"ทุกวันนี้เหมือนกำลังอยู่ในระยะของการเปลี่ยนผ่าน ยังไม่นิ่งในทุกๆ เรื่อง จะบอกว่าดีขึ้นหรือแย่ลงก็ยังตอบยาก เพียงแต่ต้องรอคอย..."

หันซ้ายหันขวา ยิ่งหันหน้ามาอ่านหนังสือพิมพ์ทำเอาเครียดไปตามๆ กัน เพราะแต่ละข่าวที่นำเสนอสะท้อนสังคมเมืองไทย ณ วันนี้ได้อย่างดี ทั้งปัญหาอาชญกรรม อุบัติเหตุ ข่มขื่น ปล้น ฆ่า รุกรานสิทธิเสรีภาพ ข้าวของราคาแพง น้ำมันขึ้นราคา และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งจะโทษสื่อก็ไม่ได้ว่าทำไมนำเสนอแต่เรื่องราวอย่างนี้ เพราะหน้าที่คือการสะท้อนสังคม พร้อมออกโรงเตือนให้ทุกคนระมัดระวังกับการดำเนินชีวิต ส่วนข่าวๆ ดีก็มีให้เห็น มาแบบแป๊บๆ แล้วก็ไป...แต่ใช่ว่าสังคมขาดคนดีนะคะ เพียงแต่นาทีนี้ทุกคนต่างช่วยเหลือตัวเอง จนไม่มีเวลาช่วยเหลือคนอื่น หรือคุณมองว่าสังคมวันนี้อยู่ง่าย คิดเห็นต่างอย่างไร ตามไปสะท้อนมุมมองกันค่ะ

                             แม้ทุกสิ่งจะมีการเปลี่ยนแปลง แต่ "พลอย" ปรารถนา เตชะวิบูลย์ นักศึกษาปริญญาโทเอ็มบีเอ สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจ ศศินทร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กลับมองว่า ส่วนตัวไม่ได้รับผลกระทบจากความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในสังคมมากนัก จึงไม่ได้มองว่าสังคมปัจจุบันอยู่ยากขึ้น ทว่าก็มีหลายๆ อย่างที่แปรผันไปจากเมื่อก่อนอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ ราคาข้าวของ ราคาน้ำมัน ที่ปรับตัวสูงขึ้น

                            "ทุกอย่างแพงขึ้นมาก โดยเฉพาะอาหารการกิน แต่พลอยมองว่าบ้านเรามีทางเลือกสารพัด เราสามารถเลือกอาหารที่แพงหรือถูกได้ หรืออย่างในเรื่องการเดินทางทุกวันนี้น้ำมันก็แพงขึ้น ทำให้ค่าใช้จ่ายต่างๆ เพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว ทำให้การใช้ชีวิตอยู่ในสังคมยากขึ้นบ้าง ขณะเดียวกันก็มีหลายอย่างที่มองว่าง่ายขึ้นกว่าเดิม เช่น เรื่องการซื้อของ อย่างเวลาที่เราอยากได้อะไรจากต่างประเทศ สมัยนี้มีโซเชียลเน็ตเวิร์กให้ซื้อหา หรือติดต่อกันง่ายกว่าแต่ก่อนมาก" สาวรุ่นใหม่ ให้ความเห็น

                             ด้านนักศึกษาปี 3 คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง "เบิร์ด" ธนพงษ์ พลนอก แม้การเรียนในมหาวิทยาลัยเปิด ค่าเล่าเรียนและค่าใช้จ่ายอื่นๆ อาจจะถูกกว่ามหาวิทยาลับปิดหรือเอกชน แต่ก็ไม่ได้ทำให้ชีวิตสบายขึ้น เพราะถึงอย่างไรยังต้องกินต้องใช้และใช้ชีวิตร่วมกับคนทั่วไป ทำให้รู้สึกถึงความยากลำบากมากขึ้น สังเกตจากสภาพเศรษฐกิจ หรือแม้แต่ความวุ่นวายทางการเมืองที่มีการแบ่งฝ่าย พลอยทำให้การบริหารบ้านเมืองไม่มีประสิทธิภาพ

