออำนาจเจริญ..สมัยที่ยังไม่แยกไปเป็นจังหวัด.. พอเกิดมาไม่กี่ปีเตี่ยก็พาย้ายมาอยู่อุบล... ด้วยความคิดที่ว่า.."ปลาใหญ่ต้องอยู่บึงใหญ่.." เตี่ยกับแม่พามาอยู่อุบล..หลายปีต้องเจอความลำบากสาระพัด.. เพราะต้องเจอไฟไหม้เมืองอุบลถึง 2 ครั้ง..กว่าจะตั้งตัวได้... ลูกๆแบบผมต้องระเหเร่ร่อนไปอยู่กับญาติๆหลายจังหวัดหลายครั้ง.. เพื่อลดภาระการดูแลลูกๆ..ที่มีหลายคน จึงเอาไปฝากญาติช่วยเลี้ยง..
ผมเป็นลูกชายที่สมัยเด็กๆไม่ต้องช่วยกิจการพ่อแม่ เพราะมีพี่ชายและพี่สาวช่วยแล้วหลายคน.. จึงมีหน้าที่เรียน..จนจบปริญญาตรี..ออกไปทำงานได้ 3 ปีจึงลาออกกลับมาช่วยกิจการที่บ้าน... และก็ขยับขยายกิจการจนถึึงปัจจุบัน... กิจการผมก็ไปได้เรื่อยๆ คงอีกไม่นานเพื่อนๆคงรู้ว่าผมทำอะไรกิน..??? แต่กว่าจะมาถึงวันนี้ผมก็ลำบากลำบนไม่น้อย แบบที่เคยเล่าให้ฟัง... ถึงวันนี้ก็ไม่ใช่จะสบาย..เพราะโดยแท้จริงธุรกิจผมก็ขึ้นกับภาวะเศรษฐกิจเหมือนกัน.. ถ้าพี่น้องโดยเฉพาะชาวไร่ชาวนาไม่มีเงินก็พลอยทำให้การค้าการขายที่อุบลซบเซาไปด้วย.. เพราะอุบลอาศัยเกษตรกรรมโดยเฉพาะข้าว จริงๆ..
ผมทำธุรกิจผ่านวิกฤติเศรษฐกิจหลายครั้ง.. ตั้งแต่สมัยปี 2527 ที่ลดค่าเงินบาท แชร์ล้ม ถูกจำกัดวงเงิน..ฯลฯ และที่ลำบากสุดๆก็ปี 2540 ที่เกิดวิกฤติต้มยำกุ้ง.. หลายคนผ่านวิกฤตินั้นแล้วร่ำรวยเพราะใช้หนี้แค่ 50%.. แตกต่างกับผมที่เจอทั้งดอกเบี้ยแพง..และเจอเจ้าหนี้โหดไม่ยอมลดหนี้.. แต่อย่างไรก็ตามก็ผ่านมาได้..เพราะส่วนหน่ึงมาจากบุญบารมีของครูบาอาจารย์.. มาจากการได้มีโอกาศเรียนรู้การเตรียมตัวรับวิกฤติที่เกิดขึ้น...ด้วยธรรมะ..
ก่อนหลวงพ่อชามรณภาพปี 2535 สัก 2-3 ปีผมได้เข้าศึกษาธรรมะอย่างจริงจัง.. ทำให้ผมได้เป็นผู้โชคดีได้แบกสรีระหลวงพ่อสู่เมรุและแบกอัฐิธาตุหลวงพ่อจากเมรุไปสู่ศาลา.. ซ่ึงน้อยคนที่ขณะนั้นเป็นคนจากในตัวเมืองได้ทำเช่นนั้น.. เพราะที่เหลือ 23 คนส่วนใหญ่จะเป็นลูกศิษย์สายต่างๆรอบๆวัดถูกกำหนดไว้.. การได้เข้าไปศึกษาธรรมะในวัดป่านานาชาติ..และวัดหนองป่าพง... ทำให้ลดความเครียดและปัญหาที่เกิดในช่วงปี 2540 ไปมาก.. การรู้จักปล่อยวาง การรู้จักนำธรรมะการบริหารคนมาใช้.. ช่วยให้พนักงานและทีมงานมีความมุ่งมั่นช่วยทำให้บริษัทรอดพ้นวิกฤตินั้นมาได้... นับเป็นความโชคดีของผมอย่างแท้จริง...
