เมื่อเสพอะไรสักอย่างแล้วสามารถตกตะกอนเป็นตัวหนังสือได้นั่นคือความรู้สึกตอนเขียนบล็อกนี้ค่ะ ดังนั้นไม่ใช่รีวิวแน่นอนและมีสปอลย์ค่ะ
**เนื้อหาในนี้คงไม่สามารถใช้อ้างอิงอะไรได้นะคะ เพราะเขียนจากฟีล ค่อนข้างกาวค่ะ **
------------------------------------------------------------
มธุรสหวานล้ำ สลายเป็นเถ้าราวเกล็ดน้ำค้าง (นิยายแปลจีน 2 เล่มจบ) ผู้แต่ง เตี้ยนเสี้ยน ผู้แปล ทีมงานห้องสมุด (ปกในบอกว่างี้) สำนักพิมพ์ ห้องสมุด
::
ทำไมต้องมธุรสหวานล้ำ แล้วทำไมต้องสลายเป็นเถ้า ทำไมต้องราวเกล็ดน้ำค้าง?
::
คำตอบทั้งหมดจะเข้าใจเมื่ออ่านเรื่องจบค่ะ แฮ่ หนังสือเรื่องที่สองสำหรับเรากับสำนักพิมพ์ห้องสมุดนี้นะคะ (หลังจากที่อ่านเรื่อง 'อสุรากับยาใจ' แล้วพบว่า... อย่าไปเสียเวลาเขียนถึงเลยดีกว่า -*-) มธุรส เป็นคำนาม แปลว่า น้ำผึ้ง รสหวาน อ้อย ถ้าใช้เป็นคำวิเศษณ์ แปลว่า ไพเราะ ใช้กับคำพูดค่ะ เช่น มธุรสวาจา มธุรสชื่อเรื่องนี้น่าจะเป็นคำนาม เพราะคงไม่ใช่รสหวาน แล้วหวานล้ำอีก(? ประหลาดไปนะ) ดังนั้นจึงเข้าใจ(ไปเอง)ว่าชื่อเรื่องคงหมายถึง น้ำผึ้ง(ที่)หวานล้ำ(แล้ว)สลายเป็นเถ้า(จนเหมือน)กลายเป็นเกล็ดน้ำค้าง อืม น่าสนใจนะ
เรื่องนี้มีทั้งส่วนที่ชอบและไม่ชอบนะคะ ก็จะว่ากันไปเนื้อ ๆ เน้น ๆ สับ ๆๆๆ
FACT (มีสปอยล์) มธุรสหวานล้ำฯ เป็นเรื่องราวของเทพเซียนโบราณค่ะ เล่าเรื่องชาติกำเนิดอันซับซ้อนของเซียนหญิงน้อยนางหนึ่ง ชื่อว่าจิ่นมี่ จิ่นมี่เป็นเซียนองุ่นธรรมดา ๆ ค่ะ อิทธิฤทธิ์ธรรมดา หน้าตาธรรมดา แต่ชะตากรรมกับชาติกำเนิดของนางไม่ธรรมดา จิ่นมี่อาศัยอยู่ในปราสาทแก้ว นางออกไปไหนเกินอาณาเขตไม่ได้ ไม่รู้ว่าทำไมแต่นางเข้าใจว่าเพราะตัวเองมีตบะบารมีไม่มากพอ ดังนั้นในหัวจึงแปรทุกอย่างเป็นเงินทอง ผิด เป็นตบะค่ะ เห็นอะไรแปลกใหม่ก็คิดแต่จะต้มกินเพื่อเพิ่มพลังตัวเอง วันหนึ่งมีอีกาโชคร้ายหล่นปุลงมาในสวนของนาง ถ้าเป็นนางเอกคนอื่นคงช่วยอีกาน้อยด้วยใจเมตตาใช่มั้ยคะ เปล่าค่ะ เซียนจิ่นมี่ของเราจะจับอีกาไปต้มกินเพื่อเพิ่มพลังให้ตัวเอง จ้า ถถถถถถถถถถถถถ
เอาที่สบายใจเลยลูก แต่อีกาตัวนั้นไม่ใช่อีกาค่ะ ที่จริงเป็นนกฟีนิกซ์สีแดงเพลิงผู้หยิ่งผยองตนหนึ่ง เหตุที่กลายเป็นสีดำก็เพราะนกฟีนิกซ์เผาตัวเองแล้วเกิดใหม่ได้ค่ะ และแล้วเมื่อฟื้นฟูพลังจนอ้วนพี (จินมี่ก็ขุนเพื่อจะได้ต้มกินอิ่ม ๆ ถถถ) อีกาก็กลายร่างเป็นเทพชั้นสูงวิหคเพลิงนามว่าเฟิ่งหวงค่ะ
