20(+5) เพลงที่เป็นที่สุดในรอบปี 2014 ของเข็มขัดสั้น

ได้เวลาในการรวบรวม 20 +5 เพลงที่เป็นที่สุดของเข็มขัดสั้นในปี 2014 มาแนะนำให้ได้ฟัง อ่าน และชม หลังจากที่ผมหายไปนานในเรื่องแบบนี้ไปเอาดีทางอื่น 5555 แต่จริงๆ ชีวิตนี้ทิ้งเรื่องเพลงไปไม่ได้ ก็ยังขอกลับมา Review อยู่เช่นเคยครับ แม้อาจจะเป็นปีละครั้งก็ตาม

เช่นนั้น เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลามานั่งอ่านอารัมภบทเยอะ จึงขอเข้าสู่การ Review เพื่อแนะนำ 20 (+5) เพลงที่เข็มขัดสั้นคนนี้ปลาบปลื้มและอยากบอกต่อให้ได้ฟังกันในรอบปี 2014 ที่ผ่าน โดยเริ่มจาก 5 เพลงที่แถมมาไม่สามารถตัดออกไปได้จาก List จริงๆ เพราะปลื้มมากเลยทีเดียวอย่าง



Nicki Minaj ft. Skylar Grey – Bed of Lies
หนึ่งในความคับข้องใจที่ถ่ายทอดออกมาเป็นบทเพลงกับท่วงทำนองของ Hip Hop กลั้ว RnB โดยได้สาวเจ้า Skylar Grey มาร่วมปล่อยของ ทำให้เพลงนั้นได้ 2 อารมณ์ทั้งระบายและเศร้าสร้อยได้อย่างเข้าถึงและปวดใจ

Justin Timberlake – Not a Bad Thing
Pop RnB ที่เข้าถึงได้ง่ายมากกกกกกในการฟัง ยิ่งถ้าเนื้อหาบอกเล่าเกี่ยวกับการขอความรักนะ ยิ่งง่ายเข้าไปใหญ่ ซึ่งนี่คือหนึ่งในข้อดีของเพลงนี้ที่ได้ครบทั้งหมด แถมชวนฟัง อินตาม และร้องตามได้ทุกครั้งเลยทีเดียว

Jessie J – Masterpiece
เพราะนางเก๋และจัดเต็ม เช่นนั้นสิ่งที่สาวเจ็ดสีปล่อยของออกมาจึงเต็มเม็ดเต็มหน่วยทุกอย่างถึงอารมณ์เพลงในการให้กำลังใจตัวเอง การทำสิ่งรัก ยิ่งดนตรีหนักแน่นด้วย แค่นี้ก็เข้าถึง ชื่นชม และได้อะไรจากการฟังเยอะเลย

Neon Jungle – Braveheart
ถ้าคิดว่าวงนี้แค่เป็น Girl Group ทั่วไป คงคิดผิดถนัด เพราะเพลงที่ทำออกมาและความสามารถจัดเต็มกันเลยทีเดียว ยิ่งเพลงนี้ความมันส์บังเกิดแทบจะเคลียร์โซนวิ่งไปเต้นกลางสี่แยกทุกครั้งที่ได้ฟังเลยทีเดียว

Wretch 32 - 6 words
Drum n Bass ที่มาแบบเรื่อยๆ มาเรียงๆ ปล่อยจังหวะจะโคนจะน้อยไปมากได้ดีมากในทุกๆ ช่วง ทำให้ต้องติดตามว่าเพลงนี้สื่อถึงอะไรและอินไปกับเนื้อหาที่สื่อถึงความรักแบบ Real นี้ก็อิ่มใจไม่ได้ยากแล้วล่ะ

จบไปแล้วกับ 5 เพลง ที่ขอแถม เพราะไม่สามารถตัดออกไปได้จริงๆ และก็ได้เวลาของ 20 เพลงที่เป็นที่สุดในรอบปี 2014 ที่ผ่านมา โดยทั้ง 20 เพลงนี้ไม่ได้เรียงตามลำดับความชอบแต่ประการใด เพราะทุกเพลงมีความดีงามสมที่ควรจะเป็นและทำให้ชอบเท่าเทียมกันในทุกเพลง พร้อมกับ Clip MV ของเพลงนั้นๆ เพื่อได้ฟังกันทันทีครับ




