เผยเคล็ดลับ คนดังลดน้ำหนักอย่างได้ผล
เผยเคล็ดลับ คนดังลดน้ำหนักอย่างได้ผล เคล็ดลับอยู่ที่ใจ!! สารพัดสูตรลับรีดน้ำหนักแบบเวิร์ก ๆ ไม่ให้โทรม จากหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ หน้า20 ฉบับวันอาทิตย์ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 (ข่าวเก่า...เอามาลงให้อ่านใหม่ค่ะ...เผื่อว่าจะมีประโยชน์กับเพื่อนๆ ที่กำลังลดน้ำหนักนะคะ)
เรื่องการลดความอ้วนและรีดน้ำหนักเป็นอะไรที่ว่ายากก็ยาก จะว่าง่ายก็ง่าย หลายคนลุกขึ้นไดเอต เพราะอยากเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ ที่สวยปิ๊งกว่าที่เคย ขณะที่บางคนจำเป็นต้องรีดน้ำหนักเพื่อสุขภาพ หลังจากถูกโรคร้ายรุมเร้า จนไม่เป็นอันทำงานทำการ ไม่ว่าอะไรคือเหตุผล อยู่ที่เบื้องหลังปฏิบัติการบอกลาไขมัน แต่กุญแจสำคัญที่จะไขสู่ความสำเร็จก็คือความเข้มแข็งและมุ่งมั่นของจิตใจ แรงบันดาลใจสำคัญที่จุดประกายให้ ฟอร์ด-กุลวิทย์ เลาสุขศรี บก.คนเก่งแห่งนิตยสารแอล ตัดสินใจรีดน้ำหนักเป็นการเด่นจี๋ เพราะไปตรวจสุขภาพประจำปี และพบว่าไตรกลีเซอไรด์ หรือไขมันในเส้นเลือดสูงผิดปกติ จนคุณหมอเตือนว่า อายุแค่ 40 เศษ ถือว่าอันตรายมาก เนื่องจากกรรมพันธุ์มีประวัติเป็นเบาหวาน คุณปู่คุณตาเป็นเบาหวาน คุณพ่อก็เป็นเบาหวาน และเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจ ทำให้ทนอยู่เฉยไม่ได้ คิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องออกกำลังกายอย่างจริงจัง ถ้าไม่อยากตายเพราะเบาหวาน!!!
เขาเปลี่ยนตัวเองครั้งใหญ่ โดยซื้อคอร์สออกกำลังกายที่ฟิสเนส เฟิร์สต์และจ้างเทรนเนอร์ส่วนตัว ตอนแรกๆ เทรนเนอร์แนะนำให้เล่นเครื่องเล่นประเภทคาร์ดิโอเยอะ ๆ แต่ป็นคนไม่ชอบวิ่งอยู่กับที่นาน ๆ พอดีไปเจอโปรแกรมมวยไทย ทดลองต่อยดูแล้วชอบมาก ติดใจมาก แรก ๆ คิดว่ายาก แต่ต่อยแล้วมันส์มาก สนุกมาก!! เวลาเครียด ๆ ได้ต่อยมวยก็สะใจดีนะ รู้สึกหายเครียดไปเลย!! อาทิตย์หนึ่งจะต่อยมวยไทยประมาณ 3 ครั้ง ครั้งละ 1 ชั่วโมง นอกจากนี้ ก็ต้องดูแลเรื่องอาหารการกินด้วย ต้องตัดแป้งสีขาวทุกอย่าง และตัดน้ำตาลกับของหวานหมด ซึ่งทรมานมาก เพราะเป็นคนชอบทานขนม แต่สูตรนี้ก็ได้ผลมาก เพราะน้ำหนักค่อย ๆ ลดลงจาก 80 กิโล เหลือแค่ 73 กิโล แถมยังกระปรี้กระเปร่าขึ้น นอนหลับได้ลึกขึ้น พอไปตรวจสุขภาพ ไตรกลีเซอไรด์ก็ลดลง ทุกวันนี้แทบไม่ต้องทานยาเลย ตั้งใจว่าอยากลดให้ได้สัก 70 กิโล คงแฮปปี้มาก
