นายวิพุธ หวั่งหลี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายบริหารงานขายและการตลาด บริษัท ชัยทิพย์ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายข้าวพนมรุ้ง

เปิดเผยว่า ขณะนี้ผู้ประกอบการข้าวถุงทุกรายมีสต๊อกข้าวราคาเดิมอยู่น้อยมาก เพราะได้รับผลกระทบจากต้นทุนราคาข้าวในประเทศที่สูงขึ้นตามนโยบายรับจำนำข้าวเปลือก ตันละ 15,000 บาทของรัฐบาล เห็นได้จาก ตั้งแต่เดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา ราคาข้าวสารในประเทศสูงขึ้น 30-40% แล้ว แต่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังไม่ขึ้นราคา เมื่อรัฐบาลประกาศใช้นโยบายรับจำนำอย่างเป็นทางการในเดือน ต.ค.นี้จะทำให้ราคาข้าวถุงในตลาดเพิ่มขึ้น 30-40%

นางโสพรรณ มานะธัญญา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจียเม้งมาร์เก็ตติ้ง ผู้ผลิตและจำหน่ายข้าวถุงตรา หงษ์ทอง กล่าวว่า

ผู้ประกอบการข้าวถุงในตลาดเริ่มหยุดทำโปรโมชั่นราคาสินค้าแล้ว เพราะสต๊อกข้าวราคาเดิมหมดลง ในเดือน ต.ค. นี้ ที่นโยบายมีผลบังคับใช้จะทำให้ต้นทุนข้าวขาวเพิ่มขึ้นมาที่ 4-6 บาทต่อกิโลกรัม หรืออยู่ที่ 22-24 บาทต่อกิโลกรัม ปัจจุบันอยู่ที่ 18 บาทต่อกิโลกรัม ส่วนราคาข้าวหอมมะลิ จะขึ้นราคา 8 บาทต่อกิโลกรัม อยู่ที่ 40 บาทต่อกิโลกรัม จากปัจจุบันมีราคา 32 บาทต่อกิโลกรัม จากต้นทุนที่สูงขึ้นมาก ยังบอกไม่ได้ว่าจะปรับราคาตามต้นทุนหรือไม่

รายงานข่าวจากวงการค้าข้าว กล่าวว่า หลังจากที่ประชุม ครม. วันที่ 13 ก.ย. ที่ผ่านมา

อนุมัติให้เดินหน้าโครงการจำนำข้าวเปลือกเจ้าตันละ 15,000 บาท ข้าวเปลือกหอมมะลิตันละ 20,000 บาท เริ่มวันที่ 7 ต.ค.นี้ ส่งผลให้ราคาข้าวสารในประเทศขยับขึ้นอย่างรวดเร็วกระสอบละ 250 บาท หรือตกตันละ 2,500 บาท โดยในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาขายส่งข้าวขาว 100% ไม่รวมกระสอบขยับขึ้นกระสอบ (100 กก.) จาก 1,600-1,650 บาท เป็น 1,850-1,900 บาท และข้าวขาว 5% ขึ้นจาก 1,550-1,600 บาท เป็น 1,800-1850 บาท ขณะที่ข้าวเปลือกก็เพิ่มจากตันละ 10,000-11,000 บาท เป็น 11,000-12,000 บาท หากนับตั้งแต่ที่พรรคเพื่อไทยประกาศนโยบายรับจำนำข้าวเดือน มิ.ย. เป็นต้นมา ราคาข้าวเปลือกขยับขึ้นแล้วถึงตันละ 3,000-3,500 บาท หรือจากเดิมช่วงโครงการประกันรายได้เฉลี่ยตันละ 8,000-8,500 บาท เพิ่มเป็น 11,000-12,000 บาท ขณะที่ข้าวสารก็ขึ้นเช่นกันตันละ 4,500-5,000 บาท ส่วนราคาข้าวส่งออก (เอฟโอบี) ไปต่างประเทศ ข้าวขาว 5%เพิ่มจากตันละ 480-500 ดอลลาร์สหรัฐ มาอยู่ที่ 600-630 ดอลลาร์สหรัฐ โดยสาเหตุที่ทำให้ราคาข้าวในประเทศขยับขึ้นรวดเร็ว.