Sam Smith – Stay With Me

เพราะความเหงามันไม่เข้าใครออกใคร แม้แต่คนที่อาจจะดูระรื่นรื่นเริงมากที่สุดในสายตาคนอื่นก็ตาม ซึ่งไม่แปลกใจว่าทำไมเพลงนี้ถึงได้กระแทกกระทั้นเข้าจิตใจคนทั่วโลกที่ฟังเพลงสากล เพราะน้ำเสียงที่แน่นกินใจแบบ Blue-eyed Soul อินเนอร์แรงจัดๆ ในทุกๆ คำที่เปล่งออกมา ยิ่งท่วงทำนองแบบ Soul ที่นิ่งงันแต่ตราตรึง ทำให้หลายๆ คนที่โสดและได้ฟังเพลงนี้ต่างก็สามารถตกในภวังค์ นิ่งงัน เหงาขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ อยากได้ใครซักคนมาอยู่ข้างกาย ซึ่งตรงๆ คือ หนึ่งในนั้นคือผม ไม่สามารถปฏิเสธได้จริงๆ กับความรู้สึกแบบนี้




Lana Del Rey – West Coast

แม้น้ำเสียงจะยืดยาดยานคาง ที่อาจจะทำให้หลายๆ คนหลับน้ำลายย้อยกันได้ แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมตื่นตลอดการฟัง ไม่ใช่แค่เพียงว่านักร้องสวย แต่ความเก๋ในพัฒนาการทางดนตรีที่สาวปากเบินช้ำรักคนนี้ปล่อยออกมามันน่าทึ่งมากกับท่วงทำนอง Soft Rock กลั้ว Hip Hop จางๆ ตามด้วย Pop Retro ผสาน Surf Rock ที่มาเปลี่ยนอารมณ์ระหว่างเพลงได้ Mix & Match มากมาย ทำให้เพลงนี้กลายเป็นเพลงที่ผมฟังแต่ละครั้ง ก็จะย้อนนึกถึงอดีตอันแสนหวานที่จบลงไปแล้ว จนบางครั้งเอาเรื่องใน MV มาตีกันไปหมด จนมานั่งนึกทีหลังว่า เอ๊ะ! ตูมีหนุ่มใหญ่มาเลี้ยงดูตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย 55555555555




Archis – Blood

หนึ่งในเพลงที่ปล่อยความรู้สึกแบบว่า “พอแล้ว พอเสียที ไม่ยอมและแพ้อีกต่อไปแล้ว ไม่ยอมรับสิ่งที่คนอื่นพยายามจะให้ฉันแพ้หรือมาควบคุมอีกต่อไปแล้ว ชั้นจะสู้จนกว่าจะตายไปข้างเลย” อาจจะดูเป็นบางระจันไปบ้าง แต่จริงๆ แล้วความรู้สึกแบบหลังชนฝา และถ้าเราไม่สู้เราจะกลายเป็นคนขี้แพ้ และไม่ภาคภูมิใจในตัวเอง มันต้องเกิดขึ้นในชีวิตกันบ้างแหละ ซึ่งแน่นอนว่าเพลงนี้ทำเอาสตันท์ไปเลยจนจบเพลง แถมนิ่งงันต่อไปอีกยาวนาน เพราะเพลงจบอารมณ์ไม่จบ ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นเสียงร้องของ Dia Frampton ดนตรีที่จากน้อยไปสู่ความหนักแน่น ทุกอย่างที่ประทุออกมาทำเอาเลือดดราม่าในตัวข้นขึ้นมาทันที เพราะชีวิตมันต้องไม่แพ้ไง คำตอบมันมีง่ายๆ แค่นี้เอง




