Bloggang.com : weblog for you and your gang
Group Blog
เรื่องของกาก้า
ไม่ค่อยเกี่ยวเท่าไหร่.....แต่อยากให้อ่าน
เรื่องของคนอื่น
ตามใจฉันเถอะ
ปัญหาชีวิตและสุขภาพจิตของก้า
bus' love diary
<<
มิถุนายน 2549
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
3 มิถุนายน 2549
walking tour on thursday .... ไปเก็บความรู้สึกบางอย่างที่หายไป
All Blogs
หนังญี่ปุ่นในดวงใจ
กาก้าพาเที่ยวหน้าหนาว............ตอน ทริปคนแก่มาราธอน
เกี่ยวตะขอเสื้อใน---ทำนายโชค.......กร๊ากๆๆๆๆ
ตามคำสัญญา....ทริปงานพืชสวนโลก...เหอะๆๆๆ
ช่วงเวลาที่ดี.............
walking tour on thursday .... ไปเก็บความรู้สึกบางอย่างที่หายไป
23ที่แสนสับสน
กร๊ากๆๆ แฮททริกอัพบ๊อก3วันติดๆ กร๊ากๆๆๆๆ
อัพแอนด์ดาวน์อัพแอนด์ดาวน์อัพแล้วลบแล้วลบอีก
อัพแล้วโว้ยยยยย
ขี้เกียจอัพ แต่ก็นะ...............
เวลาที่หายไป.................
walking tour on thursday .... ไปเก็บความรู้สึกบางอย่างที่หายไป
ไปเดินเก็บความฝันแถวๆสนามหลวงมา....เหอๆๆๆ
ความฝันก็คือ "สักวัน จะต้องเข้าไปดูหอศิลป์เจ้าฟ้าให้ได้."
ใครที่ไม่คุ้นชื่อนี้อาจจะงง เพราะเป็นคำที่ใช้ไม่เป็นทางการเท่าไหร่ ชื่อเต็มๆก็คือ หอศิลป์แห่งชาติ อยู่ตรงเชิงสะพานปิ่นเกล้า เป็นตึกฝรั่ง(อันนี้ก็ไม่ทราบยุคเหมือนกัน)สีเหลืองๆนั่นแหละ
ความตั้งใจที่จะเข้าไปดูนี้มีมานานตั้งแต่อยู่ม.ปลายแล้วเพราะช่วงนั้นจะมาเดินเที่ยวแถวนั้นบ่อย ถ้าวันศุกร์(ที่โรงเรียนเรียนแค่ครึ่งวัน)ไม่มีธุระไปไหนก็จะนั่งรถเมล์แล้วก็มาเดินเก็บบรรยากาศเรื่อยๆ ตั้งแต่สนามหลวง บางลำพู ท่าพระอาทิตย์ ท่าพระจันทร์ ท่าช้าง ท่าเตียน วัดนู้น วัดนี้ เหอๆๆๆ รองเท้านักเรียนสึกไปเยอะก้เพราะอย่างนี้เอง
แต่สถานที่หนึ่งที่ไม่เคยเข้าไปเลย ทั้งๆที่ตั้งใจว่า "ขอเข้าไปเดินดูสักทีเถอะน่า ".....ก็คือหอศิลป์เจ้าฟ้านี่เอง
ด้วยความที่เป็นตึกทรงฝรั่ง หน้าตางดงาม แล้วก็มักจะมีป้ายแสดงงานสับเปลี่ยนหมุนเวียนเรื่อยๆ ทำให้ดึงดูดใจเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะความสงสัยว่าภายในมีอะไร เนี่ยสิ.........
ตัวอาคารเองก็ไม่เปิดเผยส่วนใดให้เห็นภายในเลยว่าเอาไว้ทำอะไร แถมยังดูเป้นวังเก่าสร้างความน่าเกรงขามในการจะเยื้องเหยียบเข้าไป....คนทั่วไปที่ไม่รู้ว่าที่นี้คืออะไรคงไม่คิดจะเข้าไปแน่ๆ
แต่พับผ่าซิ.....มาทีไรหรือตั้งใจจะเข้าไปวันไหนมันต้องมีเหตุให้หอศิลป์ปิดทำการทุกที
อันนี้พูดไปก็อาย...เรียนมหาวิทยาลัย มา 4 ปี แถมเรียนเกี่ยวกับศิลปะอีก ระยะทางก้ไม่ได้ไกลจากหอศิลป์มากมาย แถมเวลาว่างก้เหลือเฟือ ก้ไม่เคยมีโอกาสเหยียบเข้าไปสักที.........
