เรื่องแปลกๆ
เรื่องแปลกๆ
ช่วงนี้เด็กมหาวิทยาลัยสอบกันทั่วประเทศ เหล่าอาจารย์ก็ต้องคุมสอบเช่นกัน ครูแป๋วเกลียดภาระงานนี้ที่สุดรองมาจากการตรวจข้อสอบ ... เริ่มจากต้องจู้จี้ขอดูบัตรนิสิต เด็กแต่งตัวไม่ถูกระเบียบก็ต้องไล่ให้ไปแต่งมาใหม่ (ไม่งั้นไม่ให้เข้าห้องสอบ) เดินให้นิสิตเซ็นชื่อทีละคนพร้อมตรวจบัตร จากนั้นก็ยืนๆนั่งๆ ถ่างตาดูว่าใครมีพฤติกรรมน่าสงสัยตลอด 3 ชั่วโมงเต็ม นับเป็นงานที่น่าเบื่อและกดดัน ไม่อยากเจอ ไม่อยากต้องจับทุจริตใครอ่ะคะ ... อ้อ ต้องเดินตามนิสิตไปเข้าห้องน้ำด้วย เพื่อให้แน่ใจว่าเด็กไม่พูดจาติดต่อใครระหว่างที่ออกนอกห้องสอบ ... ปลายเทอมต้นนี้ครูแป๋วเจอคุมสอบส่วนกลาง 2 ครั้ง เพิ่งเสร็จไปเมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมานี่เอง เฮ๊อ หมดเวรหมดกรรม คุมสอบครั้งแรกอากาศในห้องสอบหนาวมาก นักเรียนหญิงเข้าห้องน้ำหลายคน ครูแป๋วเดินเข้าเดินออกเป็นว่าเล่น กลับบ้านเป็นไข้ค่ะเพราะเดี๋ยวหนาวเดี๋ยวร้อน ผิดกับครั้งที่สอง ไม่มีนักเรียนหญิงเข้าห้องน้ำเลย ... เมื่อต้นสัปดาห์ได้เจออาจารย์จาก ม.สงขลาที่เข้ากรุงเทพฯมาสัมมนา บ่นกับแกไปว่า เนี่ย..คุมสอบตั้ง 2 หน แกสวนกลับมาว่าแกเจอ 3 หนมาตลอด สงสัยอาจารย์จุฬาฯมีเยอะเลยโดนกันแค่ 2 หนนะครับ เงียบเลยซิคะ ไม่รู้จะต่อบทสนทนายังไงเลยเรา
คราวนี้มันมีเคสประหลาด ไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อน ฝ่ายอาจารย์ให้การว่า นิสิตคุยเสียงดังในห้องสอบ บอกเท่าไหร่ก็ไม่ฟัง และก็ลอกกันทั้งห้อง คณะกรรมการฯฟังแล้วก็งง ทำไมเข้าห้องสอบแล้วไม่รีบทำข้อสอบ เดี๋ยวก็หมดเวลาทำไม่ทัน จะมัวคุยกันทำไม ประเด็นที่สองคือ ลอกกันทั้งห้องแต่อาจารย์ไม่จับให้เป็นทุจริต กลับทิ้งเรื่องไว้เป็นสัปดาห์แล้วก็เอาเรื่องมาแจ้งในที่ประชุมให้พิจารณา พอเรื่องถูกแจ้งอย่างนี้มันก็ต้องมีผลพิจารณาออกมา ในเมื่ออาจารย์ผู้คุมสอบ(และเป็นเจ้าของวิชา)แจ้งว่าลอกกันทั้งห้อง คะแนนก็เป็นโมฆะซิคะ ต้องสอบใหม่ยกห้อง กรณีนี้จะเอาผิดเด็กไม่ได้ค่ะเพราะเรื่องผ่านมาเป็นสัปดาห์แล้ว หลักฐานอะไรก็ไม่มี ... ปกติถ้าเห็นเด็กทุจริตจะต้องจับทันที เก็บหลักฐานไว้ ให้เด็กเซ็นรับสารภาพ จากนั้นนำเด็กไปส่งให้คณะกรรมการสอบส่วนกลางทันที ... ส่วนตัวอาจารย์คงต้องโดนสอบสวนด้วย มั๊ง ก็ไม่ทราบเหมือนกันเพราะไม่มีตำแหน่งบริหาร ... แต่เรื่องนี้ทำครูแป๋วเซ็งไปหลายวัน การลอกข้อสอบเป็นเรื่องน่าอาย มักง่ายและน่าสมเพช แย่ยิ่งกว่าเสพยาอีก เสพยายังทำตัวเอง นี่จะทำคะแนนให้เท่าหรือดีกว่าคนอื่นแบบโกงๆ ศักดิ์ศรีไม่มีเอาซะเลย ... พอรับทราบว่าใครลอกข้อสอบแล้วครูแป๋วจะรู้สึกหมดความเอ็นดูไปเลย มองว่าเป็นคนที่ไม่มีเครดิต ... แล้วนี่ทำกันยกห้อง ฟังแล้วรู้สึกหดหู่มาก (หมายเหตุ : ภาพที่เห็นไม่เกี่ยวข้องกับการทุจริตใดๆเลยนะคะ ลูกศิษย์ครูแป๋วเป็นเด็กดีแทบทุกคน)
เปลี่ยนโหมดมาคุยเรื่องเบาๆกันดีกว่า เสาร์ที่แล้วครูแป๋วไปไหว้พระ 9 วัดที่อยุธยามาค่ะ สนุกดี เพิ่งรู้ (ตามประสาคนโง่เรื่องทิศทาง) ว่าอยุธยาใกล้มาก นั่งรถแป๊บเดียวก็ถึง เราไหว้พระกันแบบมุ่งมั่นตั้งใจ ประมาณบ่ายโมงกว่าๆก็ครบ 9 วัด มีเวลาสานฝันส่วนตัว ขอเพื่อนที่ไปด้วยแวะเยี่ยมพังนาตาลีที่ได้ข่าวว่าถูกซื้อตัวมาอยู่ที่ปางช้างในอยุธยา ใครไม่รู้จักพังนาตาลี มามะ จะเล่าให้ฟังย่อๆ พังนาตาลีนี่ฆ่าคนไปหลายคน ข่าวว่าเพราะตกมัน ครูแป๋วมองหน้าเค้าในหนังสือพิมพ์ รู้สึกว่าพังนาตาลีสวย หน้าหูและงวงลงตัวเป๊ะ รู้สึกว่าช้างเชือกนี้สวยค่ะ ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงใจร้ายฆ่าคนได้ ... เจ้าป้าของครูแป๋วเล่าว่า นาตาลีเป็นช้างที่ลักษณะดีมีชาติตระกูล แต่ต้องถูกใช้งานแบบกุลี แถมนาตาลีรักลูกมาก พอนาตาลีมีลูกกลับโดนจับแยก เรื่องนี้นาตาลียอมไม่ได้ก็เลยวีนแตก และเมื่อย้ายมาอยู่ปางช้างได้ข่าวว่าพังนาตาลีสุภาพเรียบร้อย เหมือนว่านี่แหละคือสถานที่ที่เหมาะกับไฮโซอย่างชั้น แปร๋นนนนน ... ครูแป๋วไปจอดรถหานาตาลีที่วังช้าง มีช้างหลายตัวกำลังโชว์หมุนห่วงอยู่ ... ตัวไหนหว่านาตาลี ... ดูไม่ออกเลยถามเจ้าหน้าที่ น้องเค้าบอกว่า นาตาลีอยู่ที่เพนียดหลวงค่ะ ห่างจากนี่อีก 3-4 กิโล เพื่อนตามใจพาครูแป๋วไปหานาตาลีจนเจอ อ๊า เธอถูกแยกเดี่ยว อยู่ริมขวาสุดของภาพค่ะ ตัวจริงดูเธอเหี่ยวไม่สวยเท่าที่เห็นในภาพ (แปลว่าถ่ายรูปขึ้นนะนี่) และดูเฉยๆ ไฮโซหน่อยๆ กลายเป็นว่ารักแรกพบของเราไม่ค่อยเวิร์ค ครูแป๋วกลับตกหลุมรักเจ้าช้างหัวกลมตัวที่พักอยู่ห้องข้างๆแทน