https://kaoim.bloggang.com
Group Blog
 
<<
เมษายน 2553
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
22 เมษายน 2553
 
All Blogs
 
อุปกะชีวก ...เรื่องของความยึดมั่นถือมั่น

ขอนำบทความที่เก้าเคยเขียนไว้ใน blog ของ khontkao.exteen.com มาลงไว้ใน bloggang ค่ะ
--------------------------------------------------------------------------




เคยอ่านหนังสือเรื่อง เหตุแห่งคำตรัส มีอยู่ตอนนึงเกี่ยวกับอุปกะชีวก คนแรกซึ่งได้พบพระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อเขาเห็นพระพุทธเจ้าครั้งแรกนั้นได้ถามว่า ใครคืออาจารย์ของท่าน เมื่อพระองค์ได้ตอบว่า ไม่มีใครเป็นอาจารย์ ท่านได้ตรัสรู้ชอบด้วยพระองค์เอง อุปกะชีวกจึงจากไป ด้วยอาการแลบลิ้น ส่ายหน้า

ในบทความหลายๆ บทกล่าวว่า มีชนชาตินึงมีประเพณีแปลกๆ นักประวัติศาสตร์กล่าวว่า การส่ายหน้าแลบลิ้น ไม่ได้หมายความว่ารังเกียจ แต่เป็นอาการยอมรับ เหมือนเราเห็นคนอินเดีย เวลาพูดก็ชอบสายหน้า ส่ายคอดุ๊กดิ๊กไปด้วย จึงมีการตีความว่า จริงๆ แล้วอุปกะชีวกอาจจะไม่ได้ไม่เชื่อในพระพุทธเจ้า

เก้าชอบอ่านประวัติตอนต่อมาของอุปกะชีวก ซึ่งได้ถามนามของพระพุทธองค์ไว้ก่อนจากกันครั้งนั้นว่า "อนันตชิน" และต่อมาอุปกะชีวกผู้นี้ก็ได้รอนแรมมาเพื่อพบพระศาสดาอีกครั้งนึง มีคำตรัสของพระพุทธองค์ที่อ่านครั้งใดก็รู้สึกว่าซาบซึ้งมากค่ะ

เรื่องย่อๆของเหตุคำตรัสนะคะ อุปกะหลังจากที่จากพระพุทธเจ้าไปแล้ว ก็ได้ไปพบพรานซึ่งมีบุตรสาวสวยชื่อสุชาวดี ก็ตกหลุมรักจนได้ออกจากความเป็นนักบวชแล้วแต่งงานกับสุชาวดี จนมีลูกด้วยกัน ฝ่ายสาวเจ้าไม่ได้รักอุปกะ ทุกครั้งที่เลี้ยงลูกก็จะกล่อมลูกด้วยถ้อยคำที่เสียดสีอุปกะ อุปกะเมื่อได้ยินเช่นนั้นหลายครั้งก็นึกถึง"พระอนันตชิน" ผู้มีผิวพรรณงดงาม มีราศี จึงออกค้นหา

เช้าวันหนึ่งสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงตรวจดูโลกด้วยพระญาณ ว่าจะมีเวไนยสัตว์ที่มีอุปนิสัยจะบรรลุธรรมได้ ทรงพบอุปกะ จึงให้อุปกะได้เข้าเฝ้าที่เชตวัน และได้ตรัสประโยคนี้ค่ะ

"ดูก่อนอุปกะ" พระศาสดาตรัสตอบ "เรารอคอยการมาของท่านอยู่ การมาของท่านครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ใหญ่หลวงแก่ท่าน" พอได้ยินคำว่า "อุปกะ" เท่านั้น ปีติปราโมชก็แผ่ไปทั่วสรรพางค์ของอุปกะ ชื่อใดเล่าในโลกนี้จะไพเราะอ่อนหวานยิ่งกว่าชื่อของตนเอง ทุกคนจะดีใจเป็นที่ยิ่งเมื่อทราบว่าผู้อื่นจำชื่อของตนได้อย่างแม่นยำ หลังจากพรากกันไปเป็นเวลานาน

"อุปกะ" พระองค์ตรัสต่อไป "หลังจาก จากกันคราวนั้นแล้วท่านไปอยู่ที่ไหน ทำอะไร พอทนได้อยู่หรือ เมื่อก่อนนี้ดูท่านทรงเพศเป็นนักบวช บัดนี้ทำไมจึงเปลี่ยนแปลงไป?"