ถ้าถามไฮโซรุ่นใหญ่ ลี พึ่งบุญพระ ว่าทำไมตัดสินใจลดความอ้วน ยอมทิ้งโหงวเฮ้งเถ้าแก่เนี้ย มาเป็นหุ่นนางงาม คงได้รับคำตอบอย่างอารมณ์ดีว่า อ้วนแล้วแต่งตัวไม่สวย เลยทนดูตัวเองไม่ได้ เมื่อกลางปีที่แล้วเคยอ้วนสุด ๆ น้ำหนักพุ่งถึง 78 กิโล รู้สึกอึดอัดมาก เสื้อผ้าใส่ไม่ได้เลย หัวเข่าก็แย่ จะเดินขึ้นบันไดแต่ละที ต้องค่อย ๆ ยกขาขึ้นทีละข้าง บอกตัวเองว่าทนไม่ไหวแล้ว ต้องหักดิบแล้ว!! เลยตัดขนมหวานทุกอย่างหมด ซึ่งแต่ก่อนเห็นไม่ได้ เป็นกระโดดใส่ และเลิกดื่มโค้กเลิกดื่มน้ำอัดลมทุกชนิด เมนูที่ชอบ ๆ เช่น สปาเกตตี้คาร์โบนาร่ากับข้าวผัดจะไม่ทานเลย ทานแต่ปลานึ่งกับผักต้มจิ้มน้ำพริก หรือไม่ก็สุกี้ปลา ส่วนเรื่องออกกำลังกายไม่ชอบเลย จะอาศัยนวดสลายไขมันแทน ทุกอย่างอยู่ที่ใจจริง ๆ นะ พยายามบังคับตัวเองและอดทนทุกอย่าง จนตอนนี้น้ำหนักลดเหลือแค่ 60 กิโล
ใครเป็นแฟนประจำคอลัมน์เหะหะพาทีของ ซูม-สมชาย กรุสวนสมบัติ คงจะเคยได้ยินข่าวคราวเรื่องปัญหาน้ำหนักเกินพิกัดของคอลัมนิสต์รุ่นใหญ่ คุณซูม ยอมรับว่าช่วงที่ผ่านมา น้ำหนักเพิ่มขึ้นจนน่าตกใจ จาก 80 กิโล พุ่งพรวดเป็น 102 กิโล รู้สึกว่าอึดอัดอุ้ยอ้ายไปหมด จนกระทั่งเมื่อปีที่แล้วถึงขั้นอาเจียน จึงตัดสินใจไปหาหมอ และตรวจเจอว่าเป็นต้อกระจก ต้องเข้าผ่าตัดทำให้อาการเวียนศีรษะทุกอย่างหายไป จากจุดนี้จึงเกิดแรงบันดาลใจว่า ถึงเวลาต้องดูแลตัวเองขนานใหญ่แล้ว โดยเริ่มแก้ไขจากการลดน้ำหนักเป็นอันดับแรก เพราะหมอจะเตือนตลอดว่า น้ำหนักตัวเกินพิกัดมาก ทำให้ความดันสูง และการเต้นของหัวใจแรงผิดปกติ ก็เริ่มทำจากการปรับเรื่องอาหารการกิน โดยทุกมื้อจะทานแต่แกงจืดใส่ผัก และหมูนิดหน่อย ตัดข้าวทิ้งเลย แล้วก็ออกกำลังกายทุกวัน เริ่มแรก คุณซูม ทดลองออกกำลังกายเบา ๆ ก่อน ด้วยการถีบจักรเย็บผ้าอยู่ที่บ้านเป็นเดือน ก็ช่วยให้ตัวเบาขึ้นนิดหน่อย เพราะตอนนั้นปวดเข่าจนเดินไม่ไหว พอร่างกายเริ่มแข็งแรงขึ้นบ้าง