My sweet home; Blog เล็กๆของคนรักบ้าน
Group Blog
 
 
มกราคม 2552
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
15 มกราคม 2552
 
All Blogs
 
ลำพูน ต้นสุดท้ายที่บางลำพู

ลำพูน ต้นสุดท้ายที่บางลำพู
“ยืนหยัดโดดเดี่ยวที่ริมฝั่งน้ำ
คล่ำคาอยู่อีกได้หลายฝน
ไม่ท้อแท้อ่อนไหวหรือทุกข์ทน
ดิ้นรนให้ร่มเงาเหล่านกกา
“ลำพู บางลำพู”พรายพรอย
ด้วยหิ่งห้อยร้อยระยับจับเวหา
ยิ่งมืดยิ่งเด่นกลางพนา
หมู่นกกาอาศัยพิงพักหลับนอน”
จิตาคงคิดว่าตัวเองอยู่คนเดียวแน่ๆถ้าไม่มีเสียงกลอนแปดเอ่ยขึ้น หล่อนเห็นขาแล้ว-ผู้ชายคนหนึ่งที่อยู่ในเงาทึบของต้นลำพูน ที่นี่คือริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณสำนักงานกลางน้ำตาลกรมโรงงานอุตสาหกรรม ใกล้กับป้อมพระสุเมรุ ถ้าเดินตามถนนพระสุเมรุจากหน้าห้างนิวเวิลด์ ด้านซ้ายจะเป็นกรมโรงงานอุตสาหกรรม ผ่านหน้าห้าง “ต.เง็กชวน”ซึ่งเป็นห้างแผ่นเสียงใหญ่ระดับแนวหน้าเมื่อ 30-50 ปีที่แล้วหรือยุคแผ่นครั่ง เทียบกับสมัยนี้ก็คือแกรมมี่นั่นเอง
ชายผู้นี้สวมเสื้อเชิ้ตสีเทา กางเกงดำสนิท ท่าทางเหม่อลอยดูสายน้ำเจ้าพระยาที่ยังไหลจากเหนือไปสู่ใต้ตามหน้าที่ของมัน แสงสลัวที่เป็นแดดสุดท้ายกระทบขอบเรือนนาฬิกาข้อมือเป็น แสงสะท้อนเข้าตา จนจิตาต้องป้องเเสงเมื่อเพ่งพินิจดูไปคล้ายคนที่มีปัญหา จิตาเดินก้าวเข้าไปไปใกล้อีกก้าวเสียงเม็ดกรวดที่จะทบรองเท้าทำให้เขาหันมา จิตารู้สึกว่า”แปลก”ไม่ใช่หน้าตาของเขาแต่เป็นสายตาของเขา เธอจึงเอ่ยทักเพื่อทำให้ความเงียบที่เยือกเย็นสลายตัว
“สวัสดีค่ะ”จิตายิ้มเล็กน้อยเพื่อให้สถานการณ์ดีขึ้น
เขาเผยอยิ้มที่มุมปากนิดหนึ่งก่อนตอบเป็นรอยยิ้มที่ดูจะไม่ตั้งใจนัก
“ที่นี่คือลำพูต้นสุดท้าย”เป็นคำพูดที่เหมือนมีอะไรแฝง
“ค่ะ”หล่อนรู้จากหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งและมาที่นี่เพื่อชมลำพูต้นสุดท้ายของบางลำพู
“เขาบอกว่าลำพูกับหิ่งห้อยเป็นของคู่กัน ในคืนที่มืดมิดในขณะที่นภาแจ่มจรัสด้วยแสงดาว แต่ต้นลำพูนก็มีแสงระยับให้อิจฉา สุนทรภู่กล่าวในนิราศสุพรรณว่า
ลำภูดูหิ่งห้อย พรอยพราย
เหมือนเม็ดเพชรรัตราย รอบก้อย ”
“ค่ะ ในขณะที่นิราศพระประฐมเขียนว่า
บางขุนนนท์ต้นลำพูดูหิ่งห้อย เหมือนเพชรพร้อยพรอยพร่างสว่างไสว”จิตาก้าวไปยืนอยู่ไม่ห่างเขานัก เสียงกลอนของเธอ ทำให้เขาหันมาจ้องมองเธอด้วยความแปลกใจ
“คุณก็มีความรู้ของกลอนไม่น้อย”
“สนใจค่ะ สนใจมากกว่า ฉันชื่อจิตาค่ะฉันเป็นครูภาษาไทยที่สอนอยู่ในโรงเรียน….”เธอเอ่ยชื่อโรงเรียน โรงเรียนแห่งหนึ่งในย่านนั้น ชุดของจิตานั้นก็บ่งบอกความเป็นครูได้ชัดเจน เสื้อสีขาวบริสุทธิ์ กับกระโปรงยาวที่ดำสนิท ผมที่เกล้ามวยเผยอให้เห็นวงหน้าสีขาวนวล หน้าอ่อนๆแต่งแต้มสีแค่จากๆ แสงแดด และอากาศเลียสีที่แต่งแต้มไปเกือบหมด แต่แม้ไม่แต่งเธอจัดอยู่ในประเภทคนสวย คนสวยสวยใสที่ใบหน้า ทำให้สุภาษิตที่ว่าไก่งามเพราะขนคนงามเพราะแต่งนั้นใช่ไม่ได้
