ต้นทุนชีวิตคือการสะสมความเคยชินที่ดี

เปิดเทอมวันแรก : Hope and Concern



เปิดเทอมวันแรก โรงเรียนกำหนดให้เป็นวันปฐมนิเทศในชื่อว่า Hope and Fear Orientation Day ฟังแค่ชื่อก็พอเดาได้ว่า ครูในโรงเรียนเข้าใจความตื่นเต้น เครียดและอาจจะวิตกกังวลปนกลัวของเด็กนักเรียนได้เป็นอย่างดี ไม่เพียงแต่เด็กใหม่ที่ต้องเจอสิ่งแวดล้อมใหม่หรอก แม้กับเด็กเก่าก็ต้องเผชิญกับครูคนใหม่และเพื่อน ๆ กลุ่มใหม่ตามธรรมชาติของโรงเรียนนานาชาติที่นักเรียนมีการเคลื่อนย้ายเปลี่ยนที่ไปมาอยู่เสมอ ลูกชายที่จบมอหนึ่งจากเมืองไทยกลายเป็นเด็กเกรดแปด อยู่ในช่วง IBMYP และเป็นปีสุดท้ายใน junior high school ที่นี่ ซึ่งเนื้อหาวิชาก็น่าจะเข้มข้นขึ้นจนชวนให้ผวา เพราะความรู้ภาษาอังกฤษที่ล้อกันเล่นว่าได้แค่เยสโนโอเค อาจเป็นฝันร้ายที่กลายเป็นเรื่องจริงขึ้นมาก็ได้

แล้ว hope and fear ก็กลายเป็น hope and concern meeting เมื่อผู้ปกครองของนักเรียนทุกคนได้รับเชิญให้มาโรงเรียนเพื่อส่งมอบนักเรียนในวันเปิดเทอมเป็นรายบุคคล โรงเรียนกำหนดเวลาให้เด็กนักเรียนแต่ละคนพร้อมผู้ปกครองสนทนาแลกเปลี่ยนกับครูประจำชั้นในประเด็นต่าง ๆ ที่เป็นความหวัง ความกังวล และความห่วงใยต่าง ๆ เกี่ยวกับนักเรียน การเรียน และโรงเรียนได้ครอบครัวละสิบนาที อาจมีบวกลบนิดหน่อยตามลักษณะความสนใจของผู้ปกครอง ถ้าพ่อแม่ไม่รู้จะคุยอะไรก็ดูตามโพยที่ครูประจำชั้นเตรียมประเด็นไว้ให้ คุยกันไปมาครูก็ก้มหน้าจดประเด็นของผู้ปกครองเก็บไว้เป็นข้อมูลประจำตัวนักเรียน

จำได้ว่าแม่บอกความหวังต่อโรงเรียนว่า อยากให้ลูกชายได้มีโอกาสเรียนรู้มากที่สุดในทุก ๆ เรื่อง เพื่อเป็นฐานในการเข้าใจตัวเองว่าอนาคตอยากทำอะไรและอยากเรียนอะไร เพราะตอนนี้ลูกชายของแม่ยังไม่รู้ว่าชอบอะไรเลย ครูประจำชั้นหัวเราะบอกว่า ตอนเขาอายุเท่านี้ เขาก็ไม่รู้เหมือนกัน คำตอบนี้คิดตามแล้วก็อดขำไม่ได้ เพราะตอนเอายุเท่ากัน คนเป็นแม่เองก็ไม่รู้อะไรเหมือนกัน คืออาจจะเคยรู้หรือคิดว่าใช่ แต่พอโตมาหน่อย รู้อะไรมากขึ้น ไอ้ที่ใช่ก็มักไม่ทั้งหมด เห็นด้วยกับครูว่าเราจะรีบบังคับให้เด็กเลือกไปทำไมตั้งแต่ยังไม่รู้จักอะไรมากพอ โดยเฉพาะการรู้จักตัวเอง

เมื่อพ่อแม่กลับบ้านลูกชายก็ต้องเผชิญโลกใหม่อยู่ในโรงเรียนคนเดียว หนุ่มน้อยของแม่กลับมาบ้านด้วยท่าทางแปลก ๆ ทั้งดูตื่นเต้นทั้งดูกังวล เจ้าหนูถามแม่ว่า “แชลเลนจ์” คืออะไรอ่ะแม่ ตอนอยู่ที่สนามครูพูดแต่ว่า ไอแชลเลนจ์ยูไอแชลเลนจ์ยู คนอื่นเขาตะโกนตอบกันกระหึ่ม …แม่ตอบว่าครูก็ท้าทายหนูน่ะสิ เขาคงท้าทายนักเรียนทั้งโรงเรียนให้ทำอะไรสักอย่าง ลูกชายหน้าจ๋อย ๆ บอกว่าไม่รู้ครูท้าอะไร แล้วจะรับคำท้าได้อย่างไร…