                             "ผมว่าผู้บริหารมัวแต่ยุ่งเรื่องการเมือง แก่งแย่งชิงดีกัน ทำให้มีเวลาบริหารประเทศไม่เต็มที่ ล่าสุดที่ทะเลาะกันในสภา รู้สึกเสียความรู้สึกมาก เป็นถึงนักการเมือง เป็นผู้แทน เป็นต้นแบบ แล้วมาทะเลาะกัน แบบนี้ประชาชนจะหาที่พึ่งจากไหน ยิ่งตอนนี้อะไรๆ ก็แพงไปหมด อย่างผมเรียนรามมา 3 ปี ค่าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น ตอนอยู่ปี 1 จ่ายค่ากินอยู่ประมาณ 3,000 บาท แต่ทุกวันนี้พ่อแม่ต้องส่งเพิ่มเป็น 5-7 พัน เพราะของทุกอย่างขึ้นราคาหมด ยิ่งเรื่องความปลอดภัยก็น่าเป็นห่วง ย่านหลังรามมีการทำร้ายร่างกายกันบ่อยมาก แล้วยังจี้ปล้นให้เห็นแทบทุกอาทิตย์ อยากฝากให้ผู้ใหญ่ลงมาแก้ปัญญหาอย่างจริงจังครับ" หนุ่มรามฯ โอด

                             สอดคล้องกับมุมมองของสาวพนักงานบริษัทเอกชน "อิ๋ว" ปวีณา แสงสอาด ที่เห็นว่าปัจจุบันปัญหาเล็กๆ กลายเป็นเรื่องอันตรายในสังคมได้อย่างไม่น่าเชื่อ ตามข่าวอาชญากรรม เศรษกิจ สังคม ที่ออกมาทุกวันมักมีเรื่องให้ประหลาดใจและต้องปรับตัวกันเรื่อยๆ

                             "เห็นชัดๆ คือคนไม่ค่อยเคารพกฎระเบียบในสังคมกันเหมือนก่อนตั้งแต่เรื่องเล็กๆ อย่างขึ้นรถเมล์  ทิ้งขยะ ความมักง่าย ไม่มีน้ำใจในสังคมเป็นสิ่งที่พบเห็นได้บ่อยขึ้น  ด้านการบ้านการเมืองถ้าฝ่ายไหนไม่พอใจเอาแต่ประท้วงให้เป็นกระแสวุ่นวาย  ปัญหาเรื่องข้าวที่เราทานทุกวันก็กลายความเดือนร้อนในวงกว้างอย่างไม่คาดคิด ที่สำคัญสังเกตได้ว่าคนไทยเราอารมณ์ร้อนกว่าแต่ก่อนมาก  สามารถฆ่าแกงกันได้ในเรื่องเล็กน้อยๆ ข้อนี้น่าเป็นห่วงทำให้ตัวเองต้องระวังตัวในการใช้ชีวิตในสังคมมากขึ้น  ในขณะที่ค่าครองชีพก็สูงขึ้นทุกวัน ยอมรับว่ารู้สึกอยู่ยากขึ้นจริงๆ ต้องปรับตัวเรียนรู้ความเคลื่อนไหวรอบตัวว่าเกิดอะไรขึ้นเสมอ พร้อมปรับให้ชีวิตเราลงตัวมากที่สุดโดยไม่สร้างความเดือดร้อนเพิ่มลงไปให้สังคมอีก " พนักงานสาว กล่าว

                             ขณะที่คุณแม่ลูกสอง "คุณแก้ว" ม.ล.อรดิศ สนิทวงศ์ เห็นต่างเล็กน้อย โดยไม่ได้มองว่าสังคมอยู่ยาก เพียงแต่เป็นเรื่องของเวลาและสถานการณ์ เวลาเปลี่ยน สังคมก็เปลี่ยน อยู่ที่จะนิ่งได้เร็วหรือช้าเท่านั้น เราก็ต้องปรับตัวตามสถานการณ์ อย่างเรื่องข้าวของแพงก็ต้องมีมาตรการประหยัดอย่างจริงจัง ยกตัวอย่างที่บ้าน จากที่ให้แม่บ้านเป็นคนออกไปจับจ่ายซื้อของ เดี๋ยวนี้ออกไปเองพร้อมกับพาลูกๆ ไปด้วย เพื่อให้ได้ไปเรียนรู้ เปิดประสบการณ์ไปด้วยในตัว

