..สีสันของความหลากหลาย อาจทำให้ความหมายของชีวิตแปรเปลี่ยน แต่ความเป็นเพื่อนยังคงหมุนเวียน สับเปลี่ยนอยู่ในตำแหน่งของความผูกพัน..
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2552
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
2 มีนาคม 2552
 
All Blogs
 
เล่าต่อจากคราวก่อน

คราวก่อนเล่าไปถึงไหนแล้ว อ้อ ..เรื่องการละเล่นของพวกเราสมัยก่อน เด็ก ๆ สมัยฉัน ไม่มีตุ๊กตาเล่นหรอก ก็มีเหมือนกันแต่แพงมาก ขนาดตัวละ 25 บาท ก็ว่าแพงมากแล้วนะ จำได้ว่าเป็นตุ๊กตาตัวแรกที่แม่ซื้อให้จากสนามหลวง งงล่ะซิ เด็ก ๆ ที่เกิดไม่ทันคงนึกไม่ถึงล่ะซิว่า สนามหลวง ที่ปัจจุบันเป็นที่ชุมนุมของเหล่ากลุ่มอะไรต่อมิอะไรทั้งหลาย สมัยก่อนจะเป็นตลาดนัดเสาร์ – อาทิตย์ขนาดใหญ่ สำหรับชาว กทม.เชียวนะ เสียดายเกิดไม่ทันได้นั่งรถราง แต่ก็เคยเห็นรางรถอยู่รอบ ๆ สนามหลวง ตุ๊กตาที่แม่ซื้อให้จะหลับตาเวลาให้มันนอน แค่นั้นเองแหล่ะ แต่ก็ตื่นเต้นมากสำหรับเด็ก ๆ อย่างเรา หลังจากนั้นแม่กับพ่อไปเที่ยวสิงคโปร์ ก็ซื้อมาให้อีกตัว แต่ตัวใหญ่กว่า สวยกว่า ก็เลยไม่ให้ฉันเล่น บอกว่าเดี๋ยวเก่า เดี๋ยวพัง เก็บเอาไว้ในตู้โชว์ จนเวลาผ่านไปหลายปี พ้นวัยเล่นตุ๊กตาแล้ว เอาออกมาดู มันก็เก่าจริง ๆ แต่ตัวนี้ร้องได้ด้วยนะ

ส่วนใหญ่เวลาเราจะเล่น เราก็จะเล่นจากวัสดุที่เราหาได้แถวนั้น เด็กผู้หญิงก็จะชอบเล่นขายของ ทำกับข้าว พวกผู้ชายก็เอาก้านกล้วยมาทำเป็นปืนกล นึกออกมั๊ย ตัดก้านกล้วยมา ริดใบออก แล้วก็ฟานตรงด้านมน ๆ ให้เป็นแฉก ๆ โดยไม่ขาดจากก้าน เอามีดงัดให้มันตั้งขึ้น ทำไปเรื่อย ๆ จนเกือบหมดความยาวของก้านกล้วย เวลาเล่น ก็ใช้มือตีก้านที่มันตั้งขึ้นมา เวลาตีมันก็จะดัง แตร่ด แตร่ดๆๆๆๆ เหมือนปืนกล (เด็กเค้าว่ากัน) แหม..ถ้าวาดรูปให้ดูในนี้ได้ก็จะวาดให้ดู หลายคนอาจจะเคยเล่นน๊า ส่วนเด็กผู้หญิงก็เก็บดอกไม้ใบหญ้า มาทำขนม ทำกับข้าว ใบไม้ยอดฮิต ก็คือใบชบา เอามาตำ ๆ จนมันกลายเป็นน้ำเหนียว ๆ เราก็มาทำเป็นก๋วยเตี๋ยวราดหน้า มีสะเดา ถ้ามันมีลูกก็เอามาทำเป็นองุ่น ฉันเคยอยากจะเก็บไอ้ลูกเขียว ๆ ม่วง ๆ ริมรั้วข้างบ้านหลายหน แต่แม่ห้าม เก็บมา ได้คันเขยอกันทั้งตัวแน่ ๆ ก็นั่นมันต้นเถาวัลย์ อีกอย่างก็คือลูกตำลึง มีทั้งสีเขียว สีแดง สมมุติว่าเป็นแตงกวา เอาใบไม้มาทำเป็นตังค์ เล่นเสร็จก็ทิ้งไว้ตรงโคนต้นไม้ มันก็ย่อยสลายกลายเป็นปุ๋ย พ่อแม่ไม่ต้องเสียสตางค์ไปซื้อของเล่นอะไรเลย ก็หาของเล่นจากธรรมชาติรอบ ๆ ตัว ไม่มีพิษมีภัยด้วย แล้วก็ได้ความสนุกสนานเหมือนกัน ไม่ทำให้เด็กคนไหนติดเล่นขายของเหมือนติดเกมส์คอมพิวเตอร์ ซึ่งฉันว่ามันอันตรายมากเลยนะสำหรับเด็กยุคใหม่ ที่ไม่รู้จักแยกแยะว่านี่คือเกมส์ นี่คือชีวิตจริง