จึงออกเดินรอบสวนสาธารณะแถวบ้าน แรก ๆ เดินได้แค่รอบเดียว คือประมาณ 800 เมตร ก็เหนื่อยแล้ว ค่อย ๆ พัฒนาขึ้นจนเดินได้ 2-3 รอบ และปัจจุบันสามารถเดินได้ 7 รอบ เท่ากับ 5-6 กิโล โดยไม่เหนื่อยเลย ก็ทำต่อเนื่องมาหลายเดือน ทำให้น้ำหนักลดลงเหลือ 78 กิโล ตั้งใจว่าจะลดให้ได้ 75 กิโล เพราะรู้สึกว่าแข็งแกร่งขึ้น และเฮลตี้ขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน โรคเก่า ๆ ที่เป็นอยู่ก็ไม่กำเริบ มีกำลังวังชา และมีความคล่องตัวในการทำงานมากขึ้น รู้สึกกระฉับกระเฉงขึ้นเยอะ ทั้ง ๆ ที่ปีนี้อายุ 69 ปีแล้ว กูรูด้านไลฟ์สไตล์ชื่อดังของเมืองไทย พลอย จริยะเวช ดูอ่อนเยาว์ขึ้นผิดหูผิดตา เพราะถูกโรครุมเร้า จนต้องปฏิวัติตัวเองใหม่หมด เธอเล่าว่าเป็นสาวตุ้ยนุ้ยมาแต่ไหนแต่ไร และชื่นชอบในความตุ้ยนุ้ยน่ารักของตัวเอง จนอายุเกิน 35 ปี เริ่มมีโรคมาเยือนสารพัด ทั้งไทรอยด์, ฮอร์โมนผิดปกติ, โรคไมเกรน รวมถึงโรคนอนไม่หลับเรื้อรัง ซึ่งเคยเป็นหนักถึงขนาดนอนไม่หลับติดต่อกัน 4 คืนเต็ม ๆ พอส่องกระจกก็รู้สึกว่าตัวเองอ้วนไม่น่ารักแล้ว เคยฟิคสุด ๆ คือน้ำหนักพุ่งขึ้นไปถึง 64 กิโล ดูอ้วน ๆ ฉุ ๆ เหมือนคนบวมน้ำ ยิ่งกินฮอร์โมนก็ยิ่งฉุ เลยลุกขึ้นค้นตำราทุกอย่างเพื่อปรับสมดุลชีวิตใหม่หมด ทำให้ค้นพบว่าสิ่งที่ดีที่สุดคือการดูแลตัวเองแบบองค์รวม และสิ่งที่เด็ดที่สุดคือการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ จะเป็นการออกกำลังกายแบบไหนก็ได้ที่ชอบ แต่ต้องทำอาทิตย์ละ 3-4 วัน พลอย ลงทุนซื้อเครื่องครอสเทรนเนอร์มาไว้ที่บ้านเพื่อจะได้สะดวกออกกำลังกายทุกครั้งที่ว่าง หลังจากเล่นเครื่องนี้อยู่ประมาณปีครึ่ง ถึงเห็นความเปลี่ยนแปลงชัดเจน น้ำหนักลดไปกว่า 15 กิโล เหลือแค่ 48 กิโล และจากที่เคยทานยาวันละเป็นคำ เดี๋ยวนี้ก็ไม่ต้องทานยาแล้ว นอกจากการออกกำลังกาย เธอยังปรับนิสัยการกินใหม่หมด โดยเน้นกินมื้อเช้าอย่างราชา ส่วนมื้อค่ำกินแบบยาจก คือตอนเช้าจะทานทุกอย่างที่อยากทาน ไม่ตัดแป้งและเนื้อสัตว์ แต่พอมื้อเย็นทานเฉพาะเนื้อกับผัก ไม่แตะแป้งเลย อีกหนึ่งเทคนิคสำคัญคือ การเข้านอนตั้งแต่หัวค่ำ เธออ่านเจอตำราว่า ควรให้ร่างกายได้พักผ่อนในช่วงระหว่าง 4 ทุ่มถึงเที่ยงคืน เพราะเป็นเวลาที่ร่างกายดึงโปรตีนมาซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ และเผาผลาญพลังงาน ถ้านอนดึกจนเป็นนิสัย จะทำให้อ้วน รายนี้ก็ดูสวยเพรียวขึ้นอย่างผิดหูผิดตา สำหรับ หญิง ปรียามล ธนวิสุทธิ์ บก.