“ผมก็เหมือนลำพูนต้นสุดท้าย”เขาเอ่ยขึ้นแต่สายตาทอดไปไกลสุดความเวิ้งว้างของลำน้ำ “ ลำพูชีวิตของไม้เนื้ออ่อนที่ประโยชน์สารพัดแต่เมื่อถึงเวลาวันนี้ก็ต้องจากลาไปชีวิตก็เท่านี้มีเกิดมีดับ”เขาพูดเมื่อปลงกับสังขารที่ไม่เที่ยงของต้นลำพูนแต่เรื่องราวนี้เป็นแค่การเกริ่นนำยังมีอะไรอยู่บังหลังความรู้สึกอีกมากมาย
“ผมเป็นนักเทคนิคการแพทย์คนหนึ่งที่มีอาชีพเพื่อรับใช้ประชาชน อาชีพหนึ่งที่สุจริตและมีความรู้ หลังจากที่ผมเรียนจบ ผมได้งานทำในทันที และผมเลือกทำงานที่โรงพยาบาลรัฐเป็นพวกที่ปิดทองหลังพระ ผมไม่เคยคิดว่าพวกปิดทองหลังพระเป็นยังไงเพราะผมไม่เคยเสียใจที่ทำอาชีพนี้ ผมไม่เสียใจที่ผมไม่ได้เป็นหมอที่สามารถหาเงินทองได้มากมากมาย ในวันหนึ่งผมต้องวิเคราะห์เพื่อวิเคราะห์ ตรวจหาเชื้อโรค นานาชนิดและหนึ่งในโรคนั้นคือโรคเอดส์ในทุกๆวันผมทำด้วยความระมัดระวัง ระยะเวลา 15 ปีเป็นเวลาไม่น้อย แต่ความผิดพลาดนั้นเกิดขึ้นได้ มันเป็นอุบัติเหตุจากการวิเคราะห์ ไม่ได้เกิดจากการสำส่อนทางเพศหรือการติดยา”เขาหยุดเพื่อถอนหายใจมาก ความเครียดทำให้ใบหน้าเขาอิดโรยและอ่อนล้า
“ในที่สุดผมเป็นเอดส์”เสียงเขาพูด “ในที่สุดผมก็เหมือนลำพูต้นสุดท้ายที่รอเวลาการจากไป”
“สายตาที่คนรอบข้างมองผมเหมือนผมทำความผิดอย่างรุนแรง ความภาคภูมิใจเปลี่ยนเป็นความท้อแท้ ผมสงสารแต่แม่ที่ผมไม่อาจดูแลได้ตลอดชีวิต” คำพูดของเขาเหมือนสิ้นแล้วกำลังใจที่จะอยู่ต่อ
“ไม่หรอกค่ะ คุณรู้มั๊ยค่ะ ต้นลำพูนั้นมีความสำคัญเพียงใด เปลือกมีแทนนินซึ่งเอามาทำหมึก ยาและสี ดอกลำพูใช้เป็นผักจิ้ม รากใช้ผสมยากินแก้ไข้ คุณคิดว่าคุณไม่มีคุณค่าแล้วหรือค่ะ ไม่หรอกค่ะ ความฟุ้งซ่านทำให้คุณประโยชน์ของตัวเองลืมเลือน คุณยังเป็นนักเทคนิคการแพทย์ที่มีความรู้และความสามารถเช่นเดิมไม่มีใครสามารถทำให้คุณค่าในตัวคุณลดลงได้นอกจากตัวเอง เพชรแม้อยู่ในตมก็ยังเป็นเพชรค่ะ มองกลับมาในวันแรกที่คุณจบมาแล้วทำงานซิค่ะ คุณจะได้เห็นชัยชนะที่อยู่เบื้องหลัง ความเจ็บป่วย คุณเป็นคนที่ทำให้คนไข้เอดส์ได้รู้ตัวและสามารถยืดเวลาของเขาให้ยาวนานออกไป คุณมีคุณค่าค่ะ คุณมีคุณค่านะคะ”จิตามองสายตาที่เขาหลุบก้มต่ำก่อนที่จะเบนไปอย่างไร้จุดหมาย แววตาของเขาระริกไหวราวกับว่ามีน้ำตาคลอน้อยๆ เธอจึงพูดความจริงที่เธอสัมผัสได้จากเขา เธอรู้สึกเห็นใจและสงสารเขานัก
