Group Blog
 
 
มิถุนายน 2552
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
10 มิถุนายน 2552
 
All Blogs
 
I.Hongkong No 1.ครั้งแรกกับต่างประเทศและวันแรกกับประสบการณ์ที่ Immigration



อยากเล่าๆเจ้าค่ะ


     มีโอกาสได้ไปเที่ยวต่างเทศครั้งแรกกับเขาในชีวิตอ่ะค่ะ พอดีว่าเป็นช่วงปิดเทอม เดือนตุลา ปีที่แล้ว ก้อเลยถือโอกาสไปเที่ยว และก้อไปเยี่ยม ฟ.แฟนซะเลย แฟนอยู่ที่นั่นพอดีเลยค่ะ พอได้วันหยุดก้อจัดแจง ทำpassport จองตั๋ว หาชุด เตรียมของกันไป พอถึงวันขึ้นเครื่องจริง แม่เจ้า ทำไมเราถึงกล้าอย่างนี้ ไปยังไงดีถึงแล้วตูจะทำยังไงภาษาก้อไม่เปง(คิดในใจ) เอาว่ะมาถึงขนาดนี้แล้วไม่กลัวเว้ย เรียกแท็กซี่ไปส่งที่สนามบิน พอไปถึงก้อไปเช็กอินค่ะ พอดีว่าไปส่งแฟนบ่อยเลยพอรู้ว่ทำกันยังไง เส็ดแล้วก้อไป ตม. เขาก้อตรวจลงตรา พี่ที่ตรวจเขาบอกว่า "เล่มแรกหรอ" อิชั้นก้อบอกว่า "ค่ะ" พี่ตม. "ไปไหนนะ" อิชั้น "ฮ๋องกง" เฮ้ยถามไมวะทะแม่งๆ  พี่ตม. "เล่มแรกครั้งแรกก้ออาจจะเข้ายากหน่อยนะ" อิชั้น "เอ๋อสิค่ะ" แวกให้พรตูซะใจฝ่อหัวหดกันเลยทีเดียว หลังจากนั้นก้อเข้าไปข้างใน เหมือนบ้านนอกเข้ากรุง อืม นี่น่ะหรอ ข้างในสนามบิน Duty Free จ้า จ้าไม่มีเงินซื้อจ้าต้องเซฟๆจ้า เดินไปไกลโขเลย เรานั่งของ China Airline ไปขึ้นที่ Gate G เดินไปบรรยากาศก้อเริ่มเย็นลงๆ กำ ฝนตกอย่างแงดีนะที่เครืองยังไม่ขึ้น รอๆๆๆ ระหว่างรอก้อตีซี้คนข้างๆไว้เพื่อจะช่วยเราได้ แต่ว่า "พี่ก้อไปครั้งแรกเหมือนกาน" เออดีมาก ไม่เปงไรคิดไว้อย่างน้อยเจอเพื่อนร่วมทางก้อยังดี เอาล่ะแอร๋ เรียกแล้วขึ้นเครื่องสักที ที่นี้ก้อบินลัดฟ้าไปฮ่องกงบนเครื่องไม่เล่าอ่ะค่ะมันยาว บอกได้คำเดียว ช้านกลัวมากมายไมเกรนขึ้นเลย