อุปกะได้เล่าความหลังทั้งมวลให้พระศาสดาทราบโดยตลอด แล้วทูลเพิ่มเติมว่า "พระองค์ผู้เจริญ! ข้าพระองค์เดินหลงทางอยู่เป็นเวลานาน บัดนี้มาพบพระองค์เป็นครั้งที่สอง คงจะดำเนินไปสู่ทางที่ถูกต้อง พระองค์ผู้อนุเคราะห์โลก โปรดอนุเคราะห์ข้าพระองค์ด้วยเถิด" พูดเท่านั้นแล้วเขาก็ซบศีรษะลงแทบพระบาทมูลแห่งพระศาสดา

พระจอมมุนีศรีศากยบุตร ประทับนิ่งอยู่ครู่หนึ่งแล้วตรัสว่า "ดูก่อนอุปกะ การครองเรือนเป็นเรื่องยาก เรือนที่ครองไม่ดีย่อมก่อทุกข์ให้มากมาย การอยู่ร่วมกับคนพาล เป็นความทุกข์อย่างยิ่ง อุปกะเอย! เครื่องจองจำที่ทำด้วยเชือก เหล็กหรือโซ่ตรวนใดๆ เราไม่กล่าวว่าเป็นเครื่องจองจำที่แข็งแรงทนทานเลย แต่เครื่องจองจำคือ บุตร ภรรยา ทรัพย์สมบัตินี่แล รึงรัดมัดผูกสัตว์ทั้งหลายให้ติดอยู่ในภพอันไม่มีที่สิ้นสุด

เครื่องผูกที่ผูกหย่อนๆ แต่แก้ได้ยาก คือ บ่วงบุตร ภรรยา และทรัพย์สมบัตินี่เอง รูป เสียง กลิ่น รส และโผฏฐัพพะ นั้นเป็นเหยื่อของโลก เมื่อบุคคลยังติดอยู่ในรูปเป็นต้นนั้น เขาจะพ้นจากโลกมิได้เลย ไม่มีรูปใดที่จะรัดรึงใจของบุรุษได้มากเท่ารูปแห่งสตรี

ดูก่อนอุปกะ ผู้ยังตัดอาลัยในสตรีมิได้ ย่อมจะต้องเวียนเกิดเวียนตายอยู่ร่ำไป แม้สตรีก็เช่นเดียวกัน ถ้ายังตัดอาลัยในบุรุษไม่ได้ ย่อมประสบทุกข์บ่อยๆ กิเลสนั้นมีอำนาจครอบคลุมอยู่โดยทั่ว ไม่เลือกว่าในวัยและเพศใด



"ดูก่อน อุปกะ! ความทุกข์ทั้งมวลมีมูลรากมาจากตัณหาอุปทาน ความทะยานอยากดิ้นรน และความยึดมั่นถือมั่น ว่าเป็นเราเป็นของเขา รวมถึงความเพลินใจในอารมณ์ต่างๆ สิ่งที่เข้าไปเกาะเกี่ยวยึดถือไว้โดยความเป็นตนเป็นของตนที่จะไม่ก่อทุกข์ก่อโทษให้นั้นเป็นไม่มี หาไม่ได้ในโลกนี้

เมื่อใดบุคคลมาเห็นสักแต่ว่าได้เห็น ฟังสักแต่ว่าได้ฟัง รู้สักแต่ว่าได้รู้ เข้าไปเกี่ยวข้องกับสิ่งต่างๆ เพียงแต่สักว่าๆ ไม่หลงใหลพัวพันมัวเมา เมื่อนั้นจิตก็จะว่างจากความยึดถือต่างๆ ปลอดโปร่งแจ่มในเบิกบานอยู่

ดูก่อน อุปกะ! เธอจงมองดูโลกนี้โดยความเป็นของว่างเปล่า มีสติอยู่ทุกเมื่อ ถอนอัตตานุทิฏฐิ คือความยึดมั่นถือมั่นเรื่องตัวตนเสีย ด้วยประการฉะนี้ เธอจะเบาสบายคลายทุกข์คลายกังวล ไม่มีความสุขใดยิ่งไปกว่าการปล่อยวางและการสำรวมตนอยู่ในธรรม"



อุปกะส่งกระแสจิตไปตามพระธรรมเทศนาของพระตถาคตเจ้า คลายสังโยชน์คือกิเลสที่ร้อยรัดใจออกเป็นเปาะๆ ได้บรรลุอนาคามีผลเป็นพระอริยบุคคลชั้นที่สามด้วยประการฉะนี้





Create Date : 22 เมษายน 2553
Last Update : 22 เมษายน 2553 11:54:50 น. 8 comments
Counter : 1849 Pageviews.

 


โดย: หาแฟนตัวเป็นเกลียว วันที่: 22 เมษายน 2553 เวลา:12:16:37 น.  