วันนี้ทำไมเล่าไม่ค่อยออกแฮะ ไม่เหมือนคราวก่อน อย่าว่าอย่างโน้นอย่างนี้เลย เรื่องที่เล่าอาจจะไม่ค่อยปะติดปะต่อกันเท่าใดนัก เพราะว่านึกอะไรออกก็พิมพ์เลย ไม่ได้วางเค้าโครงไว้ก่อน เพราะว่ากลัวจะลืมอ่ะ แต่ขอบอกว่ายังมีอีกเยอะ ...

ตอนเด็ก ๆ ฉันเคยตามพ่อกับแม่ไปอยู่ที่ประเทศเนปาล ไปสองครั้ง ครั้งแรกอายุประมาณ 2 ขวบ ยังจำอะไรไม่ค่อยได้ พอครั้งที่สอง ประมาณ 6 ขวบ ไปเรียน ป.1 ที่นั่น จำได้ว่าชื่อโรงเรียนเซนต์แมรี่ อยู่บนเนินเขา ตอนเช้าจะมีรถโรงเรียนมารับที่หน้าปากซอย ฉันต้องไปรอรถที่บ้านของคนที่เรียนโรงเรียนเดียวกัน แต่เค้าโตกว่า อากาศที่เนปาลหนาวมาก แม่ของพี่คนนั้นเค้าจะเผามันลูกเล็ก ๆ ให้ใส่กระเป๋ากระโปรงไปคนละ 2 ลูก เวลาเอามือล้วงกระเป๋าก็อุ่นดี พอมันเย็นก็กินได้อีก จำได้ว่าไปโรงเรียนวันแรก ร้องไห้ทั้งวัน ก็พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ฟังก็ไม่รู้เรื่อง อยู่ที่นี่มีเพื่อนสนิทสองคน ชื่อแจ๊กกี้ เป็นชาวอเมริกัน ส่วนอีกคนเป็นชาวสเปญ ชื่ออันเดร

อาหารแขกส่วนมากเค้าจะทานถั่วต่าง ๆ กลางวันฉันต้องทานข้างที่โรงเรียน แต่ปรากฏว่า เวลาทานข้าว คุณครูต้องตามหาตัวฉันกันทั่ว เพราะไม่ยอมทาน ก็มันเป็นถั่วเหลืองต้มเละ ๆ ราดกับข้าว กินเกือบทุกวัน แต่ถ้าวันไหนมีมันฝรั่งผัดกับหอมใหญ่ ใส่มะเขือเทศ วันนั้นฉันจะทานข้าวที่โรงเรียน เพราะมันจะมีรสเปรี้ยว ๆ ของมะเขือเทศ ก่อนพักเที่ยงจึงมักจะแวะไปที่ห้องอาหารว่ามีอะไร ถ้ามีมันฝรั่ง ก็จะทาน แม่เลยต้องต้มไข่ไปให้วันละสองใบทุกวัน พร้อมกับชอคโกแลตหนึ่งแท่ง