เฟิ่งหวงเป็นใคร เป็นพระเอกค่ะ ที่ต้องย้ำแบบนี้เพราะถ้าไม่บอกว่าฮีเป็นพระเอกก็จะไม่คิดว่าเป็นนะ ฮา นิยายเล่าเรื่องจากสายตาของจิ่นมี่ ดังนั้นในช่วงแรก เฟิ่งหวงจึงไม่มีอะไรสะดุดตานางเลย เหตุที่จิ่นมี่มองเพชรเป็นก้อนกรวดแบบนี้ก็เพราะตั้งแต่เกิดนางโดนให้กินยาชนิดหนึ่ง เมื่อกินยาแล้วทุกความรู้สึกจะโดนตัดไปหมดค่ะ หันไปหมกมุ่นแต่การเพิ่มพลังให้กับตัวเอง ดังนั้นนิสัย(แย่)อย่างหนึ่งของนางเอกของเราคือ ความรู้สึกช้า มึนชา และซื่อบื้อค่ะ
FEEL (สับล้วน ๆ และมีสปอลย์ผสม ถถ) การเขียนให้นางเอกซื่อบื้อนี่เราว่ายากนะคะ(ที่จะไม่ให้คนเกลียด) อ่านไปก็ขัดใจไปว่ามีเทพเซียนที่ไหนจะโง่ได้ขนาดนั้น (ต้องใช้คำแรงขนาดนี้เลยค่ะ) เราคิดว่าคนเขียนจงใจใส่บทเหล่านี้มาเพื่อให้กลายเป็นตลกร้าย แต่มันไม่ตลกและร้ายค่ะ และสุดท้ายทำร้ายตัวละครไป อ่านไปเราก็นึกนะคะ เออนะ ทำยังไงให้คนอ่านรำคาญนางเอกได้ขนาดนี้หนอ อย่างตอนที่นางเอกตะโกนไป(อย่างโง่ ๆ) ว่า อ๋อ เฟิ่งหวงนัดเทพนกยูงมาเสพสังวาสกันใช่ไหม? คือเอาจริง ๆ สถานการณ์เป็นงานเลี้ยงวันเกิดฮองเฮา(ภรรยาเง็กเซียน) นีกภาพว่าเป็นปาร์ตี้ เทพเซียนมากันเยอะแยะ จู่ ๆ จะมีคนตะโกนออกไปแบบนั้นต่อหน้าผู้ใหญ่เหรอคะ? ต่อให้คิดว่าเป็นนิยายก็เถอะ แต่การที่คนแต่งจงใจใส่ความ 'ไร้เดียงสา' ให้นางเอกแบบนั้น เฮ้อ จะว่าใสซื่อก็แบบ -*- มันเกินจากความน่าเอ็นดูไปเยอะเลยนะคะ ชอบนางไม่ลงจริง ๆ ค่ะ
เล่ม 1 นี้เราต้องอดทนกับความโง่ของจิ่นมี่ นางช่างขยันหาเรื่องให้ตัวเองตลอด อย่างตอนที่ลงไปโลกปิศาจกับเฟิ่งหวงแล้วทำให้ผนึกปิศาจแตกนั้น... -*- แต่ก็เป็นการโชว์เทพของเฟิ่งหวงไปค่ะ ตรงนี้คนแต่งอาจจงใจใส่มาให้เราสามารถอ่านความรู้สึกนึกคิดของเฟิ่งหวงได้ (อย่างที่บอกว่าดำเนินเรื่องด้วยสรรพนามบุรุษที่ 1 ของนางเอก ดังนั้นนางจึงเล่าเรื่องแบบทื่อ ๆ ไร้ความรู้สึก เฟิ่งหวงทำแบบนั้น มองแบบนี้ ดุนางอย่างนั้น คนอ่านก็จะค่อย ๆ รับรู้ไปว่าทำไมเฟิ่งหวงต้องทำแบบนั้น ทำไมต้องมองนางอย่างนั้น ทำไมต้องดุนาง ทำนองนั้นค่ะ) แต่จะบอกว่าคนแต่งใส่สถานการณ์แบบนี้มาเยอะไป