วันที่ 1 บินตรงจากเชียงใหม่ไปสิงคโปร์
ด้วยโปรของสายการบินไทเกอร์แอร์.. ทำให้ทริปนี้เกิดขึ้น ราคาไปกลับเชียงใหม่-สิงคโปร์ ราคาประมาณ 4000 บาทต่อคน มีเที่ยวบินตรงจากเชียงใหม่ ไม่ต้องไปเปลี่ยนเครื่องที่กรุงเทพให้เหนื่อย ก็เลยกดซื้อมาอย่างไม่ลังเล
เป็นครั้งแรกที่ได้เข้าอาคารฝั่งระหว่างประเทศของสนามบินเชียงใหม่ ดูดีกว่าฝั่งในประเทศมากกกก...
สังเกตว่า แถวหน้าเกทมีเครื่องอำนวยความสะดวกให้ลูกค้ารายใหญ่ของสนามบิน คือ ถังน้ำร้อนขนาดใหญ่หลายจุด ฮ่าๆๆ พอเดาออกว่าก่อนติดตั้ง ร้านค้าในนี้คงถูกนักท่องเที่ยวจีนถามว่ามีน้ำร้อนให้ต้มบะหมี่มั้ย อยู่บ่อยๆเป็นแน่แท้
ใช้เวลา 3 ชั่วโมงจากเชียงใหม่ เราก็มาถึงยังสนามบินชางงี ประเทศสิงคโปร์ ตอนหนึ่งทุ่ม จบบลอกวันแรกค่ะ..
เอ้ย... ไม่ใช่ละ..
เวลานี้ยังเยาว์สำหรับประเทศนี้ แถมที่พักเรายังอยู่ในแหล่งท่องเที่ยวยามค่ำคืนอย่างคลากคีย์ซะด้วยสิ คืนนี้ยังอีกยาวไกล อิอิ
ทริปนี้เราพักที่โรงแรม Swissotel Merchant Court ทั้งสามคืนเลยค่ะ โรงแรมอยู่แทบจะติดกับ MRT Clarke Quay เหมือนจะสะดวกนะ แต่.. รถไฟฟ้าสายสีม่วงมันไม่ค่อยวิ่งผ่านสถานที่ท่องเที่ยวที่เราจะไปซักเท่าไหร่ จะไปไหนมาไหนก็ต้องเปลี่ยนสายรถไฟตลอดตลอด อย่างจากสนามบินมานี้ต้องเปลี่ยนขบวนรถ 3 รอบแน่ะ
มาดูห้องพักกันนะ สำหรับสามคน เตียงเสริมกางติดทีวีเลย
ห้องน้ำ
เหมาะสำหรับคนอยากไปแฮงค์เอาท์ย่านคลากคีย์มากถึงมากที่สุด เพราะแค่เดินออกจากโรงแรมเดินข้ามสะพานไม่ถึง 50 เมตรก็ถึงแล้ว แต่เจ้าของบลอกเป็นคนคลีนๆอ่ะค่ะ ก็เลยไม่ได้ไปดื่มเหล้าเมาเบียร์ทางฝั่งนั้นแต่อย่างใด (ราคาแพงเกิ๊นนน ข้าเจ้ารับบ่ด้ายยย)
หลังจากจัดการเรื่องห้องพักเสร็จ ก็เริ่มออกเดินสำรวจกัน วันที่ไปตรงกับวันเสาร์ แถวหน้าห้างเซ็นทรัลคลากคีย์คึกคักมาก เหมือนมีงานอะไรซักอย่าง คนเยอะ มีโชว์ตามทางเป็นระยะ พยายามไม่แวะนานค่ะ เพราะเป้าหมายเรายิ่งใหญ่กว่านั้น
ที่นี่... เห็นมั้ย คนมีเป้าหมายเดียวกันยืนรอกันเพียบ
นั่นคือการมาหาของกินค่ะ ขนาดมาตอนสามทุ่ม (ร้านเค้าปิดสี่ทุ่ม) คนยังต่อคิวยาวได้อีก Song Fa Bak Kut Teh
ในร้านคนก็ยังมากมาย เต็มทุกโต๊ะ คาดได้ว่า น่าจะอร่อยจริงๆ
เห็นคนเยอะแบบนี้ คนที่(พลาด)เข้ามาอ่านบลอกนี้อย่าเพิ่งท้อใจไปนะคะ รอไม่นาน ประมาณสิบนาทีก็จะถูกเชิญให้ไปนั่งประจำโต๊ะเก๋ๆแล้วค่ะ อาหารก็ได้เร็ว ไม่เกิน 5 นาที เพราะเค้าจะให้เราสั่งล่วงหน้าตั้งแต่ช่วงยืนต่อคิวแล้ว เมนูมีรูปภาพสวยงาม สั่งง่าย
