:: ก๋าราณีตอบคำถามคุณคล้ายดาว ::
:: ก๋าราณีตอบคำถามคุณคล้ายดาว ::
คนรักที่รอจะใช่หรือไม่ใช่ ก็แล้วแต่โชคชะตา
พรหมลิขิตมีจริงไหมคุณก๋า ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับชีวิตเรา เพราะพรหมลิขิต หรือเราลิขิตเองกันแน่
คำถามโดย : คล้ายดาว วันที่ : 12 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา : 2:21:14 น.
หลายปีก่อนตอนที่ผมเรียนมหาวิทยาลัย ผมเคยคิดว่าตัวเองสามารถกำหนดรูปแบบชีวิตของตัวเองได้ ตอนนั้นผมฝันว่าอยากเป็นครู อยากเป็นสถาปนิก ผมเรียน 7 ปี.... กลับจากลาดกระบังขึ้นมาเชียงใหม่ สมัครงานที่แรกและที่เดียวก็ได้งานเลย
ทุกอย่างดูเป็นไปตามความหวังและความฝัน....
เป็นสถาปนิกได้เดือนเดียว พ่อเรียกเข้าไปคุย บอกให้ไปลาออก...เพื่อมาช่วยงานที่ร้าน จากครู สถาปนิกที่เคยวาดฝัน ผมกลายเป็นพ่อค้าขายเครื่องหนัง งานที่ไม่เคยคิดฝันว่าจะต้องมาทำ
14 ปีแล้วที่ผมทำงานอยู่ที่ร้าน... ความฝันเรื่องการเป็นครูและสถาปนิกถูกกวาดเก็บเข้ากล่อง แล้วล็อกกุญแจ 15 ชั้นก่อนจะเอาไปฝังดิน
ใครกำหนดให้ผมต้องมาอยู่ตรงนี้.... หลายครั้งผมเคยอยากถามเหมือนกัน เป็นพระเจ้า พรหมลิขิต หรือสิ่งใดที่ขีดกำหนดชะตาชีวิตของผม
สุดท้ายเมื่อเวลาผ่านไป ผมไม่สนใจแล้วว่าสิ่งใดหรืออะไรจะจับผมวางไว้ตรงไหนของโลก
ผมสนใจแค่ว่าตัวเองจะเป็นอะไรได้บ้าง จะทำอะไรได้บ้างกับตัวตนและสถานการณ์ที่ตัวเองเผชิญหน้าอยู่
ถ้าผมมัวแต่อาลัยอาวรณ์ความฝันของผม ผมคงทุกข์ใจมาก เพราะความหวัง ความฝันหายวับไปกับตา....
แต่พอผมคิดได้ว่า คนเราไม่จำเป็นต้องทำในสิ่งที่เรารัก แต่เราสามารถรักในสิ่งที่เราทำและมีความสุขกับมันได้ ขอเพียงเปิดใจเรียนรู้ไปกับมันอย่างจริงใจ
สิ่งนี้ไม่เพียงแต่เปลี่ยนชีวิตและความคิดในการทำงานของผม
มุมมองความรักของผมก็เปลี่ยน....
ผมไม่เคยรอที่จะเจอคนที่เราคิดว่าดีที่สุด แล้วถึงต้องรักใครคนนั้น แต่เราเปลี่ยนมุมมอง...มามองว่าเราเองต่างหาก ที่จะทำอะไรได้บ้าง เพื่อให้เป็นตัวเองกลายเป็นคนรักที่ดีที่สุด
สองสามวันที่ผ่านมา ผมครุ่นคิดถึงเรื่องนี้อย่างจริงจัง.... ผมคิดว่ารักคืออะไร รักเปลี่ยนรูปแบบได้ใช่ไหม ? แล้วที่สุดตรงปลายทางของความรัก มันจะยังกลายเป็นความรักอยู่หรือเปล่า
อยู่ๆผมก็นึกอยากได้คำตอบในคำถามเหล่านี้
แต่ไม่มีหรอกครับ...ไม่มีคำตอบที่ชัดเจน นอกจากความรู้สึกในใจที่เกิดขึ้นว่า
เราจะรักคนที่เรารักให้ดีที่สุดได้อย่างไร เราจะรักเขาอย่างที่เขาเป็นด้วยความเข้าใจได้อย่างไร ผมไม่ตั้งคำถามแล้วว่า ทำไมคนรักถึงไม่เข้าใจเรา แต่ผมกลับคิดว่าจะทำอย่างไร เราจึงจะเข้าใจความคิด ความรู้สึกของคนที่เรารักให้ได้มากที่สุด
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ไม่ว่าจะพรหมลิขิต หรือพระเจ้า หรือนิยามใดใดของความรักไม่ได้เป็นสิ่งสำคัญอีกต่อไป ไม่จำเป็นต่อการค้นหาคำตอบของผมอีกแล้ว
23 มิถุนายน 2554 ผมไปพูดที่หอสมุดมหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา
ต้องขอบคุณโต้งและพี่หนุ่ยมากมายจริงๆ มาเป็นกำลังใจให้และส่งจนถึงสุวรรณภูมิเลย
มีภาพบรรยากาศมาฝากจากสองมุมมอง คือบล็อกพี่หนุ่ย และบล็อกเป็ดสวรรค์ เลือกชมเลือกฮาตามอัธยาศัยนะครับ 5555
ผมมีดีวีดีที่พูดไว้ แต่ยังหาวิธีทำให้ลงในยูทูปได้ เพื่อจะได้เอามาแปะในบล็อก ดีวีดียาวสองชั่วโมงกว่าครับ แต่ยูทูปลงได้ตอนละ 10 นาทีโดยประมาณ ขอเวลาศึกษาสักนิดนะครับว่าจะทำได้ยังไงบ้าง (คาดว่าไม่น่าเกิน 2 ปี 555)
ตอนนี้คาดว่าน่าจะเหลือสักครึ่งปีครับ 5555
(คลิ๊กที่ชื่อบล็อกเลยนะครับ)
► ►► .. กะว่าก๋า . . ห มื่ น ต า . .....แ ล ะ ลิ ง ท ะ โ ม น ........◄ ◄◄
:: ในเวลาอันน้อยนิด...กับกะว่าก๋า ::
Create Date : 03 กรกฎาคม 2554 |
|
95 comments |
Last Update : 3 กรกฎาคม 2554 5:13:22 น. |
Counter : 1726 Pageviews. |
|
|
น้ำค้างคิดว่า..
น่าจะเป็นกรรมลิขิตชีวิตเรา..
กรรมดี..กรรมชั่ว..ล้วนแล้วแต่ สั่งสมมา
อรุณสวัสดิ์ค่ะพี่ก๋า..