ทำมาหากิน : 'ซีพี-คูโรบูตะ' หมูดำกินเจ นวัตกรรมเพื่อให้เนื้อหอม : โดย...โต๊ะเกษตร
หลังจาก บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ทดลองหมูเมืองหนาว หมูดำ ซีพี-คูโรบูตะ มาตั้งแต่ปี 2553 พร้อมกับการพัฒนาสายพันธุ์ให้สามารถเข้ากับสภาพภูมิอากาศในประเทศไทย และเพิ่มความนุ่มของเนื้อหมูชนิดนี้ด้วยการให้กินอาหารเจ ปรากฏว่าประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี สามารถเลี้ยงในเชิงพาณิชย์ได้ ส่วนที่เนื้อแดงได้เพิ่มความนุ่มเหมาะสำหรับผู้สูงอายุ ส่งผลให้ตลาดตอบรับอย่างรวดเร็ว จากเริ่มแรกผลิตป้อนตลาดปีละ 1-2 หมื่นตัว ปัจจุบันเพิ่มขึ้นเป็นปีละะ 3.5-5.6 แสนตัว ต้นทุนการผลิตสูงกว่าหมูทั่วไปเพียง กก.ละ 1 บาท เป้าจะพัฒนาให้เป็นอาหารเพื่อสุขภาพต่อไป
ดร.สัจจา ระหว่างสุข รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายวิจัยพัฒนาและปรับปรุงพันธุ์สุกร ซีพีเอฟ บอกว่า หมูดำคูโรบูตะเป็นหมูที่นิยมเลี้ยงในสภาพภูมิอากาศหนาว แต่ที่ซีพีเอฟนำมาพัฒนาสายพันธุ์ญี่ปุ่นเมื่อปี 2548 เพื่อพัฒนาปรับปรุงสายพันธุ์ให้เป็นหมูที่เหมาะในการเลี้ยงในประเทศใช้เวลากว่า 5 ปี และทดลองเลี้ยงในเชิงพาณิชย์มาตั้งแต่ปี 2553 ถือว่าประสบความสำเร็จในการเลี้ยงแบบอุตสาหกรรมเป็นงรายแรกและรายเดียวในประเทศไทย ในนาม หมูดำ ซีพี-คูโรบูตะ เน้นการจำหน่ายในห้างสรรพสินค้า โดยเป้าหมายตลาดกลางและตลาดบนเป็นหลัก
หมูชนิดนี้เนื้อมีคุณภาพมีความนุ่มชุ่มฉ่ำเฉพาะตัวถือได้ว่าเป็นราชาของหมู หรือ King of Pork แต่เนื่องจากเป็นสายพันธุ์ต่างประเทศ เติบโตและคุ้นชินกับอากาศของเมืองหนาว ไม่คุ้นเคยกับการนำมาเลี้ยงในสภาพอากาศร้อนชื้นอย่างประเทศไทย ที่ผ่านมาหมูชนิดนี้จึงเป็นเนื้อนำเข้าจากต่างประเทศที่มีราคาสูง ตามสายพันธุ์แล้วหมูชนิดนี้มีไขมันค่อนข้างเยอะ คนญี่ปุ่นชอบ เพราะไขมันทำให้เนื้อหมูนุ่ม แต่คนไทยเราไม่ชอบ กลัวอ้วน เราจึงมีการพัฒนาและปรับปรุงพันธุ์ใหม่ให้สามารถเลี้ยงในประเทศไทยได้ พร้อมกับมีการพัฒนาให้ไขมันลดลง แต่เพิ่มความนุ่มในเนื้อแดง ปรากฏว่าตลาดบ้านเราโตเร็วขึ้น จากช่วงแรกเราผลิตปีละเพียง 1-2 หมื่นตัว ตอนนี้ผลิตเดือนละกว่า 3 หมื่นตัว หรือปีละ 3.5-5.6 แสนตัว ดร.สัจจา กล่าว
สำหรับหมูสายพันธุ์ระดับทวดพันธุ์ของหมูดำซีพี-คูโรบุตะ ซีพีเอฟนำเข้าจากอเมริกาเหนือ มาพัฒนาและปรับปรุงสายพันธุ์จนประสบความสำเร็จได้สายพันธุ์หมูดำ ซีพี-คูโรบูตะ ที่สามารถเติบโตได้ดีในสภาพแวดล้อมของไทย และยังคงรักษาจุดเด่นตรงที่มีความนุ่ม ชุ่มฉ่ำของเนื้อที่เกิดจากเส้นใยกล้ามเนื้อที่มีความละเอียดของสายพันธุ์หมูดำคูโรบูตะ
โดย 5 ปีในการปรับปรุงสายพันธุ์ซีพี-คูโรบูตะจนได้เนื้อคุณภาพดี และสายพันธุ์นิ่ง ทั้งนี้มีการตรวจวัดความนุ่มและความฉ่ำของเนื้อในห้องปฏิบัติการ จนมั่นใจว่าเนื้อหมูมีความนุ่มชุ่มฉ่ำตามสายพันธุ์ไทย แต่จุดด้อยคือการเจริญเติบโตช้ากว่าหมูทั่วไป ทำให้ต้นทุนการผลิตจะสูงกว่าหมูทั่วไปที่ กก.ละ 1 บาท
ตอนนี้ทางบริษัทเราได้คิดค้นและพัฒนานวัตกรรมอาหารสูตรพิเศษที่ใช้วัตถุดิบจากธัญพืชที่สดสะอาดทั้งหมดไม่ใช้แหล่งโปรตีนจากสัตว์เป็นส่วนประกอบเป็นอาหารสำหรับสายพันธุ์หมูดำ ซีพี-คูโรบูตะโดยเฉพาะ เพื่อรักษาความหอมที่เป็นเอกลักษณ์ของเนื้อหมูดำ ซีพี-คูโรบูตะ ซึ่งถือเป็นหมูที่รับประทานอาหารเจ ดร.สัจจา กล่าว
อย่างไรก็ตามในช่วงแรกซีพีเอฟจะเป็นผู้ที่เลี้ยงเอง จำหน่ายเอง ในพื้นที่ภาคตะวันออก ยังไม่ส่งเสริมเกษตรกรในช่วงนี้ เนื่องจากมีปัจจัยในการผลิตที่จะต้องศึกษาเพิ่มเติม แต่กระนั้นก็มีเกษตรกรเลี้ยงบ้าง แต่น้อยมาก อนาคตตั้งเป้าเป็นเนื้อหมูสุขภาพอีกด้วย
เครดิต จาก คมชัดลึก วันพฤหัสบดีที่ 20 สิงหาคม 2558
ให้ใจหายใจ สุขภาพ วิธีลดความอ้วน การดูแลสุขภาพ อาหารเพื่อสุขภาพ ออกกำลังกาย สุขภาพผู้หญิง สุขภาพผู้ชาย สุขภาพจิต โรคและการป้องกัน สมุนไพรไทย ขิง น้ำมันมะพร้าว ผู้หญิง ศัลยกรรม ความสวยความงาม แม่ตั้งครรภ์ สุขภาพแม่ตั้งครรภ์