วี วิโอเลต วอเทียร์ – ฝากไว้

บอกเลย! ว่าผมไม่ได้สนใจหนังเรื่องนี้เลยแม้แต่นิดเดียว และตรงๆ คือ ไม่คิดจะดูเลยด้วยซ้ำ แต่สิ่งหนึ่งคือ ผมนี่อึ้งไปเลย ยามได้ยินเพลงนี้ครั้งแรก เฮ้ย! ท่วงทำนองมันไม่ค่อยเหมือนเพลงไทยสากลที่เราเคยๆ ฟังมาเลยนะ มันมีมิติและสื่ออารมณ์ชัดเจนเอื้อให้เสียงร้องของน้องวีที่ช่าง Unique มาก ถ่ายทอดอารมณ์ที่เรื่อยๆ มาเรียงๆ แต่หลอนจัดชัดเจนในหัวมาก แม้ว่าฟังจบไปแล้วยังหลอนค้างอยู่ ซึ่งชัดเจนในเนื้อหาของหนังเรื่องนี้เพลงแค่ร้องเพลงนี้เพลงเดียว ชัดเจนทุกอย่างจนไม่ต้องไปดูเลย เออ! นานๆ ทีจะเจอเพลงไทยน่าสนใจกับเขาบ้าง มันต้องแบบนี้สิ มันต้องแบบเน้~






Ost. Begin Again – Lost Stars

สำหรับเพลงนี้ต้องบอกเลยว่าผมรักทั้ง 2 เวอร์ชั่นกับการถ่ายทอดความรู้สึกที่แตกต่างกันระหว่างหญิงและชายคู่หนึ่งที่ถือว่าเป็นตัวเอกของภาพยนตร์เรื่องนี้ ฟังครั้งแรกกับเวอร์ชั่น Keira ผมน้ำตาเอ่อแล้วไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ เพราะมันสะเทือนใจ เหมือนเราไม่รู้จะไปต่อยังไง เจอเพลงนี้กระแทกใจเข้าไปแบบเหมือนมีเพื่อนคนนึงร้องเพลงนี้ให้เราฟังและนั่งอยู่เป็นเพื่อนยามเราอ้างว้าง พอเจอเวอร์ชั่น Adam เข้าไป มันคืออีกหนึ่งในความดีงามที่ทำให้เพลงนี้เป็นความรู้สึกของผู้ชายคนนึงที่บอกเล่าเรื่องราวในมุมมองของผู้ชายคนนึงที่พยายามจะสู้ในหนทางที่ตัวเองจะทำทุกอย่างให้ดีขึ้นได้ แม้เนื้อเพลงเดียวกันแต่อารมณ์ที่ได้แตกต่างและมีความต่างกรรมต่างวาระต่าง Scale ทางดนตรี ยิ่งเนื้อหาของหนังเรื่องนี้ตอกย้ำถึงที่มาที่ไปเข้าไปอีก ตายๆๆๆๆๆๆๆ ยอม ยอมทุกอย่าง ยกดาวให้ทั้งฟ้าเลย




Ed Sheeran – Thinking out Loud

ฮอบบิท Ed ทำให้เพลงนี้กลายเป็นเพลงของฤดูหนาวได้เจ๋งเป้งสุดๆ เพราะมันช่างโรแมนติคมากมายก่ายกอง ทำให้คิดหาคนผมอยากร้องเพลงนี้ให้ฟังจังเลย เพราะมันเป็นลำนำของการบอกรักที่เอาตายไปข้าง คือยังไงก็ต้องยอมผู้ชายคนนี้น่ะ เสียงร้องที่นุ่มละมุน อารมณ์ที่ถึงในทุกๆ คำเอ่ย ดนตรีที่ไล่เรียงความเป็น Blue-eyed Soul ที่เข้าถึงได้ง่าย ได้ยินแล้วต้องหยุดเพื่อฟังฮอบบิท Ed จนจบ บอกเลยนี่คือหนึ่งใน Masterpiece ของหนุ่มคนนี้ และจะเป็นเพลงรักที่เหนือกาลเวลาได้เลยทีเดียว




Sia – Chandelier

ถ้าพูดในแง่ของการร้องเพลง Chandelier เป็นเพลงที่ร้องยากมากกกกกที่สุดเลยทีเดียวเพลงนึงเลย เพราะต้องอารมณ์ถึงไม่พอ เสียงต้องแตะคีย์ได้และลากสูงต่อเนื่องเลยทีเดียว นี่คือสิ่งที่ทึ่งมากอยู่แล้วในแง่ของการร้องที่ Sia จัดเต็มจริงๆ พอมาที่ภาคดนตรีกับ Electropop ที่จังหวะจะโคนเข้าทีส่งอารมณ์ของน้ำเสียงเข้าไปอีก เนื้อหาหนักหน่วงแต่เป็นการให้กำลังใจตัวเองแบบหนักแน่นด้วยเช่นกัน บอกตรงๆ จะอิ่มอะไรไปได้มากกว่านี้ เพราะเพลงนี้สื่อออกมา 100 แต่คนฟังอย่างผมได้ 1000 เลยทีเดียว