ใหม่ ๆ พูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยเป็น แต่อยู่ไปสักพักก็เริ่มพูดพอได้ ฟังรู้เรื่อง ขออนุญาตครูไปห้องน้ำได้ เวลาเรียน ฉันมักจะขออนุญาตครูไปห้องน้ำบ่อย ๆ แต่ปรากฏว่า ไม่ได้ไปหรอก ไปเดินสำรวจรอบ ๆ โรงเรียนซะมากกว่า ตอนหลังครูรู้แกว ไม่ให้ไป บอกให้กลับไปนั่งที่ หุ หุ อยู่เนปาลแค่ 6 เดือน ก็กลับ พ่อบอกว่าถ้าอยู่นานกว่านี้อาจจะกลายเป็นเด็กแขกไปแล้ว เพราะเริ่มพูดภาษาเนปาลีได้ บางคนบอกว่าถ้าไม่เห็นตัว ไม่รู้หรอกว่าไม่ใช่เด็กเนปาลี

มาต่อเรื่องโรงเรียนวาสุเทวี ดีกว่านะ เพราะเรียนที่นี่มาตั้ง 10 ปี มีอะไรเยอะแยะเชียวล่ะ ที่โรงเรียนเราจะแบ่งนักเรียนออกเป็น 4 สี มีสีฟ้า สีแดง สีเหลือง สีเขียว แต่ละสีมีชื่อเพราะพริ้งว่า อัจฉรามัย คือสีฟ้า สุรนารี คือสีแดง อุสุรนารี คือ สีเหลือง และธัมกัญญา คือสีเขียว ฉันอยู่สีแดง ส่วนพี่ใหญ่จะอยู่สีฟ้า นักเรียนจะมีสีประจำตัวตั้งแต่ ป.1 แล้วก็จะอยู่สีเดียวไปตลอดจนเรียนจบชั้นสูงสุดของโรงเรียน ทุกวันศุกร์ และวันที่มีงานโรงเรียน หรือมีกีฬาสี เราจะแต่งชุดประจำสีกัน ชั้นประถม ป.1 – ป.4 จะเป็นกระโปรงตามสี เสื้อนักเรียนสีขาว ส่วน ป.5 – ม.ศ. 3 จะเป็นเสื้อเชิร์ตสี กระโปรงขาว แต่ก็แปลกนะ พวกเราจะมีความรู้สึกว่า พอดูหน้าคนนี้จะรู้ได้ทันทีเลยว่า เค้าอยู่สีอะไร อย่างสีฟ้าจะดูสดใส ผิวขาวซะส่วนใหญ่ ส่วนสีแดงจะออกผิวคล้ำ ๆ สีเหลืองก็จะดูซีด ๆ ส่วนสีเขียวจะเหมือนนักกีฬา แต่ขอโทษ ...สีแดงได้รางวัลกองเชียร์ยอดเยี่ยมเกือบทุกปีเลย แล้วก็คนสวยเยอะด้วย ตอนเด็ก ๆ ฉันเป็นนักกีฬาด้วยน๊า กีฬาแชร์บอลจ้ะ รุ่นจิ๋ว คิดดูละกันว่าตัวเล็กขนาดไหน แต่ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยได้เล่นหรอก เพราะเป็นตัวสำรอง อิอิ

