:: ก๋าราณีตอบคำถามน้องเสือย้อมแมว ::
:: ก๋าราณีตอบคำถามน้องเสือย้อมแมว ::
วันนี้ขอถามไร้สาระนิดนึงนะครับ เล่นเกมแล้ว over กด replay ใหม่ได้ แต่แก้วที่แตกไปแล้ว ต่อใหม่ก็ไม่เหมือนเดิม อยากรู้ว่า ถ้าเค้าเคยรักและมาเกลียด จะกลับมารักได้อีกไหม
ตอนนี้อารมณ์เศร้ามันค้างใจในมานาน วนซ้ำๆมาโดนแผลเก่า ไม่อยากเจ็บ แต่ให้อยู่แบบนี้ก็เหน็บหนาว ได้ผลลัพธ์ตรงข้ามกับที่คิดเสมอ รู้สึกว่าตัวเองไม่ดี ไม่อยากเจอใคร อยู่คนเดียวใจมันเหงาๆเหลือเกิน อยากปล่อยมันออกไป แต่ยังเสียดายกับความรู้สึกดีดีที่มีอยู่ อยากเข้าไปคุยกะใครสักคน แต่หวาดกลัวว่าจะไม่เป็นอย่างที่คิด
อยากทำบางอย่างให้สำเร็จแต่ไม่เคยทำสักที เหมือนมีแผลอยู่ในใจ ตอนนี้เหมือนมีเนื้อร้ายอยู่ข้างใน ทำให้เจ็บอยู่เสมอ แต่ถ้าจะผ่าตัดมันออกไปคงทรมานมาก
และต้องพักอีกเป็นระยะ เดินไปก็เจ็บ อยู่ที่เดิมก็เจ็บ ถอยหลังก็เจ็บ อยากทิ้งตัวลงนอน มันหน่วง ๆ อยู่ในใจ เหมือนว่าพยายามเก็บความรู้สึกที่ไม่ดีไว้ในใจ หลีกเลี่ยงที่จะเจอกับปัญหา
อยู่คนเดียว แล้วมีความสุขจริงเหรอ ทำไมผมรู้สึกอ้างว้างจังเลย มันไม่ใช่ความทุกข์มากมายอะไร มันเป็นความทุกข์เล็กๆ มันเซาะใจผมมานานจนเป็นแผลใหญ่
อยากเอามันไปโยนทิ้งจังเลย
คำถามโดย : เสือย้อมแมว วันที่ : 22 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา : 22:33:00 น.
เช้านี้พี่ก๋าตื่นขึ้นมาแล้วลองส่องกระจก พยายามมองหาความหล่อของตัวเองครับ 555
แล้วพี่ก๋าก็นึกขึ้นได้ว่า
เวลาเรามองกระจกเงา เราเห็นอะไร ?
คนส่วนใหญ่เวลาส่องกระจก ไม่ค่อยเห็น “ตัวเอง” นะครับ เราเห็นแต่ตัวเราที่เรา “อยากเห็น” แต่ไม่ค่อยมองเห็นตัวเองในแบบที่ “เป็น”
เวลาเห็นตัวเองอ้วน ก็พยายามบอกตัวเองว่าไม่อ้วนหรอก เวลาเห็นริ้วรอยบนใบหน้า อาจกังวลสักแว๊บนึง แล้วเราก็แสร้งลืมไป….
เวลาเรามองคนรัก จึงมักใช้การมองแบบนี้เช่นกัน
คือมองคนรักในแบบที่เราคาดหวัง ไม่ได้มองอย่างที่เขาหรือเธอเป็นได้จริง
เรามองความรักว่าจะต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้ แต่ไม่เคยมองดูให้มันเป็นอย่างที่มันเป็นจริงๆ แบบที่ความรักและคนรักจะเป็นได้น่ะครับ
เราไม่ค่อยกล้าตั้งคำถามว่า ทำไมเราถึงรักคนๆนี้ และทำไมคนๆนี้ถึงรักเรา
เราแค่รู้สึกว่าตอนที่เรารักกันมันช่างดีจังเลย มีแต่ความสุข ความสบายใจ มีแต่ความลงตัว
เหมือนเรายืนส่องกระจก แล้วก็บอกว่าตัวเองหล่อนั่นล่ะครับ 555
แต่ความจริงก็คือ ถ้าเรามามองดูหลายสิ่งหลายอย่างอย่างตั้งใจ เราจะพบว่า ในทุกๆรายละเอียด มีสิ่งที่เราคาดไม่ถึงอยู่เต็มไปหมด
ปัญหาคือ เราอยู่กับสิ่งที่เราไม่พึงใจได้มากน้อยแค่ไหน เราอดทนและยอมรับในตัวตนของคนรักเราได้มากน้อยเพียงใด
เพราะใครคนนั้นอาจนอนกรน ตดเสียงดัง เคี้ยวข้าวเลอะเทอะ เหวี่ยงกางเกงในไปทั่วห้อง หรือแม้แต่ไม่ยอมมีเซ็กส์กับเราในตอนที่เราอยากใจจะขาด
ใครคนนั้นอาจติดเพื่อนมากกว่าแฟน อยากนอนดูแผ่นดีวีดีในห้องมากกว่าจะไปตีตั๋วดูหนังในโรง อาจชอบเดินตลาดไม่ชอบเดินห้าง ชอบใช้แบรนด์เนมก๊อป หรือชอบนั่งประกอบหุ่นยนต์ได้เป็นวันๆ
ฯลฯ
ตอนที่เรารักกัน เราจะมองไม่เห็นสิ่งต่างๆเหล่านี้เลย เพราะความรัก ความใคร่ ความอยาก...มันบังตา
จนเรารู้สึกว่าคนรักชักไม่เป็นไปอย่างใจต้องการนั่นแหละ ถึงเริ่มเห็น “ข้อเสีย ข้อด้อย” ในตัวคนรักมากขึ้น มากขึ้น
เรื่องเล็กเลยกลายเป็นเรื่องใหญ่ เรื่องร้ายเลยกลายเป็นเรื่องที่รับไม่ได้ และจบลงด้วยการเลิกราในที่สุด....