“ทางเดินบนเส้นทางชีวิตแม้จะต้องล้มลุกคลุกคลานอย่างไร เราก็ต้องลุกค่ะลุกเพื่อเริ่มต้นใหม่ ลองหามุมมองใหม่ในการดำรงชีวิตซิค่ะ อยู่เพื่อคนอื่นค่ะ อยู่เพื่อแม่ เพื่อประชาชน คุณไม่ได้แพ้หรือผิดพลาด คุณกำลังอยู่ในโลกใบใหม่ใบหนึ่ง และกำลังเรียนรู้การแก้ปัญหา ออกกำลังกายทำจิตใจและเข้มแข็งและเเข็งแกร่งค่ะ โรคร้ายจะได้ไม่มีโอกาสที่จะทำอันตรายคุณได้ “
“คุณทำให้ผมเหมือนกับเป็นเด็กนักเรียนตัวเล็กๆอีกครั้งที่ต้องการกำลังใจและความเห็นใจ”
“ไม่หรอกค่ะ ฉันว่าใครที่ตกอยู่ในภาวะนี่ก็มีสิทธิ์คิดอย่างคุณได้เหมือนกัน ถ้าเป็นฉันยังไม่แน่ใจว่าจะหาทางออกโดยวิธีไหน” จิตายิ้มให้เขา
และเขาก็รู้สึกมีกำลังใจมากขึ้น ….
“คุยกับคุณตั้งนาน ผมยังไม่ได้บอกชื่อคุณเลย ผม..ณัฐดนัยครับ”เขาแนะนำท่าทางเหมือนผ่อนคลายขึ้น
“ค่ะยินดีที่ได้รู้จัก ดูเหมือนว่าเราจะคุยกันนานจนจันทร์กระจ่างฟ้าแล้วตอนนี้”จิตามองดูแลจันทร์ที่เคลื่อนตัวเข้ากลีบเมฆ และจู่ๆเสียงหมาหอนก็ทำให้เสียวสันหัน แต่ความรู้สึกอุ่นใจยังคงมีอยู่เพราะหล่อนไม่ได้อยู่คนเดียว
“ครับ เราเดินไปคุยไปดีกว่าเดี๋ยวจะดึกเกินไปกลับดึกไม่สะดวกจะครับ”เขาชวนเมื่อพลิกนาฬิกาแล้วค่ำเกินกว่าผู้หญิงจะอยู่คนเดียว
จิตาเดินตามเขาออกมา อดจะเหลียวมองลำพูนที่มีขนาดใหญ่ที่มีความกว้างรอบต้น 15 ฟุตไม่ได้ ทางเดินที่จะออกไปเป็นอาคารไม้ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางไฟสลัวผู้คนแถบจะเรียกได้เลยว่าไม่มี สุนัขบางตัวก็เพ่นพ่านและเห่าอย่างไม่มีเหตุผลราวจะเห็นอะไรสักอย่าง แต่ในใจของเธอนั้นทั้งอิ่มทั้งอุ่น
“ขอบคุณครับ ขอบคุณทุกอย่างมจะไม่ลืมวันนี้เลย”
เธออำลาเขาที่มุมถนน เขาจากลาด้วยท่าทีที่สบายใจ เธอเดินไปในทิศตรงข้ามกับเขาแต่ทันในในเวลาถัดไป 2-3 นาทีเสียงชุนมุนก็ดังขึ้น
บางทีเขาอาจมาที่นี่เพื่อฆ่าตัวตาย และเสียงหมาหอนนั้นก็หมายความว่า….
สมองเธอสั่งให้เท้านั้นวิ่ง เพื่อไปดูที่มาของเสียง
ร่างนั้นอาบเลือด..แต่เขายังเห็นเธอและพูดว่า”จิตาผมขอบคุณน่ะ”ร่างของเขาถูกยกขึ้นโรงพยาบาล เธอขึ้นไปเป็นเพื่อนกับเขาด้วย เขายังพูดและขอบคุณเธอไม่หยุด คุณณัฐดนัยค่ะ คำกลอนนี่ฉันให้คุณค่ะ เธอให้กระดาษใบหนึ่งกับเขาและสอดใส่ในกระเป๋าเสื้อเชิ้ต
“คุณต้องไม่เป็นอะไรค่ะ ฉันจะเป็นกำลังใจให้เสมอ” จิตามองหน้าเขาไม่ห่างเขาจะจดจำชื่อนี่ตลอดชีวิต
ทันใดนั้นสติสัมปชัญญะของเขาก็สูญสิ้น
เขาตื่นขึ้นมาพร้อมสมองที่ว่างโล่ง ห้องสีขาวกลิ่นที่เขาคุ้นเคยทำให้เขาตื่นขึ้นมา เขาไม่รู้สึกเจ็บอะไรมากมายนัก แผลที่ถูกเย็บมันทำให้เขารู้สึกตึงๆเล็กน้อยเท่านั้น เขาลุกขึ้น และคิดถึงจิตาในทันที่ แม่พิมพ์ของชาติใบหน้าที่อาบอิ่มไปด้วยความเข้าใจและเห็นใจ เขาคงไปหาจิตาในไม่ช้าเขารู้ชื่อโรงเรียนของหล่อน