                             "ไปตลาดเองรู้เลยว่าประหยัดขึ้นมาก เพราะแก้วรู้ว่าอะไรซื้อเท่าไหร่แค่ไหน แล้วก็ซื้อที่จำเป็นต้องใช้ อย่างผักสดไม่ต้องซื้อเก็บไว้มากเอาพอใช้ต่อสัปดาห์ เดี๋ยวอาทิตย์หน้าก็มาเดินตลาดอีก ที่สำคัญลูกๆ ได้สนุก ได้ความรู้ ได้เปิดประสบการณ์ สอนลูกไปในตัว ลูกเป็นส่วนเติมเต็มชีวิตให้แก้วตอนนี้ ให้เครียดกับงาน เครียดกับปัญหาสังคม เห็นลูกๆ ก็สบายใจหายแล้ว และ นั่นเองจึงต้องสอนลูกให้รู้จักช่วยตัวเอง ต้องลูกมีภูมิต้านทานในตัวเอง พร้อมรับทุกสถานการณ์ด้วยตัวเอง เพราะพ่อแม่ได้อยู่ค้ำฟ้า" ม.ล.อรดิศ แจง

                             ตอกย้ำว่าการเรียนรู้ที่จะอยู่รอดนั้นสำคัญมาก "บอย" ชาญเกียรติ มหันตคุณ นักธุรกิจอัญมณี ชี้ชัดทุกวันนี้เหมือนกำลังอยู่ในระยะของการเปลี่ยนผ่าน ยังไม่นิ่งในทุกๆ เรื่อง สังคมกำลังเปลี่ยนแปลง จะบอกว่าดีขึ้นหรือแย่ลงก็ยังตอบยาก เพียงแต่ต้องรอคอย ที่เห็นได้ชัดคือ ในสังคมของคนทำงาน ที่ตอนนี้ดูยุ่งวุ่นวาย ในฐานะที่ตัวเองเป็นนักธุรกิจรู้เลยว่าคนในองค์กรเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด เดี๋ยวเข้าเดี๋ยวออก ไม่ว่าเอสเอ็มอีหรือองค์กรใหญ่ก็มีความเสียง ทำให้คนทำงานต้องหาที่ยืนเพื่อตัวเองและครอบครับ จึงทำให้ธุรกิจไม่ราบรื่น ขับเคลื่อนไปได้ยาก เพราะปัญหาโยกย้ายคนนี่เอง

                             "แต่ทั้งหมดผมเชื่อว่าคนไทยเก่ง ปรับตัวรับสภาพกับเรื่องต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว และพร้อมที่จะเรียนรู้ ทุกคนจะสามารถจุดยืนที่ตัวเองมีความสุขได้ เพียงแต่ต้องเรียนรู้ ต้องแก้ไขปัญหาที่ดูจะมากมายในสังคมวันนี้ และที่สำคัญคนไทยรู้จักปล่อยวาง หาความสุขใส่ตัวได้อย่างรวดเร็ว ผ่อนคลายเครียดด้วยวิธีที่ตัวเองชอบ นั่นเองจึงเป็นทางออกของคนในสังคมที่จะได้ไม่ต้องเครียดกับปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งตัวผมเองก็ปฏิบัติเช่นนั้นอยู่เช่นกัน" เจ้าของธุรกิจอัญมณี เสนอทางออก 

  จะลำบากมากขึ้นหรือน้อยลง สิ่งหนึ่งที่น่าจะช่วยผ่อนหนักเป็นเบาได้นั่นคือ "การเรียนรู้และปรับตัว" เพราะชีวิตยังต้องดำเนินต่อไป...

ขอบคุณภาพและบทความจาก  //www.komchadluek.net/