พอมันเยอะเราก็ยิ่งรำคาญ นางออกจากปราสาทแก้วไปอยู่โลกภายนอกกับเฟิ่งหวง 100 ปี ได้รู้จักพบเจอคนก็มาก นางจะไม่เรียนรู้อะไรเลยหรือ อย่างน้อยต่อให้กินยากำจัดความรู้สึกมา แต่รอยหยักในสมองไม่ใช่ความรู้สึก นางยังทำตัวแบบเดิมอยู่ได้ไม่มีการพัฒนา เราจึงไม่รู้จะใช้คำใดมาบรรยายนางดีค่ะ นอกจากคำว่าโง่ เฮ้อ
แต่จะบอกว่ายิ่งเฟลกับจิ่นมี่หนักเท่าไร พอปมทุกอย่างคลี่คลาย (แน่นอนว่าพลิกกันหลายตลบ) เราจึงรู้สึกว่าแท้จริงนางฉลาดค่ะ :D
แต่ถึงอย่างนั้นก็ขอบ่นอีกทีค่ะ การที่ต้องทนอ่านความซื่อบื้อของนางเอกมากว่า 3/4 ของเรื่อง (เล่ม 1 ทั้งเล่ม กับครึ่งหนึ่งของเล่ม 2) ก็ไม่ใช่อะไรที่จินมี่จะเอาเราอยู่ ดังนั้นเมื่อตอนความจริงทั้งหมดกระจ่าง ผลของการกระทำและความทุกข์ทรมานของจินมี่จึงไม่สามารถทำให้เราอินได้ค่ะ แต่อย่าเพิ่งคิดว่าไม่มีส่วนดี ความอินของเรากลับตกไปอยู่ที่ตัวละครอีกตัว ตัวที่ไม่เคยอยู่ในสายตาของเรามาก่อน เพราะกว่า 3/4 ของเรื่อง ฮีเป็นพระรองมาเรื่อย ๆ เรียง ๆ ตบตาเราได้อย่างแนบเนียน... โอ น่าสนใจ น่าสนใจ! :X
ดังนั้นชั่งน้ำหนักแล้ว จุดแข็งของมธุรสหวานล้ำฯ คือผู้ในเรื่องค่ะ 55555 ดีงามทุกนาย พล็อตเรื่องเราว่าแน่นนะคะ ชาติกำเนิดนางเอก สาเหตุที่ทำให้นางเอกซื่อใส มีเหตุผลพอให้เราเข้าใจได้ เข้าใจแต่ไม่ได้หมายความว่าชอบนะคะ ปัญหาคือการใส่คาแรกเตอร์ซื่อบื้อมากเกินไป และการพยายามตลกร้ายของคนแต่ง (ซึ่งไม่ตลกและร้าย เลยกลายเป็นน่าเกลียด) พอช่วงหลังที่จิ่นมี่ตาสว่างแล้วเราชอบนางขึ้น หลายคนบอกว่าโดดไป ดูทำอะไรสุดโต่ง (เช่น ฉลาดแบบสุดโต่ง) เราว่าไม่ เราว่าเพราะเราเคยคิดว่านางโง่(แบบสุด ๆๆๆ) พอบทจะฉลาด เลยสามารถฉลาดแบบก้าวกระโดดได้ (ก้าวกระโดดเลยจริง ๆ ค่ะ ย้ำ)... 12 ปี จินมี่ที่ไม่มียาบ้าบอนั่นอยู่ในตัว 12 ปีที่ไม่มีเฟิ่งหวงอยู่ข้าง ๆ ในที่สุดจิ่นมี่ก็เติบโตและเรียนรู้ (ที่เราเคยคิดว่าเป็นจุดด้อยของนางมาตลอด) เออนะ นางก็โตได้นะ นางก็คิดเป็น ทันคน ก็ไม่เลวร้ายไปซะหมดนะจินมี่น้อย เพียงแต่ช่วงท้ายที่นางไปตะโกนปาว ๆ ใส่เฟิ่งหวงในแดนปิศาจ เราว่าง่ายไปหน่อย ก็ไม่รู้ว่าต้องการแบบไหนเหมือนกัน แต่พออ่านไปแล้วก็แบบ อ่า ง้อแบบนี้เรอะ ทั้งที่ท้าย ๆ เรื่องพลิกผันดึ๋งดั๋งโลดโผนสุดโต่ง (อะไรจะขนาดนั้น เมาคำคุณศัพท์ตัวเอง ถถถ) บทพระนางแค่เป็นการง้อแบบง่าย ๆ เหมือนเด็กวัยรุ่นทะเลาะกัน เราเลยรู้สึกไม่ว้าวไม่ปังน่ะค่ะ