Phantogram – Fall in Love

เป็นอีกหนึ่งในเพลงที่ท่วงทำนองหลอนอยู่ในหัวได้ทั้งวันเอาได้เลย เพราะความเป็น Electronic ที่ดนตรีมาเต็มมาก มีทั้งท่วงทำนองที่มีมิติให้ติดตามถึงการเปลี่ยนแปลงในเพลงได้ตลอด ปล่อยของกันเต็มๆ มีลักษณะของความเป็น Shoegaze ที่ล่องลอยหลอนลึกมากมายแฝงอยู่ทุกช่วงตัว ยิ่งเสียงร้องของสาวเจ้าในเพลงถ่ายทอดออกมาได้ถึงความเจ็บปวดในการตกหลุมรักใครซักคนที่เราก็รู้ว่ามันอาจจะจบไม่ดี รู้ทั้งรู้แต่ก็นะ ทำไงได้นั่น ก็มันคือความรักนี่นา ซึ่งถือว่าเพลงนี้บอกเล่าถึงมุมมองความซับซ้อนของความรักได้ถึงและดีมากเพลงนึงเลยทีเดียว




Ariana Grande ft. The Weekend – Love Me Harder

นี่คือเพลงที่ผมชอบที่สุดในอัลบั้มล่าสุดอย่าง My Everything ของน้องอารีเลยทีเดียว เพราะความเป็น Synthpop กลั้วกับท่วงทำนอง RnB ที่ส่งให้น้องปล่อยของแบบไม่ต้องแหกปากแหกคอหวีดเสียงสูงอะไรให้มาก แต่ก็เอาอยู่ได้หมดทั้งเพลงแบบที่ฟังยังไงก็ไพเราะ และให้คนหลายๆ คนมามองว่า “หนูไม่ต้องหวีดหนูก็ร้องปกติให้คนฟังว้าวได้นะคะ หนูทำได้ค่า ปีปิ๊ด ปีปิ๊ด” ซึ่งแม้ว่าเพลงนี้เนื้อหาจะไม่ได้อะไรมาก สิ่งที่ดีอยู่ที่ตัวนักร้องทั้ง 2 คน แต่รับรองในความติดหูและความน่าฟังไปตลอดทั้งเพลงแน่นอน

ป.ล. แต่จะว่าไปถ้าเพลงนี้ไปตกเป็นของ Nicki Minaj คาดว่าคงเปลี่ยนชื่อเพลงเป็น F**k Me Harder เป็นแน่แท้ 55555




Taylor Swift – Blank Space

ถ้าบอกว่าเพลงนี้มีอะไรที่ดูล้ำลึกซับซ้อนพัฒนาการจัดเต็มเป็นอะไรที่ไม่เคยเห็นในน้องเหมียวน่ารัก Taylor ไหม? ตอบง่ายๆ เลยว่า “ไม่” แต่สิ่งที่ได้จากน้องเขาคือ ความชาญฉลาดในการแต่งเพลงจิกกัดตัวเองสะท้อนภาพในสิ่งที่หลายๆ คนคิดออกมาได้แจ่มสุดๆ ซึ่งท่วงทำนองและกึ๋นในการนำเสนอเพลงนี้ในรูปแบบ Pop (คงแทบจะไม่เจอ Country แบบผิวเผินจากน้องเขาอีกแล้วล่ะ) ที่มีจังหวะจะโคนชวนฟัง น้ำเสียงที่น่ารักตามแบบฉบับที่ควรจะเป็น จะไม่ให้คนส่วนใหญ่เขาพูดถึงเพลงนี้กันได้อย่างไร เพราะผมเองแม้จะเฉยๆ กับน้องเขามาพักใหญ่ เจอเพลงนี้เข้าไปติดหูตลอดศก เผลอไม่ได้เป็นฮัมเพลงนี้ทุกที