เสาธงสูงที่ตั้งตระหง่าน เขายิ้มให้กับตัวเองก่อนเดินก้าวเข้าไปในเขตที่มีเด็กนักเรียนสนุกสนานเฮฮา บ้างเตะฟุตบอล บ้างเล่นบาสเก็ตบอล เขามีมุมมองของโลกนี้ใหม่เพราะจิตา เสียงเด็กสนุกสนานเฮฮา ทำให้เขานึกถึงภาพของจิตาขณะเป็นคุณครู
“ขอพบคุณครูจิตา ครับ “
“จิตาหรือค่ะ” หญิงวัยกลางคนมองหน้าแปลกๆ ก่อนที่จะตอบในสิ่งที่เขาอดตกใจไม่ได้
“ครูจิตาเธอเสียแล้วครับ ตั้งแต่วันอาทิตย์”สิ่งที่ได้ยินเขาอดตกใจไม่ได้ วันอาทิตย์เป็นไปไม่ได้เขาพบกับจิตาวันจันทร์ วันจันทร์ที่เขาไปที่ลำพูต้นสุดท้ายหมายจะฆ่าตัวตาย
“ครูจิตาเธอเป็นโรคหัวใจและเมื่ออาทิตย์ที่แล้วโรคหัวใจเธอกำเริบทำให้เธอหัวใจวายตาย”
ณัฐดนัยเดินออกมาด้วยความผิดหวังอารมณ์ หลายอย่างคลุกเคล้าเธอมาปรากฏร่างเพื่อห้ามเขาไม่ให้ฆ่าตัวตาย

สายลมโบกโศกใจให้โหยไห้
หวั่นไหวระทึกกับเบื้องหน้า
ต้นสุดท้ายแล้วหรือลำพูจ๋า
ต้องอำลาลับไกลนะลำพูน

วันที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2545




Create Date : 15 มกราคม 2552
Last Update : 15 มกราคม 2552 21:23:20 น. 0 comments
Counter : 231 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

kaewmahidol
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




อยากมีเพื่อนร่วมทางค่ะ
เพื่อนแต่งบ้าน

เพื่อนอ่านนิยาย-เรื่องสั้น
เพื่อนเล่นโปรแกรมคอม
เพื่อนเล่นเวป
เป็นเพื่อนกันนะคะ
Friends' blogs
[Add kaewmahidol's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.