茅ヶ崎市
ชิงะซะกิ (ญี่ปุ่น Chigasaki 茅ヶ崎市 Chigasaki-shi ) เป็นเมืองในจังหวัดคะนะงะวะ ประเทศญี่ปุ่น มีขนาดพื้นที่ทั้งสิ้น 35.71 ตารางกิโลเมตร ในปี พ.ศ. 2553 มีจำนวนประชากร 234,400 คน ภูมิศาสตร์ ตั้งอยู่ริมฝั่งทางทิศตะวันออกของแม่น้ำซะงะมิ บริเวณชายฝั่งทางทิศใต้ของจังหวัดคะนะงะวะ ทิศใต้ติดกับอ่าวซะงะมิและมหาสมุทรแปซิฟิก ชุมชนโดยรอบฟุจิซะวะ ฮิระสึกะ ซะมุกะวะ เมืองชิงะซะกิอยู่ตจวค่ะ ผู้คนไม่พลุกพล่าน ไม่แออัด ค่าครองชีพก็ไม่สูง ไม่เหมือนในตัวเมืองใหญ่(แต่ว่าญี่ปุ่นยังไงก็ยังแพงอยู่) เมืองชิงะซะกิเป็นหาดที่เป็นที่นิยมในหมู่วัยรุ่นเพราะที่นี่จะมีคนเล่นโต้คลื่น กันเป็นจำนวนมาก ประวัติย่อการเล่นโต้คลื่น การเล่นเซิร์ฟหรือการเล่นโต้คลื่นนั้น มีที่มาจากประเพณีโบราณดั้งเดิมของคนพื้นเมืองของเกาะฮาวายและเกาะตาฮิติ ซึ่งชนพื้นเมืองจะเล่นโต้คลื่นบนกระดานโต้คลื่นที่ทำจากไม้เนื้อแข็งชนิดต่างๆ โดยเฉพาะไม้เนื้อแข็งชนิดหนึ่งที่ขึ้นบริเวณเกาะฮาวายที่เรียกว่า ไม้โคอา Koa ปัจจุบันสามารถชมชมกระดานโต้คลื่นที่ทำจากไม้ ที่ทำขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 15 ได้ที่พิพิธภัณฑ์บิชอฟ โฮโนลูลู บนเกาะฮาวาย มีตำนานของชาวฮาวายเล่าว่า มีการสวดมนต์บูชาให้กับท้องทะเล เพื่อขอให้มีคลื่นที่ดีในการเล่นโต้คลื่น และแสดงความเคารพต่อท้องทะเลโดยการเข้าแข่งขันโต้คลื่น สถานที่โต้คลื่นหลายแห่งในฮาวาย มีการสร้างที่บูชาไว้โดยชาวพื้นเมืองฮาวายโบราณ เพื่อทำการสวดอ้อนวอนให้มีคลื่นสำหรับการโต้คลื่น เช่นที่โบราณสถานคูอีมานูไฮอาอู (Kuemanu Heiau) ชายหาดคาฮาลู (Kahaluu Beach Park) ต่อมาในศตวรรษที่ 19 เมื่อมีมิชชันนารีคริสเตียนเขามาเผยแพร่ศาสนาและได้ตัดสินให้การโต้คลื่นนั้นขัดกับหลักคำสอนของศาสนาคริสต์ มิชชันนารีได้สร้าง และได้สร้างโบสถ์เซนท์ปีเตอร์ ข้างๆ ซากสถานที่บูชา ณ โบราณสถานคูอีมานูไฮอาอู ไว้ จนในปี ค.ศ.1986 รัฐฮาวายได้ทำการบูรณะสถานที่บูชานี้ขึ้นมาใหม่ จนถึงปัจจุบันนักโต้คลื่นทั้งหลายก็สามารถทำการบูชา ณ โบราณสถานคูอีมานูไฮอาอู แห่งนี้เพื่อขอให้มีคลื่นดีในการโต้คลื่นอีกครั้ง กัปตันเจมส์ คุก การเล่นโต้คลื่นในเกาะฮาวายและเกาะตาฮิติได้มีการบันทึกไว้ครั้งแรกโดย กัปตันเจมส์ คุก ในปี ค.