George Ezra – Blame it on Me

เพียงแค่ขึ้นต้นเพลง ดนตรีเพลงนี้ก็ทำให้ผมเริงร่าลั่นลารื่นรมย์ขึ้นมาทันทีแบบไม่ต้องมานั่งคิดพิจารณาอะไรให้มากความกับความเป็น Folk Rock สว่างสไวมากมาย ยิ่งมาเจอกับเสียงร้องที่ Unique แฝงไปด้วยความเท่ห์จัดๆ ของหนุ่มคนนี้ และเนื้อหาที่บอกเล่าถึงการประคับประคองความรักเมื่อสาวที่รักเริ่มมีปัญหากับชีวิต “เช่นนั้นจะเอายังไงก็ว่ามา มาแก้ปัญหาร่วมกันไหม” มันยิ่งทำให้ความสว่างสไวมันแจ่มชัดในโสตประสาทเต็มตื้นไปหมด นี่แหละมือพระกาฬที่ผมต้องติดตามผลงานหนุ่มคนนี้ต่อไปเรื่อยๆ หลังจากนี้




Kaiser Chiefs – Coming Home

พูดเลย! นี่คือหนึ่งในเพลงของ Kaiser Chiefs ที่ผมโปรดปรานที่สุดและตลอดหลังจากนี้ ไม่ใช่เพราะนักร้องหล่อ (อันนี้ให้สาวๆ เขากรี๊ดไป) แต่เพราะความเป็น Indie Rock ที่ไม่ได้มีความรู้สึกว่าฟังยาก มีความเป็น New Wave นิดๆ ยิ่งทำให้เพลงนี้ดูหนักแน่นน่าฟังมากขึ้น ยิ่งการบอกเล่าถึงการให้กำลังใจและการอยู่เคียงข้างแบบผู้ชายแมนๆ มันยิ่งทำให้เข้าถึงได้มาก และมีความสุขทุกครั้งที่ได้ฟังและร้องตามเพลงนี้ จนต้องเป็นหนึ่งใน Playlist ที่ต้องฟังเพื่อให้อย่างน้อยก็บำบัดอาการเครียดต่างๆ แล้วสู้เว้ย! ต่อ




Owl City ft. Lindsey Stirling – Beautiful Times

หนึ่งในเพลงที่ให้กำลังใจที่เวลาผมท้อใจ เครียด เบื่อ เซ็ง อยากตั๊นหน้าคน หรืออะไรก็ตามที่ไปในทิศทางที่ไม่ดีนักจากสิ่งที่เจอในชีวิตในรอบปีที่ผ่านมา เพราะความเป็น Owl City จะมีความมองโลกในแง่ดีแฝงไปในทุกๆ เพลงที่สื่อออกมาไม่พอ ท่วงทำนองยังสดใส สว่างสไว และอ่อนโยนเสียอีกด้วย ทำให้อารมณ์ที่ได้รับจากการฟังมันผ่อนคลายลง และนิ่งงันฟังเนื้อหาที่ใช่ชีวิตมันยากนะ แต่ถ้าเราผ่านไปได้มันคือหนึ่งในเวลาที่สวยงามที่สุดในชีวิต เช่นนั้นจะไม่ปลื้มเพลงนี้ได้อย่างไร เพราะหลายๆ ครั้งพอได้ฟังเพลงนี้มันก็ทำให้ผมปล่อยวางและเอาล่ะ แล้วมันจะผ่านไป สู้ต่อ ตื่นมาวันรุ่งขึ้นมันคงจะดีขึ้น




Iggy Azalea ft. Charli XCX – Fancy

ถ้าจะบอกว่าเป็นเพลงประกาศศักดาในการเป็นแร๊พเพอร์หญิงผิวขาวที่มีของและจัดเต็มนะขอบอก! ของ Iggy มันคือใช่เลย กับความเป็น Electrohop ที่สามารถทำให้โยกตามได้แบบไม่คิด แม้ว่าเนื้อเพลงจะดูน่าหมั่นไส้มากขนาดไหนก็ตาม แต่มันก็ยังคงความน่ารักที่ทำให้คนฟังต้องเอ็นดูเธอ แถมต้องจำท่อน Who That Who That, I G G Y กันได้อย่างขึ้นใจแน่ๆ ที่สำคัญต้องยกเครดิตให้กับ Charli XCX ด้วยที่มาทำให้เพลงนี้ครบเครื่องมากขึ้นกับเสียงหวานๆ แต่ใส่ความกระแดะเข้าไปให้มันดูน่าหมั่นไส้แต่พองาม ครบซะขนาดนี้ ก็อันเชิญมาอยู่ใน Top 20 แห่งปีของผมเลยก็แล้วกัน




