All we need is LVE.

เป็นอิสระแล้วจ้า
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
<<
เมษายน 2554
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
16 เมษายน 2554
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add เป็นอิสระแล้วจ้า's blog to your web]
Links
 

 

อาหารใจ

อาหารใจ
คัดลอกมาจาก SMART MONEY แฟมิลี่โนฮาว

จากสัปดาห์ที่แล้ว เราพูดถึงวามเหน็ดเหนื่อย ความอ่อนล้าของชีวิตผู้คนในปัจจุบัน ที่นอกจากจะถูกกระหน่ำซ้ำเติมจากเหตุการณ์ทางด้านเศรษฐกิจ ราคาน้ำมันที่พุ่งพรวดและไม่มีท่าทีจะหยุดนิ่ง จนสร้างความหวั่นวิตกให้กับผู้คนว่าราคาน้ำมันในวันพรุ่งนี้ 3 ลิตร 100 บาทหรือเปล่า ซึ่งยังไม่รับรวมไปถึงราคาสินค้าที่ปรับตัวสูงขึ้นเป็นระลอกๆ

ขณะที่สถานการณ์ท่งด้านการเมืองก็ยังเป็นวิกฤตที่รัดตรึงความรู้สึกของผู้คนในยามนี้หลายคน "อิน" กับความรู้สึกนี้จนกลายเป็นคนที่ก้าวร้าวขึ้นมาทันทีที่พูดถึงความชอบธรรมกับการยึดตัวบทกฎหมาย บางคนถึงขั้นมีทัศนคติที่ไม่ดีกับอาชีพนักกฎหมาย เพราะมองว่าเป็นหน้าที่มีหลักก็เหมือนไม่มีหลัก เพราะสามารถตีความเข้าข้างตัวเองก็ได้ เข้าข้างพวกพ้องก็ได้

ยังไม่นับรวมกับวิกฤตทางการศึกษา ที่เวลาผ่านมาพอสมควร ระบบการสอบโอเน็ต เอเน็ต รวมไปถึงการแอดมิชชั่นของเด็กมัธยมปลายจำนวนเรือนแสนที่ประสบปัญหาเรื่องการสอบ การเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยที่เต็มไปด้วยความยุ่งยาก ความผิดพลาดที่เกิดจากระบบการวัดผลแบบใหม่ จนผู้คนเอือมและไม่มีความหวังกับระบบใหม่นี้ และเรียกร้องให้ยกเลิกไปเสีย ไม่นับรวมกับเดือนนี้เป็นเดือนของการเปิดเทอมของนักเรียนในระดับการศึกษาต่าง ๆ ที่ทำให้ผู้ปกครองในหลาย ๆ ครอบครัวยังเหน็ดเหนื่อยไม่หายกับการวิ่งเต้นหาโรงเรียนใหม่ให้ลูกหลาน รวมไปถึงค่าใช้จ่ายในการเปิดเทอมของเด็กนักเรียนที่มากกว่าปกติ เนื่องการเป็นการเปิดเทอมต้น ซึ่งมีทั้งค่าเล่าเรียน ค่าเสื้อผ้า ค่าหนังสือตำรา

ความตึงเครียดที่อยู่ล้อมรอบตัวขณะนี้ ทำเอาหลายคนออกอาการเหน็ดเหนื่อยไปตามๆ กัน รูเข็มขัดที่รัดลึกอยู่แล้ว ก็ยิ่งรัดแน่นเข้าไปอีกจนเกิดอาการ "หายใจเข้าได้อย่างเดียว แต่ไม่กล้าหายใจออก"

อาการในช่วงภาวะแบบนี้ เราไม่ควรให้แต่อาหารเพื่อให้ร่างกายสดชื่น แข็งแรงเท่านั้น แต่ภาวะวิกฤตที่ล้อมรอบแบบนี้ ต้องพึ่งอาหารใจ เพราะความอ่อนล้าของร่างกายนั้นมักจะไม่ค่อยสะสม และเรามักจะรู้สึกได้ง่าย
อย่างถ้าเราอ่อนเพลีย ร่างกายก็จะทำงานได้น้อยลง ช้าลง แต่หากได้รับการพักผ่อน แม้จะเปลี่ยนอิริยาบถ หรือการได้รับอาหารที่กระตุ้นหรือเป็นประโยชน์ร่างกายก็กลับมาสมบูรณ์ได้อีกคร้งอย่างไม่ยากนักและสามารถคาดการณ์ได้ว่าจะฟื้นตัวได้สักเมื่อไร
ในขณะที่เรื่องของใจ เรื่องของความรู้สึกเป็นเรื่องที่แปลก วัดไม่ได้ว่าแค่ไหนเต็มและบอกไม่ได้เสียด้วยสิว่ามันเกินขีดแล้วนะ มันรับไม่ไหวแล้วนะ และเราก็มักจะดูแลใจกันน้อย หรือเรียกว่าให้อาหารใจกันน้อย

เชื่อไหมในขณะที่เราหลับพักผ่อน ร่างกายได้พักการทำงานสักระยะหนึ่ง เมื่อตื่นนอน ร่างกายก็มักจะสดชื่น พร้อมจะลุยการทำงานได้อีก แต่ขณะเดียวกันจิตใจมีหลายครั้งที่เราพบว่า ไม่ได้พักไปหับร่างกายด้วย ซึ่งความจริงการที่เรารู้สึกว่าจิตใจไม่ได้พักนั้น เป็นเพราะเรายังผูกพันกับเรื่องนั้น ๆ ซึ่งความผูกพันแบบนี้ก็เหมือนเชือกที่ถูกมัดทบซ้ำเข้าไปเรื่อยๆ โดยที่ไม่ได้แกะปมเก่าออก ยิ่งมัดแน่นเท่าไร ก็ยิ่งแกะยากเท่านั้น


การให้อาหารใจจึงต่างกับการให้อาหารกาย ไม่ใช่การกินให้อิ่มแต่คือการปล่อยวาง ปล่อยให้ว่างแกะปมเชือกทีละปมๆหลายคนจึงยึดมั่นในคำสอนทางศาสนา ที่สอนให้ทำสมาธิเพื่อให้จิตนั้นว่าง

การทำให้จิตว่างก็คือการให้อาหารทางใจที่วิเศษที่สุด




 

Create Date : 16 เมษายน 2554
0 comments
Last Update : 29 พฤศจิกายน 2554 8:14:13 น.
Counter : 832 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.