มาที่รูปเล่ม ปกติเราไม่ค่อยมีปัญหากับเรื่องทำนองนี้เพราะจะสนใจเนื้อหามากกว่า แต่เห็นรูปเล่มแล้วขมวดคิ้วเลยค่ะ สตรีเน่งน้อยหน้าปกนั่นใคร? นางกำนัลเหรอ อย่าบอกนะว่าเป็นจิ่นมี่งามล่มเมืองผู้ที่ทำให้สวรรค์ลุกเป็นไฟ? บางทีเราสนใจเลือกนิยายจากหน้าปกหรือชื่อเรื่อง สำหรับเรื่องนี้คงเป็นที่ชื่อเรื่องเท่านั้น การใช้หน้าปกเป็นรูป(วาด)คนนี่ต้องมั่นใจมากทีเดียวค่ะว่าจะดึงดูดได้ สำหรับเรา ไม่... ไม่สวยเลยค่ะ ไม่ทำให้เชื่อได้เลยว่าล่มเมืองขนาดนั้น โอเค ความสวยหรือไม่สวยนี่เป็นความเห็นส่วนบุคคล ถ้าอย่างนั้นส่วนบุคคลของเราคือไม่ได้ช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ตัวละครเลย อีกอย่าง การ์ตูนในเล่ม จะมีหน้าแทรกการ์ตูนประกอบเนื้อหาด้วยค่ะ อมก. ไม่มีประโยชน์ใด ๆ แก่ฉันเลย พูดแบบบ้าน ๆ คือไม่สวย ไม่ชอบ ตัดจินตนาการ ภาพที่คิดไว้ระหว่างอ่านจะกระเจิงทุกทีที่มีหน้าการ์ตูนแทรกมา (จินตนาการเทพเซียนสวรรค์ไว้วิจิตรวิศมาหรามาก) โดยเฉพาะรูปผู้ เฟิ่งหวงงง ทำไมวาดออกมาเป็นเด็กแว้นซ์ขนาดนั้น โอเค ด้วยโทนเรื่องไม่ใช่เทพเซียนหนักแน่น (หมายถึงฟีลของเรื่องน่ะค่ะ เพราะสำนวนแปลวัยรุ่นเหลือแสน อ่านไปก็นึกว่านี่เป็นนิยายรักวัยรุ่นปัจจุบัน แต่ฉันต้องการเทพเซียนโบราณนะ) แต่เฟิ่งหวงในใจพี่ก็น่าจะหล่อลากหนักแน่นได้นะ เป็นถึงองค์ชายรองเชียวนะ นกฟีนิกซ์นะ นิสัยก็ร้ายบ้างอะไรบ้างนะ แต่พอมาเจอรูปประกอบหน่อมแน้มแบบนั้น... อ่อม ไม่ชอบที่สุด เอามือปิดได้มั้ย อย่าทำลายภาพเฟิ่งหวงในใจฉันเลย T T
การแปล เป็นอีกสิ่งที่ต้องบ่นค่ะ อ่านไปแล้วต้องเตือนตัวเองอยู่เสมอว่าเขาใส่ไว้ในคำนำแล้วว่าจะแปลแบบสำนวนใหม่ คือเรานี่แปลกอย่างหนึ่งค่ะ เวลาอ่านจีนโบราณ ใจมันก็จะสั่งไว้แล้วว่านี่กำลังอ่านจีนโบราณนะ ต่อให้ใครว่าจะเป็นกรอบ ไม่แปลกใหม่อย่างไรก็ช่าง แต่เราว่ามันเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของนิยายจีนโบราณที่อ่านปุ๊บก็รู้ปั๊บไม่ต้องให้สมองคอยสั่งตัวเองอีกที (เหมือนเวลาที่อ่านนิยายแปลฝรั่งก็จะรู้ได้ทันทีเลยค่ะว่านี่สำนวนแปล) ทีนี้พอเรื่องนี้ทางห้องสมุดแปลแบบสำนวนนิยายปัจจุบัน มันเลยขัด ค้าน สมองกับจิตนี่ต่อต้านกันอย่างแรง โอเค ก็ซื้อมาแล้ว อ่านไป ๆ พออ่านไปได้ มาเจอ เซียนแครอท ท่านขำก๊าก ยาวไป ยาวไป ว้อททท!! T.T ล้มโต๊ะเลยค่ะ เสียใจหนักมาก อยากรู้ว่าทีมแปลคิดอะไรอยู่ หรือจะเพราะต้องการสร้างความแปลกใหม่ อืม เซียนแครอทในนิยายจีนโบราณนี่แปลกใหม่มากเลยค่ะ (กระอัก) คือมันไม่ใช่อ่ะซีส ขำก๊ากกับแครอทนี่ควรใช้คำนี้มั้ย ทับศัพท์จีนไปเลยได้ปะ ดอกจันไว้ก็ได้ว่าแปลว่าอะไร ฮือ ๆ ทั้งที่ตัวละครทั้งสองเป็นคนที่เราชอบมาก เป็นตัวเบรกเรื่อง และมีความคิดอ่านสมเป็นผู้เป็นคนที่สุดทำไมต้องมาตกม้าตายเพราะคำแปลด้วยนะ T T
อีกจุด ซึ่งเสียดายมาก ๆ... ขอยกตัวอย่างประโยคค่ะ 'แต่ว่า ข้าไม่เหลือซากใด ๆ แล้วนะ' นางน้ำตาไหลพราก 'ทุกตารางนิ้วของข้าถูกท่านนำไปใช้จนหมดเกลี้ยง ไม่หลงเหลืออะไรอีกแล้ว...' ซึ้งมาก ประโยคนี้เป็นวรรคทองของจิ่นมี่ค่ะ นาน ๆ ทีนางจะทำให้เราประทับใจ ก็ดันมาเจอคำว่า 'ตารางนิ้ว' ต้องใช้คำว่าอะไรอ่ะตัววว เราก็ไม่รู้ค่ะ แต่ตารางนิ้วนี่ไม่เอาได้ไหมอ่ะ T T
และเพราะอะไรหลายอย่างที่ต้องทนมาจนจบเรื่อง ทั้งนิสัยนางเอก ความพยายามตลกร้าย สำนวนแปล การ์ตูนแทรกเนื้อหา ทั้งหมดนี้เลยทำให้เราไม่ชอบมากกว่าชอบค่ะ เสียดายพล็อตจริง ๆ (โดยเฉพาะการโดนหลอกใช้ของจิ่นมี่ เฟิ่งหวงผู้หยิ่งผยองโดนเซียนน้อยแสนซื่อทำร้ายปางตาย มันจี๊ดจริง ๆ ค่ะที่มีคนชักใยข้างหลังเจ้าซื่อบื้อนี่อีกทีหนึ่ง เหมือนซ้อนไปอีก 2-3 ชั้น ตรงนี้สนุก และฉากที่จิ่นมี่รู้ตัวว่าทั้งหมดนั้นตัวเองโดนตบตาเพื่อทำลายเฟิ่งหวง และการที่นางตัดสินใจว่าจะไม่ไปหาเฟิ่งหวงในทันทีที่รู้ความจริง... ก็พีคจริง ๆ สำหรับเรา จิ่นมี่รู้คิดแล้ว) ที่จะไม่กล่าวถึงเลยก็ไม่ได้คือคำนำค่ะ (หรือบทบรรณาธิการนี่ล่ะ อยู่หน้าแรกของเล่มเลย) มีการยกเรื่องนี้เทียบเคียงเรื่องสามชาติสามภพ... คือ?? อ่านแล้วรู้สึกแปลก ๆ ปกติจะเจอการเปรียบเทียบแบบนี้ในคำนำที่สำนักพิมพ์เดียวกัน คือเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ทั้งสองเล่ม เลยกล่าวถึงเล่มอื่นได้ แต่อันนี้รู้สึกจะไม่ใช่... อ่านแล้วจึงเหมือนเป็นการยกตัว ซึ่งอะไรแบบนี้ควรใส่ไว้ในคำนำเหรอ?