Ella Henderson – Ghost

อย่างแรกเลยคือ ผมเชียร์น้อง Ella เกิดมาเพื่อฆ่าตั้งแต่สมัยน้องแข่ง The X Factor UK แล้วล่ะ ยิ่งพอน้องตกรอบไปอย่างเหวอรับประทานแทนที่จะได้เข้ารอบชิงยิ่งทำให้เวลาผมฟังเพลงนี้ ผมจะอินเนอร์แรงที่จะสนับสนุนน้องอย่างแรงกล้ามาก ซึ่งไม่ว่าจะเป็นท่วงทำนอง Pop ที่มีจังหวะจะโคนอย่างมีชั้นเชิง การ Improvise ที่ทำให้เพลงนี้มีมิติมากมายในการฟัง เสียงร้องที่ฟังยังไงก็ Unique และปลื้มมาตั้งแต่ต้น และเนื้อหาที่ต้องการหลุดจากความหลอนในเรื่องของความรัก มันเป๊ะ! มันใช่! และมันเก๋! แค่นี้แหละ ผมชอบมาก จบข่าว




Magic! – Rude

เพราะเป็นคนชอบเพลงแนว Reggae อยู่แล้วเป็นทุนเดิมพอมาเจอเพลงนี้เท่านั้นแหละ ถึงกับกี๊ซซซซซแตกในตอนแรก เพราะมันใช่เลย ทั้งโจ๊ะ ทั้งชิลล์ มีความเป็น Reggae Fusion ในแบบที่ฟังแล้วยังไงก็ปลื้มได้ไม่ยาก แถมในเพลงมีมิติของท่วงทำนองที่ต้องติดตามไปจนจบกับการเปลี่ยนลูกเล่นทางดนตรี ยิ่งตอนมีโซโล่เบสหน่อยๆ แหม มันเก๋อ่ะ แต่ที่ฮามากคือ เนื้อเพลง เออ! มันให้ได้แบบนี้สิ เปรี้ยวที่จะเปิดศึกกับพ่อตา ทั้งๆ ที่จะเคลมลูกสาวเขา เอ็งเปรี้ยวไปไหมวะเนี่ย 55555




Paramore – Ain’t It Fun

บางครั้งการที่มีคนมาเตือนสติด้วยการด่าแบบแฝงแง่คิด มันก็ช่วยให้เรารู้ตัวได้นะครับว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ แล้วต้องตระหนักว่าเราควรจะเปลี่ยนไหม หรือจะยังคิดอยู่แต่ในกรอบแบบเดิม ซึ่งตอนฟังเพลงนี้ครั้งแรกผมไม่ได้สนใจอะไรนัก แต่รู้อย่างเดียวว่า Paramore ทำเพลงนี้ออกมาน่าฟังจังเลย แต่พอนั่งฟังอีกครั้งตามเนื้อหา ถึงกับสตันท์ไปเลยว่า เฮ้ย! เพลงนี้มัน Real มากน่ะ บอกเล่าและจิกกัดถึงความเป็น Gen Z ได้แบบหนำเขี้ยวมาก และมันกระแทกใจผมไม่น้อยตามที่เขียนไปตอนต้นเลย เพราะชีวิตมันไม่ง่ายไง ถ้าไปต่อไม่ได้แล้วคิดว่าโลกต้องหมุนรอบตัวเองล่ะก็ ไม่ถูกใจก็กลับไปร้องไห้กับแม่เถอะ อย่าได้มาเป็นภาระของคนอื่น เจ็บไหมล่ะ




