|
Location :
กรุงเทพ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]
|
สวัสดีค่ะ ยินดีต้อนรับเข้าสู่ blog ของ keigo นะคะ ^^
blog นี้เป็น blog เก่าค่ะ ได้ย้ายบ้านไป thisiskeigo.wordpress.com แล้ว ไปติดตามกันได้ที่นั่นค่ะ ^^ หรือติดตามเพจกันได้ที่ http://www.facebook.com/thisiskeigo ขอบคุณที่ติดตามกันค่ะ ^^
|
|
|
|
|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ความทรมานที่ควรรู้ก่อนคิดฆ่าตัวตาย #1
เรื่องมันอาจจะแหวกแนวไปนิดนึงแต่ผมเชื่อว่าเป็นประโยชน์ต่อคนที่มีความคิดหุนหันใจเร็ว เพราะว่าตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมาผมได้เห็นคนที่ฆ่าตัวตาย ทั้งตั้งใจจริงๆ หรือแค่ประชดหรือหลอกคนอื่น..... และก็เห็นทั้งสองพวกนี้ที่ตายจริงและไม่ตาย บางคนได้ตายสมใจ บางคนไม่ได้กะจะตายแต่ก็ตาย แต่หลายๆคนไม่ตายแถมยังต้องทนทรมานไปตลอดชีวิต
ก็เลยเอามาเล่า แต่ก็ขอให้ชั่งใจก่อนอ่านแล้วกัน
เมื่อสัปดาห์ที่แล้วได้อยู่เวรดึก ตอนตี3ก็มีคนไข้โดนเข็นเข้ามาโดนนอนนิ่งไม่พูดอะไร มีคนนำส่งบอกว่ากินยาฆ่าตัวตาย พอไปถึงปลุกยังไงก็ไม่ตื่นแต่พอเปิดเปลือกตา ตาก็จ้องประสานกันก่อนที่จะรีบหลบ ก็เลยปลุกด้วยวิธีการทดสอบความรู้สึกตัวคือกดที่กระดูกสันอก ผลคือฟื้น "กินยาอะไรมา" ผมถาม..........พลางตรวจร่างกายไปด้วย "จะตอบหรือไม่ตอบ ถ้าไม่ตอบล้างท้องนะ...........พี่ ขอsetล้างท้อง เอา3ลิตรยาชาไม่ต้อง" ผมพูดออกไป ทั้งที่รู้ว่ายาชาน่ะ ตามปกติก็ไม่ได้ใช้อยู่แล้ว คงจะได้ยินสามลิตรและไม่เอายาชา เขาก็เลยตอบออกมา "กินพาราไปยี่สิบเม็ด"
ความรู้ : ยาพาราเซตตามอล เวลาเข้าไปในร่างกายจะโดนทำลายที่ตับ ขั้นตอนการกำจัดยาออกไปจะเกิดสารพิษต่อตับ ซึ่งปริมาณที่เป็นพิษ คำนวณคร่าวๆก็อยู่ที่15-20เม็ดในคราวเดียว ซึ่งระดับเพียงเท่านี้ ทำให้ตับทั้งใบ เจ๊งไปในทีเดียวได้
ผมก็เลยจัดการเรื่องล้างท้อง และใส่ผงถ่านดูดพิษ ลองถามถึงเรื่องยาชนิดอื่นๆก็ไม่ปรากฎว่ามี หลังล้างท้อง ซึ่งก็ล้างกันจนหน้าดำหน้าแดง(หน้าคนไข้) เราก็เริ่มกระบวนการที่ทรมานที่สุดในการรักษา นั่นคือกินยาถอนพิษ............ ยาถอนพิษของพารา ที่จริงแล้วคนทั่วไปใช้มันในแง่ของการขับเสมหะโดยเอาผงมาละลายน้ำแล้วดื่มน้ำมากๆ..... กินแล้วชื่นใจดีกินทีละซอง แต่นี่ต้องกินครั้งแรก 50กว่าซอง..........(แหวะ) และหลังจากนั้นผมก็ส่งขึ้นหอผู้ป่วยและสั่งให้ "ให้ยาตัวนี้25ซองละลายน้ำ ให้ทุก4ชั่วโมง" และไม่ลืมที่จะไม่สั่งยาแก้คลื่นไส้ให้ไปด้วย อยากได้ไปขอเอาเอง...... ว่ากันว่าคนที่เคยโดนการรักษาแบบนี้จะคลื่นไส้และไม่คิดฆ่าตัวตายด้วยวิธีนี้อีกเลย