 
เคยอ่านเหมือนกันค่ะ มันเศร้ามากที่เขาไปหลงติดใจนางสุชาวดี เสียดายเวลาค่ะ


โดย: Scorchio วันที่: 22 เมษายน 2553 เวลา:12:47:36 น.  

 
ชอบเหมือนกันครับ


โดย: อัสติสะ วันที่: 22 เมษายน 2553 เวลา:13:59:01 น.  

 
ขอบคุณครับ ธรรมมะบทนี้ ดีจริงๆ อนุโมทนาครับ


โดย: shadee829 IP: 110.164.251.94 วันที่: 22 เมษายน 2553 เวลา:17:57:32 น.  

 
เมื่อใดบุคคลมาเห็นสักแต่ว่าได้เห็น ฟังสักแต่ว่าได้ฟัง รู้สักแต่ว่าได้รู้ เข้าไปเกี่ยวข้องกับสิ่งต่างๆ เพียงแต่สักว่าๆ ไม่หลงใหลพัวพันมัวเมา เมื่อนั้นจิตก็จะว่างจากความยึดถือต่างๆ ปลอดโปร่งแจ่มในเบิกบานอยู่

^
^
เรื่องจริงที่ยากจะเชื่อกัน เพียงแต่มีความรู้สึกตัวอยู่อย่างธรรมชาติ ไม่คิดอะไร ไม่จ้องอะไร เฉยๆ อยู่เท่านั้น อาการนี้ก็จะปรากฏขึ้นทันที เพียงแต่ว่า ปุถุชน ยังไม่มีญาณหยั่งรู้ จึงมองไม่ออก ไม่เข้าใจนั้นเอง ที่แท้คนเราเป็นอย่างนี้อยู่แล้วกันทุกคน เพียงแต่ไม่รู้จักกันก็เท่านั้น


โดย: นมสิการ วันที่: 22 เมษายน 2553 เวลา:18:48:37 น.  

 
ขอบคุณค่ะ ชอบตอนนี้มาก

"ดูก่อน อุปกะ! เธอจงมองดูโลกนี้โดยความเป็นของว่างเปล่า มีสติอยู่ทุกเมื่อ ถอนอัตตานุทิฏฐิ คือความยึดมั่นถือมั่นเรื่องตัวตนเสีย ด้วยประการฉะนี้ เธอจะเบาสบายคลายทุกข์คลายกังวล ไม่มีความสุขใดยิ่งไปกว่าการปล่อยวางและการสำรวมตนอยู่ในธรรม"

เพราะตอนนี้เราต้องมีสติอย่างมาก และปล่อยวางในเรื่องที่ทำให้เราเป็นทุกข์

ขอบคุณสำหรับเรื่องดี ๆ ที่แบ่งปันให้นะคะ


โดย: เหมียวสีส้ม วันที่: 23 เมษายน 2553 เวลา:10:23:39 น.  

 
ที่คุณเก้าถามเรื่องพริกที่ใช้ทำกิมจิ มันเป็นพริกป่นเกาหลี มีขายตามซุปเปอร์ใหญ่ๆ (ในห้างฯน่ะค่ะ) ปิ๊กซื้อที่เดอะมอลล์ สีมันจะแดงมากๆ แต่แทบจะไม่มีความเผ็ดเลยค่ะ

ช่วงนี้ปิ๊กกินเยอะ.. เริ่มจะอวบขึ้นแล้ว สงสัยใกล้จะได้หวนกลับมานั่งอัพบล็อกไดเอทแล้วล่ะค่ะ


โดย: กำไลสีส้ม วันที่: 23 เมษายน 2553 เวลา:14:34:00 น.  

 
เข้าอ่านธรรมะของคุณเก้าทุกครั้งที่เข้าบล๊อคแต่ไม่ได้เม้นท์น่ะ ป้าเจี๊ยบก็ศึกษาแบบเบื้องต้นการปฏิบัติได้แค่สวดมนต์,อ่านหนังสือ (นั่งสมาธิยังไม่ปฏิบัติ)แต่ก็มีความสุขทั้งครั้งที่ได้อ่านหนังสือ, อ่านบล๊อคของผู้รู้เหมือน
อย่างคุณเก้า ขอบคุณค่ะ ปล.ไม่ได้เม้นท์คุณเก้าเรื่องนน.เห็นว่าหุ่นดีแล้ว แวะเข้ามาดูรายการอาหารเพื่อเป็นแนวและธรรมะ ขอบอกว่าชอบน่ะ


โดย: pa_jeab วันที่: 24 เมษายน 2553 เวลา:9:34:12 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

kaoim
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]








Friends' blogs
[Add kaoim's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.