OneRepublic – Love Runs out

เมื่อ OneRepublic สามารถหลุดออกจากกรอบเดิมๆ ได้ ที่เหลือคือกำไรของคนฟังที่จะได้เห็นพัฒนาการของวงนี้โดยเฉพาะในภาคดนตรีที่เก๋ขึ้นเรื่อยๆ ช่างประทับใจอย่างหาใดเปรียบ และเพลงนี้ก็เป็นข้อพิสูจน์ว่า วงนี้คือของจริง ภาคดนตรีเป็น Rock ที่หนักแน่นจังหวะจะโคนกระแทกกระทั้นได้ใจ มันส์ยกร่องจริงจัง แต่ไม่ได้ออกทางฟังยากเลยแม้แต่นิดเดียว คือจะเต้นก็ได้ จะมาร้องตามแหกปากให้สะใจก็สามารถ พร้อมกับเนื้อหาที่บอกเล่าถึงความรักที่พร้อมจะก่อร่างสร้างตัว และฝ่าฟันไปด้วยกันจนกว่าจะหมดไป เออ ได้ใจดีแท้




Olly Murs ft. Travie McCoy – Wrapped up

ต้องบอกเลยว่า ผมหลงรักเพลงนี้เพราะความทะลึ่งทะเล้นของเนื้อหามาก เพราะได้ใจสุดๆ กับประโยคที่ว่า “You Got the Lock, I Got the Key, You Know the Rest, You Know Just Where I Wanna Be” แถวบ้านเรียกว่าขอเสยสาวเจ้านะจ้ะ 55555 ยิ่งตัว Olly เองมีความทะเล้นในตัวและน้ำเสียงด้วย มันยิ่งเสริมความทะลึ่งตึงตังเข้าไปอีก แถมเฮีย Travie ก็มาร่วมด้วยช่วยขอปล้ำได้อย่างสนุกสนาน ท่วงทำนองก็มาแบบ Pop ติดกลิ่น Disco ที่สนุกสนานเข้าไปอีก มันลงตัวไปเสียทุกอย่าง เออ! ชอบ ปิดท้ายแบบนี้แหละครับ 5555




DJ Cassidy ft. Jessie J & Robin Thicke – Calling All Heart

ต้องขอขอบคุณพี่ Pop อดีต DJ ของคลื่น Get 102.5 ที่ทำให้ผมเริ่มหลงมนต์เสน่ห์ของเพลงแนว Funk Disco แบบนี้ เพราะมันมีมนต์ขลังในความสนุกสนานและมีเสน่ห์จัดเต็มมากมาย ทำให้ยามที่ผมได้ยินเพลงนี้ครั้งแรก “ผมนี่ลุกขึ้นเต้นหน้าคอมที่บ้านเลย” คือมันใช่ มันได้อารมณ์แบบเพลงชาติประจำใจ ยิ่งยามฟังได้เสียงร้องของ Jessie J และเฮีย Robin ยิ่งทำให้เพลงนี้สนุกสนานมันส์ยกร่องเข้าไปอีก เพราะ Improvise กันหนำมาก คนฟังเต้นไปอิ่มไป วู้ววว ฮิ้ววว สมกับเนื้อหาเพลงที่ชวนมาเต้นรำสนุกสนาน และเริ่มต้นกับคำว่ารัก ชัดเจนตรงๆ ไม่อ้อมค้อม เช่นนั้น ลุกขึ้นเต้นสิครับ รออะไรอยู่ 55555

ก็เรียบร้อยแล้วครับ สำหรับ 20 (+5) เพลง ถือว่าเป็น The Best ในรอบปี 2014 ที่ผ่านมานี้ ถือว่าเป็นความโชคดีอย่างที่ยิ่งที่ไม่เจอเพลงที่ฟังแล้วปวดตับจนอยากจะด่าไฟแล่บ และไม่เจอ MV ที่ทำให้ปวดติ่งต่อเนื่อง เลยไม่มีมานำเสนอให้ได้รับทราบกัน เลยงดดราม่า 55555 และที่สำคัญที่สุดเลย คือ

"เพลงที่ผมประทับใจชื่นชอบนั้น ไม่จำเป็นเสมอไปที่คนอื่นจะต้องปลื้มหรือชอบตามนะครับ เพราะนี่คือความเห็นของผมเท่านั้นเอง ถ้าเพลงไหนคุณฟังแล้วเกิดความรู้สึกว่ามันไพเราะและคุณชอบ ก็ถือว่าเพลงนั้นทำหน้าที่ของมันได้ลุล่วงแล้ว แต่ถ้าไม่ชอบหรือเฉยๆ ก็ตามแต่พิจารณาครับ เพราะคนเราชอบไม่เหมือนกันอยู่แล้ว และผมยินดีแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเสมอครับ"