ภาษาเป็นแค่บันใดขั้นแรกในการเรียนเท่านั้น ทั้งแม่และลูกหวังว่าอีกไม่นาน ความยากลำบาก ไม่คุ้นเคย ไม่สามารถ ในวันแรก ๆ จะกลายเป็นความง่ายและเคยชินในวันต่อ ๆ ไป จากการไต่บันใดลิงในวันนี้ วันหน้าลูกชายน่าจะใช้ภาษาเป็นบันใดเลื่อนขึ้นไปเรียนรู้โลกกว้างในอีกระดับหนึ่ง

ลักษณะเด่นของการเรียนตามหลักสูตรนี้ที่คนเป็นแม่ชอบ คือ ความพยายามของโรงเรียนในการกำหนดกิจกรรมเพื่อให้ผู้ปกครองเข้ามามีส่วนร่วมรับรู้เกี่ยวกับนักเรียนและกิจกรรมต่าง ๆ ในโรงเรียน เริ่มต้นที่การมอบตัวนักเรียนอย่างเป็นทางการและเฉพาะหน้ากับครูประจำชั้น หลังจากเปิดเรียนได้ไม่นาน ผู้ปกครองใหม่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมพูดคุยอย่างไม่เป็นทางการประมาณหนึ่งชั่วโมงในช่วงเช้ากับผู้อำนวยการโรงเรียนและครูใหญ่ฝ่ายมัธยม โดยแบ่งกลุ่มผู้ปกครองย่อยลงให้สามารถพูดคุยซักถามเป็นวงสนทนาได้สะดวกในแต่ละช่วงเช้าของสัปดาห์แรก ๆ ในโรงเรียน

ในระดับมัธยม (MYPหรือเกรด 6 ขึ้นไปถึงเกรด 10) นักเรียนทุกคนจะได้รับสมุดบันทึกประจำปี (student planner) เพื่อไว้จดบันทึกการบ้าน กิจกรรมหรือคำสั่งต่าง ๆ ของครูประจำวิชา ตัวสมุดบันทึกแบ่งเป็นสามส่วนคือส่วนหน้าเป็นข้อมูลเกี่ยวกับโรงเรียนและหลักสูตร พร้อมสาระการเรียนรู้ที่น่าสนใจเกี่ยวกับการพัฒนาตนเองและการเรียน ส่วนกลางคือตารางจดบันทึกรายวัน แบ่งด้านซ้ายเป็นข้อมูลหรือสาระเตือนใจเกี่ยวกับการเรียนและการบริหารจัดการตัวเองเพื่อการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ อาจมีคำคมหรือแบบฝึกหัดลับสมองแทรกเป็นระยะ และส่วนสุดท้ายของเล่มเป็นสาระเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเรียนรู้และรายการ “catch up” เมื่อมีรายการไม่ส่งการบ้าน ครูจะลงบันทึกเพื่อให้ผู้ปกครองเซ็นรับทราบด้วย (เนื้อหาน่าสนใจไม่เฉพาะกับเด็กนักเรียนนะคะ กับผู้ใหญ่เรียนก็ดีค่ะ ผู้สนใจดูเพิ่มเติมที่ //www.learningcurveplanner.com.au)

เวลาลูกกลับจากโรงเรียน แม่เคยถามว่าไม่เห็นมีจดอะไร ลูกก็บอกว่าจดเท่าที่จำได้ ตีความหมายเอาก็แล้วกัน ช่วงสองสามสัปดาห์แรกแม่ก็บ่นไปเรื่อยตามประสาแม่ว่าลูกช่างไม่รู้อะไรเลย ไม่รู้ก็ไม่ถาม และ Smiley Smiley ฯลฯ แต่พออาทิตย์ที่สามแม่ได้รับเชิญให้ไปร่วมงาน secondary open night เพื่อเรียนรู้จักหลักสูตรและพบปะกับครูประจำวิชาของนักเรียนในช่วงค่ำที่โรงเรียน กลับมาแม่เลิกบ่นเลย มาอ่านดูเหตุผลกัน Smiley

ในจดหมายเชิญผู้ปกครอง ระบุว่าจะมีการแนะนำครูในแต่ละรายวิชาเพื่อให้ผู้ปกครองรู้จักเป็นการส่วนตัว พ่อกับแม่ไปร่วมงานตอนเย็น พอลงทะเบียนเสร็จเขาก็ให้โพยร่วมงานมาหนึ่งใบ บอกว่าไปตามบูธต่าง ๆ ทำกิจกรรมตามที่กำหนดไว้ในโพยข้อใดข้อหนึ่งในแต่ละบูธ ถ้าทำได้ก็ได้แสตมป์แปะมาหนึ่งดวง ครบกี่ดวงก็ไปรับรางวัลตามกำหนด ส่วนของรางวัลก็เป็นที่ระลึกเล็ก ๆ น้อย ๆ จากโรงเรียนวางอวดโฉมไว้ที่บูธลงทะเบียน