พอเรียนจบเพิ่งจะมีโอกาสเข้าไป อันเป็นความไม่ตั้งใจเท่าไหร่ เพราะตั้งแต่เดินทางออกมาจากบ้านก็ไม่ได้ตั้งใจจะมาที่นี่เลย คิดไปก็ขำ เพราะไปมหาลัยแล้วก็เลยเดินแถดๆๆมามาบุญครอง ตั้งใจว่าจะไปพันทิปสักหน่อย แต่แทนที่จะขึ้นรถเมล์สายที่มันผ่านไปทางนั้นดันวิ่งขึ้น 47 ซะนี่ ........
ไหนๆก็ขึ้นมาแล้วก็เลยตามเลย ก้เลยต้องมานึกกันใหม่ว่าจะไปไหนดีว้า.....ก็เลยนึกขึ้นได้ว่ามันยังไม่
4 โมง
แล้วก็ไม่ใช่
วันจันทร์หรือวันหยุดนักขัตฤกษ์
ลองเข้าไปดูดีกว่า
อ่าพอถึงหน้าประตูแอบตื่นเต้นนิดหน่อย เพราะมันรู้สึกถึงความน่าเกรงขามจริงๆ เหมือนเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ แต่ก็รีบๆพลักประตูกระจกสีทึบๆนั้นเข้าไป
......พอเข้าไปก็ปะหน้ากับน้องนักศึกษาที่ท่าทางจะฝึกงานที่นี่คนหนึ่ง เขายิ้มให้เลยค่อยอุ่นใจหน่อยว่า มันคงไม่น่ากลัวอย่างที่คิด แต่แค่บรรยากาศตรงด้านหน้าก็รู้สึกได้เลยถึงความเก่า แถมเก่ามากๆๆๆ ขลังๆๆๆ อึมครึม บอกไม่ถูก
ทีนี้ก็จัดแจงจ่ายค่าเข้าชม...แค่ 10 บาทเอง แต่จ่ายไป 100 นึง(ก็ไม่มีเศษนิ) พี่เขาก็ค้นๆหาเศษก็ไม่มี
นึกในใจว่าคงไม่ค่อยมีคนแน่ๆ ขนาดไม่มีเศษเนี่ย
พี่เขาก็เลยบอกว่าตอนออกก็มาเอาเงินทอนแล้วกัน ก็เลยอ่าๆ........
ที่จริงก็ไม่ได้ดูผังของส่วนแสดงงานอย่างละเอียด เพราะอาศัยเดินมั่วๆไปเรื่อย
ก้เลยเริ่มที่ห้องทางขวามือนี่แหละใกล้ดี พอเข้าไปก็เห็นภาพลายเส้นระบายสีไม้น่ารักๆเหมือนเด็กวาดเลย .. แต่วาดเรื่องศกุนตลาประมาณ 4-5ภาพ พอมาดูว่าใครวาดว้า....โอ้ววววแม่เจ้าหนูขอโทษค่ะ ร.6นั่นเอง ตกใจเล็กน้อยเพราะนึกในใจว่า "เอารูปเด็กที่ไหนมาแสดงวะ"
แล้วก้มีงานของในหลวงอีก 2 งานเป็นสีน้ำมัน พอเห็นถึงความเยินของผ้าใบก็รู้สึกว่าคงเป็นงานที่พระองค์ท่านวาดไว้นานมากๆๆ เป็นบุญตาที่ได้ดูอย่างใกล้ชิดอย่างนี้originalจริงๆ
ก่อนจะเข้าไปในห้องนั้นก็เห็นแว้บๆแล้วว่ามีโถงขนาดใหญ่ที่มีรูปของร.5กับพระราชินี (พระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ) พอเข้าไปแล้วโอ้ว......คิดเลยว่าอยากจะใช้วิธีเดินเข่าไปดูรูปต่างๆเลย เพราะเป็นภาพของราชวงศ์ซะส่วนใหญ่โดยเฉพาะร.5กับพระราชินี กลิ่นของความเก่า แสงทึมๆ เสียงพื้นไม้ดังเอียดๆ เสียงแอร์เครื่องเก่า โอ้วว ....ให้อยู่คนเดียวสักชั่วโมงคงไม่ไหวแน่ๆ แล้วรูปทั้งหมดก็เป็นรูปเหมือนของบุคคล(portrait) เลยแอบรู้สึกขนลุกเหมือนกัน เหมือนมีใครกำลังมองอยู่....รีบออกดีกว่า