ที่โรงเรียน เรามีวิชาสนุก ๆ เยอะเชียว เช่น วิชาวาดเขียน และวิชาขับร้อง singing โดยเรียนกับมาแมร์คนเดียวกัน วิชาวาดเขียน จำได้ว่าเราต้องมีแฟ้มรองกระดาษวาดรูปขนาดใหญ่ วันไหนมีเรียนก็หอบกันอีรุงตุงนังไปโรงเรียน ใช้กระดาษโปสเตอร์ สีน้ำหรือสีโปสเตอร์ซะส่วนใหญ่ การวาดรูปก็มักจะดูแบบจากของจริง ดูว่าแสง เงา ตกตรงไหน บางวันมาแมร์ก็เด็ดต้นไม้ ดอกไม้ที่ออกช่อ ออกดอกในโรงเรียนมาให้ดู แม้กระทั่งผักแว่น มาแมร์ยังเด็ดมาให้วาดเป็นลายผ้าเลย บางวันมาแมร์นึกครึ้มอกครึ้มใจ ก็พาพวกเราไปนั่งวาดรูปกันใต้ต้นไม้ ได้บรรยากาศไปอีกแบบหนึ่ง ส่วนวิชาขับร้อง ก็จะแบ่งนักเรียนออกเป็นสองพวก คือเสียงสูง (เสียงปกติ) และเสียงต่ำ ฉันอยู่พวกเสียงปกติ ได้คะแนนก็ปกติ ได้สี่เต็มสิบตลอด เวลาร้องเพลงก็จะไล่เสียงกัน ประสานเสียงกัน สนุกดี มีอยู่ครั้งหนึ่ง สอบไล่โน๊ตโด เร มี ตามเสียงเปียโน ได้ตั้ง 8 คะแนน ซึ่งก็เป็นครั้งแรกและครั้งเดียวในชีวิตนักเรียนที่ได้คะแนนมากขนาดนี้ แต่มีอยู่สองเรื่องที่เราไม่ค่อยจะสบอารมณ์เวลาเรียนขับร้องเลย ก็คือ ห้ามคุยกันเวลาร้องเพลง ไม่รู้มาแมร์แกมีตาหลังหรือยังไง เพราะรู้ทุกทีว่าใครพูด แล้วก็จะถูกทำโทษทั้งห้อง ซวยไป แล้วอีกเรื่องคือ เวลาที่เราเรียนก็มีคุณ(หมา) แดง มาร้องโหยหวนอยู่นอกห้องทุกที เวลาเราร้องไม่ได้เรื่อง ไม่ตั้งใจ มาแมร์ก็มักจะบอกว่า “ดูซิ หมาแดงยังร้องเพราะกว่าเลย” เราก็เลยฮึด จะให้หมาร้องดีกว่าคนได้ไง(ฟะ)

ไว้มาต่อนะ







Create Date : 02 มีนาคม 2552
Last Update : 2 สิงหาคม 2553 11:14:50 น. 1 comments
Counter : 549 Pageviews.

 
สวัสดีค่ะ
แวะมาอ่านเรื่องเล่าต่อค่ะ
ปืนก้านกล้วย..เคยเห็นพ่อทำให้น้องเล่นกันค่ะ..เสียงดังดีมากเลย
..อาหารของเนปาล..ข้าวราดถั่วเหลืองต้มเละๆอ่ะค่ะ..รสชาติแย่มากเลยเหรอคะ
..นึกภาพน้องหมาร้องเพลงได้เลยค่ะ
..มีเรื่องเล่าตอนต่อไปแวะไปเรียกด้วยนะคะ สนุกดี ชอบอ่านค่ะ


โดย: ข้าวกับดิน วันที่: 4 มีนาคม 2552 เวลา:10:26:48 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

พูดไม่เก่ง แต่เจ๋งทุกคำ
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 18 คน [?]




"ตั้งใจว่า...ทำบล๊อกนี้ขึ้นมาเพื่อบันทึกเรื่องราว ความทรงจำดี ๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรักและอยากจะทำ และไม่เคยหวังผลตอบแทนใด ๆ ในทุกสิ่งที่ได้ทำ นอกจากรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ มิตรภาพและความจริงใจจากเพื่อนๆ เท่านั้น"











# เริ่มทำบล๊อกเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2552 #


ไปหลังบ้านทางนี้เน้อ
Friends' blogs
[Add พูดไม่เก่ง แต่เจ๋งทุกคำ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.