เวลารักมันพัง เราเซซังด้วยความเจ็บปวด คนอกหักมีเป็นร้อยล้านคนทั่วโลกนะครับ
วินาทีที่เรานั่งอ่านคำตอบนี้ มีคนอกหักรักคุดตลอดเวลา
แล้วเราทำไมจะอกหักไม่ได้เล่า ในเมื่อมันเป็นเรื่องธรรมดาแบบนี้
ทุกข์ไปเถอะครับ ทุกข์เพราะรักผิดหวังและพลาดพลั้ง ทุกข์เพราะความรักมันจบลง
แต่ทุกข์แล้วลองช่วยหาคำตอบด้วย ไม่ต้องไปหาหรอกนะครับว่าใครผิด ใครดี ใครเลวที่ทิ้งกันก่อน คำตอบแบบนี้ก็เหมือนเราส่องกระจก แล้วบอกตัวเองว่าฉันไม่อ้วน ฉันยังสวยหล่อนั่นล่ะครับ
สุดท้ายคำตอบที่ได้มักเข้าข้างตัวเอง
ลองหาคำตอบใหม่ๆเช่น
ทำไมรักครั้งนั้นจึงจบลงแบบไม่สวย แล้วคราวนี้ฉันจะทำอย่างไรให้รักครั้งใหม่นั้นไฉไลกว่าเดิม
ฉันต้องเป็นคนรักแบบไหน ถึงจะเรียกว่าเป็นคนรักที่ดี ฉันต้องเปลี่ยนแปลงอะไรในตัวเองบ้าง เพื่อจะเป็นคนรักที่ดีอย่างที่ฉันวาดหวัง
เคยตั้งข้อกำหนด ความคาดหวังอะไรบ้าง ที่เราอยากเห็นในตัวคนรัก จงทำสิ่งต่างๆเหล่านั้นให้ได้ทั้งหมด แล้วค่อยคิดไปรักใคร.....
ถ้าตัวเองยังทำไม่ได้ ทำไมไหว แล้วไปเรียกร้อง ไปคาดหวังให้คนที่เราจะรัก ต้องเป็นแบบนี้แบบนั้นทำไม
ไม่ว่าจะเป็นความทุกข์ในเรื่องใด พี่ก๋าว่าชีวิตเรามีพระเอกเกาหลีอยู่สองคนที่อยู่ข้างๆเราตลอดเวลา
คนแรก ชื่อ “กำ ไม่ แบ” ครับ
เวลาทุกข์ใจ เศร้าใจ เสียใจ ผิดหวัง ชอกช้ำ พระเอกคนนี้จะกำความทุกข์ไว้แน่นเลย ไม่ยอมปล่อยนิ้ว เอาแต่กำความทุกข์ไว้ตลอด
เวลาเกิดอะไรผิดพลาด หรือสูญเสีย พระเอกคนนี้จะนั่งโทษคนอื่น โทษสิ่งต่างๆ โดยไม่คิดโทษตัวเอง ไม่คิดจะปรับปรุงตัวเองเลย
สุดท้ายเลย “กำ ไม่ แบ” และนั่ง “กำความทุกข์” ไปตลอด
อีกคนชื่อ “แบ ไม่ กำ” ครับ
คนนี้ยอมรับความจริงของชีวิต รู้ว่าคนเราเกิดมามีทั้งสุขและทุกข์ ไม่มีใครสมหวังไปตลอด และไม่มีใครผิดหวังตลอดกาล
พอไม่ประมาทขาดสติ จึงได้รู้ว่าทุกสิ่งที่เรามี เมื่อได้มาย่อมต้องเสียไป เป็นธรรมดา รู้ว่ามีรัก ย่อมมีการเลิกรา เป็นธรรมดา รู้ว่ามีการสรรหาก็มีการแต่งตั้ง รู้ว่ามีพลังเหลือหลายก็มีวันหมดแรงนอนแผ่หลา รู้ว่านอนตะแคงย่อมต้องมีนอนหงาย มีสุขสบายก็มีวันร้ายๆในชีวิต ฯลฯ
“แบ ไม่ กำ” เลยไม่ทุกข์กับสิ่งต่างๆที่ต้องเปลี่ยนแปลง แต่ดูแล “ปัจจุบันขณะ” อย่างดีที่สุด เพื่อที่มันจะได้ดูแล “อนาคต” ด้วยตัวมันเอง
พระเอกสองคนนี้อยู่กับตัวเราตลอดเวลานะครับ
อยู่ที่เราจะเลือกแล้วล่ะ ว่าจะเป็น “กำ ไม่ แบ” หรือ “แบ ไม่ กำ”
ใครก็ช่วยเรากำ หรือ แบไม่ได้หรอกครับ เพราะสิ่งที่เรา “กำ” ไว้ มันเกิดจาก “กรรม” หรือการกระทำของเรานั่นเอง
โชคดีและมีพลัง อย่าเสียเวลานั่งกำจนลืมแบอยู่เลยนะครับ
Create Date : 29 สิงหาคม 2555 |
|
74 comments |
Last Update : 29 สิงหาคม 2555 5:32:22 น. |
Counter : 2515 Pageviews. |
|
|
มาเจิมก่อนนะ