พออกมาเหมือนทางตันซะแล้ว ไปไหนดี เพราะฝั่งตรงข้ามมีซอกเล็กอยู่เยื้องๆกันแล้วก็มีเจ้าหน้าที่ยืนคุยกัน 2 คน ก้เลยคิดว่าคงไม่มีอะไรมั้งส่วนแสดงงานน่าจะไปทางอื่นที่นี้ก้เลยเดินขึ้นบันไดขึ้นไปชั้น 2 มีเจ้าหน้าที่หญิงท่าทางง่วงๆคนนึงเฝ้าอยู่ (ดูท่าทางก็หลับไปหลายตื่นแล้วจิงๆนะ)
บนชั้น 2 เป็นภาพยุครัยนโกสินทร์ตอนต้นหรือน่าจะเก่ากว่านี้ ก็จะเป็นภาพวาดแบบไทยประเพณี ก็ลักษณะที่เห็นตามฝาผนังวัดนั่นแหละ อ่า...ได้เห็นงานขรัวอินโข่งด้วยย ตอนแรกนึกว่าฝีมือฝรั่งนะเนี่ย แล้วก้มีภาพพระบฏด้วย งามมากๆๆๆ ไม่รู้ว่าถูกซ่อมมาหรือยังแต่สภาพยังค่อนข้างดีมาก สียังชัดเจนอยู่เลย
เดินลงมาข้างล่าง เริ่มงงแล้วว่าจะไปไหนต่อดีวะ
Create Date : 03 มิถุนายน 2549
Last Update : 3 มิถุนายน 2549 20:09:50 น.
12 comments
Counter : 386 Pageviews.
Share
Tweet
โกรธๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ง่า โง่อีกแล้ววว พิมพ์ไปตั้งเยอะจะจบแล้วววววไปทำอีท่าไหนไม่รู้หายหมดเลย ง่าๆๆๆๆๆๆ...................
เดี๋ยวอารมณ์ดีแล้วค่อยมาต่อ
โดย: ก้า (
kakaman
) วันที่: 3 มิถุนายน 2549 เวลา:20:11:15 น.
เวร ...
ยาวก็ยาว ยังขาดอีก แถมรั่วนั่งรถเมล์ผิดสายอีก
... คิดเหมือนกันเลยว่ะ ว่าอยากเข้ามาก แต่ไม่ได้เข้าซักที
จนวันนั้น ที่ไอ้ปุ๊ยบอกว่า งานมันได้โชว์ที่นี่ ก็เลยได้เข้าไป
เข้าครั้งแรก ... ตอนปี 4 ... หวังว่าจะได้ไปชมอีก
โดย: ถวิลหา IP: 203.113.37.7 วันที่: 3 มิถุนายน 2549 เวลา:23:41:01 น.
เหมือนกันเลย ไม่เคยรู้เลยว่าอยู่ตรงไหน
จนปุ๊ยบอกว่างานได้โชว์ที่นี่ ก็เลยได้เข้าไป
เข้าครั้งแรก ... ตอนปี 4 ... หวังว่าจะได้ไปชมอีก
เอ๊ะ ทำไมประโยคคุ้นๆ 666 อ้าว...ก็ไปพร้อมกันนี่นา
โดย: KajuakungGunso IP: 58.136.64.105 วันที่: 4 มิถุนายน 2549 เวลา:11:31:54 น.
แม๊ ... เหมือนกันเดี๊ยะเลย
โดย:
ถวิลหา
วันที่: 4 มิถุนายน 2549 เวลา:14:32:01 น.
ก้าแม่งบรรยายซะกูนึกว่ากำลังอ่าน ดาวินชี เวอร์ชั่นไทย
อยากไปมั่งง่ะ กูไม่กล้าไปคนเดียวแน่ๆ
โดย: tanlek IP: 161.200.255.164 วันที่: 4 มิถุนายน 2549 เวลา:15:28:07 น.