ตอนนั้นคิดว่าเล่นเกมส์รอเวลาโรงเรียนเปิดแนะนำครูแบบเป็นทางการ ก็เดินดุ่ย ๆ ไปตามบูธ คุยกับครูประจำบูธนิดหน่อยพอเป็นพิธี กว่าจะรู้ว่านี่คือเกมเพื่อให้พ่อแม่ผู้ปกครองรู้จักกับครูก็ปาเข้าไปบูธสุดท้าย เมื่อครูวิทยาศาสตร์ของลูกทักว่า ต้องเป็นแม่ของลูกชายแน่ ๆ เลย ครั้งนั้นยิ้มตอบเสียกว้างเพราะรู้ว่าเราสองคนแม่ลูกหน้าตาเหมือนกัน แต่คำเฉลยของครูทำเอาแม่ยิ้มค้าง ครูบอกว่า รู้เพราะท่าทาง nervous พอ ๆ กัน Smiley (ฮ่ะ ๆ ขำไม่ออกเลย) แก้เก้อไปว่า ก็แหม พวกเราไม่ถนัดภาษาอังกฤษนี่นา จะทำอะไรในสังคมที่ใช้ภาษาแบบนี้เราก็ขัด ๆ เขิน ๆ ลูกชายก็คงกังวลน่าดู ครูวิทยาศาสตร์ของลูกตอบว่า “ผมไม่สนหรอกว่าคนเราจะเริ่มต้นกันแบบไหน ผมดูแค่ว่า เมื่อเวลาผ่านไป เขา ”ก้าวหน้า” มากขึ้นแค่ไหนต่างหาก”

กลับจากงานคืนนั้นเลิกบ่นว่าลูกไม่รู้อะไรเรื่องเรียนไปนาน (แต่พอลืมตัวก็กลับมาบ่นต่ออีกนิดหน่อย แหะ ๆ) ได้คิดว่า ขนาดตัวเองเป็นผู้ใหญ่กว่า รู้ภาษามากกว่า ไปเจอกิจกรรมโรงเรียนเข้ายังงงอยู่เป็นนาน ไหนจะรูปแบบ ไหนจะความต่างในการใช้ภาษา และไหนจะเวลาเมื่อเทียบกับจำนวนกิจกรรม ฯลฯ กิจกรรมของโรงเรียนวันนั้นเหมือนจำลองห้องเรียนของลูกให้แม่ตระหนักลึกซึ้งมากขึ้นในสถานการณ์ ความคิด และความรู้สึกที่อาจจะเคยมีและลืมไปแล้ว..บทเรียนนี้ทำให้เข้าใจการปรับตัวของลูกในโรงเรียนใหม่มากขึ้น พอ ๆ กับที่เข้าใจโรงเรียนและกิจกรรมที่โรงเรียนกำหนดจะจัดทำมากขึ้น

ของแถมจากวันนั้นคือใบเชิญชวนเข้าร่วมอบรม “Active Parenting” ที่โรงเรียนในเดือนต่อ ๆ ไปด้วย คราวนี้ แม่ที่เคยแอบด้อม ๆ มอง ๆ เลยได้เข้าไปเรียนในโรงเรียนเดียวกับลูกจริง ๆ อดคิดไม่ได้ว่า แค่มี concern ก็สมหวังได้ง่าย ๆ เนอะ Smiley




 

Create Date : 06 มิถุนายน 2555
2 comments
Last Update : 22 กรกฎาคม 2555 11:10:30 น.
Counter : 2289 Pageviews.

 

โอ..
ท่าทางจะเครียดอะคะ
ที่ใหม่ภาษาใหม่
เป็นกำลังใจให้นะคะ

 

โดย: ปันฝัน 6 มิถุนายน 2555 20:01:40 น.  

 

ชอบชื่อวันปฐมนิเทศน์ค่ะ " Hope and Fear Orientatation"

เพราะคิดว่าการที่โรงเรียนเป็นฝ่ายหยิบยกคำว่า Fear ขึ้นมาก่อน น่าจะช่วยทำให้การพูดคุยถึงประเด็นนี้ในช่วงเวลาต่อๆมา ไม่ว่าจะเป็นระหว่างครูกับศิษย์ หรือครูกับผู้ปกครองเด็ก ไม่เป็นเรื่องน่ากลัวหรือน่าขวยอายจนเกินไปนัก หรืออาจจะออกไปในทำนองเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเรียนรู้ด้วยซำ้ไปค่ะ

Thanks for sharing na ka.

 

โดย: A pixel in a universe IP: 110.49.250.239 9 มิถุนายน 2555 9:30:52 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


kangsadal
Location :
เวียงจัน Laos

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]






พระจันทร์เต็มดวงคนมองเห็นได้บางวัน
เช่นกันกับวันที่เห็นพระจันทร์เสี้ยว
แต่ทุกวัน....
พระจันทร์เต็มดวง
online
Group Blog
 
 
มิถุนายน 2555
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
6 มิถุนายน 2555
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add kangsadal's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.