สาวไฮโซ แห่งนิตยสาร HiSoParty เพราะค้นพบสูตรการไดเอตแนวใหม่ Atkins diet ที่เน้นการทานแต่โปรตีนเพียงอย่างเดียวเป็นเวลาต่อเนื่อง 1 เดือนเต็ม ๆ โดยไม่แตะแป้ง, ผัก, ไขมัน และของหวานทุกชนิด โดยเธอเข้าโปรแกรมภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดของคุณหมอ สูตรนี้ยิ่งกินโปรตีนยิ่งผอม เพราะโปรตีนจะทำหน้าที่ดึงไขมันที่มีอยู่ในร่างกายมาเบิร์นแคลอรี ระหว่างที่ลดความอ้วน เธอไม่ได้ออกกำลังกายแม้แต่น้อย แต่จะทานเนื้อสัตว์เยอะมาก ทานได้หมดทั้งสเต็ก, ปลานึ่ง, ชาบู, ปลาทูนึ่งกับน้ำพริก, ลูกชิ้นปลานึ่ง อะไรก็ได้ที่เป็นโปรตีน และให้นำไปนึ่งหรือย่าง ห้ามทอดเด็ดขาด โดยคุณหมอจะมีวิตามินและโปรตีนเสริมให้ทานควบคู่กันไป ใช้เวลาแค่ 4 เดือน สามารถลดน้ำหนักได้ 11 กิโล!! รู้สึกภูมิใจมาก ถือเป็นการให้รางวัลตัวเอง จากคนที่อ้วนฉุ แล้วใส่อะไรไม่สวย ตอนนี้กลายเป็นสาวเพรียวลม น้ำหนักลดเหลือแค่ 55 กิโล เหมือนสมัยสาว ๆ ทุกวันนี้ก็กลับมาทานอาหารตามปกติแล้ว แต่จะคอยระวังเรื่องแป้ง และพยายามงดมื้อเย็น เพื่อไม่ให้เกิดโยโย่เอฟเฟกต์ กลับมาอ้วน ไม่ให้เกิดโยโย่เอฟเฟกต์ กลับมาอ้วนอีกครั้ง อุตส่าห์ลงทุนลงแรงมาตั้งเยอะ สำหรับนางแบบดังระดับตำนานของเมืองไทย ม้า-อรนภา กฤษฎี แม้ปีนี้อายุ 56 ปีแล้ว แต่สามารถรักษารูปร่างให้ดูผอมเพรียวสเลนเดอร์ได้อย่างอะเมซซิ่ง ไม่ผิดเพี้ยนจากสมัยสาว ๆ เพราะถือคติว่า ชีวิตนี้เกลียดมาก จะไม่ยอมเป็นคนอ้วนเด็ดขาด จึงทุ่มเทเวลาให้กับการดูแลรูปร่างอย่างเอ็กซ์ตรีมสุด ๆ เริ่มจากการออกกำลังกายอย่างหนักวันละ 4 ชั่วโมง โดยเธอจะเล่นโยคะร้อน 1 ชั่วโมงครึ่ง จากนั้นเดินบนสายพาน 1 ชั่วโมง แล้วต่อด้วยการปั่นจักรยาน 1 ชั่วโมง และซิตอัพอีก 600 ครั้ง เอ็กซ์เซอไซส์ หนักขนาดนี้ ถ้าไม่ผอมสวยก็ให้มันรู้ไป!! ส่วนเรื่องอาหารการกิน คนใกล้ชิดจะทราบดีว่า ม้า-อรนภา