อ่ะต่อๆๆๆๆๆ สุดท้ายก็ไม่รู้ไปทางไหน พอดี ใต้บันไดมันเหมือนมีทางเชื่อมไปไหนต่อก็เลยเดินแว่บเข้า ไป.....โง่อีกแล้ว เห็นๆๆอยู่ว่ามันมืดยังจะเดินเข้าไปอีก ทางตันเจ้าค่ะ หุๆๆๆ
ออกมาก็เลยย เข้าไปดูซอกตรงที่เจ้าหน้าที่ยืนอยู่ดีกว่า
เขาสายตาแบบน่ากลัวหวะ เหมือนกำลังจ้องจับผิดอยู่ 5555 เราชักรู้สึกว่าเป็นนางเอกเรื่องปราสาทมืด
แบบว่ามันดูลึกลับซับซ้อนมากเลยหวะ
แต่พอเดินเข้าไปก็เจอห้องแสดงงานที่นี้ค่อยเห็นแนวทางในการเดินต่อหน่อยเพราะส่วนแสดงงานมันมาอยู่ฝั่งนี้หมด
ห้องแรกๆจะเป็นประติมากรรมซะส่วนใหญ่ รุ่นประมาณ 50-60 ปีก่อน ที่คุ้นๆหน่อยก็น่าจะเป็นขลุ่ยทิพย์ ของ อ.เขียน ยิ้มศิริ (งานของอ.เขียน จัดแสดงในหอศิลป์เยอะมาก)
บรรยากาศพอๆกับห้องภาพเขียนราชวงศ์เมื้อกี้เลย ทึมๆ แสงสลัวๆ เหมือนรูปปั้นมีชีวิต แถมเดินมา 3 ห้องนี้ไม่มีคนเลย..........
ก็เลยจ้ำๆๆเดินออกมาจากโซนอันตรายนั้นโดยด่วน จะชื่นชมผลงานบางอันเท่านั้นที่ชอบ นอกนั้นก็มองผ่านๆ
โซนต่อไปเป็นห้องโถงติดๆกัน 5-6 ห้อง มีประตูโค้งเป้นระเบียงยาวตลอด ห้องแสดงงานแถวนี้ค่อยดูน่าเดินหน่อยเพราะใช้ไฟที่สว่างขึ้น ให้ความรู้สึกเป็นปัจจุบันขึ้นมาหน่อย ผลงานส่วนใหญ่ก็เป็นจิตรกรรมและประติมากรรมที่ไล่ตามยุคลงมาเรื่อยๆจนถึงปัจจุบัน (แต่ก็จัดว่าเก่าอยู่เหมือนกัน ประมาณ10 ปีได้)
ตรงนี้มีคนเข้าชมพอสมควร ประมาณ 10 คนได้ เลยรู้สึกว่าไม่ได้เดินอยู่คนเดียว
*** แต่ระบบระบายอากาศที่นี่แย่มาก เดินนานๆแล้วหายใจไม่ค่อยออก อากาศไม่ถ่ายเทเลย ผสมกับกลิ่นเก่าๆอาจจะทำให้จุกอกตายได้
-----
ล้อเล่น แต่ก็อย่างว่า วังเก่าจะไปจัดการกับอะไรได้มากกว่านี้หละ นอกจากจะย้ายไปอยู่ที่ใหม่
ส่วน 2 ห้องสุดท้ายเป็นจิตรกรรมฝาผนังเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจตั้งแต่ร.4-ร.9 ส่วนใหญ่เน้นในหลวงองค์ปัจจุบันเพราะเขียนเนื่องในโอกาสครองราชย์ครบ 50 ปี
สวยมากเน้นการวาดแบบเหมือนจริง แต่การจัดภาพยังเป็นแบบไทยประเพณีอยู่ เหมือนที่เห็นในโบสถ์อ่ะแหละ แต่เป็นภาพถ่ายลงผ้าใบนะ แต่ก็ชัดเจนดี ถามเจ้าหน้าที่ว่าโบสถ์นี้อยู่ที่ไหนเขาบอกว่า อยู่ในพระราชวังชั้นกลาง เราเข้าไปไม่ได้
..........ว่าแล้วก็เลยเดินออกมา .......