ศ.1777 และมีการตีพิมพ์เป็นหนังสือในปี ค.ศ. 1784 ในชื่อ A Voyage to the Pacific หรือ การเดินทางสู่แปซิฟิค ซึ่งกัปตันเจมส์ คุก ได้เขียนอธิบายในสิ่งที่ตนเองพบเกี่ยวกับการโต้คลื่นไว้ว่า ฉันสรุปได้เลยว่าชายคนนั้นรู้สึกมีความสุขสุดยอด ในขณะที่เขาโดนคลื่นในทะเลโล้ไปอย่างราบรื่นและรวดเร็ว ดุ๊ก คาฮานาโมคู การโต้คลื่นกลับมาเป็นที่รู้จักอีกครั้งในปี ค.ศ.1920 โดยนักว่ายน้ำชาวฮาวายชื่อ ดุ๊ก คาฮานาโคมู ซึ่งทำให้การโต้คลื่นเป็นกีฬายอดนิยมในนานาประเทศที่มีพื้นที่ติดชายฝั่งทะเล ดุ๊ก คาฮานาโคมู เป็นผู้ที่ทำให้ชาวโลกเห็นการโต้คลื่นที่งดงามของชาวฮาวาย ผ่านความสามารถในการว่ายน้ำของเขา ที่ได้เหรียญทองและเหรียญเงินในกีฬาโอลิมปิคในปี ค.ศ.1912, 1920 และ 1924 ชาวประมงอเมริกาใต้ มีเรื่องเล่าว่า ครั้งโบราณนั้น ชาวประมงมีการโต้คลื่นทุกวัน ในการที่จะต้องออกไปหาปลาแต่ละวัน ก็ต้องทำการโต้คลื่นออกไป และเมื่อต้องการกลับเข้าฝั่งก็จะต้องขี่คลื่นเพื่อกลับมายังชายฝั่ง ในสมัยก่อนยุคล่าอาณานิคม บริเวณประเทศเปรูและเอกวาดอร์ ได้ปรากฏมีการใช้เรื่อที่ทำจากต้นกกทำการโล้คลื่นเพื่อกลับเข้าฝั่งมาเป็นพันปีมาแล้ว
ไวกีกี สวรรค์ของการโต้คลื่น
คบไฟแห่งทีกีถูกจุดสว่างยามย่ำค่ำ เสียงของอูคูเลเล(กีตาร์ฮาวาย) บรรเลงเพลงเต้นระบำ ใส่เสื้อฮาวายเดินบนผืนทรายในคืนพระจันทร์วันเพ็ญ โต้คลื่นด้วยกระดานยาวแบบคลาสสิค นี่คือสวรรค์ของนักโต้คลื่น ในสถานที่ที่พูดได้ว่าเป็นสถานที่กำเนิดของเซิร์ฟทัวริซึ่ม หรือที่ท่องเที่ยวของนักโต้คลื่นนั่นเอง
จากบันทึกอันแสนโรแมนติกของ แจ็ค ลอนดอน และมาร์ค ทเวน ทำให้ไวกีกี ฮาวาย เป็นสถานที่แสนโรแมนติกและเย้ายวนใจของนักท่องเที่ยว และเป็นเหตุผลหลักที่เกาะฮาวายได้นำไวกีกี มาใช้ในการตลาดเพื่อประชาสัมพันธ์ธุรกิจนำเที่ยวต่างๆ รวมไปถึงโรงงานสัปปะรดอีกด้วย
ในฮาวาย การโต้คลื่นมีความหมายที่ลึกซึ้งต่อชาวท้องถิ่นมาก การโต้คลื่นหมายถึงจิตวิญญาณที่บริสุทธิ์ของชาวฮาวาย การเป็นอิสระจากขนบธรรมเนียมแบบแผน และหมายถงการแสดงความรักต่อหาดทราย แนวประการัง และมหาสมุทร
ที่มา quiksilver
Create Date : 29 กรกฎาคม 2554 |
|
2 comments |
Last Update : 28 กันยายน 2554 21:29:02 น. |
Counter : 1193 Pageviews. |
|
|
|