โตโยต้าทุบราคารถไฮบริด เบรกภาษีใหม่พีพีวี
เคียวอิจิ ทานาดะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ผู้จำหน่ายรถยนต์หรู เลกซัส ในประเทศไทย เปิดเผยว่า ปีนี้จะเป็นอีกก้าวสำคัญของเลกซัสในประเทศไทย เพราะได้มีการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ เลกซัส ซีที200เอช (Lexus CT200h) สู่ตลาดไทย ซึ่งถือเป็นรถยนต์ไฮบริดแฮทช์แบกคันแรกของโลก และยังเป็นรถขนาดคอมแพกต์ 5 ประตูของเลกซัสด้วย เลก ซัส ซีที200เอช เป็นรถยนต์ไฮบริดนำเข้าจากญี่ปุ่น ที่มีราคาต่ำเพียง 2.19 ล้านบาทและสูงสุด 2.69 ล้านบาท เชื่อว่าจะเป็นตัวผลักดันให้ยอดขายของเลกซัสบรรลุ 650 คัน ซึ่งถือเป็นยอดขายมากที่สุดของเลกซัสในประเทศไทย นับตั้งแต่เปิดตัวทำตลาดเมื่อปี 1994 โดยตั้งเป้ายอดขายรถรุ่นใหม่นี้ไว้ถึง 330 คัน หรือเทียบเท่ากับยอดขายของเลกซัสทุกรุ่นในปีที่ผ่านมา 336 คัน ส่วน สาเหตุที่มั่นใจรถรุ่นใหม่จะผลักดันยอดขายได้สูงเป็นสถิติของเลกซัสในไทย เนื่องจากเป็นรถยนต์ไฮบริดทำให้มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ย 24.4 กิโลเมตรต่อลิตร สมรรถนะการขับขี่สนุก แต่มีความนุ่มนวลสบาย รูปลักษณ์ทันสมัย และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน แม้จะไม่มีคู่แข่งโดยตรงในตลาดแต่เทียบกับรถหรูใกล้เคียงอย่างบีเอ็มดับเบิล ยู ซีรี่ส์1, ออดี้ เอ3 และเมอร์เซเดส-เบนซ์ ซี-คลาสแล้ว นับว่ามีราคาต่ำกว่า หรือใกล้เคียง เลกซัสเชื่อมั่น จะได้รับความสนใจจากผู้บริโภค และคาดว่าภายใน 2-3 ปีข้างหน้าจะเพิ่มยอดขายเป็น 1,000 คัน และหากสามารถทำให้ตัวเลขยอดขายปรับเพิ่มอย่างต่อเนื่อง เป็นไปได้ที่จะมองถึงการขึ้นไลน์ประกอบในไทย เพื่อรองรับตลาดในประเทศและส่งออกด้วย แต่นั่นต้องมีปริมาณมากกว่า 10,000 คันขึ้นไป นายทานาดะกล่าวและว่า ทั้งนี้เลกซัส ซีที200เอช ติดตั้งเครื่องยนต์ 4 สูบ แบบ Atkinson Cycle ขนาด 1.8 ลิตร 99 แรงม้า โดยทำงานผสมผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้า 650 โวลต์ ให้กำลัง 60 กิโลวัตต์ ทำให้มีกำลังขับเคลื่อนสูงสุดรวมกัน 136 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายใน 10.3 วินาที และเพื่อความมั่นใจของลูกค้า ได้รับประกันแบตเตอรี่เป็นเวลา 5 ปี และรับประกันตัวรถยนต์ 4 ปี โดยไม่จำกัดระยะทาง สำ หรับเลกซัส ซีที200เอช มีให้เลือกทั้งหมด 5 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่น Luxury ราคา 2.19 ล้านบาท, รุ่น F-Sport ราคา 2.39 ล้านบาท, รุ่น Premium พร้อมระบบนำทางจราจร ราคา 2.59 ล้านบาท และรุ่น Premium พร้อมระบบนำทางจราจร และมูนรูฟ ราคา 2.69 ล้านบาท โดยปัจจุบันมีสต็อกพร้อมส่งมอบรถให้กับลูกค้ากว่า 40 คัน นายทานาดะกล่าวว่า ส่วนการที่รัฐบาลกำลังจะปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ใหม่ทั้งระบบ หากเป็นการส่งเสริมอุตสาหกรรมรถยนต์ไทย โตโยต้าพร้อมที่จะสนับสนุนแน่นอน แต่ที่มีข่าวว่าจะปรับภาษีสรรพสามิตรถยนต์นั่งกึ่งบรรทุก หรือพีพีวี(PPV) ขึ้นนั้น โตโยต้าไม่เห็นด้วยที่จะไปแตะต้องภาษีดังกล่าว พี พีวีเป็นรถที่ใช้พื้นฐานมาจากปิกอัพ ซึ่งถือเป็นโปรดักซ์แชมเปี้ยนของไทย หากทำให้ยอดขายพีพีวีลดลงอย่อมส่งผลกระทบต่อการผลิตด้วย ไม่ใช้มีเพียงโตโยต้าแต่ยังมียี่ห้ออื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น อีซูซุ มิตซูบิชิ หรือฟอร์ด และที่สำคัญตลาดกำลังต้องการรถพีพีวีมาก จนโตโยต้าผลิตรถรุ่นฟอร์จูนเนอร์ไม่เพียงพอรองรับต้องโยกกำลังการผลิตบาง ส่วนไปให้อินโดนีเซีย ซึ่งเราหวังว่าอนาคตจะปรับไลน์ผลิต เพื่อดึงกำลังการผลิตจากอินโดนีเซียกลับมา แต่หากปรับภาษีทำให้ความต้องการลดลง ย่อมทำให้ไทยสูญเสียการผลิตให้อินโดนีเซียไป รวมถึงการลงทุนเพิ่มกำลังการผลิตใหม่ๆ ด้วย สำหรับ ปัจจุบันโตโยต้ามีกำลังการผลิตรถยนต์โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ รองรับตลาดในประเทศปีละกว่า 2 หมื่นคัน และส่งออกอีกประมาณ 2.9 หมื่นคัน รวมแล้วมียอดการผลิตปีละกว่า 5 หมื่นคัน ถือเป็นปริมาณการผลิตที่มาก หากปรับภาษีสรรพสามิตพีพีวีขึ้น และส่งผลกระทบต่อตลาดภายในประเทศ ย่อมทำให้โอการในการผลิตและการลงทุนเพิ่มในอนาคตของไทยต้องสูญเสียไปอย่าง น่าเสียดาย
Create Date : 25 กุมภาพันธ์ 2554 |
Last Update : 25 กุมภาพันธ์ 2554 9:07:08 น. |
|
4 comments
|
Counter : 1148 Pageviews. |
|
|
|