แต่ความทรมานยังไม่หมด สำหรับบางคนที่กินมามากๆ และทิ้งช่วงนานจนยาดูดซึมเข้าไปมาก ยาก็จะทำลายตับ ตับคนเรามีหน้าที่กำจัดของเสียและสร้างสารต่างๆไว้ใช้ในร่างกาย พอตับเจ๊ง ร่างกายก็แย่ อวัยวะระบบอื่นๆก็เสียหายและตายในที่สุด ก่อนตายหลายคนมีอาการเพ้อ ตัวเหลืองตาเหลืองไม่รู้สติ..... ทรมานทั้งตนเองและญาติพี่น้อง
ดังนั้นพาราเซตตามอล ไม่ใช่ยาที่เหมาะในการกินประชดถ้าไม่คิดจะตายจริง .... หากจะประชดลองวิตามินซีจะดีกว่า
-----
ของต่อไปที่ไม่อยากให้ลองคือ พวกยาฆ่าหญ้า เมื่อตอนสมัยเรียนหมอได้ไม่นาน ได้รับคนไข้ผู้หญิงคนนึง อมยาฆ่าหญ้าแกล้งประชดสามี ให้เข้าใจผิดว่าจะฆ่าตัวตาย............. หลังเข้าใจกันได้ ไม่นานก็เกิดอาการผิดปกติ เหนื่อย หอบ และมาเข้าโรงพยาบาล ได้ตรวจเต็มที่ และพบว่า ยาฆ่าหญ้าได้ทำลายปอดไปแล้ว ญาติๆร้องห่มร้องไห้ ขอให้หมอหายาถอนพิษและรักษาให้หาย............. แต่โชคร้ายที่ไม่มียาถอนพิษ มีแต่การประคับประคองอาการและประคองระบบต่างๆที่แย่ไปแล้วให้ดีขึ้น สำหรับรายนี้ นอนเหนื่อยหอบใส่ท่อช่วยหายใจ และก็ตายไปในสัปดาห์ที่สอง เป็นสองสัปดาห์แห่งความทรมานทั้งคนไข้ ญาติ และผู้รักษา พิษของยาฆ่าหญ้า จะทำให้เกิดอนุมูลอิสระขึ้นในร่างกาย และทำลายอวัยวะที่ใช้ออกซิเจนทั่วร่างกาย โดยเฉพาะที่ปอดจะโดนทำลายมากที่สุด และยิ่งให้ออกซิเจน การทำลายก็จะยิ่งมากขึ้น ยังไม่มีการรักษาที่รับรองว่าจะหายเลย...... เมื่อก่อนผู้ป่วยส่วนใหญ่ตายทั้งสิ้น รวมทั้งรายนี้ที่แค่อม ยังไม่ได้แม้แต่จะกลืนเข้าไป แม้แต่เมื่อก่อนโน้น ก็เคยมีกรณีนักเรียนแพทย์ศิริราช ที่เวลาก่อนสอบมักจะซื้อบ๊วยเค็มมากินเพื่อให้ตาแข็งอ่านหนังสือได้ดึกๆ สมัยนั้นร้านที่ซื้อประจำคือร้านที่อยู่ตรงข้ามโรงพยาบาล อยู่มาวันหนึ่งหลังสอบ ก็เกิดอาการเหนื่อยขึ้น ได้ไปตรวจและรักษา มีอาจารย์หลายๆท่านมาช่วยกัน แต่ก็ยื้อชีวิตไว้ไม่ได้ จากการตรวจสอบ ภายหลังพบว่ามีการคลุกยากับบ๊วยเพื่อกันแมลง เหตุการณ์นี้ผ่านมายี่สิบปี เพื่อนๆของนักเรียนแพทย์คนนั้นมาเป็นอาจารย์กันหลายคน ต่างก็ศึกษางานวิจัยใหม่ๆในเรื่องนี้เสมอทั้งที่ไม่ได้เป็นสาขาที่ตนอยู่ ..... อัตราการตายก็นับว่ายอมรับได้ แต่สิ่งที่พูดเหมือนกันคือ เป็นแล้วไม่ว่าหายหรือตาย ทรมานกันทั้งนั้น
ดังนั้นยาฆ่าหญ้าเป็นอะไรที่ไม่ควรลอง ไม่ว่าจะฆ่าตัวตายจริงหรือประชด
-------- สำหรับตอนนี้ขอยกตัวอย่างเพียงสองชนิดนี้ก่อน ซึ่งก็เป็นสองชนิดยอดฮิตในเมืองไทย เนื่องจากหนังละครชอบทำให้คิดว่าตายเร็วไม่ทรมานทั้งที่จริงๆทรมานมาก พรุ่งนี้จะมาเล่าต่อ สำหรับเรื่องที่ไม่น่าทำอื่นๆ
Create Date : 22 พฤษภาคม 2548 |
Last Update : 22 พฤษภาคม 2548 2:55:21 น. |
|
1 comments
|
Counter : 815 Pageviews. |
|
|
|
โดย: keigo (:D keigo :D ) วันที่: 22 พฤษภาคม 2548 เวลา:3:17:52 น. |
|
|
|
|
|
|