ถ้าเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ หรือใครก็ตามที่เข้ามาอ่านมีเพลงอะไรที่ชื่นชอบประจำปี 2014 ที่ผ่านมานี้ เอามา Share กันได้เลยนะครับ ยินดีอย่างยิ่งเลยครับ

ขอบคุณมากๆ เลยครับที่เข้ามาเยี่ยมเยียน อ่าน และฟังเพลงใน Blog นี้ ที่สำคัญมากเลย คือ Comment ของคนเข้ามาครับ เพราะมีค่ามากเลยสำหรับผม ขอบคุณมากๆ อีกครั้งครับ


Create Date : 18 มกราคม 2558
Last Update : 19 มกราคม 2558 0:49:17 น. 5 comments
Counter : 4691 Pageviews.

 
หวัดดีครับ ไม่รู้จำผมได้ไหม ฮ่าๆ (ผม) หาไปนานมาก แต่พี่ยังอยู่ใน BG เหมือนเดิม เยี่ยมมาก สบายดีนะครับ :)


โดย: บาส IP: 49.230.218.149 วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา:21:46:44 น.  

 
ชอบจัง มารีวิวอีกนะคะ อย่าหายไปไหนนะ ถ้าหายไปไม่รู้จะหาเพลงดีๆจากไหนเลย 5555 :) :)


โดย: PFayerye IP: 27.130.217.73 วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา:18:56:18 น.  

 


แวะมาดูเพลงโปรดของคุณค่ะ
คุ้ม...เข้ามาทีไร...ได้ฟังเพลงดีดีตลอด


โดย: อุ้มสี วันที่: 13 กรกฎาคม 2558 เวลา:21:21:30 น.  

 
ขอบคุณมากครับ สำหรับรีวิว น่าจะทำเพจใน FB บ้างนะครับ จะได้ติดตามได้ง่ายๆ อิอิ


โดย: Someone IP: 134.196.197.79 วันที่: 15 ตุลาคม 2558 เวลา:19:06:51 น.  

 
ตะเอง...หายไปไหนอ่า ไม่มาอัพเดทกันแล้วเหรอจร้า คิดถึงน๊าาาาา


โดย: โฮมสเตย์ริมน้ำ วันที่: 20 ตุลาคม 2558 เวลา:18:25:10 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เข็มขัดสั้น
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 25 คน [?]




ยินดีต้อนรับเข้าสู่บล็อกของเข็มขัดสั้นนะครับ ^^

แต่ละ Group Blog ที่ผมเขียน มี Concept ตายตัวชัดเจน และผมเองก็จะยังคง Concept แบบนี้ต่อไป ใครเข้ามาด่ากี๊ซก๊าซ คนนั้นมันบ้าของมันไปเองแหละครับ ผมไม่บ้าด้วยหรอก นั่งดูพวกเต้นเป็นเจ้าเข้าแทนศิลปินเหล่านั้น เพื่อเฮฮา ขำก๊าก อิเคะๆ อิไตๆ ดีกว่า 5555

และที่สำคัญยินดีมากเลยครับ ที่ไม่ว่าใครก็ตามที่เข้ามาอ่านแล้วมี Comment ให้ผม คนที่มาดีๆ ผมดีใจมากเลยครับ และขอบคุณอย่างยิ่งที่เข้ามาอ่านและฟังเพลงจากบล็อกน้อยๆ แห่งนี้ ส่วนคนที่มาถ่อย กะมาด่าโดยตรง ก็ตามสบายครับ ที่นี่เปิด Public นี่นา ผมก็ถือว่าเขาเหล่านี้ได้มาเสพงานที่ผมสรรค์สร้างขึ้นตาม Concept แล้ว แค่นี้ก็ดีแล้วครับ ที่ทำให้คนอ่านอินได้ขนาดนี้ ^^

สุดท้าย ขอขอบคุณ Pop Magazine มากๆ ครับ ที่ทำให้ผมมีแรงบันดาลใจในการเขียน Blog นี้ขึ้นมา ^^
Group Blog
 
<<
มกราคม 2558
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
18 มกราคม 2558
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add เข็มขัดสั้น's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.