ว้าวมีสนามหญ้าด้วย รอบๆสนามหญ้ามีงานประติมากรรมอยู่รอบๆ ส่วนมากก็เป็นประติมากรรมร่วมสมัย
แต่ที่แปลกใจก็คือตรงกลางสนามมีสิ่งก่อสร้าง เหมือนหออะไรสักอย่าง ถ้าไม่มองไปถึงด้านบน ขาที่ตั้งอยู่ทั้งสีนี่ดูเผินๆเหมือนส่วนฐานของหอไอเฟลเลย
แต่พอเงยขึ้นไปด้านบนไหงเหมือนแท้งค์น้ำซะงั้นนะ แต่ก็แปลกดี
***
ส่วนสุดท้ายเป็นอาคารเหมือนโรงยิม ค่อนข้างโปร่ง มีประติมากรรมตั้งอยู่ภายใน ก็เลยเดินเข้าไปดู
***ชอบส่วนนี้ที่สุดเพราะมันค่อนข้างดปร่งแล้วก็เป้นประติมากรรมยุคปัจจุบันที่น่าสนใจหลายชิ้น มีทั้งเซรามิก โลหะ ปูนปั้น ....แต่ก็ไม่ได้มีมากนักเพราะพื้นที่จำกัด แต่ว่างานแต่ละชิ้นโดนใจทั้งนั้น
ว่าแล้วก็เลยเดินอยู่ในนี้นานหน่อย
................เดินออกมาแล้วก็ยังรู้สึกว่า ทำไมคนน้อยจังวะ เดินจะทั่วแล้ว ยังเจอคนไม่ถึง 20 คนเลย(รวมเจ้าหน้าที่แล้วนะ)
มองไปยังอาคารฝั่งตรงข้ามเห็นมีบุรุษผมยาว เซอร์ๆ 2คนยืนอยู่หน้าประตู เหมือนมีงานอะไรสักอย่างแสดงอยู่ แต่ก็เอะใจว่า ทำไมห้องแสดงงานไม่เห็นติดป้ายอะไรเลยวะ แต่กลับมีป้ายเขียนว่า "สุขา" ตัวเบ้อเร้อ
........แต่ก็อยากรู้อ่ะ ก็เลยเดินเข้าไปดูวะหน่อยย
*** อ่ามีงานจริงๆด้วย แต่......... ทำไมมันมืดอย่างนี้ ประหยัดไฟอะไรนักหนา ทั้งห้องมีไฟไม่ถึง 10 ดวงมั้ง อ่ารายกัน
พอดูรายละเอียดของงานแล้ว เป็นงานแสดงผลงงานของศิลปินหลายๆคนเกี่ยวกับในหลวง ซึ่งบริษัทเกี่ยวกับเครื่องเขียนแห่งหนึ่งเป็นผู้จัด แต่ทำไมมันประหยัดงบอย่างนี้
ก้เลยรีบๆเดินออกมาเพราะนอกจากจะหงุดหงิดจากความมืดแล้ว งานยังไม่ค่อยน่าสนใจด้วย
..............เริ่มจะเย็นแล้วแล้วก้ไม่รู้จะไปทางไหนต่อ ก็เดินมั่วนี่ แผนผังอะไรไม่ได้ดูทั้งนั้นแหละ ก็เลยเดินออกมา ก็เจอทางเข้าซึ่งเป็นด้านหน้าของหอสิลป์ที่เข้ามาตั้งแต่แรก เกือบเดินออกไปแล้ว แต่ก็นึกได้ว่า เอ๊ะ...ลืมอะไรหรือเปล่า
ก็เลยหันมายิ้มกับเจ้าหน้าที่ที่เคาท์เตอร์พี่เขาก็ส่งตังค์ทองาให้ 90 บาท นึกในใจว่าเกือบไม่ได้กลับบ้านแล้ววว เพราะในกระเป๋าไม่มีตังสักบาท
..........พอเดินออกมาก็ไม่รุ้จะไปไหนต่อ ถ้าจะนั่งรถเมลล์กลับบ้านก็ต้องเดินวกกลับไปทางสนามหลวง
ทีนี้ก็เลยเดินตรงไปทางบางลำพู ....... เดินเล่นๆ กินฝรั่ง กินญี่ปุ่นไปเรื่อย ไม่ได้ซื้ออะไรเลยนอกจากน้ำเปล่า (เหลือเงินไม่กี่บาทเอง)
จะให้เดินกลับไปสนามหลวงก็ไม่ไหวแล้วเพราะเดินๆๆๆๆๆมาตั้งแต่มหาลัย เดินๆๆๆวนไปวนมาในมาบุญครอง เดินๆๆๆจากหน้าศิลปากรมาหอศิลป์ แล้วพอออกจากหอศิลป์ก็เดินๆๆๆมาบางลำพู *** เลยขอนั่งรถมาดีกว่า
ดังนั้นเงิน 90 บาทก้อนสุดท้ายจึงเหลือเป็นค่าเดินทางทั้งหมด แล้ววันนั้นอากาศอบอ้าวววว ขาก็ชักเจ็บแล้วว ขึ้นยูโรกลับบ้านแล้วกันวะ
**** สุดท้ายก็ขึ้นปอ.80กลับบ้าน 22 บาท ถึงหนองแขม ต่อกระป๋อง 5 บาท มอไซต์ 20 บาท กลับบ้านอย่างสบายใจ....หุๆๆๆๆๆๆๆ
โดย: ก้า IP: 58.9.95.166 วันที่: 5 มิถุนายน 2549 เวลา:16:53:48 น.