     นั่งๆรอๆเมื่อไหร่จะถึงว้า ประกาศ"ขณะนี้เราพาท่านมายัง...... ว่ากันไป" เย้ถึงสักที เฮ้ยๆๆไรเนี่ย เครื่งบินร่อนจ้าค่ะมานตีโค้ง ใจไปถึงตาตุ้ม เอาล่ะจอดสนิท เก็บเป๋า เดินๆๆๆ ก่อนไปเราหาข้อมูลมาว่าถ้าลง อาคาร2 ต้องต่อรถไฟของนามบิน แต่เราไม่ต้องอ่ะค่ะ ลงอาคาร 1 พอดีก้อได้แต่เดินตามทางที่แสนจะยาว จ้ำๆๆๆจนลืมพี่ที่คุยกันไว้ว่าจะผ่าน ตม.ด้วยกัน เดินๆมาถึงก้อมาดูบอร์ดเอากระเป๋าที่สายพานไหน เส็ดแหละก้อเดินไปตรงที่ลงตรา หรือก้อคือ ตม. ต่อคิวๆ ระหว่างรอคิวก้อแอบมองคนที่จะลงตราให้ อืมคนนี้ไม่อยากได้นะ เอาคนนี้ดีกว่าท่าทางใจดี (คิดในใจ) ถึงเราแล้ว แม่ง ได้คนที่ตูไม่อยากได้ พอถึงก้อยื่นเอกสารทั้งหมด ตั๋ว พาสปอร์ต นามบัตรแม่อฟน เบอโท เค้าก้อดูๆ แล้วถามมาเปงภาษาอังกิดว่ามานานเท่าไหร่ ก้อบอกไป 1 เดือน ถามอีก "พักที่ไหน กับคัย " ชั้นก้อเอ๋อนิดนึง ถามตูซะยาวยิ่งโง่ๆ "พักกะญาติ แล้วก้อชี้นามบัตร" มานก้อถามอีกที่นี้แหละค่ะมานพูดไรไม่รู้เรื่องเลย ยิ่งกว่าอันที่แล้วอีกชั้นก้อ เอ๋อ ไม่ตอบ เลยบอกมันว่า พูดอีกที่ซิ มานก้อพูด ง่า ฟังไม่รู้เรืองอีกแย่ชะมัดเลย มันก้อหงุดหงิดทีนี้ ก้อตูฟังไม่รุเรื่องนี่ สำเนียงภาษามึงแปลกมาก มันก้อหยิบเอกสารไรไม่รุเขียนๆแล้วก้อมี ผุ ช ตัวใหญ่มาพาช้านเข้าไปอีกห้อง ระหว่างนั้นชั้นก้อคุยกะแฟนอยุคือเปิดโทรข้ามแดนไว้ แต่ว่าคุยแปปเดียวเงินหมดแพงมาก ง่า แล้วมันพาช้านมาที่ไหนเนี่ย เปงห้องกลาง ในห้องก้อแบ่งเป็นบล็อคๆไว้ ไม่ต้องคิดไรมาก กักตัวๆ แงๆๆกัวมากมายขอบอก ระหว่างรอชั้นก้อมานั่งเรียบเรียงคำพูด หาประโยคภาษาอังกิดที่จะบอก น้ำตาคลอเลยเจ้าค่ะผู้หญิงคนเดียวถ้าถกส่งกลับทำไง ที่นี้มีคนมาเรียก"มิส สูราดวาดี" ชั้น "Me" ก้อเดินตามไปในบล็อคนั้น คิดในใจมันจะพูดกะตูรู้เรื่องมั๊ยว่ะ สำเนียงภาษาคนจีนยิ่งแปลก พี่ผุ ญ ถาม"พูดภาษาอังกิดได้มั๊ย" ชั้น"ได้นิดหน่อยค่ะ"(ทำไมเรียนจนถึงปริญญา ภาษาอังกิดกูเปงงี้วะ เรียนก้อสูง อยากกลับไปเรียนใหม่) พี่ผุ ญ เขาก้อถามๆๆๆอ่ะนะเราก้อตอบ ก้อถามประมานว่า" มาครั้งแรกหรอ พักที่ไหน รู้จักคัย มีเงินเท่าไหร่ บอกชื่อคนรู้จักสิ ขอเบอโท " เราก้อเขียนๆตอบไป ถามประมาน15นาทีได้ ก้อเส็ดก้อมานั่งรอ สัก15นาที เค้าก้อเรียกคืนของทุกอย่างแล้วก้อ ให้ออกมา แวก ชั้นออกมาแล้ว ที่นี้ก้อไปหากระเป๋า นี่ยังแย่ไม่พออีกนะคะ พอได้กระเป๋าแล้ว   SmileySmileySmileySmiley


     โดนเรียกอีกค่ะ ตรงที่ตรวจกระเป๋า เป็นประสบการณ์ที่แย่มากๆ รังแกชั้นเห็นชั้นเป็นผุ ญ คนเดียว เรียกมากระเป๋าก้อหนักไม่ช่วยยกอีก พอมาตรงที่ตรวจก้อรื้อคะ ขอบอกว่ารื้อสุดๆ กระเป๋าเก๋เอาไป 1ใบ กะกระเป่าสะพาย รื้อค่ะ เอากระเป๋าเสื้อผ้าก่อน รื้อสะบัดผ้า ลวงกระเป๋าทุกตัว แม้แต้เสื้อใน ทั้งจับทั้งบี้อ่ะค่ะ แล้วก้อชวนคุยไปเรื่อยมานก้อพูดจีนชั้นก้อพูดไม่เปง ชั้นบอกว่ายังเรียนอยู่มันบอกว่าไม่ใช่มั้ง มานดูถูกค่ะหาว่าช้านไม่ได้เรียน ที่นี้กระเป๋าถือ รื้ออีกค่ะ แม้แต่ไดอารี่ที่เขียนไว้เปิดดูทุกหน้า แล้วชั้นก้อเขียนภาษาไทย มานก้อบอกว่าอ่านให้ฟัง มึงเปงครูรึไงว่ะแต่ไม่ได้พูดหรอกนะ ถามนนู้นนี่ พักที่ไหน อยุกะคัย อารายวะถามตรงนั้นยัไม่เส็ดอีกหรอ เอาตรวจเส็ด เลวค่ะขอบอกมานรื้อแล้วมันไม่ช่วยชั้นเก็บ มันบอกว่ารีบๆเก็บนะ เด๋วจะมีคนมาตรวจอีก เวร ของกูจัดมาอย่างดีแล้วมึงรื้ออย่างนี้กูจะเก็บให้เหมือนเดิมยังไง ผลสุดท้ายผ้าเช็ดตัวกะผ้าขนหนูผืนเล็กเก็บไม่ลง เส็ดก้อออกมา แฟนมารับก้อโมโห ทำไมนานอย่างนี้เพราะว่าตรงที่เข้าห้องกักประมาน ชม.เดียวเองอิชั้นก้อเล่าๆๆ ของขึ้นค่ะแฟนชั้น บอกว่าไปคุยกะมันทำไมตรงที่ตรวจเป๋า มันไม่ใช่หน้าที่ของมันที่มาสักประวัติเรา (เวนกำ ก้อไม่รู้นี่ฟร่ะ อย่ามาดุดิ) ไมเกรนก้อขึ้นตอนนั้น แฟนก้อเล่าว่า พี่ผุ ญ ที่ตม.โทไปหาแม่แฟนเราถามๆๆๆ เข้าก้อเลยปล่อยออกมา ที่เราโดนกักเพราะว่า อีต่ผุ ช ตรงตม.คนแรกมานถามชั้นว่าแม่ชื่อไร กำ ก้อฟังไม่รุเอง โดนด่าอีกพูดภาษาไม่เปงหรอ