พกปิ่นโตอาหารส่วนตัวไปไหนมาไหนตลอด แม้แต่งานกาลาดินเนอร์ที่โรงแรมหรูระดับห้าดาว บริกรก็รับอาสาจัดอาหารสูตรพิเศษขึ้นโต๊ะชิตดาวน์ดินเนอร์สำหรับอรนภาโดยเฉพาะ ในปิ่นโตประกอบด้วยผักต้มสารพัดชนิดกับปลาย่าง หรือปลาทูน่า พร้อมซุปสุขภาพ ซึ่งปรุงจากเซลารี่, หอมหัวใหญ่, มะเขือเทศ, พริกเขียว และกะหล่ำปลีต้มในน้ำเดือดจัด แล้วปรุงรสนิดหน่อยด้วยผงกะหรี่ เธอบอกว่า ซุปไดเอตสูตรนี้สามารถทำเตรียมไว้หม้อใหญ่ ๆ และแช่ในช่องฟรีซ เพื่อเก็บไว้ทานเป็นอาทิตย์ ๆ ถ้ารู้สึกหิวขึ้นมาเมื่อไหร่สามารถทานแอปเปิ้ลกับกุ้งแห้งสดแทนขนมคบเคี้ยว แต่ของที่ห้ามแตะอย่างเด็ดขาดคือแป้ง, น้ำตาลและของทอด ชีวิตนี้ไม่มีอะไรได้มาง่าย ๆ แต่ถ้าทุ่มเต็มร้อยซะอย่าง ถึงจะยากแค่ไหน ก็เป็นไปได้ทั้งนั้น?! กิจกรรม ชวนเปลี่ยนแปลง (ตนเอง) เพื่อชัยชนะ พญ.ทานตะวัน สุรเดชาสกุล/โรงพยาบาล รามาธิบดี ก. นิดหน่อย สาวสวย หุ่นอวบ อายุ 35 ปี ได้เข้าโปรแกรมลดน้ำหนัก เมื่อ 8 เดือนก่อน เพื่อเตรียมเข้าพิธีวิวาห์ จากเดิมมีน้ำหนัก 70 กิโลกรัม นิดหน่อยสามารถลดน้ำหนักลงจนเหลือ 50 กิโลกรัม เมื่อ 2 เดือนก่อน จนเมื่อ 1 เดือน นิดหน่อย ประสบปัญหาความรัก แฟนที่คบกันมานาน 7 ปี และตั้งใจว่าจะแต่งงานกัน ได้ขอเลิก เนื่องจากมีคนใหม่ นิดหน่อย เสียใจมาก รู้สึกเครียดซึมเศร้า เหงา เพราะ รัก จึง กลับมากินอาหารเยอะ ๆ ตามใจตัวเองอีกครั้ง และไม่อยากออกกำลังกาย ไม่รู้จะลดน้ำหนักเพื่ออะไร จนขณะนี้ นิดหน่อย มีน้ำหนัก 75 กิโลกรัม 1. สาเหตุอะไรบ้างที่ทำให้นิดหน่อย ลดน้ำหนักต่อไม่ได้ ? - ไม่มีกำลังใจ 2. ทางออกที่เหมาะสม สำหรับนิดหน่อย ? - ไม่ต้องคิดมาก , หาแฟนใหม่ สะกดจิตให้ผอม!!! มีคน ลอง มาแล้วและบอกว่าได้ผล!!! ลดน้ำหนักด้วยการสะกดจิต!!! เธอคือ เคย์ ลินลีย์ ครูใหญ่ใกล้วัยเกษียณ ในเมืองยอร์คเชียร์ ประเทศอังกฤษ ที่แบกน้ำหนักตัวไว้ถึง 142.8 กิโลกรัม จนรู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว!!! ด้วยว่าเธอมีแผนจะเกษียณปีหน้า แล้วจะเที่ยว ๆๆ ให้สะใจ ไปยังดินแดนต่าง ๆ ที่เธอฝันไว้!!! แต่ก็คิดว่า หากเธอยัง หนัก ขนาดนี้ เธอคงเดิน (เที่ยว) ไม่ไหวแน่ คุณเคย์ในวัย 59 เลยเกิดแรงฮึดอยากลดน้ำหนักขึ้นมาในบัดดล แล้วก็บังเอิญเหลือเกินที่ไปอ่านเจอวิธีลดน้ำหนักของคลินิกชื่อว่า อิลตี้ ในเมืองมาร์เบลลา ประเทศสเปน ที่ใช้วิธีสะกดจิตให้คนไข้นึกว่า... กระเพาะของเธอ ถูกรัด ให้เล็กจนมีขนาดเท่าลูกกอล์ฟ!!! ทำให้เวลากินอาหารอะไรเข้าไป ก็ให้คิดไว้เสมอว่า...