ต่างชาติมองไทย
ต่างชาติมองไทย 10 เมษายนที่ผ่านมา ผมมีโอกาสได้ขึ้นรถไฟฟ้าจากสยามสแควร์ไปทางอ่อนนุช เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่ค่อนข้างเร่งด่วนและมีคนใช้บริการมาก ทำให้การยืนบนรถไฟฟ้า(ในตัวรถนะครับ ไม่ใช่หลังคา) สามารถรับชมรับฟังข้อมูลได้หลากหลายรูปแบบ โดยชนิดที่เรียกว่าไม่ต้องพึ่งพาเทคโนโลยีขั้นสูง ข่าวสารแบบเรียลไทม์พรั่งพรูกันออกมาเข้มข้นแน่นเอี้ยดทีเดียว ถึงแม้จะไม่ได้ตั้งใจฟังแต่ก็ถูกบังคับให้ได้ฟังอยู่ดี เรื่องของเรื่องก็มีอยู่ว่ามีกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวยุโรปกลุ่มหนึ่ง (ขอสงวนนามชื่อประเทศ) เป็นหญิงล้วนอายุก็ประมาณ 30 ปีเห็นจะได้ทั้งหมดมากัน 3 คน มายืนอยู่ใกล้ๆรัศมีการรับฟังของผมอยู่ด้วย นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้พยายามหาที่พักในซอยนานาที่เคยมาพัก พร้อมกับถามผม ภาษาอังกฤษของผมก็แค่ snake snake fish fish พร้อมทั้งไม่รู้จักโรงแรมดังกล่าวด้วย แถมยังพอจับสำเนียงการพูดภาษาอังกฤษของเธอๆ ได้ว่าไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่ตั้งแต่เกิดอย่างแน่นอน จึงตอบไปว่าไม่รู้จัก พอตอนที่นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้คุยกันเองผมก็ถึงบางอ้อ รู้ได้ทันทีว่ามาจากประเทศไหน แต่ตรงนี้ก็ไม่ใช่ประเด็นที่จะมาเล่านะครับ ไม่รู้ว่าพวกเธอไปกินรังแตนที่ไหนมา เม้าธ์กันดังลั่นรถไฟฟ้า (คงกลัวว่าอีกขบวนจะไม่ได้ยินที่พวกเธอบ่นกัน) คือหลังจากที่ผมตอบไปว่าไม่รู้จักโรงแรมดังกล่าว ก็มีสาวอินเดียคนนึงยื่นหน้ามาบอกว่ารู้จักโรงแรมดังกล่าว อธิบายวิธีการเดินทางอย่างเบ็ดเสร็จ พร้อมทั้งถามว่ามาเที่ยวเมืองไทยเป็นไงบ้าง กลุ่มนักท่องเที่ยวก็ตอบกลับมาว่ามาได้หลายวันแล้วพรัอมกับลงไปเที่ยวที่ภูเก็ต แล้วก็ย้อนกลับมาที่กรุงเทพ แถมยังบอกอีกว่ากรุงเทพนี่มันแย่ มลพิษเยอะมั่กๆ เต็มไปด้วยฝุ่นและความสกปรก ถึงตอนนี้เองผมพยายามนับหนึ่งถึงร้อย ถ้ารู้ว่าไม่ดีก็อย่ามาซิครับจะได้ไม่ต้องมาบ่นแบบนี้ ยังนับไม่ถึงสิบ สาวอินเดียคนนั้นก็สวนกลุ่มนักท่องเที่ยวดังกล่าวกลับมาว่า ที่ยูเห็นนั่นน่ะแค่เด็กๆ เทียบกับมลภาวะ ฝุ่น ความสกปรกในอินเดียบางแห่งไม่ได้เลย อีกทั้งสาวอินเดียคนนี้ก็เป็นนักท่องเที่ยวเหมือนกัน เธอสามารถเปรียบเทียบให้ข้อมูลได้อย่างถูกต้องชัดเจน ผมต้องขอขอบคุณสาวอินเดียผู้น่ารักคนนี้ด้วยครับ ยังไม่ทันไร กลุ่มนักท่องเที่ยวก็ให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับสาวอินเดียว่า ที่โรงแรมที่พวกตนพัก พนักงานใช้ภาษาอังกฤษได้แย่ (หล่อนใช้คำว่า poor English) สื่อสารไม่รู้เรื่อง ผมเองก็ต้องเริ่มนับหนึ่งถึงร้อยใหม่อีกครั้ง สาวอินเดียคนเดิมก็ตอบกลับไปว่า พวกยูรู้มั้ยว่าเมืองไทยไม่เคยตกเป็นเมืองขึ้นของใคร นอกจากนี้พวกเขายังมีภาษาพูดและภาษาเขียนเป็นของตนเองอีกด้วย จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่คนไทยนิยมใช้ภาษาไทยในประเทศของตนเอง ไม่ใช้ภาษาอังกฤษ หลังจากได้ฟังดังนั้นกลุ่มนักท่องเทียวดังกล่าวก็เงียบไป (สงสัยแทงใจดำ) หลังจากที่พวกหล่อนลงจากรถไฟฟ้าที่สถานีนานาไปซะได้ ผมรู้สึกโล่งใจขึ้นเยอะ เนื่องจากไม่ชอบการนับเลข และต้องขอขอบคุณสาวนักท่องเที่ยวชาวอินเดียผู้นั้นเป็นอย่างยิ่งที่กล้าให้ข้อมูลอย่างตรงไปตรงมา ช่วยแก้ต่างให้คนไทยอีกต่างหาก โดยปกติแล้วผมมีทัศนคติต่อคนอินเดียดีมาก เนื่องจากมีเพื่อนและไปเที่ยวมา ประทับใจมากครับ เอาไว้มีโอกาสจะเล่าให้ฟัง ขอฝากน้องๆที่กำลังฝึกใช้ภาษาอังกฤษอยู่นะครับว่าไม่ต้องกลัว พูด พูด และพูดเข้าไป จะทำให้เราเก่งขึ้นเอง ในด้านการสื่อสารนะครับไม่ใช่ด้านไวยากรณ์สอบชิงทุน ภาษาพูดกับภาษาเขียนมีต่างกันบ้าง อย่าหมดกำลังใจ เป้าหมายหลักของการใช้ภาษาคือ สื่อสารให้เข้าใจตรงกัน ไม่ว่าจะเป็นภาษาอะไรก็ตามรวมทั้งภาษามือด้วย(ปัจจุบันผมก็ใช้อยู่) คนต่างชาติต่างภาษายังมีมุมมองต่างกัน ทั้งด้านดีและไม่ดีกับคนไทยเมืองไทยอย่างเรา นี่แค่เรื่องของสิ่งแวดล้อมและภาษาเท่านั้น ถ้าเป็นเรื่องอื่นๆล่ะครับ จะถูกมองอย่างไรกันบ้าง คงพอจะจินตนาการได้นะครับ อยากให้คนไทยรักและสามัคคีกันมากๆครับ The Outsider ขอขอบคุณแหล่งที่มาของรูปภาพครับ
Free TextEditor
Create Date : 24 เมษายน 2553 |
Last Update : 24 เมษายน 2553 12:09:04 น. |
|
12 comments
|
Counter : 3543 Pageviews. |
|
|