โต๊ะนี้สวยงามเมื่อมีเธออยู่... มาแล้วค่ะ ของที่สั่งไป อะไรที่เค้าว่าดีว่าเด็ดก็จัดมาค่ะ
มีบักกุ๊ดเต๋ หรือซี่โครงหมูตุ๋นยาจีน ที่น้ำซุปเด็ดมาก ทานแล้วสดชื่น มีกลิ่นพริกไทยหอมเด่นมาเลย แถมซดซุปหมดถ้วยขอเติมได้อีกเรื่อยๆค่ะ ส่วนตัวซี่โครงหมูชิ้นโต เนื้อนุ่มดีค่ะ แต่ไม่เปื่อยอย่างที่นึกไว้ตอนแรก ผัก..ราดน้ำมันหอย จานนี้รสชาติทั่วๆไป ถ้าคนชอบกินผักน่าจะชอบ เพราะผักหวานสดดีค่ะ คากิพะโล้ จานนี้คือรสชาติไท้ยยยไทย เหมือนเป๊ะกับร้านหมูพะโล้แถวบ้าน
พลาด.. premium ribs ตั้งใจจะสั่งมากิน เห็นว่าเนื้อหมูจะนุ่มเปื่อยเป็นพิเศษ แต่อดค่ะ เพราะของหมดไปแล้ว
อิ่มแล้วก็มีแรงเดินต่อ จุดหมายต่อไปคือ เมอร์ไลอ้อน ระหว่างทาง สะอาดสะอ้าน เดินแบบสบายใจ ไม่ต้องกลัวใครมาขอเงิน หรือต้องระวังโจรฉกชิงวิ่งราว
ในที่สุดก็เดินมาจนถึงเมอร์ไลอ้อนจนได้
ดึกแล้วแต่นักท่องเที่ยวยังขวักไขว่
ถ้าใครมาสิงคโปร์แล้วมาไม่ถึงเมอร์ไลอ้อน ถือว่า...ผิด (ยืมโควทมาจากครัวคุณต๋อย)
มองออกไปด้านทะเล เมื่อหลายปีก่อนที่เรามาเที่ยวที่นี่ครั้งแรก ตรงนั้นยังเห็นทะเลด้านนอก ยังเห็นเสา แท่งเหล็ก เครนก่อสร้างบางอย่างอยู่ วันนี้ กลายมาพื้นดินซะละ แถมยังมีอาคาร สิ่งก่อสร้างรูปร่างแปลกตา อยู่ตรงนั้นอีกตะหาก เป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ของเกาะไปแล้ว
ประเทศที่พัฒนาแล้ว มันก็พัฒนาแล้วจริงๆเล้ย ..อุ้ยยย..
มานั่งพักขารอดูการแสดง Wonder Full รอบห้าทุ่มอยู่แถวๆเมอร์ไลอ้อนนี่แหละ
มีโอกาสได้ดูการแสดง แสง สี เสียงจากทั้ง 2 ฝั่งของปากแม่น้ำสิงคโปร์ (ฝั่งมารีน่าเบย์-ฝั่งเมอร์ไลอ้อน) ขอแนะนำว่าหากใครมีเวลาน้อย เลือกดูได้แค่ครั้งเดียว ไปดูที่ฝั่ง MBS สวยกว่าเยอะ มีลูกเล่นเยอะกว่า
สำหรับฝั่งนี้ก็จะได้ยินเสียงเพลงเบาๆ กะเห็นแสงเลเซอร์ที่ยิงออกจากตึก MBS สวยๆ แต่ไม่รู้สตอรี่ของโชว์
ดูจบเดินกลับโรงแรม ชมบรรยากาศเที่ยงคืนของสิงคโปร์กันต่ออีกหน่อย
กลับถึงห้องก็หลับเป็นตาย (นี่แค่วันแรกนะ...)
คราวนี้จบบลอกของวันนี้จริงๆแล้วค่ะ
Create Date : 05 มิถุนายน 2558 |
|
2 comments |
Last Update : 5 มิถุนายน 2558 21:31:32 น. |
Counter : 2505 Pageviews. |
|
|
|
ห้องนอน เตียงเสริมน่าจะปรับ ยัดกลางได้นะคะ