ธรรมะข้อหนึ่งในหลายๆข้อที่ผมได้เรียนรู้จากคำส่ังสอนของหลวงพ่อที่ผมเคยยกมาคือ.. เราต้องรู้จักปล่อยวางผลเหมือนเราปลูกต้นไม้... เรามีหน้าที่รดน้ำพรวนดินดูแลต้นไม้จากโรคแมลง... แต่ต้นไม้จะให้ผลอย่างไรนั้น..???ไม่ใช่สิ่งเรากำหนดได้..????? จากธรรมะข้อนี้เอง ทำให้ผมเริ่มมองเห็น... ความทุกข์ที่เกิดจากการผิดหวังที่คนอื่นไม่ได้อย่างที่เราต้องการ... บ่อยครั้งที่เราทุกข์ เราเครียดเพราะเราต้องการ เราคาดหวัง สิ่งนั้นสิ่งนี้จากคนอื่น... เพราะฉะนั้นบ่อยครั้งที่เรามักจะใช้คำว่า น่าจะ ไม่น่าจะ กับคนอื่นๆ... และสุดท้าย ความโกรธที่ไม่ได้ดังใจจึงเกิดขึ้นกับเราเสมอๆ.. และผลจากการโกรธก็ไม่ได้เคยให้ผลดีกับใคร..มีแต่ความเสียหายเท่านั้น...
ธรรมะอีกข้อที่ให้ข้อคิดมากๆคือที่หลวงพ่อสุเมโธกวาดลานวัด..ด้วยความทุกข์ใจ.. แล้วหลวงพ่อชาเดินมาถามว่า.."สุเมโธ..วัดป่าพงทุกข์มากจริงหรือ..????" เพราะความจริงนั้น วัดป่าพงอยู่อย่างไรก็อยู่อย่างนั้น เป็นอย่างไรก็เป็นอยู่อย่างนั้น.. สิ่งที่ทุกข์คือ จิตใจของหลวงพ่อสุเมโธต่างหาก... ธรรมะข้อนี้ทำให้ผมเกิดปัญญาที่จะไม่ทุกข์กับปัญหารอบๆตัว.. (แม้ว่าจะเกิดบ่อยๆ)แต่ก็ย้ำเตือนให้เราเห็นกิเลสในตัวเรา...
ธรรมะที่ได้จากครูบาอาจารย์ที่หม่ันสอนให้ผมเห็นเหตุแห่งทุกข์นั้น.. ก็มีผลใชีวิตผมในธุรกิจผมในเวลาต่อมา...ที่ทำให้ผมผ่านอุปสรรคต่างๆมาได้อย่างน่าอัศจรรย์...
ครับวันนี้..ไม่คุยเรื่องการเมือง.... เอาธรรมะมาแชร์เพื่อนๆครับ... ขอบคุณทุกกำลังใจที่ส่งมาเพราะวันนี้ถูกแบนจากพันทิพ..
..............................................................................................................
Create Date : 21 ตุลาคม 2553 |
|
4 comments |
Last Update : 21 ตุลาคม 2553 8:00:40 น. |
Counter : 1100 Pageviews. |
|
|
|
สวรรค์ในอก นรกในใจของเราจริงๆด้วยล่ะ รู้จักปล่อยวางและไม่คาดหวัง ไม่ยึดติดกับคนอื่น สิ่งอื่น จนเกินไป เราก็จะไม่ทุกข์
ความสุขอยู่ที่ตัวเราแท้ๆ ใกล้แค่ ใจเรานี่เอง ... ขอบคุณ คุณลุงมากน๊า...