เพราะจากที่ได้เห็นแบบจำลองที่ทางวัดนำตั้งแสดงให้ดูแล้ว บอกตรงๆ เลยครับว่าเป็นอภิมหาโครงการขนาดใหญ่จริงๆ ซึ่งคงต้องใช้เงินทุนและเวลาอีกหลายปี
แต่ถ้าหากว่าทำเสร็จหมดทั้งโครงการแล้วละก็ ผมคิดว่าจะเป็นแม่เหล็กก้อนใหญ่ในการดึงดูดนักท่องเที่ยว นักแสวงบุญชาวพุทธ ทั้งจากในประเทศ
และต่างประเทศให้มาเยี่ยมชมได้อีกนานแสนนานเลยครับนอกจากวัดเขาทำเทียมแล้ว ที่อำเภออู่ทอง ยังมีอีกหนึ่งสถานที่ที่น่าสนใจนั่นก็คือ ศูนย์พันธุ์พืชเพราะเลี้ยง อ.อู่ทอง ช่วงที่แวะไปเยี่ยมชมก็กำลังมีงาน ดอกกระเจียวบานอยู่ด้วย ซึ่งบอกตรงๆ ว่าดอกกระเจียวที่เลี้ยงนั้นสมบูรณ์กว่า ดอกกระเจียวที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ อย่างที่จังหวัดชัยภูมิเยอะครับ
เพราะผมเคยไปดูที่จังหวัดชัยภูมิมาแล้ว ดอกจะไม่ใหญ่ และหลายชั้นอย่างที่สุพรรณบุรี แต่ถ้าอยากได้รูปแบบเป็นธรรมชาติแล้วละก็ ทางชัยภูมิยังไงก็น่าเที่ยวครับ
แต่ที่ผมทึ่งก็คือ สุพรรณบุรีนี่เขาปลูกได้แทบทุกอย่างจริงๆ ผมเห็นว่าสามารถปลูกดอกทิวลิปได้ด้วย แต่ว่าจะเป็นช่วงปีใหม่ เดี๋ยวช่วงปีใหม่คงต้องแวะมาเยี่ยมใหม่
และนี่คือสถานที่ที่ 3 ในวันนั้นครับ เราอยู่จนประมาณบ่าย 3โมงกว่า เราก็ออกเดินทางต่อไปยังจุดหมายสุดท้าย เพื่อเวียนเทียน นั่นก็คือวัดทิพย์สุคนธาราม
อยู่ที่อำเภอห้วยกระเจา จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งภรรยาผมเขาอยากจะมามากครับ พระประธานองค์ใหญ่ตั้งตระหงาอยู่หน้าภูเขานามว่า
พระพุทธเมตตาประชาไทยไตรโลกนาถคันธารราฐอนุสรณ์ ในพระบรมราชินูปถัมถ์ โดยพระพุทธรูปปางคันธารราฐ หรือ ปางขอฝน ซึ่งสามารถเห็นได้จากระยะไกล
เลยทีเดียว เราไปถึงประมาณ 17:00 ซึ่งอยากบอกว่าสวยมากครับ โดยเฉพาะสวนที่จัดแต่งอย่างอลังการ เรียกว่าสวยงามมากครับ
ซึ่งอยากบอกว่าสมกับที่เป็นปางขอฝนจริงๆ ครับ เพราะว่าประมาณ 6โมงกว่าๆ ฝนก็ตกลงมาอย่างแรงครับ
แต่ด้วยศรัทธาอันแรงกล้า ก็ไม่มีใครถอยหนีกันเลย ก็มีแต่ผมพาแม่ออกมานั่งรออยู่ข้างนอกเพื่อหลบฝน
เป็นอีกหนึ่งวันแห่งความสุขที่ขอบันทึกเอาไว้