มหัศจรรย์น้ำมันมะพร้าว
ประเทศไทย และประเทศต่างๆ ในแถบเอเชียและแปซิฟิก ได้สกัดน้ำมันมะพร้าวมาประกอบอาหารหวานคาว ใช้เป็นสมุนไพร และเครื่องสำอาง มาเป็นเวลาช้านาน จนได้ขนานนามว่ามะพร้าวเป็น ต้นไม้แห่งชีวิต
จนกระทั่งเกิดสงครามมหาเอเชียบูรพา ( พ.ศ. 2484 88 ) กองทัพญี่ปุ่นเข้ายึดครองประเทศฟิลิปปินส์และหมู่เกาะต่างๆ ในย่านมหาสมุทรแปซิฟิก ได้มีการตัดทางลำเลียงน้ำมันมะพร้าวไปสู่สหรัฐอเมริกา ทำให้ผู้ผลิตอาหารและร้านค้าอาหารจำเป็นต้องขวนขวายหาน้ำมันอื่นมาทดแทน
ได้มีการพัฒนาน้ำมันพืชไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน เช่น น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันดอกทานตะวัน น้ำมันดอกคำฝอย น้ำมันข้าวโพด ฯลฯ ก่อให้เกิดผลประโยชน์มหาศาลต่อวงการอุตสาหกรรมน้ำมันพืชชนิดไม่อิ่มตัวของสหรัฐอเมริกา
หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สงบลง ได้มีการนำน้ำมันมะพร้าวกลับไปจำหน่ายยังสหรัฐอเมริกาอีกครั้ง ทำให้เกิดการแข่งขันกับน้ำมันพืชอิ่มตัวที่เพิ่งพัฒนาขึ้นมา
ระหว่างปี ค.ศ. 1960 70 มีการรายงานผลวิจัยว่าน้ำมันอิ่มตัวบางประเภท ( เช่น น้ำมันจากสัตว์และน้ำมันมะพร้าวที่ถูกเติมไฮโดรเจน) ไปเพิ่มปริมาณคอเลสเตอรอลในกระแสเลือด ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นสาเหตุของโรคหัวใจ
สมาคมถั่วเหลืองอเมริกา ถือโอกาสสรุปว่า น้ำมันอิ่มตัวทั้งหมดเป็นอันตรายต่อสุขภาพ มีการรณรงค์ให้ประชาชนเลิกบริโภคน้ำมันอิ่มตัว ซึ่งรวมทั้งน้ำมันมะพร้าวและน้ำมันปาล์ม แล้วหันมาบริโภคน้ำมันไม่อิ่มตัวแทน โดยเฉพาะน้ำมันถั่วเหลือง
การรณรงค์ได้ผลดีเกินคาด คนที่กลัวเป็นโรคหัวใจ พากันเลิกบริโภคน้ำมันมะพร้าว แต่การณ์กลับมาเป็นตรงกันข้าม เพราะมีอุบัติการณ์ของโรคหัวใจเพิ่มขึ้น แทนที่จะลดลง เนื่องจากน้ำมันถั่วเหลืองเป็นน้ำมันที่หากนำไปหุงต้มที่อุณหภูมิสูง จะเปลี่ยนเป็น กรดไขมันทรานส์ที่เป็นอันตราต่อสุขภาพ
จากการวิจัยของแพทย์และนักโภชนาการในระยะหลังๆ พบว่า น้ำมันมะพร้าวไม่ได้เลวร้ายที่ถูกกล่าวกา แต่ กล่าวสรุปกลับเป็นน้ำมันที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากที่สุด
ทั้งนี้เพราะน้ำมันมะพร้าวประกอบด้วยคุณสมบัติเด่นที่ไม่มีในน้ำมันพืชอื่นๆ อาทิ กรดไขมันอิ่มตัว กรดไขมันขนาดกลาง กรดคลอริก วิตามินอีที่ทีประสิทธิภาพ
น้ำมันมะพร้าวมีคอเลสเตอรอลเพียง 14 ส่วนในล้าน ขณะที่น้ำมันถั่วเหลืองมี 28 ส่วนในล้าน ส่วนน้ำมันหมูและเนยมีมากกว่า 3,000 ส่วนต่อล้าน มีผลการวิจัยที่แสดงให้เห็นว่า น้ำมันมะพร้าวช่วยปรับระดับของคอเลสเตอรอล อีกทั้งช่วยเพิ่มปริมาณของ HDL คอเลสเตอรอลดีที่ช่วยป้องกันโรคหัวใจ และช่วยลดปริมาณ LDL คลเลสเตอรอลเลว
โดย Hostmarketal ( 1980 ) ได้ทำการทดลองเรียบเทียบผลของอาหารที่ประกอบด้วยน้ำมันมะพร้าว 10 % และน้ำมันทานตะวัน 10 % ในหนูทดลอง ปรากฎว่าอาหารที่มีน้ำมันมะพร้าวช่วยลดปริมาณ LDL และช่วยเพิ่มปริมาณ HDL อย่างมีนัยสำคัญเมื่อเปรียบเทียบกับอาหารที่มีน้ำมันทานตะวันเป็นส่วนประกอบ นอกจากนี้ยังพบว่าปริมาณการสะสมคอเลสเตอรอลในเนื้อเยื่อในสัตว์ทดลองที่เลื้ยงด้วยน้ำมันดอกทานตะวันมากเป็น 6 เท่าของสัตว์ทดลองที่เลื้ยงด้วยน้ำมันมะพร้าว
นอกจากนี้ยังมีผลงานวิจัยที่ประเทศฟิลิปปินส์ที่แสดงให้เห็นว่านอกจากจะไม่เพิ่มระดับคอเลสเตอรอลแล้ว น้ำมันมะพร้าวยังช่วยลดการเพิ่มขึ้นของคอเลสเตอรอลที่เกิดจากการบริโภคไขมันสัตว์อีกด้วย
และจากการศึกษาทางระบาดวิทยา พบว่าชนชาติที่บริโภคน้ำมันมะพร้างเป็นประจำ มีคนเป็นโรคหัวใจต่ำกว่าชนชาติอื่นๆ ในประเทศปาปัวนิวกินี ผู้คนบริโภคน้ำมันมะพร้าวมาเป็นพันๆ ปี แต่เพิ่งมีคนตายด้วยโรคหัวใจในปี 2507 หลังจากเปลี่ยนมาบริโรคน้ำมันไม่อิ่มตัว แต่ในชนบทที่ยังบริโภคน้ำมันมะพร้าวอยู่ ไม่มีโรคหัวใจเลยแม้แต่ในคนชราที่มีอายุร่วม 100 ปี
ดังนั้นน้ำมันมะพร้าวจึงไม่ใช่สาเหตุของการเกิดโรคหัวใจอย่างแน่นอน แต่กลับช่วยทำให้ไม่เกิดโรคหัวใจ หากคนไทยเปลี่ยนมาบริโภคน้ำมันมะพร้าวกันมากขึ้นปัญหาโรคหัวใจก็ลดน้อยลง
ขอบคุณ บทความโดย ดร.ณรงค์ โฉมเฉลา ประธานชมรมอนุรักษ์และพัฒนาน้ำมันมะพร้าวแห่งประเทศไทย กล่าวสรุป
ด้วยความปรารถนาดี kandanalike
Create Date : 26 เมษายน 2554 |
|
4 comments |
Last Update : 26 เมษายน 2554 18:30:13 น. |
Counter : 2221 Pageviews. |
|
|
|