2. ก่อนขายทอดตลาด
ผู้ให้เช่าซื้อต้องแจ้งเป็นหนังสือล่วงหน้าให้ผู้เช่าซื้อและผู้ค้ำประกันทราบไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน เพื่อใช้สิทธิซื้อได้ตามมูลหนี้ส่วนที่ขาดตามสัญญาเช่าชื้อ โดยผู้ให้เช่าซื้อต้องให้ส่วนลดไม่น้อยกว่าร้อยละห้าสิบของดอกเบี้ยเช่าซื้อที่ยังไม่ถึงกำหนดชำระ

3. ผู้เช่าซื้อต้องรับผิดในหนี้ส่วนที่ขาด
มูลหนี้ส่วนที่ขาดตามสัญญา คือไรวะ
ค่างวดที่ค้างชำระ
เงินค่างวดที่ยังไม่ถึงกำหนดชำระ
รวมถึงเงินค่าปรับ ค่าติดตามทวงถาม
ค่าใช้จ่ายอื่นที่จำเป็นและสมเหตุสมผล
รวมถึงผู้เช่าซื้อต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับทวงถาม การติดตามรถยนต์ ค่าทนายความและค่าอื่นๆที่เกี่ยวเนื่องจากการบอกเลิกสัญญา

4.กรณีผู้เช่าซื้อปิดบัญชี ผู้ให้เช่าซื้อต้องให้ส่วนลดไม่น้อยกว่าร้อยละห้าสิบของดอกเบี้ยเช่าซื้อที่ยังไม่ถึงกำหนดชำระ

5. เมื่อสัญญาเช่าซื้อเลิกกัน คู่สัญญาแต่ละฝ่ายกลับคืนสู่ฐานะเดิม ผู้ให้เช่าซื้อไม่มีสิทธิบังคับให้ผู้เช่าซื้อชำระค่าขาดราคารถยนต์เท่ากับค่าเช่าซื้อที่ยังขาดได้ แต่หากเสียหายจากราคารถยนต์ที่ขาด เรียกค่าเสียหายได้ แต่ค่าเสียหายที่เรียกได้ คือค่าขาดราคาไปจากราคารถยนต์ที่แท้จริง ไม่ใช่ขาดราคาตามสัญญาเช่าซื้อ

6.ผู้ให้เช่าซื้อมีสิทธิเรียกค่าขาดประโยชน์ที่ไม่ได้ใช้รถยนต์ได้จนถึงวันได้รถคืน

7. ราคารถยนต์ที่เช่าซื้อที่ยังขาดอยู่ ค่าติดตามยึดรถยนต์ ค่าใช้ทรัพย์หรือค่าขาดประโยชน์ ไม่ใช่เงินที่ค้างชำระตามสัญญาเช่าซื้อ ผู้ให้เช่าซื้อจึงไม่มีสิทธิเรียกร้องให้ใช้ดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี คงมีสิทธิเรียกได้ในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี

8. อายุความเกี่ยวกับการเรียกค่าเสียหาย ค่าขาดประโยชน์ ค่าขาดราคา ค่าใช้จ่ายติดตามรถยนต์คืน มีอายุความ 10 ปี

9. ข้อตกลงในสัญญาเช่าซื้อที่กำหนดราคาค่าเช่าซื้อหรือกำหนดให้ผู้เช่าซื้อรับภาระเกินสมควรเป็นข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม

10. การกำหนดค่าความเสียหายล่วงหน้าเป็นเบี้ยปรับเมื่อสูงเกินศาลลดลงมาได้

11. รถยนต์ที่เช่าซื้อสูญหายสัญญาระงับนับแต่วันรถหาย ผู้เช่าซื้อไม่ต้องรับผิดในค่าขาดประโยชน์

12. เมื่อรถยนต์สูญหาย ผู้เสียหายในความผิดลักทรัพย์ คือผู้ให้เช่าซื้อ ซึ่งเป็นเจ้าของ และผู้เช่าซื้อซึ่งเป็นผู้ครอบครองรถ ที่สามารถแจ้งความร้องทุกข์ได้

#Jarnwa กฏหมายไทบ้าน