     พอออกมาได้ก้อซื้อบตัรปลาหมึกอ่ะค่ะ เส็ดแล้วก้อไปหาแม่แฟนที่ citygate outlet แม่พักอยุ่ที่ตึกใกล้กันเรียกว่า คอสต้าสกายไลน์มั้ง ก้อไปหาเข้าแล้วก้อเล่าให้ฟังอีก เหมือนเดิมเลย พูดภาษาอังกิดไม่เปงฟังไม่ออกหรอ T^T ชี้ช้ำ แม่ก้อพูดเหมือนกานเลยว่าตรงตรวจกระเป๋าอ่ะมันทำเกินไปทำไม ไมจดชื่อมันมา หรือไม่ก้อถามมันไปเลยว่าถ้ามีปันหาโทมาหาแม่เลย ยังไงมันก้อไม่กล้าหรอก อ้าวก้อนู๋ไม่รู้นี่คะ หนูเห็นใส่ชุดเขียวๆ เหมือนในหนังนู๋ก้อว่าเป็นตำรวจ นู่ก้อกัวอีก ง่าทำไมนู๋โง่อย่างงนี้เนี่ย พอคุยกะแม่เส็ดก้อไปพักที่บ้านแฟนอ่ะค่ะที่ ยัดต๊ง ถึงบ้านอาบน้ำอาบท่า ปวดหัวจี๊ดๆๆ กินข้าวกินยาขอนอนเลยค่ะ


       ระหว่างจะนอนก้อคิด แม่งเอ๋ย เจ็บใจ ให้มันมาดูถูกตู คือถ้าเพื่อนเจออย่างเก่ก้อจะเจ็บใจอ่ะค่ะ เห็นเราเป็นคนไทย มาดูถูก แล้วมาแกล้งกันได้เปงผู้หญิงแล้วไงฟร่ะ คือจากการที่ฟังแม่กะแฟนบอกมาว่าตรงนั้นเค้าไม่ได้ทีหน้าที่มาถามมาคุยเยอะแยะมากมายขนาดนั้นตรวจก้อตรวจไป แล้วตรวจก้อต้องมีขอบเขตไม่ใช่มาให้อ่านไดอารี่ให้ฟัง มันแกล้งกันชัด ไปครั้งแรกก้อเจออย่างนี้ซะแล้ว ถ้าเพื่อนๆคนไหนไปคนเดียวแล้วเจออย่างนี้ไอ้ตรงที่ตรวจเป๋าใส่ชุดสีเขียวๆ ถามวุ่นวายบอกไปเลยมีปันหาโทไปหาเบอนี้ๆๆ หรือไม่ก้อบอกไปเลยคุนมีหน้าที่ตรวจนะไม่ใช่ถาม ไรงี้ อย่าเป็นแบบเก๋นะคะ เจอคนดีไม่แกล้งก้อดี ถ้าเจอมานแกล้งล่ะเจ็บใจจะแย่


     นี่คือประสบการณแรกเมื่อถึงฮ่องกง เปงไงค่ะแย่พอตัวเลยล่ะค่ะ ถึงฮ่องกงตั้งนานกว่าจะได้ออกมาจากสนามบินก้อปาเข้า 2 ทุ่มกว่าติดอยุ่เกือบ3ชม. จะร้องไห้ก้อไม่กล้า เจออย่างนี้อย่างแรกที่คิดไว้เลยนะคะ ภาษาค่ะต้องเอาแบบ ฟังพูดรู้เรื่องนิดนึงเลยล่ะค่ะ จะได้ไม่พลาด สองก้อคือความมั่นใจอย่าไปกลัว สามสู้ๆค่ะ อิอิ เขียนมาซะยืดยาวเลย ไม่รู้เพื่อนที่เข้ามาอ่านมีประสบการณือย่างนี้กันบ้างไหมถ้ามี มาแชรืให้ฟังกันบ้างนะคะ











Create Date : 10 มิถุนายน 2552
Last Update : 12 กันยายน 2552 23:18:03 น. 0 comments
Counter : 286 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

kay_p
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add kay_p's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.