น่ารักน่าเอ็นดูค่ะ ส่ายหัวเดินเข้าหาเหมือนจะประจบขออาหาร แป๋วแหววยื่นแตงกวาให้ทานเค้าก็เอางวงมารับ น้ำลายเต็มมือครูแป๋วเลย ท้ายสุดเล่าเรื่องงานวิจัยซะหน่อย ทราบมั๊ยคะ ความมันส์ของงานวิจัยมีอยู่ 2 ตอน ... ตอนแรกคือ ตอนทดสอบของที่ทำมา ว่ามันใช้ได้มั๊ย (ตอนลุ้นผลนี่มันส์พอๆกับดูเทนนิสเลย) กับตอนที่ทดสอบแล้วไม่เป็นตามคาด หรือว่าเกิดปัญหาระหว่างการผลิต ต้องมานั่งคิดว่าเป็นเพราะอะไร จะแก้ยังไง ... ตอนหลังนี่มันปลุกวิญญาณ ความอยากเอาชนะ ขึ้นมาค่ะ พวกนักวิจัยฮาร์ดคอร์จะอดนอนนั่งคิดทั้งคืน อยากจะเอาชนะ แก้ปัญหาให้ออก ... ยิ่งถ้าเจอทีมนักวิจัยดีๆ แอ๊คทีฟพอๆกัน เครื่องมือครบ โอ๊ว สนุกมาก ... วันนี้เล่าเรื่องตอนแรกดีกว่า ทดสอบเกราะกันกระสุนค่ะ จะดูว่าเกราะดีแค่ไหนก็ต้องยิงทดสอบซิคะ เราไปทดสอบกัน 2 ที่เพื่อเทียบกัน ที่สรรพาวุธตำรวจกับทหารบก ระดับความแรงของงานของเราอยู่ที่ระดับ 3A 3 ซึ่งต้องใช้ปืนเอ็ม 16 ตอนยิงเรามีการวัดระดับความเร็วของลูกปืนด้วยเลเซอร์ เสียงดังมากค่ะ ต้องหาอะไรมาปิดหูก่อนสั่งยิง เรื่องแปลกที่เจอมาคือ เมื่อคนลั่นไกสวมสร้อยพระมักจะยิงไม่ออก ทำยังไงก็ยิงไม่ได้ แต่พอถอดสร้อยออกแล้วลั่นไกก็ยิงได้ปกติ อืมมม อาจจะบังเอิญก็ได้ ... พอปืนลั่นปุ๊บ ทุกคนจะวิ่งไปที่เป้าที่วางเกราะเอาไว้ อยากจะรู้ว่า ทะลุมั๊ย ทะลุมั๊ย เป็นอะไรที่ตื่นเต้นดี แต่มันไม่ได้จบแค่นั้น เพราะเราต้องมาดูกันอีกว่ารอยกระสุนที่เกิด มีการแตกลักษณะใด ... อีกเรื่องที่ต้องดูด้วยคือสะเก็ดกระสุน เพราะบางทีไม่ทะลุเกราะ แต่หากเกราะไม่เก็บสะเก็ด เจ้าคนโดนยิงน่ะรอด แต่คนข้างเคียงอาจตายแทนได้ค่ะ ดังนั้นโครงสร้างเกราะที่ดีต้องมีระบบเก็บสะเก็ดที่ดีด้วย เห็นไหม เห็นไหม ไม่ง่ายเลย ... หลายๆอย่างที่มองดูงั้นๆ จริงๆซ่อนเทคโนโลยี่ไว้เยอะแยะมากมาย เอาง่ายๆ รองเท้าผ้าใบยี่ห้อดังๆทั้งหลาย โอย วิจัยพัฒนาออกแบบหาวัสดุที่เหมาะสมกันสุดๆเลย ไว้วันหลังจะเล่าให้ฟังต่อนะคะ
Free TextEditor
Create Date : 02 ตุลาคม 2552 |
|
8 comments |
Last Update : 2 ตุลาคม 2552 12:07:42 น. |
Counter : 1225 Pageviews. |
|
|
|
ต้องดูว่าวัดไหนรุ่นไหนแล้วครับ แล้วประกาศห้ามทหารตำรวจแขวนพระรุ่นนี้ ไม่งั้นผู้ร้ายหนีหมด