อิ่มแล้ว...อิ่มแล้ว และคุณเชื่อมั้ยว่า...แค่ คิดอย่างที่ว่านี้แหละ คุณเคย์ก็ว่าหลังจาก 5 เดือนเธอสามารถลดน้ำหนักได้ถึง 34.9 กิโลกรัม แถมเธอยังบอกด้วยว่า...โรคเบาหวานที่เคยเป็น ก็อันตรธานหายไปด้วย!!! นำมาเล่าสู่กันฟังเท่านั้นนะคะ ไม่ได้นำมาเล่าให้เชื่อ เอ... แต่สะกดจิต กับ หลอกตัวเอง ไม่เหมือนกันใช่มั้ยคะ? ข. สดศรี สาวงาม อายุ 45 ปี ได้เข้าโครงการลดน้ำหนักของโรงพยาบาลรามาธิบดี สดศรี เข้าโครงการมา 3 เดือน เดือนแรก สดศรี ตั้งใจมาก ลดน้ำหนักได้ 2 กิโลกรัม เดือนที่ 2 สดศรี มีความตั้งใจ แต่น้ำหนักลดได้ ไม่ถึง 1 กิโลกรัม เดือนที่ 3 สดศรี เริ่มท้อใจ ร่วมกับ รู้สึกเบื่อหน่าย กับโปรแกรมลดน้ำหนัก รู้สึกว่า ถูกจำกัดอาหารโปรด หลายอย่างไม่สามารถกินได้เหมือนเคย รู้สึกว่าความสุขในชีวิตหายไป เนื่องจากความสุขในชีวิตส่วนใหญ่ของสดศรี คือการได้กินอาหารอร่อย ๆ ที่ตนเองชอบ ในเดือนที่ 3 สดศรี จึงไม่ค่อยได้ทำตามโปรแกรมลดน้ำหนักมากนัก 1. สาเหตุอะไรบ้างที่ทำให้สดศรี ลดน้ำหนักต่อไม่ได้ ? - ชนะใจตนเองไม่ได้ 2. ทางออกที่เหมาะสม สำหรับนิดหน่อย ? - เปลี่ยนความคิด อ้วน โรคมาก - คิดถึงสุขภาพที่ดี, ออกกำลังกายมากขึ้น - หาแรงบันดาลใจ จากลูก, จากสามี - ดูรูปคนที่เซ็กซี่ - มาเข้าคอร์ส, รักตัวเอง - ไม่มีอะไรที่ยากจะเกินที่เราจะทำได้ - หาคนให้กำลังใจวิทยากร - ค่าใช้จ่ายมาก, เสียเงิน, เสียเวลา, สุขภาพไม่ดี - หาแรงบันดาลใจจากตรงนี้ - ตั้งเป้าหมายให้ยาวขึ้น - ตั้งเป้าหมายการลดให้พอดี - ท้อใจไม่รู้สึกผิดปกติ - ถอยได้บ้าง 4 U 1. ห้ามใจ 2. หลีกเลี่ยง เช่น ตลาดนัด สิ่งกระตุ้น 3. หาสิ่งอื่นที่ไม่ใช่อาหาร 4. หันกลับมารักและใส่ใจตนเองให้มาก
ที่มา //www.insideherb.com
Create Date : 28 พฤษภาคม 2556 |
|
0 comments |
Last Update : 28 พฤษภาคม 2556 17:03:16 น. |
Counter : 1358 Pageviews. |
|
|
|