ส่วนคำนำในเล่ม 2 กล่าวว่า... 'มาถึงเล่มสองแล้ว เนื้อเรื่องกำลังเข้มข้นเลยค่ะ เรียกได้ว่าที่ปูพื้นแบบเนือย ๆ มาทั้งหมดในเล่มหนึ่ง...' ปูพื้นมาแบบเนือย ๆ? เนือย ๆ เนี่ยนะ โอเคเนือยค่ะ เหมือนบรรณาธิการเฟลกับนิยายของตัวเองแต่ก็ยังเอามาพิมพ์ขาย? คือยังไง แบบนี้ก็ได้เหรอ คือเรางงจริม ๆ บทจะยกหางก็ชูซะสูง บทจะติก็ติจนจม คือ??? 5555555555
ยัง ยังค่ะ ยังไม่จบ การให้ความหมายชื่อเรื่องตั้งแต่หน้าแรกของนิยายทำให้เราโดนสปอยล์นะคะ คนอื่นอาจได้อ่านตัวอย่างเล่มมาก่อนเลยอาจไม่แปลกใจ แต่สำหรับเราที่มาแบบศูนย์ เจอคำอธิบายชื่อเรื่องจากบรรณาธิการไป ความสนุก(ที่มีน้อยอยู่แล้ว)ก็หดหายลงไปอีกเลยค่ะ เห็นการเดาชื่อเรื่องที่เราเขียนข้างบนมั้ยคะ เราชอบคิดว่าชื่อเรื่องจะขมวดปมของเรื่องยังไง ซึ่งสำหรับนิยายเรื่องนี้เราได้คำตอบหลังจากอ่านจบ ตรงนี้เหมือนเกมส์เล็ก ๆ สำหรับเรา สร้างความเพลิดเพลินเล็ก ๆ ว่าจะเดาถูกหรือไม่ (ส่วนใหญ่จะผิด ฮา) แต่เรื่องนี้กลับโดนสปอยล์ตั้งแต่ยังไม่ทันอ่านบทแรก.. ถ้าพี่อยากขยายขนาดนั้น เอาไปใส่ในหน้าท้ายแบบคุยกันท้ายเล่มอะไรแบบนี้ดีกว่ามั้ยคะ ไม่ว่าจะการบอกเป็นนัย ๆ ว่าเฟิ่งหวงไม่ตาย และนางเอกเป็นลูกของใคร เฮ้อ พัง เลยอดเหลือบตาไปมองไม่ได้ว่านี่กำลังอ่านคำนำอยู่จริงเรอะ? หรือบรรณาธิการจะเฟลกับนิยายของตัวเองจริง ๆ ถ้าอย่างนั้นเราไม่ชอบเรื่องนี้ก็คงไม่แปลกสินะ (ยิ้ม) จะมีคำนำที่ไหนที่สร้างความรู้สึกด้านลบแก่หนังสือให้คนอ่านได้ขนาดนี้นะ (ทั้งการเปรียบเทียบยกหาง และเหยียบเรื่องตัวเองจมดิน) เพิ่งเคยเจอคำนำแบบนี้ครั้งแรก ช่างเบิกเนตรผู้น้อยจริง ๆ ค่ะ
ป.ล. ถามว่าเราเชื่อคำพูดของลุ่นอวี้มั้ย เราเชื่อค่ะ ไม่มีเงื่อนไข เพราะเรารักผู้ ถถถถถ++
ป.ล. 2 ถามว่าเรื่องนี้ขัดใจที่สุดตรงไหน ตรงที่ให้เฟิ่งหวงเป็นฝ่ายรอจิ่นมี่เวียนว่ายตายเกิดอีก 5,000 ปีค่ะ อมก.! ยังต้องทำร้ายผู้ชายคนนี้ไปอีกถึงไหน! สตรีจิ่นมี่นางมีดีอะไร ทำเขาขนาดนั้นชะนียังไปดำผุดดำว่ายเกิดแก่เจ็บตายสบายใจเฉิบ ปล่อยให้พี่เฟิ่งหวงเป็นฝ่ายเฝ้าดูอย่างเดียวดายบนสวรรค์(? หรือนรก) อ่อมม /กลอกตาแรง!
.
Create Date : 03 กุมภาพันธ์ 2560 |
Last Update : 4 กุมภาพันธ์ 2560 10:07:27 น. |
|
8 comments
|
Counter : 42758 Pageviews. |
|
|
แต่ก็นะ ลองสั่งมาดูพร้อมกับ บุปผาล่มเมือง
อ่านแล้วเสียดายเลยค่ะ เพราะคิดว่าต้นฉบับน่าจะมาแนวภาษาสวย พอแปลออกมาปลายทางฝีมือไม่ถึง ( หรือเพราะแปลกันเป็นทีมก็ไม่รู้สินะ ....แว่วว่า บางเรื่องหนึ่งในทีมแปลคือ Google translate ...แต่คิดว่าคงไม่ใช่เรื่องนี้ด้วยละมัง )