แกเห็นรูปปั้นหน้าอ้วนๆใหญ่ๆมั๊ย แถวแท้งค์น้ำน่ะ
(ให้เต้มายืนยันอีกที)
โดย: ถวิลหา IP: 124.120.149.190 วันที่: 5 มิถุนายน 2549 เวลา:18:28:56 น.
เฮ๊ยยยยยย เพิ่งสังเกต
ทำธีมเป็นของตัวเอง
Smoky Theme เจ๋งๆๆๆ ชอบๆๆๆ
โดย: ถวิลหา IP: 124.120.149.190 วันที่: 5 มิถุนายน 2549 เวลา:18:30:32 น.
1. ยืนยันจนเม่อยละ...ขอนอนยันบ้างไม่ได้เหรอ
2. Theme Graphic ด้านบนสวยดี ชอบมากมาก
3. ห้องน้ำชายหอศิลป์น่ากลัวมากมากด้วย!!!
โดย: KajuakungGunso IP: 58.136.65.80 วันที่: 5 มิถุนายน 2549 เวลา:20:00:24 น.
จำมะด้ายมันมีอะไรตั้งเต็มเลยยอ่ะ เข้าไปตั้งใจดูในอาคารโรงยิมมากกว่า
--สำหรับtheme มันทะแม่งๆกะอันเก่ามาหลายวันแล้ว เมื่อวานลองเล่น corel drawดู แต่ก็ไปไม่รอด สุดท้ายก็ต้องมาลงกะillust+photoshop เหอๆๆๆๆๆๆ ขอบคุณที่ชอบค่ะ
** อ่าช่ายย โซนห้องน้ำแม่งโคตรน่ากลัว มืดๆๆ ทึมๆ ไม่มีคนเล้ยยย
โดย: kaka IP: 58.9.102.198 วันที่: 5 มิถุนายน 2549 เวลา:21:01:34 น.
เอาใหม่ๆๆ เรียบเรียงผิด
สำหรับtheme อันเก่ามันดูทะแม่งๆ นั่งมองมาหลายวันแล้ว
โดย: ก้า IP: 58.9.102.198 วันที่: 5 มิถุนายน 2549 เวลา:22:49:03 น.
--------->กำลังใจเจ้าค่ะ<-----------
โดย:
กลกาล
วันที่: 20 สิงหาคม 2549 เวลา:20:59:51 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
kakaman
Location :
สมุทรสาคร Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [
?
]
groove
Friends' blogs
Doraemyung
ถวิลหา
รำเพย
tanlek
"ผมอยู่ข้างหลังคุณ"
KajuakungWahaha
Qooma
ชาเขียว
ไม้38
หมีเซอะ
รู้สึกแปลก
tpipe
blueberry_nap
ประมุขขวัญ
Granchio
merveillesxx
Tyler Durden is my religion
Webmaster - BlogGang
[Add kakaman's blog to your web]
Links
BlogGang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.
ง่า โง่อีกแล้ววว พิมพ์ไปตั้งเยอะจะจบแล้วววววไปทำอีท่าไหนไม่รู้หายหมดเลย ง่าๆๆๆๆๆๆ...................
เดี๋ยวอารมณ์ดีแล้วค่อยมาต่อ